ตอนที่แล้วบทที่ 111 ดอกซากุระร่วงโรย (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 113 มากมาย (1)

บทที่ 112 ดอกซากุระร่วงโรย (5)


[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]

[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]

[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]

บทที่ 112 ดอกซากุระร่วงโรย (5)

“นักแสดงนำไม่เอาน่ะเหรอ- จะเชิญตัวร้ายงั้นเหรอ?”

ไอเดียที่โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ดูท่าจะไม่เลวนัก เพราะเหล่าผู้กำกับหลักและทีมเขียนบทที่เข้าร่วมประชุม ต่างก็ทำสีหน้าครุ่นคิด

สักพักหนึ่ง

“คุณยูกิดูละครเรื่องนั้นแล้วเหรอครับ?”

ผู้กำกับหลักร่างผอมแห้งเอ่ยถามเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องสงสัยส่วนนักเขียนหญิงตาตี่ที่เป็นคนเสนอไอเดียก็พยักหน้ารับ

“ค่ะฉันดู นิติจิตวิทยา ทาง Netflix ทันทีที่อัพตอนแรกเลยค่ะจริงๆ แล้วฉันเป็นแฟนคลับคุณรยูจองมินน่ะค่ะ”

“ฮ่าๆงั้นเหรอครับละครเรื่องนี้ให้ความรู้สึกยังไงบ้างครับ”

“สนุกดีค่ะพูดตามตรงว่า ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วที่ดูละครแบบรวดเดียวจบคุณผู้กำกับไม่ได้ดูเหรอคะ?”

“ก็ไม่มีเวลาว่างให้ดูน่ะสิครับ”

“อืม- แค่ลองดูตอนแรกก็หยุดดูไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรตติ้งถึงทะลุ 25% ในเกาหลี”

ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วแต่ผู้กำกับหลักก็ยังทำท่าทางตกตะลึงราวกับเพิ่งรู้เป็นครั้งแรก

“···25%เรตติ้ง 25% ในยุคสมัยนี้เนี่ยนะ-น่าอิจฉาชะมัดแต่ก็น่าทึ่งจริงๆ ข้อมูลเบื้องต้นของ นิติจิตวิทยา มีอะไรบ้างครับ”

“นักเขียนบทละครชื่อดังของเกาหลีเป็นคนเขียนบทค่ะ ผู้กำกับระดับตัวท็อปก็ด้วย ที่แปลกใหม่ก็คือยังคงรูปแบบของละครเกาหลีแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่ตัวร้ายในเรื่องมีทั้งหมด 4 คนค่ะ”

นักเขียนบทอีกคนแทรกขึ้น

“ตั้ง 4 คนเลยเหรอ?”

“ใช่ 4 คน ตัวร้าย4 ตอนรวมกันเป็น 16 ตอน”

“อืมแบบนี้เองถึงได้มีหลายตอน แต่คนดูฝั่งเราก็ไม่ได้ต่อต้านสินะ”

“นั่นอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จก็ได้”

นักเขียนหญิงตาตี่ที่ถูกเรียกว่า ยูกิ หันกลับไปสบตากับผู้กำกับอีกครั้ง

“นิติจิตวิทยา นี่ปล่อยมาสิบกว่าวันแล้วยังครองอันดับหนึ่งใน Netflix อยู่นะคะ ตอนนี้เรตติ้งก็ยังพุ่งไม่หยุดเลยค่ะ กระแสแรงมาก ๆ ค่ะตามคอมมูนิตี้หรือ SNS ต่าง ๆ ก็พูดถึงแต่ซีรีส์ นิติจิตวิทยา เต็มไปหมดเลยค่ะ คิดว่าคงไม่ใช่แค่กระแสแป๊บ ๆ แน่ ๆ ค่ะ”

“อืม... แล้วในบรรดาวายร้ายสี่คนนั่น ตอนนี้ใครถูกพูดถึงมากที่สุดเหรอครับ?”

“ก็คงจะเป็นวายร้ายคนแรกที่โผล่มาตอนต้นเรื่องน่ะค่ะ รองหัวหน้าพัค ที่รับบทโดย คังวูจินเขาได้รับคำชมเยอะมาก ทั้งเรื่องการแสดงและวิชวลเลยค่ะ”

PDหนุ่มร่างผอมแห้งเหมือนขาดสารอาหารเอ่ยถามขึ้น ขณะใช้นิ้วเกาแก้มตอบ ๆ ของตัวเอง

“พูดชื่อมาแบบนี้แสดงว่าจำได้แล้วเหรอ?”

“ก็ลองไปเสิร์ชหาดูมาค่ะ ที่เกาหลี คุณคังวูจินเขาดังมาก ๆ เลยนะคะ”

“เหรอครับ นักแสดงนานรึยัง ถ้าอยู่มานานระดับหนึ่งผมต้องรู้จักอยู่แล้วสิ”

“เหมือนจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่นะคะ พวกวายร้ายที่เล่นเรื่อง นิติจิตวิทยา ส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่เกรดบีค่ะ”

“งั้นเหรอ งั้นก็เบาใจไปเรื่องหนึ่งล่ะ เรื่องค่าตัวอะไรพวกนี้ นอกจากคังวูจินคนนั้นนะ”

นักเขียนสาวพยักหน้าหงึกหงัก

“คุณคังวูจินนี่ติดต่อยากน่าดูเลยค่ะ เห็นว่ามีงานเข้าเยอะมากเลยแต่ว่า... ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตัวแพงนะคะฉันว่าเราควรจะต้องดึงเขามาเป็นตัวหลักของรายการให้ได้ค่ะ”

“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าขาดตัวหลักไป งานนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”

รายการทอล์คโชว์ของญี่ปุ่นที่พวกเขากำลังเตรียมงานกันอยู่นั้น มีชื่อว่า‘รายการคุยหลังฝน!’

รายการคุยหลังฝน! เป็นรายการทอล์คโชว์เก่าแก่อายุอานามกว่า 10 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งการเปลี่ยนทีมงานยกชุด หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ แต่ถึงอย่างนั้น รายการคุยหลังฝน! ก็ยังคงอยู่ยืนยงมาได้ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน เหตุผลน่ะเหรอ ง่ายมาก ก็เพราะว่าเรตติ้งยังคงยืนยันอยู่ที่เลขสองหลัก แถมยังเป็นรายการที่ออกอากาศในช่วงเวลาทองอีกต่างหาก

กลุ่มผู้ชมก็มีหลากหลายวัย

ในปัจจุบัน รายการคุยหลังฝน! ออกอากาศในรูปแบบสองช่วง ช่วงแรกเป็นทอล์คโชว์ยาว 30 นาที และอีก 30 นาทีหลังจะเป็นช่วงละครสั้นตลก แต่ทั้งสองช่วงนี้ควบคุมดูแลโดยทีมงานคนละชุดกัน เรียกได้ว่าเป็นรายการสองรายการในรายการเดียวก็คงไม่ผิดนัก

อย่างไรก็ตาม แขกรับเชิญของรายการนี้มักจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ทั้งนั้น

แม้ว่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่จะเป็นดาราญี่ปุ่น แต่ก็มีดาราเกาหลีและดาราต่างชาติมาปรากฏตัวให้เห็นเป็นระยะ เรียกได้ว่าเป็นรายการที่มีอิทธิพลพอตัวในการปลุกกระแสต่าง ๆ และรายการคุยหลังฝน! นี้เอง จะมีช่วงเวลาพิเศษที่จัดขึ้นเดือนละครั้ง ครั้งที่แล้วเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฮอลลีวูด ส่วนครั้งนี้ดูเหมือนว่าทีมงานจะปิ๊งไอเดียอยากทำ ‘ละครเกาหลีรายสัปดาห์’

เอาล่ะ!

“กระแสเกาหลีก็ยังคงฮิตติดลมบนมาหลายปีแล้ว ถ้าเราเกาะกระแสทำ ‘ละครเกาหลีรายสัปดาห์’ ล่ะก็-”

PDพึมพำกับตัวเองพลางมองไปในอากาศ

“ก็นั่นน่ะสิครับ ถึงจะไม่เท่า KPOP แต่ KDrama เองก็มาแรงไม่ใช่เล่น ถ้าเราหยิบยก นิติจิตวิทยา มาเป็นประเด็น แค่นี้ก็เรียกความสนใจจากผู้ชมได้มากโขแล้ว ผมเห็นด้วยครับ เอา ‘ละครเกาหลีรายสัปดาห์’ เป็นตัวเลือกแรกไปก่อน แล้วค่อยเริ่มหาข้อมูลกัน”

“ครับ!”

“เอาล่ะ - ตอนนี้ไปเช็กกับทาง Netflix ก่อนว่ากระแสซีรีส์เรื่อง นิติจิตวิทยา มันประมาณไหน รวบรวมข้อมูลมาให้หมด ทั้งจากข่าว บทความในโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ รวมถึงคอมเมนต์ต่างๆ”

“ฝั่งเกาหลียด้วยไหมคะ?”

“แน่นอน ต้องเช็กอยู่แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่นิติจิตวิทยาออกอากาศยันวันจบเลย”

งานงอกขึ้นมาในพริบตา

“อ้อ แล้วก็เช็กดูด้วยว่านักแสดงหลักตัวร้าย 4 คนด้วยนะ ทั้งฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลีเขาเป็นยังไงบ้าง โดยเฉพาะ คังวูจิน ต้องเน้นเป็นพิเศษ”

PDที่กำลังสั่งงานลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

“อ๊ะ แล้วก็ต้องมีล่ามด้วยสิ”

ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ประเทศเกาหลี

กองถ่าย ‘เพื่อนชาย’ ที่กำลังวุ่นวาย ผู้กำกับชินดงชุนกำลังอธิบายฉากสั้นๆ พร้อมกับยื่นบทให้คิมแดยอง เขาตั้งใจฟังคำอธิบายอย่างจริงจัง ทว่าหากการแสดงของเขาไม่เข้าตา ก็คงโดนถอดออกอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งคิมแดยองเองก็รู้ดี

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของ คังวูจิน ‘นักแสดงนำ’ ก็เป็นเรื่องใหญ่

ไม่มีใครในกองถ่ายกล้าคัดค้าน วูจินได้แต่กอดอกมองคิมแดยองเพื่อนรักที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างเงียบๆ ราวกับไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน

‘เอาจริงดิ นี่จริงจังขนาดนี้เลย? เออ ก็จริง เราไม่เคยเห็นตอนมันทำงานจริงจังๆ นี่หว่า’

ทันใดนั้น

“อะไรเนี่ย อยู่ๆ ก็”

ชเวซองกุนตบไหล่วูจินเบาๆ

“เห็นปกติก็ไม่ค่อยคุยกับเพื่อน แต่นี่ถึงขนาดแนะนำให้มาเล่นเป็นตัวประกอบเลยเหรอเนี่ย?”

วูจินตอบคำถามด้วยคำถาม

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ปัญหา? ปัญหาอะไร มีด้วยเหรอ? ยังไงแดยองเขาก็แค่มารับบทสนับสนุนนิ”

“แต่ก็นะ... จู่ๆ ก็มาทำอะไรแบบนี้ มันแปลกๆ นี่นา มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า?”

“···เขาเคยฝันถึงเรื่องการแสดงครับ ตอนนี้ก็ยังฝันถึงอยู่ ไม่รู้เหมือนกันแหละครับ”

“ฝัน? อ่า... จริงสิ เขาเคยบอกว่าเป็นสมาชิกชมรมการแสดงนี่”

“ใช่ครับ”

ในขณะที่วูจินตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และหันกลับมามองคิมแดยองอีกครั้ง ชเวซองกุนที่อยู่ๆ ก็มีรอยยิ้มพิมพ์ใจขึ้นบนใบหน้า จากนั้นก็เข้ามาโอบไหล่วูจินไว้ ก่อนจะเขย่าเบาๆ

“ฮ่าๆๆๆ นายนี่จำเรื่องแบบนั้นของเพื่อนได้ด้วยเหรอ? จริงๆ เลยนายคนนี้ ชอบทำตัวซึนเดเระแปลกๆ ทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วยังแคร์อยู่ลึกๆ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าเขาเหมาะสมกับสถานการณ์ เลยเสนอไปเท่านั้นเอง”

“แบบนั้นแหละที่เรียกว่าซึนเดเระไง ไอ้หนุ่ม”

“···อย่างนั้นเหรอครับ?”

ณ สถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของฮวาลินที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ด้านหลังคังวูจินก็

‘คอยดูแลเอาใจใส่ทั้งๆ ที่ยังทำหน้านิ่งและเย็นชา’

หัวใจมันเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะระเบิดออกมา ถึงขั้นที่ว่าถ้ามีคนมาบอกให้เธอเป็นติ่งคังวูจินไปตลอดชีวิต เธอก็คงพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่ลังเลเลยทีเดียว

‘แบบนี้แหละที่ทำให้ผู้หญิงใจละลาย’

แน่นอนว่าคังวูจินไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นเลย

ทันใดนั้นเอง

“เอาล่ะๆ! แดยอง ถ้าพร้อมแล้วก็มาซ้อมกันก่อนเลย!”

ผู้กำกับชินดงชุนประกาศเริ่มการถ่ายทำ

หลังจากที่ทีม ‘เพื่อนชาย’ ซ้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มถ่ายทำจริงฉากแรกทันที โดยฉากหลังเป็นพื้นที่เปลี่ยวๆ ด้านหลังอาคาร ที่เต็มไปด้วยถุงขยะที่อัดแน่นและอุปกรณ์การเรียนที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งบางส่วนก็เป็นของที่ทีมงานเตรียมไว้ และบางส่วนก็เป็นของที่โรงเรียนทิ้งไว้จริงๆ

จากนั้น

“นักแสดงทุกท่าน โปรดเตรียมตัวด้วยครับ!”

เสียงตะโกนของผู้ช่วยผู้กำกับดังขึ้น เหล่านักแสดงก้าวเข้ามาประจำตำแหน่งหน้ากล้องที่จัดเตรียมไว้แล้ว ทุกคนสวมชุดนักเรียนมัธยมปลาย รวมถึงคิมแดยองร่างยักษ์ด้วยมีทั้งหมดหกคน แบ่งเป็นชายสามหญิงสาม

ทุกคนดูมีท่าทางกวนๆ

นักแสดงสมทบทั้งหกคนรับบทเป็นนักเรียนเกเรประจำโรงเรียน ผู้ชายจึงปลดกระดุมเสื้อนักเรียนอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนผู้หญิงก็แต่งหน้าจัดและสวมชุดนักเรียนรัดรูป

และในที่สุด

“อีโบมินเสร็จแล้วค่ะ!”

อีโบมินหรือก็คือฮวาลินในชุดนักเรียนหลวมๆ ผมยาวถูกรวบเป็นหางม้า เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มนักเรียนเกเรทั้งหกการปรากฏตัวของเธอทำให้การจัดตำแหน่งนักแสดงเสร็จสมบูรณ์ ผู้กำกับชินดงชุนซึ่งนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ส่งสัญญาณให้ทีมงาน

“กล้อง!”

“โอเค”

“เสียง!”

“เรียบร้อยครับ!”

ผู้กำกับชินดงชุนตรวจสอบไฟจากนั้นก็ตะโกนผ่านโทรโข่ง

“เทค แอ็กชัน!”

ทันทีที่ได้รับสัญญาณ สีหน้าเรียบเฉยของนักเรียนเกเรทั้งหกก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาดุดัน คิมแดยองกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคนเดินถอยหลังไปพร้อมกับสบถคำหยาบ ทิ้งให้สามสาวเข้าประชิดตัวอีโบมินที่ยืนนิ่ง

“เฮ้ย อีโบมิน”

หญิงสาวยืนอยู่หน้าสุดมีจมูกที่โด่งเป็นพิเศษ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“คนอื่นชมว่าเธอน่ารัก เธอก็คิดว่าทุกคนชอบเธอว่างั้น?”

คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความก้าวร้าว แต่อีโบมินกลับเพียงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า นัยน์ตาของเธอฉายแววเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้

“...”

“นี่ แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? น่าโมโหชะมัด รำคาญจนอยากไล่ไปไม่ไกล พวกเราไม่อยากเห็นหน้าเธออีก เข้าใจไหม?”

หญิงสาวที่ขมวดคิ้วอยู่พลันยกยิ้มเยาะเย้ย เธอยกกล่องนมช็อกโกแลตที่เตรียมมาขึ้นมาจรดริมฝีปาก ทำท่าจะดื่มแต่กลับเทราดลงบนศีรษะของอีโบมิน

-ซู่

นมช็อกโกแลตสีน้ำตาลไหลอาบศีรษะ ใบหน้าเลอะเปรอะเสื้อนักเรียนของอีโบมินกล้องซูมออกจากใบหน้าที่เบิกกว้างของอีโบมินอย่างช้าๆ เผยให้เห็นทั้งตัวของเธอ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงดูเหมือนแม้แต่เธอผู้แก่นแก้วก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

จากนั้นกล้องก็เคลื่อนอีกครั้งจับภาพหญิงสาวหัวโจกที่โยนกล่องนมเปล่าลงพื้นอย่างไม่ใยดี

“ทำไม ไม่ชอบรึไง แค่แบ่งให้กินไง”

หญิงสาวหัวโจกหัวเราะคิกคักเพื่อนๆ รอบข้างก็หัวเราะตาม แม้แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลังก็ยังยิ้มเยาะเย้ย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด

ทันใดนั้นเอง

-ฟิ้ว!

กล่องนมพุ่งมาจากที่ไหนสักแห่งด้วยความเร็วสูงราวกับลูกเบสบอล กระแทกเข้าที่สีข้างของหญิงสาวหัวโจกอย่างจัง

-กึก!!

กล่องนมส่งเสียงดังสนั่นของเหลวสีขาวกระจายราวกับระเบิด ดูเหมือนจะเป็นนมจืด แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น กล่องนมอีกกล่องพุ่งมาจากทิศทางเดิมกระแทกเข้าที่ศีรษะของเธออย่างจัง

ของเหลวสีสวยสาดกระเซ็นอีกครั้ง

คราวนี้น่าจะเป็นนมสตรอว์เบอร์รี เพราะสีที่เห็นไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีชมพู ใบหน้าและเสื้อนักเรียนของหญิงสาวหัวโจกเปรอะเปื้อนไปด้วยนมจืดและนมสตรอว์เบอร์รี เธอส่งเสียงกรีดร้องราวกับจะขาดใจ

“กรี๊ดดดด!!! อะไรเนี่ย!!!”

กลุ่มชายฉกรรจ์สะดุ้งสุดตัวหันขวับไปยังต้นเสียงพร้อมกันกล้องเคลื่อนตามไปยังทิศทางที่กล่องนมลอยมา

“อืม”

คังวูจินหรือต้องพูดว่า ‘ฮันอินโฮ’ กำลังยืนนิ่งอยู่ในท่าทางเหมือนเพิ่งขว้างลูกบอลเสร็จพร้อมกับเอ่ยประโยคเรียบเฉย

“สไตรค์”

ผู้กำกับชินดงชุนเอ่ย "คัท!" เสียงดังฟังชัด ทีมงานจึงเริ่มจัดเตรียมฉากใหม่อีกครั้ง

ฉากนี้เริ่มตั้งแต่ฮันอินโฮปากล่องนมไปข้างหน้าราวกับลูกเบสบอล

ฮันอินโฮในท่าทางของพิชเชอร์ค่อย ๆ ก้าวเท้ากล้องถอยหลังไปข้างหน้าเขาช้า ๆ

“······”

ฮันอินโฮเดินตรงไปหาอีโบมินโดยไม่พูดอะไรกลุ่มนักเรียนชายอันธพาลจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ส่วนกลุ่มนักเรียนหญิงอันธพาลก็ส่งเสียงดังโวยวายไม่หยุดแต่ฮันอินโฮก็ไม่ได้สนใจ

-สวบ

เขายืนอยู่ตรงหน้าอีโบมินที่เปียกชุ่มไปด้วยนมช็อกโกแลต สายตาของเขามองลงไปที่เธออย่างเงียบงันริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อนักเรียนออกแล้วนำไปเช็ดใบหน้าของเธออย่างเบามือ การกระทำของเขาดูรวดเร็วปราดเปรียว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนดูทื่อ ๆ ทว่าเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกดี ๆ

นั่นแหละคือท่าทางของเขาตอนนี้

ไม่นานฮันอินโฮก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและพูดกับอีโบมินด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ร้อนหรือเปล่า?”

“···อะไรนะ!!”

“ก็เธอโดนอาบน้ำนมนี่ ฉันก็เลยถามว่าร้อนเหรอถึงทำแบบนี้?”

“ไม่รู้”

“เช็ดสิ”

ฮันอินโฮยื่นเสื้อนักเรียนให้กับอีโบมิน ก่อนจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นเองกลุ่มนักเรียนชายอันธพาลก็ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าเขาไว้ ฮันอินโฮมองพวกเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาไร้ซึ่งชีวิตชีวาและใบหน้าของเขาก็เรียบเฉย

“หืม-”

ทว่าเบื้องหลังแววตาอันเงียบสงบแฝงไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธพลังของมันรุนแรงมาก แต่เขาก็สามารถควบคุมมันเอาไว้ได้อย่างน่าทึ่ง เขาสามารถควบคุมความโกรธที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในใจและแสดงออกอย่างเหมาะสม

คิมแดยองหนึ่งในนักเรียนอันธพาลร่างยักษ์รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า

‘ละเอียดอ่อนชะมัด······ไมสิ ละเอียดอ่อนโคตรๆ ไอ้หมอนี่แสดงดีเป็นบ้า-ทั้งที่ต้องเก็บกดความรำคาญและความโกรธแค้น แต่แค่มองหน้าก็สัมผัสได้’

ขนลุกเลยทีเดียว แน่นอนว่าผู้กำกับชินดงชุนที่กำลังมองจอมอนิเตอร์ก็รู้สึกไม่ต่างกัน

‘ถึงจะพยายามควบคุมอารมณ์อยู่ แต่มันก็ทำได้ยาก เพราะงั้นเลยมีบางครั้งที่ความรู้สึกปะทุออกมาทางแววตา ใช่แล้ว ถูกต้อง นี่แหละฮันอินโฮ คนที่ทำอะไรก็ดูเชื่องช้าไปหมด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าอิจฉา’

ทันใดนั้นเอง

-ฟิ้วว!!

เด็กสาวหัวโจกหน้าแหลมคนหนึ่งปา กล่องนมเปล่าที่ตัวเองกินหมดแล้วใส่ฮันอินโฮอย่างแรง แต่ฮันอินโฮก็เอี้ยวหัวหลบได้ทันควัน

กล่องนมจึงไปปะทะเข้ากับใบหน้าของอีโบมินอย่างจัง

“โอ๊ย!!!”

อีโบมินร้องลั่น ส่วนฮันอินโฮก็ยกมือขวาขึ้นมาชูให้เธออย่างเนือยๆ

“ขอโทษทีนะ ก็ฉันมันตอบสนองไวอ่ะ”

“ไอ้บ้าเอ๊ย!”

“เอ่อ ก็... ขอบใจที่รับคำขอโทษนะ”

แล้วเด็กหนุ่มหัวโจกร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือคิมแดยองนั่นเอง เขาคว้าไหล่ฮันอินโฮแล้วหมุนตัวเขามาอย่างแรงเด็กหนุ่มร่างยักษ์แสยะยิ้มอย่างผ่อนคลาย

“ได้ข่าวว่าเป็นผัวเมียกันไม่ใช่เหรอ?”

“เปล่าซะหน่อย”

ชินดงชุนลูบคางหลังจากได้ยินประโยคแรกของคิมแดยอง

‘อืม- ก็ไม่เลวนี่ เสียงพูดได้ โทนกำลังดี’

เด็กหนุ่มหัวโจกร่างยักษ์กระชากคอเสื้อของฮันอินโฮที่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อย ทำให้เสื้อยืดสีขาวที่ฮันอินโฮใส่เป็นเสื้อตัวในยืดขึ้นมาเผยให้เห็นช่วงท้องที่ดูแน่นตึงขึ้นมาเล็กน้อย

และแล้วบทพูดของคิมแดยองก็มาถึง

“งั้นมาลองทดสอบความอึดกันหน่อยเป็นไง คุณผัว”

แม้จะเป็นสถานการณ์คับขัน แต่บนใบหน้าของฮันอินโฮกลับไม่ปรากฏแม้แต่น้อยนิดของความหวาดหวั่น เขากลับเหลือบมองไปที่ต้นแขนล่ำสันของชายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ทดสอบ? ไม่ใช่ฆ่ากันหรอกเหรอ? แบกกล้ามปูมาแบบนี้คิดจะทำอะไร”

“ไอ้บ้านี้”

ชายร่างยักษ์สบถเสียงเย็นยะเยียบ กำลังจะง้างหมัดขนาดมหึมาเข้าใส่

- ซวบ

ฮันอินโฮผู้มีสีหน้าเรียบเฉยยกนิ้วชี้ขึ้นด้านบน

“ก่อนจะเหวี่ยงหมัดมา ลองมองขึ้นไปข้างบนดูก่อนสิ”

ทันใดนั้น ทุกสายตาก็หันขึ้นไปด้านบน ยกเว้นฮันอินโฮ แน่นอนว่ารวมถึงกล้องวงจรปิดด้วย ที่หน้าต่างชั้นสองซึ่งเปิดอยู่ ปรากฏหัวของใครบางคนที่ถูกโกนจนโล้นเลี่ยนลอยเด่นอยู่

“······ไอ้พวกนี้”

ใช่แล้ว นั่นคือหัวของครูใหญ่

เช้าวันรุ่งขึ้น ณ บริษัทบันเทิง BW

บริษัทบันเทิง BW คึกคักไปด้วยพนักงานที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเร่งรีบวุ่นวาย

“ค่ะ! อ่า คุณวูจินเหรอคะ? ขอโทษนะคะ รบกวนส่งรายละเอียดมาทางอีเมลได้ไหมคะ!”

“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับคิมคะ ดิฉันจาก BW นะคะ คือเรื่องสัมภาษณ์คุณฮเยยอนน่ะค่ะ?”

“นี่ลงข่าวแบบนี้ แล้วยังจะมาทำมึนใส่กันอีกเหรอคะ คุณนักข่าวเคยเห็นหน้าคุณวูจินบ้างหรือเปล่าคะ ไม่เคยเห็นใช่ไหมล่ะ”

“ค่ะ รับทราบค่ะ เรื่องติดต่องานใช่ไหมคะ เดี๋ยวส่งเรื่องให้ฝ่ายผู้จัดการนะคะ”

ทุกคนต่างวุ่นวายกับการรับโทรศัพท์และเคาะแป้นพิมพ์ ไม่มีแม้เวลาพักหายใจ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงขาขึ้นของบริษัทบันเทิง BW เพราะคังวูจินกับฮงฮเยยอน บริษัทจึงอยู่ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดเท่าที่เคยมีมา และท่ามกลางบรรยากาศอันแสนวุ่นวายของฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทบันเทิง BW

“······อืม”

หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์หวีผมเรียบแปร้ไปด้านหลัง พลางถอนหายใจขณะมองหน้าจอโน้ตบุ๊ก ในตอนนี้เขากำลังตรวจสอบโซเชียลมีเดียและชุมชนออนไลน์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคังวูจิน การตรวจสอบปฏิกิริยาต่อคังวูจิน นักแสดงในสังกัด ที่พลิกโฉมวงการบันเทิงเกาหลีไปแล้ว ถือเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่ง เขาต้องรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สะดุดตา

แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ตอนนี้สีหน้าของหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์กลับมีความกังวลใจปะปนอยู่กับความจริงจัง

สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่โพสต์ของชุมชนแห่งหนึ่ง

‘คอมเมนต์คล้ายๆ กันแบบนี้ก็เห็นมาบ้างแล้ว แต่แบบนี้มันโพสต์ที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย?’

หัวข้อของโพสต์นั้นเขียนไว้ว่า

-[ฉันเรียนมัธยมปลายโรงเรียนเดียวกับคังวูจิน เขาคนละคนกับตอนนี้เลยㅇㅇ]

ดูเหมือนว่าเจ้าของโพสต์จะรู้จักกับคังวูจินเป็นอย่างดี

จบ

_ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร _ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novel_เท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ_หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก. ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด