บทที่ 22 อะไรก็กล้ามาวางท่าต่อหน้าคุณหนูของฉัน
เห็นหลี่จุ้นถูกชกล้มลงกับพื้น
พวกองครักษ์ที่ติดตามหลี่จุ้นมาที่นี่ต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
อะไรนะ?
พี่ใหญ่ถูกซัดแล้ว
พวกเราควรทำยังไงดี?
จะลงมือไหม?
ซูมู่วั่นก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอรีบหันไปพูดกับชินลั่วว่า "ชินลั่ว นายทำอะไรน่ะ? รีบกลับมาเดี๋ยวนี้!"
อ๊า ชินลั่ว ทำไมนายถึงลงมือกะทันหันแบบนี้ล่ะ!
แม้จะช่วยระบายความอัดอั้นในใจฉันได้จริงๆ ก็เถอะ
แต่!
แต่แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับชาติก่อนเลยนี่นา!
โอ้ คุณหนูคนนี้แสดงได้เก่งจริงๆ รู้จักเล่นละครสองฝ่ายด้วย
คิดแล้ว
ชินลั่วหันกลับมา สีหน้าลำบากใจพลางพูดว่า "คุณหนูครับ ผมเห็นคนผู้นี้น่ารังเกียจเหลือเกิน เป็นแค่ขยะที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง"
"กล้าตอบคำถามคุณหนูไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว แต่กลับให้ขยะแบบนี้มาเป็นผู้จัดการบริษัท"
"แสดงว่าผู้จัดการคนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากขยะ เป็นคนโง่พอๆ กัน"
"พวกคนโง่แบบนี้กลับมากินแรงกินเนื้อบริษัทของตระกูลซูได้"
"พอคิดถึงเรื่องนี้"
"ผมก็โมโหจนทนไม่ไหว เลยอดใจไม่อยู่ต้องลงมือไป"
"หวังว่าคุณหนูจะให้อภัยด้วยครับ"
เสินเฟยและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างแสดงสีหน้ายินดีออกมา
พวกเขามองไปทางซูมู่วั่นด้วยสายตาประจบประแจง
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เพราะคุณหนูสั่งให้พวกเขาลงมือไม่สะดวก จึงให้พี่ชินรับหน้าที่นี้ไป แล้วบอกว่าเป็นการตัดสินใจของตัวเอง
หลี่จุ้นก็ได้สติกลับมา
เขามองชินลั่วอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
แล้วจึงหันไปมองซูมู่วั่น ตาเบิกโพลง
ช่างเป็นจิตใจที่เป็นพิษจริงๆ
เพราะถ้าตัวเองลงมือเองจะถูกจับได้ว่ามีเจตนาร้าย แต่ถ้าให้ลูกน้องเป็นคนริเริ่มลงมือเองก็จะไม่มีปัญหาอะไร
คุณหนูซู...ไม่เหมือนกับที่ข่าวลือภายนอกว่าเป็นคนบ้าคลั่งไร้สมองเลยนี่
ซูมู่วั่นชะงักไป เธอมองจู้หลาน แล้วก็มองสายตาของคนอื่นๆ
ในชั่วขณะนั้นเธอก็เข้าใจแล้ว คนพวกนี้คงเข้าใจผิดว่าเธอสั่งให้ชินลั่วลงมือ แล้วให้อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นรับผิดชอบเองทั้งหมด
แต่!
แต่เธอจริงๆ ไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ!
ในวินาถีถัดมา
เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น
เห็นหลี่จุ้นกุมหน้าร้องครวญครางว่า "ทำร้ายคนแล้ว! ทำร้ายคนแล้ว!"
"ลูกน้องของซูมู่วั่นทำร้ายคนแล้ว!"
ฮึ! ไม่เกี่ยว ถึงลูกน้องของเธอจะลงมือเองแล้วไง
แค่เป็นลูกน้องของเธอ ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเธออยู่แล้ว
แค่ฉันแต่งเติมสีสันนิดหน่อย ขาวก็กลายเป็นดำได้!
พร้อมกับเสียงของหลี่จุ้น
พวกองครักษ์ที่เขาพามาก็เริ่มชี้หน้าด่าซูมู่วั่น
พวกเขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว "คุณหนูซู เธอหมายความว่าไง ทำไมถึงลงมือทำร้ายพนักงานของเรา?"
"พวกเราทุกคนยุ่งมาก เธอบอกว่าจำเป็นต้องมาพบ เราถึงได้ทิ้งงานมาที่นี่"
"แต่เธอ! แค่ถามไม่ได้คำตอบก็ทำร้ายพวกเราเลยเหรอ?"
"เธอกับไอ้โจรนั่นมันต่างกันตรงไหน?!"
"เธอคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลซูแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ?"
ซูมู่วั่นเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
ถ้าตอนนี้เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แม้จะทำให้สถานการณ์สงบลงได้ แต่ต่อไปการที่จะเข้ามาจัดการบริษัทคงจะยากลำบากขึ้น
แต่ถ้าใช้วิธีรุนแรงบีบบังคับเหมือนชาติก่อน ก็คงจะยากลำบากเหมือนชาติก่อนอีก
นี่มันจุดตายชัดๆ เลยหรือ? ฉันเกิดมาชาตินี้ต้องเดินตามบทในชาติก่อนอย่างนั้นหรือ?
ในวินาทีถัดมา
มีเงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวเร็วดั่งเงามืดในหมู่คน
ปัง! ปัง!! ปัง!! ปัง!!!
เสียงตบหน้าดังสนั่นไปทั่วห้องโถง
ร่างหลายร่างล้มลงกับพื้น เสียงครางดังมาจากพื้น
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมา บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มองร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยความหวาดกลัวและตกใจ
เห็นว่า
ชินลั่วใช้ 'วรยุทธ์ปีศาจสุนัข' เคลื่อนไหวในชั่วพริบตาก็จัดการพวกองครักษ์ที่ยืนอยู่ทั้งหมด
ทุกคนตกตะลึง
เห็นชินลั่วยืนกอดอกอยู่ สายตาเย็นชากวาดมองพวกที่ถูกซัดล้มกับพื้น แล้วหัวเราะเย็นชาว่า "ฮึ! น่าขัน!"
"ที่นี่คือบริษัทตระกูลซู เป็นธุรกิจของตระกูลซู และคุณหนูของผมยังเป็นทายาทในอนาคตของตระกูลซูอีกด้วย!"
"พวกแกเป็นอะไร กล้ามาเห่าหอนที่นี่?"
"อย่าว่าแต่ตบพวกแกเลย ถึงจะโยนพวกแกลงทะเลให้ปลากิน ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าคุณหนูของผมทำไม่ถูกหรอก!"
"ไอ้พวกขยะก็กล้ามาทำตัวฉลาดต่อหน้าคุณหนูของผมด้วย"
ชินลั่วพูดถึงตรงนี้ แล้วชำเลืองมองเสินเฟยที่อยู่ด้านหลัง พูดว่า "เสินเฟย จู้หลาน"
"พวกนายพาพวกขยะพวกนี้ไปด้วย ตามผมกับคุณหนูไปพบผู้จัดการคนนั้นซะ!"
"ไอ้พวกเล่นลิเกอะไรก็กล้ามาวางท่าต่อหน้าคุณหนูของผม!"
พูดจบ
จู้หลานงงงันไปชั่วขณะ ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง อ๊ะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายสั่งฉันได้
ส่วนเสินเฟยรีบก้าวออกมาข้างหน้าพลางร้องว่า "ได้ครับพี่ชิน!"
พูดจบ เขาก็โบกมือ
ลูกน้องทั้งหมดก็เดินเข้ามา จับหลี่จุ้นและคนอื่นๆ ให้ลุกขึ้นยืนเรียงแถว
จู้หลานเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็จำใจต้องลงมือช่วยด้วย
ซูมู่วั่นอ้าปากค้าง มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างงุนงง
อ๊ะ? ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
ชินลั่วกลับมาที่ข้างกายซูมู่วั่นแล้ว พูดอย่างเคารพว่า "คุณหนูครับ พวกขยะเหล่านี้ได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว รอแค่คำสั่งของคุณ พวกเราก็จะเข้าควบคุมบริษัทอย่างเด็ดขาดเลยครับ!"
เฮ้ย! อย่าพูดให้ฟังดูเหมือนฉันเป็นพวกกบฏที่จะมาแย่งชิงที่ดินของคนอื่นสิ!
นาย นาย นาย!! ชินลั่ว นายจะทำให้ฉันโมโหตายอยู่แล้ว!!
ซูมู่วั่นถูกการกระทำของชินลั่วทำเอาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เธอได้แต่จำใจพยักหน้า "ไปกันเถอะ ไปดูว่าผู้จัดการคนนั้นเป็นยังไง"
ช่างเถอะ
ในบริษัทนี้ไม่มีอะไรที่เรียกว่าลูกหลานสวรรค์ ถึงจะเกณฑ์คนมาทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
แค่ขาดคนพวกนี้ไป คงทำให้บริษัททั้งบริษัทไม่สามารถดำเนินงานได้ในระยะสั้นๆ
อ่า ดังนั้นผู้จัดการคนนั้นคงต้องไม่ถูกแตะต้องแน่ ถ้าเขายอมเปิดปากอธิบายด้วยความสมัครใจ ฉันก็จะรับช่วงต่อบริษัทไปตามกระแสน้ำ
ชั้นบนสุดของตึกบริษัท
เสี่ยวจวินนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ประธาน สูบซิการ์อย่างสบายอารมณ์
เขาคิดอย่างพึงพอใจว่า ถ้าเดาไม่ผิด คุณหนูซูคนนี้คงจะทนอารมณ์ไม่ไหวแล้วลงมือแน่ๆ
และเมื่อลงมือไปแล้ว ก็จะเข้าทางคุณหนูรองพอดี
ฮ่าๆ แค่คุณหนูคนโตที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลซูเท่านั้นเอง
จะไปสู้คุณหนูรองได้ยังไง?
ตอนนั้น บริษัทนี้คงต้องให้คุณหนูรองเข้ามาจัดการ และพวกเราก็จะได้ผลประโยชน์มากขึ้นด้วย
ดีละ
ลองนับเวลาดู สถานการณ์น่าจะวุ่นวายมากแล้ว ถึงเวลาที่เราควรไปดูสถานการณ์แล้ว
คิดแล้ว เสี่ยวจวินก็ดับซิการ์
ลุกขึ้นจากเก้าอี้ประธาน
พอยืดเส้นยืดสายได้สักพัก
โครม!!
ประตูใหญ่ถูกเปิดออกอย่างแรง
ตามมาด้วย
ชินลั่วเดินเข้ามา ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ห้องที่มีแค่คนเดียว แล้วตะโกนว่า "ใครเป็นเสี่ยวจวิน?!"
เสี่ยวจวิน: ?!
เขาสะดุ้งเล็กน้อย แล้วตามมาด้วยคนอีกหลายคนที่ถูกลากตัวเข้ามา
สีหน้าของพวกเขาบวมปูด ดูน่ากลัว
หนึ่งในนั้นหน้าบวมเหมือนหัวหมู แต่เสี่ยวจวินก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร
"หลี่จุ้น?!"
เสี่ยวจวินอุทานด้วยความตกใจ เขาโดนซัดจนเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
จากนั้น เสี่ยวจวินก็เห็นคุณหนูซูที่มีชื่อเสียงโด่งดังในข่าวลือ
อีกฝ่ายมีบรรยากาศที่แข็งแกร่ง ใบหน้าเย็นชา
พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายทำให้เสี่ยวจวินเหงื่อแตกพลั่กในทันที
ที่เขาได้ตำแหน่งนี้มาไม่ใช่เพราะอะไรอื่น
แต่เป็นเพราะรู้จักอ่านสีหน้าคน
เขาเข้าใจดีว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะล้อเล่นกับคุณหนูซู
มีแต่...ต้องอดทนไว้ก่อน!
ดังนั้นเขาจึงรีบเดินเข้าไปหา ยิ้มประจบว่า "คุณหนูซูครับ นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?"
"ลูกน้องของผมเป็นอะไรไป..."
ยังพูดไม่ทันจบ
ปัง!!
ชินลั่วก้าวเข้ามาตบหน้าเสี่ยวจวินเต็มแรง
ทำให้คำพูดที่เสี่ยวจวินกำลังจะพูดขาดกลางคัน
พร้อมกับทำให้สมองของเขาหมุนติ้ว
นี่...ไอ้หมอนี่ทำไมไม่เล่นตามกติกาล่ะ?
ทำไมไม่รอให้ผมพูดจาให้เสร็จก่อน?
หลังจากตบเสร็จ
ชินลั่วด่าด้วยความโกรธ "แกมันไร้ประโยชน์! คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือแกนั่นแหละ! ยังจะมาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก!"
พูดจบ
ชินลั่วเห็นสีหน้าของซูมู่วั่นไม่เปลี่ยนแปลง คิดว่าอีกฝ่ายยังโกรธไม่หาย
เขาจึงก้าวเข้าไปอีก คว้าคอเสื้อของเสี่ยวจวินที่เพิ่งได้สติ
แล้วชี้ไปที่หลี่จุ้นที่หน้าบวมเป็นหมูด่าว่า "ไอ้หมาที่ชื่อหลี่จุ้นนี่บอกว่าแกไม่อยู่ แต่แกก็อยู่ตรงนี้ชัดๆ"
"ดังนั้นแกต้องโดนตบ 200 ครั้งถึงจะพอ!!"
เสี่ยวจวินได้ยินแล้วหน้าซีดเผือด 200 ครั้ง??
เขาพูดเสียงสั่น "นี่ใครเป็นคนกำหนด?"
ชินลั่วได้ยินก็ยกมือขึ้น หัวเราะเย็นชา "ฉันเป็นคนกำหนดเอง"
พูดจบ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!
ชินลั่วก็ตบหน้าเสี่ยวจวินติดต่อกันหลายครั้ง
เสียงตบดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง
หลี่จุ้นและคนอื่นๆ มองดูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น
ส่วนซูมู่วั่นไม่ใช่ว่าสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
ที่จริงแล้วเป็นเพราะ....
ตอนที่ชินลั่วเพิ่งพูดจบประโยคที่สองแล้วตบเสี่ยวจวินไปทีหนึ่ง
โอ้ ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ทุกอย่างไม่มีความหมายอะไรแล้ว
ชินลั่ว หวังว่านายจะรู้วิธีบริหารบริษัทใหญ่ๆ นะ
ไม่อย่างนั้น คุณหนูของนายอย่างฉัน คงต้องเจอจุดจบที่แย่แน่
นายก็ไม่อยากเห็นคุณหนูของนาย...ต้องเจอ BAD END อีกครั้งใช่ไหมล่ะ!!
(จบบทที่ 22)