ตอนที่แล้วบทที่ 6 การค้นพบสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 หินตรึงวิญญาณ

บทที่ 7 เช่าบ้านผีสิง


เมื่อมาถึงเมืองเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุด ฟางเสิ่นก็ทิ้งรถตู้ไว้แล้วซื้อตั๋วรถกลับไปยังเมืองหมิงจู เมืองหลวงของมณฑลหลินไห่ทันที

ฟางเสิ่นโทรหาเซี่ยหย่าซวีเพื่อบอกข่าวว่าเขาปลอดภัย พร้อมกับสอบถามความคืบหน้าของเว็บไซต์ประมูล

“นายยังกล้าพูดอีกเหรอ” ปลายสายเซี่ยหย่าซวีถึงกับกลอกตามองบน ฟางเสิ่นหายตัวไปกว่าหนึ่งเดือน แถมติดต่อไม่ได้เลย พวกเธอกับม่อฉงที่ช่วยกันออกแบบเว็บไซต์ต้องเจอปัญหาแต่ก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร คราวนี้พอได้คุยกับฟางเสิ่นสักที เซี่ยหย่าซวีก็ถามเขารัวๆ หลายคำถาม

ฟางเสิ่นตอบคำถามของเธอทุกข้อ ที่จริงเว็บไซต์ก็ทำเสร็จไปเกือบหมดแล้ว เซี่ยหย่าซวีรับปากว่าวันพรุ่งนี้ฟางเสิ่นจะได้เห็นเว็บไซต์ประมูลที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน

“ลำบากพวกเธอมาก ไว้คราวหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เลย” เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณอะไรมากมาย ฟางเสิ่นวางสายไป แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องหาที่พักอีกครั้ง

ถึงเซี่ยหย่าซวีจะพยายามช่วย แต่สุดท้ายเขาก็ถูกมหาวิทยาลัยหลินไห่ไล่ออกจนได้ เรื่องนี้ต้องมีหลินจือหรงอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ฟางเสิ่นไม่ได้รีบร้อน เขาจะคิดบัญชีนี้กับหลินจือหรงในคราวเดียวเมื่อถึงเวลา

หอพักในมหาวิทยาลัยก็กลับไปไม่ได้ บ้านที่เคยมีก็ถูกยึดไปหมดแล้ว ตอนนี้ฟางเสิ่นจึงไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง สิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นคือหาที่พักสักแห่ง แล้วค่อยๆ เริ่มดำเนินแผนการของตัวเอง

เมื่อเขาเดินเข้าไปในบริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังแหลมขึ้นมาทันที

เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวอายุราวๆ 18-19 ปี ดูเหมือนนักศึกษาสาวที่มีหน้าตาน่ารักมาก ยิ่งกว่าหน้าตาของเซี่ยหย่าซวีเสียอีก รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนสะอาดสะอ้าน มีเป้ใบเล็กน่ารักสะพายอยู่บนหลัง แต่ใบหน้ากลับแสดงออกถึงความลังเลและหวาดกลัว

ฟางเสิ่นมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอจะสวยมากจนทำให้เขาสนใจ แต่เขารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

เมื่อคนในห้องโถงต่างหันมามองเธอ หญิงสาวก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอดึงตัวพนักงานต้อนรับมากระซิบถามเบาๆ ว่า “จริงเหรอ? ฉันโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยได้ยินเลยนะ แบบนั้นมันมีอยู่จริงๆ เหรอ?”

พนักงานต้อนรับพยักหน้า “ลองคิดดูสิ ถ้าไม่มีเรื่องผีสิง บ้านหลังนี้จะให้เช่าในราคาถูกขนาดนี้ได้ยังไง” เธอก็อึดอัดใจเช่นกัน อาชีพของพวกเธอไม่มีทางปฏิเสธลูกค้าได้อยู่แล้ว แค่ไม่เติมแต่งเรื่องจนเกินจริงก็ดีมากแล้ว จะให้มานั่งขู่ลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่อง แต่เจ้าของบ้านได้แจ้งเอาไว้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่า จะต้องบอกผู้เช่าถึงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เธอเองก็เคยลองปิดบังเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่พอผู้เช่าย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นานก็มีคนถูกผีหลอกจนชักน้ำลายฟูมปากหมดสติคาบ้าน ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวก็โวยวายว่าถูกหลอกเช่าบ้าน เจรจาเรียกค่าเสียหายทั้งค่ารักษาและค่าชดเชยความเสียหายทางจิตใจ จนบริษัทปวดหัวไปหมด

เพราะเจ้าของบ้านได้แจ้งเงื่อนไขนี้ตั้งแต่แรก ความรับผิดชอบทั้งหมดจึงตกอยู่ที่บริษัทเช่าบ้าน แค่เจอเรื่องนี้ไม่กี่ครั้งก็ไม่มีใครอยากทำธุรกิจขาดทุนแบบนี้อีกแล้ว ทุกครั้งก่อนที่จะตกลงให้เช่า พวกเธอจึงต้องบอกเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน

หญิงสาวทำหน้าลำบากใจ เธอชอบบ้านหลังนี้มากจริงๆ แถมค่าเช่าก็ถูกเหลือเชื่อ คราวนี้เธอโกรธครอบครัวจนหนีออกมาจากบ้าน เงินติดตัวก็ไม่มาก พอเห็นบ้านหลังนี้ก็รู้สึกถูกใจทันที แต่พนักงานต้อนรับกลับพูดเรื่องน่ากลัวจนทำให้เธอเริ่มลังเลขึ้นมา

ฟางเสิ่นเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหยิบเอกสารบ้านหลังนั้นมาดู แล้วตาเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที

บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น ทำเลดี ทิวทัศน์รอบๆ สวยงาม แถมยังมีสวนเล็กๆ หน้าบ้านอีกด้วย แค่เห็นก็ถูกใจทันที โดยเฉพาะเมื่อดูจากรูปถ่ายภายในและภายนอกบ้านที่มีให้ดูนั้น ยิ่งทำให้เขาพอใจมาก เขาไม่ใช่คนที่ลำบากมากนัก เมื่อก่อนตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ บ้านที่เขาอยู่ดีกว่าบ้านหลังนี้ตั้งหลายเท่า ถ้าได้อยู่สบายๆ สักหน่อยก็คงดีไม่น้อย

และที่สำคัญค่าเช่าบ้านถูกมาก แค่ 1,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น เรียกได้ว่าแทบจะให้ฟรีกันเลยทีเดียว ตอนนี้ฟางเสิ่นมีเงินอยู่ไม่มาก ค่าเช่าราคานี้พอดีกับที่เขาพอจะจ่ายไหว

ส่วนเรื่องผีสิง ฟางเสิ่นไม่ได้ใส่ใจนัก เขาเองก็เป็นผู้ฝึกตน พอใช้ดวงตาสวรรค์มองก็จะรู้ทันทีว่ามีผีอยู่จริงไหม และสภาพของโลกตอนนี้ก็แทบจะไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้ผีหรือวิญญาณอยู่ได้

“ผมต้องการเช่าบ้านหลังนี้” ฟางเสิ่นบอกกับพนักงานต้อนรับ

“นี่ คุณ! ฉันมาดูก่อนนะ” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ แต่ก็แค่บ่นพึมพำเท่านั้น ถ้าจะให้เธอไปอยู่คนเดียวจริงๆ เธอก็ไม่กล้าอยู่ดี

“คุณผู้ชาย บ้านหลังนี้เป็นบ้านผีสิง มีหลายคนเช่าแล้วก็ถูกผีหลอกจนต้องเข้าโรงพยาบาล” พนักงานต้อนรับบอกเตือนอย่างจริงจัง

“ไม่เป็นไร ผมเป็นคนกล้าอยู่แล้ว” ฟางเสิ่นยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ในเมื่อฟางเสิ่นยืนยันแบบนี้ พนักงานต้อนรับก็ไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านอีก

เมื่อเห็นว่าทั้งสองตกลงกันได้ หญิงสาวข้างๆ ก็มีสีหน้าหงุดหงิด มองดูรูปถ่ายของบ้านด้วยความเสียดายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำตาโตแล้วดึงฟางเสิ่นไว้ “นี่ นายอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ไม่รู้สึกเหงาบ้างเหรอ? เรามาอยู่กันแบบแชร์บ้านดีกว่า อย่างน้อยถ้าบ้านนี้ผีสิงจริงๆ อยู่กันสองคนก็จะได้มีเพื่อนช่วยกันเพิ่มความกล้าไง”

ฟางเสิ่นมองเธออย่างประหลาดใจ “นี่เธอไม่กลัวที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนแปลกหน้าอย่างเขาเลยหรือ?”

“อย่ามาดูถูกกันนะ ฉันเป็นนักกีฬาทีมเทควันโดของโรงเรียนเลยนะ ไอ้พวกอย่างนายฉันจัดการได้สองคนในครั้งเดียวด้วยซ้ำ” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดอย่างมั่นใจเมื่อเห็นฟางเสิ่นมองมา

ฟางเสิ่นยิ้ม เขาเริ่มสนใจข้อเสนอนี้ขึ้นมาบ้าง ตอนนี้การแชร์ค่าเช่ากับคนอื่นก็ช่วยให้เขาประหยัดขึ้น บ้านสองชั้นหลังใหญ่อยู่คนเดียวก็เหงาเกินไป เขาเองก็ไม่ได้มีความลับอะไรที่ต้องปิดบัง ไม่ขัดข้องที่จะมีรูมเมท อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

“ตกลง ชั้นบนเป็นของฉัน ชั้นล่างเป็นของเธอ” ฟางเสิ่นพยักหน้า

“ตามนั้น! ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อหลี่เหยียน” ถึงจะไม่ได้ห้องชั้นบนที่ชอบ แต่หลี่เหยียนก็ยิ้มออกมาในที่สุด เธอยื่นมือมาเพื่อทักทายฟางเสิ่น

หลี่เหยียน? เธอมาจากตระกูลหลี่งั้นเหรอ? ฟางเสิ่นคิดในใจ มือของเขาก็ยื่นออกไปจับมืออันนุ่มนิ่มของหลี่เหยียนเบาๆ

“ฉันชื่อฟางเสิ่น”

หน้าบ้านสองชั้น ตอนนี้เหลือเพียงฟางเสิ่นกับหลี่เหยียนอยู่กันตามลำพัง หลังจากพนักงานต้อนรับพาเดินดูบ้านเสร็จ เธอก็รีบเผ่นออกไปทันที เหมือนกับว่าถ้าอยู่นานกว่านี้จะถูกผีร้ายเกาะติดตัวเอาไว้ ทำให้หลี่เหยียนหน้าซีดเผือด

“ที่นี่ดูแปลกๆ จริงด้วย” ฟางเสิ่นมองบ้านตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว

แม้จะเป็นเวลาบ่ายและแดดแรงจ้า แต่หน้าบ้านกลับรู้สึกได้ถึงความเย็นวูบวาบน่าขนลุก ไม่รู้ว่าความเย็นนั้นมาจากไหน

ฟางเสิ่นเปิดใช้ดวงตาสวรรค์เพื่อกวาดมองไปทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะเวลากลางวันมีพลังหยางจากแสงอาทิตย์มากเกินไป เขาจึงไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะเก็บพลังแล้วหันไปบอกหลี่เหยียนให้เริ่มจัดบ้านกัน

ข้าวของของพวกเขาไม่เยอะ หลี่เหยียนมีกระเป๋าเดินทางอยู่ไม่กี่ใบ ส่วนฟางเสิ่นก็แทบจะมาแบบตัวเปล่า การทำความสะอาดบ้านใช้เวลาพอสมควร หลังจากทำงานหนักจนเหงื่อออก พลังเลือดในร่างกายก็หมุนเวียนอย่างดี ความรู้สึกเย็นๆ นั้นก็จางลงไปมาก หลี่เหยียนเองก็กลับมาเป็นปกติ เริ่มพูดคุยอย่างร่าเริงอีกครั้ง

หญิงสาวตรงหน้านี้ดูเหมือนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร ฟางเสิ่นจึงได้ข้อมูลบางอย่างจากการสนทนา เขาแน่ใจว่าหลี่เหยียนเป็นคนของตระกูลหลี่

ตระกูลหลี่ก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลินไห่ เมื่อเทียบกันแล้วมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลฟางเสียอีก ดูเหมือนว่าหลี่เหยียนจะมีตำแหน่งสำคัญในตระกูลไม่น้อย ฟางเสิ่นเคยพบเธอในงานเลี้ยงบางงานครั้งหนึ่ง เลยจดจำเธอได้ ส่วนตัวเขานั้น ตอนอยู่ในตระกูลฟางก็ทำตัวเงียบๆ มาโดยตลอด เป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ดังนั้นหลี่เหยียนจึงไม่คุ้นหน้าเขาและไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

ฟางเสิ่นคุยเล่นกับหลี่เหยียนไปพลาง รอจนกระทั่งความมืดเข้าปกคลุม

จบบท

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด