บทที่ 45: ช่างหาได้ยากนัก
ตามกฎของวังหลังแล้ว พระสนมทุกคนที่ร่วมหลับนอนกับฝ่าบาทในคืนวันก่อนจะต้องไปทำความเคารพและรับคำสั่งสอนของฮองเฮาในวันรุ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่อดีตฮองเฮาซึ่งเป็นแม่ขององค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์ มู่เทียนฉงก็ยังไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาใหม่
แล้ววังหลังก็ยังอยู่ในความดูแลของลี่เฟย แต่ตำแหน่งของลี่เฟยยังคงเป็นพระสนม ดังนั้นคนที่พระสนมต้องไปทำความเคารพจึงเปลี่ยนเป็นไทเฮา
หลังจากที่ซูหว่านส่งฮ่องเต้หนุ่มออกไป นางก็รีบไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายและเดินทางไปยังตำหนักฉือซิ่ง
ประสบการณ์สุดท้ายที่นางพบเจอที่ตำหนักฉือซิ่งไม่น่าพอใจนัก
หากมู่ไป๋ไป่ไม่ช่วยชะลอเวลาเอาไว้เพื่อรอให้มู่เทียนฉงมาช่วยนาง สภาพของนางตอนนั้นคงจะถึงขั้นปางตาย
และบังเอิญว่าวันนี้กว่าฝ่าบาทจะออกจากตำหนักก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ซึ่งเลยเวลาที่จะต้องคารวะน้ำชายามเช้า นางจึงรู้สึกว่าตนเองจะต้องพบเจอกับเรื่องยากลำบากอีกแน่นอน
พอหญิงสาวคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ
“หว่านผิน ช่างหาได้ยากนัก”
น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของซูหว่าน
นางจำอีกฝ่ายได้ทันที คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิงเยว่ นางกำนัลข้างกายไทเฮาที่ทำให้นางลำบากก่อนหน้านี้
“ป้าชิงเยว่” หญิงสาวยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ยทักทาย
ชิงเยว่เป็นแม่นมของมู่เทียนฉง นางจำต้องก้มศีรษะทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“ฮึ หว่านผินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนยืนอยู่บนบันไดมองลงไปที่ซูหว่านโดยไม่มีท่าทีจะตอบรับคำทักทาย
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ท่านมาสายมากนะ ดูเหมือนว่าท่านจะหยิ่งยโสยิ่งกว่าลี่เฟยเสียอีก”
ในช่วงที่ลี่เฟยได้รับความโปรดปราน นางก็ไม่เคยมาคารวะไทเฮาสายเลย
จากมุมมองของชิงเยว่ ซูหว่านจงใจหมิ่นพระเกียรติของไทเฮา
“หว่านผินขอไทเฮาทรงอภัย ป้าชิงเยว่ได้โปรดรายงานแทนข้าด้วย” ซูหว่านตอบกลับแบบไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไป แต่นั่นก็ทำให้คนที่ได้ฟังต้องจิกเล็บลงฝ่ามือตัวเอง
ตอนนี้หว่านผินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท นางจึงไม่กล้าหาเรื่องอีกฝ่ายเหมือนเมื่อก่อน
นางทำได้เพียงแค่นเสียงเยาะเย้ยในลำคอ ก่อนจะหันกลับไปแจ้งให้ไทเฮาทราบ
ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่ที่กลับมาถึงตำหนักอิ๋งชุนได้รู้ว่าผู้เป็นแม่ไปคารวะไทเฮาที่ตำหนัก เธอจึงไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“ท่านพี่รัชทายาท! ช่วยด้วย!” มู่ไป๋ไป่คว้าแขนเสื้อของมู่จวินฝานในขณะที่ใบหน้าของเธอซีดลงด้วยความเป็นกังวล
การไปเยือนตำหนักฉือซิ่งครั้งสุดท้ายนั้นเกิดเรื่องโหดร้ายขึ้น หลังจากที่ซูหว่านกลับมา นางก็ต้องนอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือนก่อนที่อาการบาดเจ็บจะหายดี
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้อยู่ข้างกายนาง และมู่เทียนฉงก็คงไม่ได้อยู่เช่นกัน ด้วยท่าทางอ่อนแอของท่านแม่ นางจะต้องถูกไทเฮาจับกินทั้งเป็นแน่!
“หืม จะให้ข้าช่วยอะไรหรือ?” มู่จวินฝานเห็นใบหน้าซีดเผือดของคนตัวเล็กจึงบอกว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ บอกพี่มา”
“ช่วยท่านแม่ไป๋ไป่ด้วย ท่านย่าเป็นคนไม่ดี โอ๊ย ไป๋ไป่อธิบายไปตอนนี้ท่านคงยังไม่เข้าใจ เราจะต้องรีบไปที่ตำหนักฉือซิ่งโดยเร็วที่สุด”
“...”
ท่านย่า?
เด็กคนนี้กล้าดีอย่างไรถึงได้เรียกไทเฮาเช่นนั้น
ไทเฮาไม่ใช่เขาหรือเสด็จพ่อที่ตามใจให้นางเรียกอะไรก็ได้
ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่คิดถูกว่าซูหว่านจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
อย่างแรกสุด นางถูกสั่งให้ยืนอยู่ที่ประตูท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลา 2 เค่อก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ไปเข้าเฝ้า
แต่นั่นก็ยังไม่จบ พอหญิงสาวคารวะไทเฮา อีกฝ่ายก็จงใจให้นางคุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ที่ไม่ได้ปูพรม
ซูหว่านไม่ได้รับอนุญาตให้ยืนขึ้นจนกระทั่งใบหน้าของนางซีดเผือด
จากนั้นไทเฮาก็รับน้ำชาจากนางแล้วเอาไปวางบนโต๊ะด้านข้างโดยไม่ดื่ม ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากสั่งสอน “หว่านผิน เจ้าไม่ใช่พระสนมรับเข้าวังมาใหม่ วังหลังแห่งนี้มีกฎมากมาย เราคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาบอกเจ้า”
ซูหว่านก้มศีรษะยอมรับและตอบกลับทันที
“ดื่มยานี่สิ”
ไทเฮาโบกมือส่งสัญญาณให้ชิงเยว่นำยาที่ตัวเองถือไว้มาวางข้างมือหว่านผิน
“ตำแหน่งฮองเฮาว่างมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้”
ซูหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งนี้เป็นยาอะไร
ปรากฏว่านี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพระสนมที่เคยร่วมหลับนอนกับฝ่าบาทในทุกวันที่ 15 ของเดือนจึงต้องมาที่ตำหนักฉือซิ่งในวันรุ่งขึ้น
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีข่าวการตั้งครรภ์ของพระสนมในวังหลังเลย…
ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้หรือไม่?
ขณะนี้มือของซูหว่านที่วางอยู่บนหัวเข่ากำแน่นขึ้น
“เหตุใดหว่านผินจึงไม่ดื่ม?” ไทเฮาเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างหมดความอดทน ก่อนจะสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด “ชิงเยว่ ป้อนยาหว่านผิน!”
ชิงเยว่ซึ่งยืนรออยู่ด้านข้างเหยียดยิ้มโดยไม่รอคำตอบของซูหว่าน “เพคะไทเฮา”
นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยก้าวออกไปบีบคางของหว่านผินทันที
ในตอนที่ซูหว่านกำลังจะดิ้นรนขัดขืน มือของนางก็ถูกนางกำนัลคนอื่น ๆ ในตำหนักยึดจับเอาไว้
ทางด้านชิงเยว่ที่ไม่พอใจในตัวหว่านผินจึงไม่ยั้งมือ แล้วนางก็จงใจกรอกยาเข้าไปในปากและจมูกของอีกฝ่าย
ความขมของยาทำให้ซูหว่านสำลักจนไอ ทำให้นางพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลังจากหญิงสาวถูกกรอกยาไป 1 ชามเต็ม นางก็อาเจียนยาส่วนใหญ่ออกมา
ไทเฮาที่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงขัดขึ้นมาก่อน “องค์รัชทายาทเสด็จ!”
เมื่อนึกถึงข่าวลือที่นางได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ นางก็แค่นเสียงในลำคออย่างเย็นชา “หว่านผินเก่งกาจยิ่งนัก แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังถูกเจ้าล่อลวง”
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ได้เดินตามมู่จวินฝานเข้ามาด้านใน และเห็นหว่านผินนั่งกองอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าสังเวช
เสื้อผ้าของนางเปียกไปด้วยน้ำสีเข้ม และกลิ่นสมุนไพรที่รุนแรงคล้ายกลิ่นธูปก็โชยออกมา
“ท่านแม่!” เด็กหญิงรีบวิ่งไปช่วยพยุงซูหว่านลุกขึ้น “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
ผู้เป็นแม่ส่ายหัวเบา ๆ พลางเม้มริมฝีปากแน่น “แม่ไม่เป็นไร”
ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ
ซูหว่านเป็นคนอ่อนโยน นางไม่เคยโกรธใครและไม่เคยคิดไม่ดีกับใคร นางนั้นดีกว่าลี่เฟยคนมักมากในกามคนนั้นตั้งกี่พันกี่ร้อยเท่า
แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมไทเฮาถึงพุ่งเป้ามาที่นาง
“องค์หญิงหก พระองค์กำลังพูดเรื่องอะไรกัน?” ชิงเยว่หัวเราะเยาะเย้ย “หว่านผินมาที่นี่เพื่อคารวะไทเฮา นางจะเป็นอะไรไปได้?”
“คำพูดเหล่านี้ไม่ควรไปถึงหูของฝ่าบาท ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงเข้าใจผิดไทเฮาเอาได้”
หญิงวัยกลางคนแอบเย้ยหยันองค์หญิงตัวน้อยที่กล้าไปฟ้องฮ่องเต้เมื่อครั้งที่แล้ว
ขณะเดียวกัน มู่จวินฝานรู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นเด็กตัวเล็กอย่างมู่ไป๋ไป่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหว่านผิน
แล้วเขาก็รู้สึกไม่พอใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของชิงเยว่ เขาจะทนนิ่งเฉยปล่อยให้นางกำนัลเอ่ยวาจาเช่นนี้กับพระสนมได้อย่างไร?
“ใครก็ได้ มาลากตัวคนรับใช้ผู้หยิ่งยโสคนนี้ไปรับโทษตบปาก 100 ครั้ง” เด็กหนุ่มสั่งเสียงเย็น
ชิงเยว่ที่เคยเชิดหน้าพูดกับพระสนมอย่างถือดีเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็หน้าถอดสี “องค์รัชทายาท หม่อมฉันพูดอะไรผิดไปเพคะ เหตุใดองค์รัชทายาทถึงสั่งให้คนลงโทษหม่อมฉันรุนแรงถึงเพียงนี้?”
“เราจำเป็นต้องบอกเหตุผลในการลงโทษเจ้าอีกหรือ?” มู่จวินฝานเหลือบมองหญิงวัยกลางคนด้วยหางตา และนั่นก็ทำให้นางตกใจ
“ถ้าเจ้ายืนกรานที่จะถามเหตุผลจากเรา เช่นนั้นเราก็จะบอกให้ ในเมื่อเจ้าพบเราแล้ว แต่เจ้าไม่คุกเข่าแสดงความเคารพ นี่เป็นเหตุผลที่สมควรถูกลงโทษหรือไม่?”
“...” ชิงเยว่พูดไม่ออก
จากนั้นองครักษ์ของรัชทายาทก็ก้าวเข้ามาดึงตัวนางกำนัลไปด้านข้างและตบหน้านางเต็มแรง
ชิงเยว่ไม่เคยถูกลงโทษรุนแรงขนาดนี้มาก่อน นางจึงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากไทเฮาทันที
สำหรับไทเฮา พระนางไม่พอใจในตัวมู่จวินฝานมาโดยตลอด
แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นคนของตำหนักตงกง พระนางจึงจำต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้ได้ไม่ว่าพระนางจะรู้สึกไม่พอใจเพียงใดก็ตาม ดังนั้นตั้งแต่อึดใจแรกที่เขาก้าวเข้ามาในตำหนัก พระพักตร์ของพระนางก็เริ่มดูไม่ดี
“องค์รัชทายาท ที่นี่คือตำหนักฉือซิ่งของเรา ไม่ใช่ตำหนักตงกงของพระองค์” ไทเฮาพยายามระงับความโกรธของตัวเอง “องค์รัชทายาทกำลังลงโทษคนของเราที่นี่ มันจะไม่เป็นการก้าวก่ายเรื่องภายในของเรามากเกินไปหรือ?”