ตอนที่แล้วบทที่ 112 ดอกซากุระร่วงโรย (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 114 มากมาย (2)

บทที่ 113 มากมาย (1)


[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]

[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]

[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]

บทที่ 113 มากมาย (1)

ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แห่งหนึ่งที่ส่วนใหญ่พูดคุยกันเรื่องคนดัง มีคนเอาเรื่องของคังวูจินมาโพสต์ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้

- [ฉันเรียนมัธยมปลายที่เดียวกับคังวูจิน นายคนนั้นนิสัยตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบลับเลยㅇㅇ]

ถึงแม้จะไม่ใช่คอมมูนิตี้ที่ดังอะไรมาก แต่ช่วงนี้คังวูจินกำลังเป็นกระแส ยอดคนดูก็เลยพุ่งไปถึงหลักร้อยอย่างรวดเร็ว

- เรียนมัธยมปลายที่เดียวกับคังวูจิน ขี้เกียจยืนยัน ถ้าไม่เชื่อก็กดออกไปเลยละกัน555

ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่

- ยังไงก็เถอะ ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับคังวูจิน แต่ทุกคนก็น่าจะรู้นะว่าเรียนมัธยมปลายมาด้วยกัน 3 ปี ก็ต้องเคยเห็นหน้ากันบ้างแหละ ถึงจะแค่ระดับนั้น แต่ก็น่าจะพอรู้นิสัยใจคอพื้นฐาน ๆ ของเขากันบ้างแหละใช่ไหมล่ะ? อย่างแรกเลยนะ ที่เขาเดบิวต์เป็นนักแสดงนี่ช็อกมาก55555 ไม่เคยได้ยินว่าสนใจด้านนี้เลยสักนิดเดียว แถมยังเคยเรียนออกแบบด้วยซ้ำ555 หน้าตาก็ออกจะดูดี

แต่มันก็ไม่ได้ดูเหมือนโกหกนะ

- ลองไปดูคลิป Sport Day หรือบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ที่คังวูจินไปออกดูสิ แปลกมากเลยจริง ๆ นะ55555 ทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทาง อะไรพวกนั้นน่ะ55555 นี่มันไม่ใช่แค่ระดับเปลี่ยนนิสัย แต่มันกลายเป็นคนละคนไปเลยㅇㅇ คังวูจินตอนนี้ที่ดูเย็นชา นิ่ง ๆ อะไรนั่นน่ะเหรอ? ตอนมัธยมปลายเขายิ้มง่ายมากเลยนะ ออกแนวสบาย ๆ มากกว่า55555 ถึงจะชอบทำตัวเด่น แต่ก็แบบรู้ตัวครึ่งไม่รู้ตัวครึ่งอะ รู้จักใช่ไหมล่ะ?? ?

โพสต์นี้มีคนมาคอมเมนต์เยอะพอสมควร

- 55555 นี่มันก็แค่นักแสดง พวกสินค้าไง ก็เลยต้องสร้างภาพลักษณ์รวมถึงนิสัยให้ดูดีไม่ใช่รึไง?

- แต่ฉันก็เคยเห็นคนพูดแบบนี้ในคอมเมนต์คลิปYoutubeเหมือนกันนะ ว่าจริง ๆ แล้วคังวูจินไม่ได้เป็นแบบนี้

- เพิ่งรู้เหรอว่าดารานิสัยจริง ๆ เป็นคนละแบบน่ะ?? ?

- หรือว่าเป็นโรคหลายบุคลิก? 5555555

“สมัยมัธยมปลายอย่างน้อยก็ 7-8 ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ? 555 นิสัยมันก็เปลี่ยนกันได้ไม่ใช่หรือไง? 555 น่าสมเพช น่าสมเพช 555 พยายามดิสเครดิตจังเลยนะ 555”

- ↑ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนธรรมดา แต่มันทำตัวเหมือนเป็นคนละคนเลยต่างหาก ไอ้โง่

เวลาประมาณ 11 โมงเช้า หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทบันเทิง BW กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ก็เหลือบไปเห็นข้อความนั้นเข้า เขาจึงตั้งใจอ่านเนื้อหาและคอมเมนต์อย่างพินิจพิเคราะห์

- สวบ!

เขาแคปเจอร์ภาพหน้าจอทั้งโพสต์และคอมเมนต์ จากนั้นก็จัดเก็บภาพที่แคปเจอร์ไว้ในไฟล์ ๆ หนึ่งในโน้ตบุ๊กของตัวเอง ในไฟล์นั้นมีข้อมูลอื่น ๆ อยู่มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าล้วนเกี่ยวข้องกับคังวูจินทั้งสิ้น

และดูเหมือนจะมีรูปภาพที่คล้ายกับภาพที่เขาเพิ่งบันทึกไปไม่น้อยเลย

เหตุผลน่ะหรือ ง่ายมาก

‘หืม... ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่การที่มีโพสต์แบบนี้โผล่มาเรื่อย ๆ มันก็ชวนให้กังวลเหมือนกันนะ’

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีโพสต์แบบเดียวกับที่เพิ่งแคปเจอร์ไปปรากฏขึ้นมา

นับตั้งแต่คังวูจินเริ่มฉายแววในวงการบันเทิง ก็มีโพสต์ลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้โผล่มาแล้วหลายครั้ง ทั้งในเว็บบอร์ด บทความ คอมเมนต์ในYoutube และอื่น ๆ อีกมากมาย ครั้งนี้เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ส่วนอาทิตย์ก่อนก็เป็นคนที่อ้างว่าเคยทำงานบริษัทเดียวกับคังวูจิน

โดยโพสต์นั้นมาจากเว็บไซต์สำหรับคนทำงานแห่งหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่บอกว่าเคยทำงานบริษัทเดียวกับคังวูจินก็ปรากฏตัวมาแล้วถึงสองครั้ง และพวกเขาก็เป็นกลุ่มที่ตอบโต้รุนแรงที่สุด ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะน่าจะเพิ่งเคยเจอคังวูจินมาไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม ความหมายของคอมเมนต์หรือโพสต์ที่พวกเขาโพสต์ก็คล้าย ๆ กันหมด คือ ‘เป็นคนละคน’  ‘นิสัยเปลี่ยนไปมาก’  ‘บรรยากาศดูแปลกไป’ หรือ ‘เหมือนเป็นโรคหลายบุคลิก’

และทุกครั้งหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ก็ต้องลงมือทำแบบเดียวกันนี้

ปัญหาเรื่องการแคปเจอร์และเซฟข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ในตอนแรกมันเป็นเรื่องที่สามารถมองข้ามไปได้

‘คอมเมนต์ที่วิ่งขึ้นมามีเป็นร้อย แต่มีแค่ห้าคอมเมนต์เองที่เป็นแบบนี้’

แต่พอนานวันเข้า เรื่องแบบนี้ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบระเบิดตูมตาม แต่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ๆ อย่างชัด ๆ แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ และด้วยเหตุนี้เอง ความกังวลของหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์จึงเริ่มก่อตัวขึ้น

‘เรื่องนี้ ถึงเวลาที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนสักทีแล้ว’

วงการบันเทิงก็เปรียบเสมือนป่าดงดิบ หรือไม่ก็สนามรบ เป็นสถานที่ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคอยเช็คและเเละเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะกว่าจะมาซ่อมคอกหลังจากที่วัวหายไปแล้ว มันก็สายไปเสียแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ และเป็นเรื่องอะไร บวกกับข่าวลือแปลก ๆ แบบนี้ สิ่งที่หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ

‘นักข่าว พวกนี้ ถ้ามีใครสักคนหยิบเรื่องนี้ไปถามขึ้นมาล่ะก็ งานงอกแน่’

นักข่าวบันเทิง พวกนี้เหมือนกับไฮยีน่า ต่อให้ประชาชนทั่วไปจะมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าพวกนักข่าวเอาไปเขียนข่าวขึ้นมาเมื่อไหร่ เรื่องราวมันจะไม่เหมือนเดิม พวกนักข่าวต้องหาเรื่องใส่สีตีไข่ให้ดูน่าสนใจอยู่แล้ว

จากนั้น

-ซวบ

หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ก็กดโทรศัพท์หาชเวซองกุน ต้นสังกัดของคังวูจิน

“ครับท่านประธาน ผมมีเรื่องจะรายงานครับ”

ทางด้านรถตู้ของคังวูจิน

ตอนนี้คังวูจินกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปทำงาน หลังจากแวะไปทำผมที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงเช้ามีงานสัมภาษณ์สั้น ๆ และหลังจากนี้ก็มีถ่ายทำรายการ ‘เพื่อนชาย’ ตลอดทั้งวัน

ดังนั้น วูจินจึง

“...”

-ฟึบ

ทำหน้าเฉย ๆ อ่านบทละคร ‘เพื่อนชาย’ ฉากที่จะถ่ายทำในวันนี้เป็นฉากที่อยู่ในตอนที่ 2 เป็นต้นไป วูจินใช้เวลาว่างเมื่อสักครู่นี้เข้าไปในมิติว่างเปล่า เพื่อฝึกซ้อมบทมาเรียบร้อยแล้ว

ทันใดนั้นเอง

“เอ๋? รายงานอะไร? จู่ ๆ ก็...”

ซเวซองกุนนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ มือแนบโทรศัพท์แนบหู เสียงของเขาเริ่มดังขึ้นเล็กน้อย ปลายสายคงเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์แน่ ๆ

“จริงจังไปรึเปล่า? น่ากลัวแฮะ เอาเถอะ รีบรายงานมา”

ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ดูเหมือนซเวซองกุนจะไม่ได้นิ่งเฉย เขายันโทรศัพท์ไว้กับไหล่ ใช้มือทั้งสองข้างแกะหนังยางที่รวบผมของตัวเองออก ก่อนจะรวบมัดขึ้นใหม่ ระหว่างนั้นก็เหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่างจากหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซเวซองกุนถึงกับ

“······อืม?”

รอยยิ้มบนใบหน้าหายวับไปในทันที นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เริ่มซีเรียสขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองคังวูจินที่สะท้อนอยู่ในกระจกมองหลังแวบหนึ่ง

“เออ ฟังอยู่ บอกมาต่อเลย ตอนนี้ยังไม่น่ามีปัญหาอะไร ทำไม ยังไงต่อ”

หลังจากฟังรายงานอย่างเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ซเวซองกุนก็เอ่ยปากพูดกับคนในโทรศัพท์อีกครั้ง

“รวบรวมไว้แล้วเหรอ ได้เยอะมั้ย? งั้นเหรอ อืม โอเคไม่เป็นไร ฉันเช็กเองได้ นายก็ส่งข้อมูลมาให้ฉันแล้วไปทำอย่างอื่นต่อเถอะ โอเค”

ซเวซองกุนวางสายไป

-ติ๊ด

ทันทีที่วางโทรศัพท์ลง ซเวซองกุนก็ไม่ได้หันไปหาคังวูจินที่นั่งอยู่ข้างหลัง แม้ว่าเรื่องที่เขาเพิ่งจะได้ยินจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวูจิน แต่ซเวซองกุนก็ทำได้แค่มองเขาผ่านกระจกมองหลังเท่านั้น

เขาไม่อยากรบกวนสมาธิ เพราะอีกไม่นานก็ต้องถ่ายทำแล้ว

ในตอนนั้นเอง

-ครืด~

โทรศัพท์ในมือของซเวซองกุนสั่นครืด เป็นข้อความจากหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์มีไฟล์แนบมาด้วย เมื่อเขาเปิดไฟล์ดูก็พบว่าเป็นรูปภาพมากมาย

“······”

ชเวซองกุนเริ่มตรวจสอบเนื้อหาอย่างจริงจัง

ผ่านไปสักพัก

การถ่ายทำ ‘เพื่อนชาย’ ผ่านไปถึงวันที่ 7 แล้ว ทีมงาน ‘เพื่อนชาย’ มารวมตัวกันในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยม ช่วงนี้กำลังถ่ายทำฉากสัมภาษณ์ของ ‘ฮันอินโฮ’ กับ ‘อีโบมิน’ อยู่ ‘เพื่อนชาย’ มักจะมีฉากสัมภาษณ์ของตัวละครทั้งสองที่ค่อย ๆ เผยความในใจออกมาอยู่บ่อยครั้ง

คำถามจะปรากฏเป็นคำบรรยายใต้ภาพ

- ความสัมพันธ์ของคุณเป็นอย่างไร ?

ฉากหลังเป็นห้องเรียนที่ว่างเปล่า มีเพียงฮันอินโฮนั่งอยู่คนเดียว

“ความสัมพันธ์เหรอ ก็แค่คู่กัดน่ะ”

อีโบมินตอบคำถามเดียวกันในสถานที่ที่ต่างกัน

“เพื่อนไงคะเพื่อน เพื่อนผู้ชาย! ตอนเด็ก ๆ เรายังเคยอาบน้ำด้วยกันเลยค่ะ ใกล้ชิดกันเหมือนครอบครัวเลยล่ะ”

บางครั้งก็มีฉากที่ฮันอินโฮพูดแทรกอีโบมินขณะให้สัมภาษณ์

“ครอบครัวเหรอ อะไรคือครอบครัว ฝากบอกเธอด้วยนะว่าให้ลองสะกดคำว่า ‘ครอบครัว’ กลับหลังดูสิ เอ๊ะ ฟังดูเหมือนคำด่าเหรอ ก็ใช่น่ะสิ มันคือคำด่าน่ะ”

ดังนั้นคังวูจินกับฮวาลินที่อยู่ในชุดนักเรียนจึงผลัดกันให้สัมภาษณ์โดยมองไปที่กล้อง

- ช่วยแนะนำเพื่อนของคุณหน่อย

อีโบมินให้ความรู้สึกสดใสและร่าเริงเป็น

“ฮันอินโฮเหรอคะ อืมมมม- อย่างแรกเลยคือไม่มีความทะเยอทะยาน น่ารำคาญด้วย อ๊ะ! แล้วก็ขี้เกียจมากกกกก เขาเป็นพวก… แบบว่า… โง่ ๆ หน่อยน่ะค่ะ”

ส่วนฮันอินโฮก็ยังคงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเช่นเคย

“แนะนำเหรอ อ่า… ก็เป็นคน… น่ารำคาญน่ะแหละ แค่นั้นแหละ แล้วนี่ต้องถ่ายไปถึงเมื่อไหร่ ?”

‘เพื่อนชาย’ กำลังถ่ายทำอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ปัจจัยสำคัญที่สุดคือฝีมือการแสดงชั้นยอดของนักแสดงทั้งสอง บวกกับทีมงานที่เข้าขากัน การกำกับของคุณชินดงชุน ทุกอย่างมันช่างลงตัว

หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาน่าจะถ่ายทำเสร็จเร็วกว่ากำหนดการเดิมประมาณหนึ่งวัน

ในระหว่างนี้เอง

『[ข่าวเด่น] อีวอลซอน นักเขียนชื่อดัง เตรียมอ่านบทภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘รักน้ำค้างแข็ง’ 』

ขณะที่คังวูจินกำลังทุ่มเทให้กับบทบาท ‘ฮันอินโฮ’ อย่างเต็มที่ ข่าวการเตรียมความพร้อมของภาพยนตร์ ‘รักน้ำค้างแข็ง’ ซึ่งอยู่ในช่วงกลางของขั้นตอนก่อนการถ่ายทำก็แพร่สะพัดออกมาแน่นอนว่าชเวซองกุนเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวนี้

“ครับ- ผู้จัดการครับ ฮ่าฮ่า ‘รักน้ำค้างแข็ง’ บทของวูจินนี่เด่นมากเลยนะครับ สมกับที่เป็นผลงานของนักเขียนอีวอลซอนจริง ๆ”

“ก็นะครับ บทก็ดีด้วย ว่าแต่ซีอีโอชเวครับ พวกเรากำลังจะกำหนดตารางการอ่านบทแล้ว ไม่ทราบว่าวูจินว่างหรือเปล่าครับ ช่วงนี้เขายุ่งมากที่สุดเลย”

“รอสักครู่นะครับวันที่ 21 ใช่มั้ยครับ วันที่ 21-”

“แล้วก็ถ้าหากวูจินไม่ว่างไม่ได้เข้าร่วมก็ไม่เป็นไรครับ แต่นักเขียนอยากให้มาเข้าร่วมด้วยจริง ๆ”

“นักเขียนอยากให้ไปเหรอครับ?”

“ครับผม แล้วก็นักแสดงคนอื่นก็อยากเจอวูจินเหมือนกัน”

บทของคังวูจินใน ‘รักน้ำค้างแข็ง’ ใช้เวลาถ่ายทำไม่กี่วัน ถึงแม้ว่าบทนี้จะมีความสำคัญในระดับหนึ่ง แต่โดยปกติแล้วบทแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไปซ้อมบทที่กองถ่ายล่วงหน้าก็ได้

ทว่าตอนนี้คังวูจินยังเป็นแค่มือใหม่นะสิ

การที่นักแสดงหน้าใหม่ไม่เข้าร่วมการอ่านบทถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไร แต่สำหรับเรื่องนี้ ชเวซองกุน ไม่ได้กังวลอะไร เพราะเขาวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว

“ฮ่า ๆ ขอบคุณครับ ผมตั้งใจจะเข้าร่วมอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ แล้วเจอกันวันอ่านบทนะครับ”

“โอเค! อ้อ แล้ววันอ่านบทจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเข้าร่วมด้วยนะครับ”

ที่น่าสนใจคือ ช่วงบ่ายวันนั้นมีข่าวอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอ่านบทละครเรื่อง 'เกาะแห่งผู้สูญหาย'

เมื่อไม่นานมานี้ ชเวซองกุน ก็เพิ่งได้ยินมาว่า ผู้กำกับควอนกีแท็ก เดินทางไปเวียดนามเพื่อหาสถานที่ถ่ายทำ และหลังจากนั้นก็มีการยืนยันกำหนดการอ่านบท นั่นหมายความว่า...

“หืม... ถ่ายทำที่เวียดนามด้วยสินะ”

'เกาะแห่งผู้สูญหาย' จะถ่ายทำทั้งในเกาหลีและเวียดนาม อีกอย่าง ผู้กำกับควอนกีแท็ก ก็ติดต่อมาบอกเขาแล้วว่าเจอสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่เวียดนาม

อย่างไรก็ตาม การอ่านบทละคร 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ที่ยืนยันแล้วคือ

“วันที่ 3 สิงหาคมนี่—”

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม ทำให้ชเวซองกุน ต้องรีบเคลียร์ตารางงานที่แน่นขนัดของคังวูจิน ขณะเดียวกัน ข่าวนี้ก็ถูกส่งไปถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ของ 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ด้วย ไม่ว่าจะเป็น รยูจองมิน ฮายูรา คิมอีวอน ชอนอูชาง และฮงฮเยยอน

สิ่งที่แปลกก็คือ สถานที่อ่านบทที่ทีมงาน 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ประกาศไว้

『[ข่าวหนังเด็ด] ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ หนังฟอร์มยักษ์ ประกาศใช้ฉากถ่ายทำเป็นสถานที่อ่านบท? 』

เซตถ่ายทำขนาดมหึมาถูกเลือกให้เป็นสถานที่อ่านบท

วันที่ 27 กรกฎาคม วันจันทร์

กองถ่ายทำฉากโรงเรียนมัธยมปลายของ ‘เพื่อนชาย’ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ ‘เพื่อนชาย’ จะถ่ายทำกันที่โรงเรียนมัธยมปลาย บทที่ถ่ายทำก็ล่วงเลยจากช่วงแรกเข้าสู่ช่วงกลางเรื่องแล้ว

สถานที่ถ่ายทำถัดไปคือมหาวิทยาลัย

แน่นอนว่าไม่ได้ถ่ายทำกันเฉพาะในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ตามบทที่วางไว้จะมีการถ่ายทำฉากภายนอกสลับกันไปอย่างเหมาะสม ความเร็วในการถ่ายทำนั้นรวดเร็ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปก็สามารถปิดกล้องได้เร็วกว่ากำหนดการที่วางไว้ตอนแรก

ในตอนนั้นเอง

“คัท!! โอเค!! เปลี่ยนมุมกล้องแล้วถ่ายใหม่กันครับ!”

บรรยากาศในกองถ่ายทำนั้นร้อนระอุ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการแสดงของนักแสดง รวมถึงคังวูจินและฮวาลินยังคงดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกันชเวซองกุนก็กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ช่วงนี้น่าแปลกที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังไม่หยุด

ไม่นานนัก

-กึก

ชเวซองกุนที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็หาวหวอดพร้อมกับบิดขี้เกียจ

“อ้า! เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

แต่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ไม่ยอมให้เขาได้พัก

-ตืด ตืด

เสียงเรียกเข้าดังขึ้น ชเวซองกุนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเช็คเบอร์คนที่โทรเข้ามา ปรากฏว่าเป็นคิมโซฮยาง ผู้จัดการทั่วไปของ Netflix เกาหลี เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสาย

“ครับ คุณผู้จัดการ”

ไม่นานนัก

คังวูจินที่ได้รับแจ้งให้รอคิวก็เดินกลับมานั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชเวซองกุนยื่นขวดน้ำให้วูจิน พร้อมกับเอ่ยปากถาม

“วูจิน นายเคยได้ยินรายการทอล์คโชว์ของญี่ปุ่นที่ชื่อ ‘รายการคุยหลังฝน!’ ไหม?”

นั่นมันอะไรกัน คังวูจินไม่ใช่คนดูทีวีอยู่แล้ว เขาไม่มีทางรู้จักรายการญี่ปุ่นหรอก หรือจะบอกว่าคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น

“ไม่ครับ ผมไม่รู้จักครับ”

“เอ่อ... จะว่าไงดี มันก็ประมาณรายการทอล์กโชว์ของชาติญี่ปุ่นน่ะ พูดง่าย ๆ คือ นายได้รับเลือกให้ไปออกรายการ”

“··· เลือกผมเหรอครับ?”

รายการทอล์กโชว์ของญี่ปุ่นเนี่ยนะ? ทำไม? เพราะอะไร? คังวูจินนิ่งเงียบไปด้วยความไม่เข้าใจ ชเวซองกุนที่เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้วจึงพูดต่อ

“ดูจากที่ติดต่อผ่าน Netflix มา คงเป็นเพราะ นิติจิตวิทยา ดังเป็นพลุแตกที่ญี่ปุ่นน่ะสิ”

รายการทอล์กโชว์ของญี่ปุ่นนี่...

“ถ้าโอเค พวกเขาก็จะมาที่เกาหลีเลย”

เรื่องมันเริ่มใหญ่โตแล้วสิ

มาเกาหลีเลยเหรอ? สีหน้าเรียบเฉยของคังวูจินไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมหลังจากที่ได้ยินที่ชเวซองกุนพูด แต่ในใจเขาตอนนี้กำลังตื่นเต้นสุดขีด

‘อะไรกัน ปกติเขาทำกันขนาดนี้เลยเหรอ?’

ทันใดนั้นภาพของผู้กำกับทาโร่ก็ผุดขึ้นมาในหัว คังวูจินคิดตามไปก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ก็ผู้กำกับเคียวทาโร่เองก็บินมาเกาหลีเพื่อเขาตั้งหลายรอบไม่ใช่หรือไง?

‘แต่ว่า นิติจิตวิทยา มันดังที่ญี่ปุ่นขนาดนั้นเลยเหรอ ลองเสิร์ชดูคร่าว ๆ มันก็ติดอันดับหนึ่งตลอดนะ’

ชเวซองกุนรีบยื่นโทรศัพท์มือถือที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ‘รายการคุยหลังฝน!’ ให้เขาดูทันที

“ดูสิ ‘รายการคุยหลังฝน!’ น่ะ ไม่แย่เลยนะ ไม่สิ ตอนนี้ยังไงก็นายควรจะไปออกรายการนี้ เพราะว่าช่วงนี้นิติจิตวิทยาเสเพล กำลังมาแรง แล้วก็ส่งผลดีต่อความนิยมในตัวนายด้วย นอกจากนั้น ‘เพื่อนชาย’ ก็กำลังจะเข้าฉายที่ญี่ปุ่น แล้วยังมีช่อง Youtube อีก”

“ครับ”

“ไม่ว่าจะญี่ปุ่นหรือเกาหลี ก็น่าจะเป็นประเด็นอยู่เหมือนกัน ฉันก็ต้องลองเช็กดูอีกที แต่เท่าที่จำได้ ‘รายการคุยหลังฝน!’ แขกรับเชิญส่วนใหญ่เป็นระดับท็อปทั้งนั้นเลยนะ คังวูจิน นายน่าจะเป็นมือใหม่คนแรกเลยมั้งเนี่ย แถมอาจช่วยเร่งกระแสสื่อด้วย”

เหมือนจะมีข้อดีมากมาย แต่วินาทีนี้ คังวูจินกลับกังวลเรื่องอื่นมากกว่า ‘Sport Day’ ก็ถ่ายทำหนักมากไม่ใช่เหรอ? แล้วยังจะไปญี่ปุ่นอีก? แถมยังไม่ใช่ Youtube ด้วย เป็นรายการทีวีอย่างเป็นทางการอีกต่างหาก

‘แบบนี้มันโอเคหรือเปล่า?’

เรื่องการสื่อสารไม่มีปัญหาหรอก ด้วยบุญคุณของมิติว่างเปล่า ทำให้ตอนนี้เขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยล่ะ แต่ไม่รู้ทำไม นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรก แล้วยังเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในต่างประเทศอีก ทำให้ในใจของวูจินรู้สึก…

‘น่าตื่นเต้น แต่ก็ตื่นเต้นเกิ้นจนแทบอยากจะอ้วก’

ความคาดหวังและความกลัวที่ไม่อาจหาที่มาที่ไปผุดขึ้นมาพร้อมกัน ถ้าเขาออกรายการนี้ ล่ะก็ การเสแสร้งและความเข้าใจผิดต่าง ๆ ก็จะขยายวงกว้างออกไปไกลกว่าเกาหลี ไปถึงญี่ปุ่นเลยทีเดียว แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว เขาก็มาไกลขนาดนี้แล้ว จะไปกลัวอะไรอีกล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น

‘มันก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มนี่นา แค่ไปคุยกันเฉย ๆ’

ช่วงนี้ คังวูจินตัดสินใจแล้วว่าจะโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าเรื่องในอนาคต เพราะความเข้าใจผิดและการคาดเดาที่แพร่กระจายไปทั่ว ทำให้เขารับมือไม่ไหว ชเวซองกุนที่มัดผมหางม้าของเขาอีกรอบเอ่ยปากถาม

“ว่าไง? ‘รายการคุยหลังฝน!’ สนใจไปออกไหม?”

วูจินผงกศีรษะรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ครับ ผมว่าไม่เลวนัก”

ดูเหมือนเขาจะคิดว่า แค่ลองไปดูก่อนก็ไม่เสียหาย ชเวซองกุนจึงยิ้มกว้างพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“ตกลง งั้นเดี๋ยวฉันติดต่อไปบอกเรื่องตารางงาน แล้วให้เขามาเกาหลีเลย”

ตอนนั้นเอง คังวูจินก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

“เอ่อ ผมไปออกคนเดียวเหรอครับ?”

ชเวซองกุนส่ายหน้า เหมือนไม่แน่ใจนัก

“ไม่รู้สิ ฉันยังไม่ได้ยินเรื่องแผนรายการเลย แต่เขาติดต่อมาเรื่องนิติจิตวิทยาเสเพล งั้นจองมินกับฮเยยอนก็น่าจะได้ไปเหมือนกัน แต่ฮเยยอนยังไม่ได้รับการติดต่อเลยนะ ปกติถ้าเป็นฮเยยอน ต้องมีคนทาบทามก่อนนายสิ แต่นี่มีแค่นายที่ได้รับ-”

ชเวซองกุนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็ครุ่นคิด

“หรือว่าจะติดต่อแต่ตัวร้ายอย่างนายนะ สี่คนรวมนายด้วย”

พอได้ยินว่ามีเพื่อนร่วมงานไปด้วย วูจินก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย

‘อ่า คนที่เจอตอนออกอากาศครั้งก่อนน่ะเหรอ ถึงจะไม่ได้สนิทกัน แต่อย่างน้อยก็เคยเจอหน้า คงไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่ งั้นก็โอเค’

แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความดีใจออกมา คังวูจินทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“...”

ชเวซองกุนเห็นแบบนั้นก็นึกว่าเขาหนักใจ จึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หรือว่านายก็ไม่ชอบไปออกรายการเป็นกลุ่ม?”

จบ

_ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร _ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novel_เท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ_หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก. ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด