ตอนที่แล้วบทที่ 44: ขอเพียงไม่ใช่ลี่เฟย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46: แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

บทที่ 45: ช่างหาได้ยากนัก


ตามกฎของวังหลังแล้ว พระสนมทุกคนที่ร่วมหลับนอนกับฝ่าบาทในคืนวันก่อนจะต้องไปทำความเคารพและรับคำสั่งสอนของฮองเฮาในวันรุ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่อดีตฮองเฮาซึ่งเป็นแม่ขององค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์ มู่เทียนฉงก็ยังไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาใหม่

แล้ววังหลังก็ยังอยู่ในความดูแลของลี่เฟย แต่ตำแหน่งของลี่เฟยยังคงเป็นพระสนม ดังนั้นคนที่พระสนมต้องไปทำความเคารพจึงเปลี่ยนเป็นไทเฮา

หลังจากที่ซูหว่านส่งฮ่องเต้หนุ่มออกไป นางก็รีบไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายและเดินทางไปยังตำหนักฉือซิ่ง

ประสบการณ์สุดท้ายที่นางพบเจอที่ตำหนักฉือซิ่งไม่น่าพอใจนัก

หากมู่ไป๋ไป่ไม่ช่วยชะลอเวลาเอาไว้เพื่อรอให้มู่เทียนฉงมาช่วยนาง สภาพของนางตอนนั้นคงจะถึงขั้นปางตาย

และบังเอิญว่าวันนี้กว่าฝ่าบาทจะออกจากตำหนักก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ซึ่งเลยเวลาที่จะต้องคารวะน้ำชายามเช้า นางจึงรู้สึกว่าตนเองจะต้องพบเจอกับเรื่องยากลำบากอีกแน่นอน

พอหญิงสาวคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ

“หว่านผิน ช่างหาได้ยากนัก”

น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของซูหว่าน

นางจำอีกฝ่ายได้ทันที คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิงเยว่ นางกำนัลข้างกายไทเฮาที่ทำให้นางลำบากก่อนหน้านี้

“ป้าชิงเยว่” หญิงสาวยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ยทักทาย

ชิงเยว่เป็นแม่นมของมู่เทียนฉง นางจำต้องก้มศีรษะทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“ฮึ หว่านผินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนยืนอยู่บนบันไดมองลงไปที่ซูหว่านโดยไม่มีท่าทีจะตอบรับคำทักทาย

“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ท่านมาสายมากนะ ดูเหมือนว่าท่านจะหยิ่งยโสยิ่งกว่าลี่เฟยเสียอีก”

ในช่วงที่ลี่เฟยได้รับความโปรดปราน นางก็ไม่เคยมาคารวะไทเฮาสายเลย

จากมุมมองของชิงเยว่ ซูหว่านจงใจหมิ่นพระเกียรติของไทเฮา

“หว่านผินขอไทเฮาทรงอภัย ป้าชิงเยว่ได้โปรดรายงานแทนข้าด้วย” ซูหว่านตอบกลับแบบไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไป แต่นั่นก็ทำให้คนที่ได้ฟังต้องจิกเล็บลงฝ่ามือตัวเอง

ตอนนี้หว่านผินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท นางจึงไม่กล้าหาเรื่องอีกฝ่ายเหมือนเมื่อก่อน

นางทำได้เพียงแค่นเสียงเยาะเย้ยในลำคอ ก่อนจะหันกลับไปแจ้งให้ไทเฮาทราบ

ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่ที่กลับมาถึงตำหนักอิ๋งชุนได้รู้ว่าผู้เป็นแม่ไปคารวะไทเฮาที่ตำหนัก เธอจึงไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

“ท่านพี่รัชทายาท! ช่วยด้วย!” มู่ไป๋ไป่คว้าแขนเสื้อของมู่จวินฝานในขณะที่ใบหน้าของเธอซีดลงด้วยความเป็นกังวล

การไปเยือนตำหนักฉือซิ่งครั้งสุดท้ายนั้นเกิดเรื่องโหดร้ายขึ้น หลังจากที่ซูหว่านกลับมา นางก็ต้องนอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือนก่อนที่อาการบาดเจ็บจะหายดี

แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้อยู่ข้างกายนาง และมู่เทียนฉงก็คงไม่ได้อยู่เช่นกัน ด้วยท่าทางอ่อนแอของท่านแม่ นางจะต้องถูกไทเฮาจับกินทั้งเป็นแน่!

“หืม จะให้ข้าช่วยอะไรหรือ?” มู่จวินฝานเห็นใบหน้าซีดเผือดของคนตัวเล็กจึงบอกว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ บอกพี่มา”

“ช่วยท่านแม่ไป๋ไป่ด้วย ท่านย่าเป็นคนไม่ดี โอ๊ย ไป๋ไป่อธิบายไปตอนนี้ท่านคงยังไม่เข้าใจ เราจะต้องรีบไปที่ตำหนักฉือซิ่งโดยเร็วที่สุด”

“...”

ท่านย่า?

เด็กคนนี้กล้าดีอย่างไรถึงได้เรียกไทเฮาเช่นนั้น

ไทเฮาไม่ใช่เขาหรือเสด็จพ่อที่ตามใจให้นางเรียกอะไรก็ได้

ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่คิดถูกว่าซูหว่านจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

อย่างแรกสุด นางถูกสั่งให้ยืนอยู่ที่ประตูท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลา 2 เค่อก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ไปเข้าเฝ้า

แต่นั่นก็ยังไม่จบ พอหญิงสาวคารวะไทเฮา อีกฝ่ายก็จงใจให้นางคุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ที่ไม่ได้ปูพรม

ซูหว่านไม่ได้รับอนุญาตให้ยืนขึ้นจนกระทั่งใบหน้าของนางซีดเผือด

จากนั้นไทเฮาก็รับน้ำชาจากนางแล้วเอาไปวางบนโต๊ะด้านข้างโดยไม่ดื่ม ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากสั่งสอน “หว่านผิน เจ้าไม่ใช่พระสนมรับเข้าวังมาใหม่ วังหลังแห่งนี้มีกฎมากมาย เราคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาบอกเจ้า”

ซูหว่านก้มศีรษะยอมรับและตอบกลับทันที

“ดื่มยานี่สิ”

ไทเฮาโบกมือส่งสัญญาณให้ชิงเยว่นำยาที่ตัวเองถือไว้มาวางข้างมือหว่านผิน

“ตำแหน่งฮองเฮาว่างมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้”

ซูหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งนี้เป็นยาอะไร

ปรากฏว่านี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพระสนมที่เคยร่วมหลับนอนกับฝ่าบาทในทุกวันที่ 15 ของเดือนจึงต้องมาที่ตำหนักฉือซิ่งในวันรุ่งขึ้น

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีข่าวการตั้งครรภ์ของพระสนมในวังหลังเลย…

ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้หรือไม่?

ขณะนี้มือของซูหว่านที่วางอยู่บนหัวเข่ากำแน่นขึ้น

“เหตุใดหว่านผินจึงไม่ดื่ม?” ไทเฮาเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างหมดความอดทน ก่อนจะสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด “ชิงเยว่ ป้อนยาหว่านผิน!”

ชิงเยว่ซึ่งยืนรออยู่ด้านข้างเหยียดยิ้มโดยไม่รอคำตอบของซูหว่าน “เพคะไทเฮา”

นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยก้าวออกไปบีบคางของหว่านผินทันที

ในตอนที่ซูหว่านกำลังจะดิ้นรนขัดขืน มือของนางก็ถูกนางกำนัลคนอื่น ๆ ในตำหนักยึดจับเอาไว้

ทางด้านชิงเยว่ที่ไม่พอใจในตัวหว่านผินจึงไม่ยั้งมือ แล้วนางก็จงใจกรอกยาเข้าไปในปากและจมูกของอีกฝ่าย

ความขมของยาทำให้ซูหว่านสำลักจนไอ ทำให้นางพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลังจากหญิงสาวถูกกรอกยาไป 1 ชามเต็ม นางก็อาเจียนยาส่วนใหญ่ออกมา

ไทเฮาที่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงขัดขึ้นมาก่อน “องค์รัชทายาทเสด็จ!”

เมื่อนึกถึงข่าวลือที่นางได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ นางก็แค่นเสียงในลำคออย่างเย็นชา “หว่านผินเก่งกาจยิ่งนัก แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังถูกเจ้าล่อลวง”

ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ได้เดินตามมู่จวินฝานเข้ามาด้านใน และเห็นหว่านผินนั่งกองอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าสังเวช

เสื้อผ้าของนางเปียกไปด้วยน้ำสีเข้ม และกลิ่นสมุนไพรที่รุนแรงคล้ายกลิ่นธูปก็โชยออกมา

“ท่านแม่!” เด็กหญิงรีบวิ่งไปช่วยพยุงซูหว่านลุกขึ้น “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”

ผู้เป็นแม่ส่ายหัวเบา ๆ พลางเม้มริมฝีปากแน่น “แม่ไม่เป็นไร”

ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ

ซูหว่านเป็นคนอ่อนโยน นางไม่เคยโกรธใครและไม่เคยคิดไม่ดีกับใคร นางนั้นดีกว่าลี่เฟยคนมักมากในกามคนนั้นตั้งกี่พันกี่ร้อยเท่า

แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมไทเฮาถึงพุ่งเป้ามาที่นาง

“องค์หญิงหก พระองค์กำลังพูดเรื่องอะไรกัน?” ชิงเยว่หัวเราะเยาะเย้ย “หว่านผินมาที่นี่เพื่อคารวะไทเฮา นางจะเป็นอะไรไปได้?”

“คำพูดเหล่านี้ไม่ควรไปถึงหูของฝ่าบาท ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงเข้าใจผิดไทเฮาเอาได้”

หญิงวัยกลางคนแอบเย้ยหยันองค์หญิงตัวน้อยที่กล้าไปฟ้องฮ่องเต้เมื่อครั้งที่แล้ว

ขณะเดียวกัน มู่จวินฝานรู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นเด็กตัวเล็กอย่างมู่ไป๋ไป่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหว่านผิน

แล้วเขาก็รู้สึกไม่พอใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของชิงเยว่ เขาจะทนนิ่งเฉยปล่อยให้นางกำนัลเอ่ยวาจาเช่นนี้กับพระสนมได้อย่างไร?

“ใครก็ได้ มาลากตัวคนรับใช้ผู้หยิ่งยโสคนนี้ไปรับโทษตบปาก 100 ครั้ง” เด็กหนุ่มสั่งเสียงเย็น

ชิงเยว่ที่เคยเชิดหน้าพูดกับพระสนมอย่างถือดีเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็หน้าถอดสี “องค์รัชทายาท หม่อมฉันพูดอะไรผิดไปเพคะ เหตุใดองค์รัชทายาทถึงสั่งให้คนลงโทษหม่อมฉันรุนแรงถึงเพียงนี้?”

“เราจำเป็นต้องบอกเหตุผลในการลงโทษเจ้าอีกหรือ?” มู่จวินฝานเหลือบมองหญิงวัยกลางคนด้วยหางตา และนั่นก็ทำให้นางตกใจ

“ถ้าเจ้ายืนกรานที่จะถามเหตุผลจากเรา เช่นนั้นเราก็จะบอกให้ ในเมื่อเจ้าพบเราแล้ว แต่เจ้าไม่คุกเข่าแสดงความเคารพ นี่เป็นเหตุผลที่สมควรถูกลงโทษหรือไม่?”

“...” ชิงเยว่พูดไม่ออก

จากนั้นองครักษ์ของรัชทายาทก็ก้าวเข้ามาดึงตัวนางกำนัลไปด้านข้างและตบหน้านางเต็มแรง

ชิงเยว่ไม่เคยถูกลงโทษรุนแรงขนาดนี้มาก่อน นางจึงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากไทเฮาทันที

สำหรับไทเฮา พระนางไม่พอใจในตัวมู่จวินฝานมาโดยตลอด

แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นคนของตำหนักตงกง พระนางจึงจำต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้ได้ไม่ว่าพระนางจะรู้สึกไม่พอใจเพียงใดก็ตาม ดังนั้นตั้งแต่อึดใจแรกที่เขาก้าวเข้ามาในตำหนัก พระพักตร์ของพระนางก็เริ่มดูไม่ดี

“องค์รัชทายาท ที่นี่คือตำหนักฉือซิ่งของเรา ไม่ใช่ตำหนักตงกงของพระองค์” ไทเฮาพยายามระงับความโกรธของตัวเอง “องค์รัชทายาทกำลังลงโทษคนของเราที่นี่ มันจะไม่เป็นการก้าวก่ายเรื่องภายในของเรามากเกินไปหรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด