ตอนที่แล้วบทที่ 109 ดอกซากุระร่วงโรย (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 111 ดอกซากุระร่วงโรย (4)

บทที่ 110 ดอกซากุระร่วงโรย (3)


[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]

[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]

[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]

บทที่ 110 ดอกซากุระร่วงโรย (3)

วันนี้ฮวาลินตั้งใจอย่างแน่วแน่ ตั้งแต่ตอนที่มาถึงกองถ่าย ตอนซ้อมกับผู้กำกับชินดงชุน และกระทั่งก่อนถ่ายทำจะเริ่มขึ้น แม้ว่าตอนที่คังวูจินยืนอยู่ตรงหน้า เธอจะหวั่นไหวไปบ้างก็ตาม

แต่จิตใจของเธอในวันนี้แตกต่างจากทุกที

‘อุปสรรค หรือวิกฤตที่เป็นความลับของฮวาลินที่คนอื่นไม่รู้ ฉันจะฝ่าฟันมันไปให้ได้!’

‘ไม่เป็นไร ฮวาลิน ทำตัวสบายๆ เหมือนคุณวูจิน! ตอนนี้เธอเป็นอีโบมิน!’

ทว่า ความตั้งใจอันแน่วแน่ของฮวาลินก็พังทลายลง

ฟึบ

ในวินาทีที่ใบหน้าของเธอกับคังวูจินอยู่ใกล้กันจนแทบจะสัมผัสกัน ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรย ความตั้งใจของเธอก็พังทลายลง เหมือนควันที่จางหายไป ราวกับว่าไม่เคยมีความตั้งใจอันแน่วแน่ตั้งแต่แรก

ใบหน้าของคังวูจินอยู่ใกล้จนเธอได้ยินเสียงลมหายใจ ใกล้ขนาดนี้เคยเห็นกันมาก่อนหรือเปล่านะ? ดวงตาของเขาสวยจัง ดวงตาของวูจินที่จ้องมองฮวาลินนั้นเต็มไปด้วยความรัก เป็นสายตาที่สามารถสื่อความรู้สึกของเขาได้โดยไม่ต้องเอื้อนคำพูดใดๆ

‘ห่วงใย ปกป้อง ดูแล รัก’

ในชั่วขณะหนึ่ง ความรักอันมากมายก็ประเดประดังเข้ามาในใจของฮวาลิน เธอรู้ว่านี่คือการแสดง ฮวาลินรู้ตัวดี แต่เธอก็ยังคงถูกดึงดูดเข้าไปสู่ดวงตาที่ลึกซึ้งและอ่อนหวานคู่นั้น

‘เมื่อวานเพิ่งถ่ายคัตแรกไปเอง นี่เพิ่งจะเริ่มอินก็วันนี้เอง ทำไมถึงมีแรงดึงดูดมากขนาดนี้นะ? ใครก็ได้ช่วยที’

ฮันอินโฮในบทอยู่ตรงหน้า ฮวาลินเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะรับมือกับความรักที่รุนแรง หรือการแสดงของวูจินยังไงดี แม้จะเป็นสถานการณ์นิ่งเฉยที่แค่สบตากัน แต่ความรู้สึกที่ส่งถึงกันนั้นช่างบ้าคลั่ง มันโอบกอดร่างกายของฮวาลินไว้ทั้งหมด

กับคนอื่นมันอาจจะหวานแหวว แต่สำหรับฮวาลินมันเหมือนการจู่โจม

ในตอนที่พยายามอย่างยากลำบากเพื่อรักษา ‘อีโบมิน’เอาไว้ ฮวาลินก็รู้สึกตัว

‘...พังแล้ว’

ทุกอย่างมันพังเพราะเธอเอง ตัวเธอคงไม่อาจเป็น ‘ยอดแฟนคลับตัวยง’ ที่สมบูรณ์แบบได้ และเรื่องนี้มันก็ปรากฏต่อหน้าเธอรวดเร็ว

กึก

ในตอนที่จิตใจของฮวาลินกำลังสับสน ฮันอินโฮที่อยู่ตรงหน้าก็รุกคืบ ฝ่ากลีบซากุระที่ร่วงหล่นลงบนมือเธอ อีโบมิน หรือฮวาลิน ไม่สามารถตอบสนองใดๆ ได้

‘มาแล้ว กำลังมาแล้ว’

แม้จะรู้ดีว่าอะไรกำลังมาถึง แต่หัวใจก็แทบจะระเบิด รู้สึกได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากของฮันอินโฮ ในชั่วขณะนั้นฮวาลินรู้สึกราวกับร่างกายหยุดทำงาน สมองถูกรีเซ็ตเป็นกระดาษเปล่า

เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ?

“อึก!”

ฮวาลินสะอึกออกมา เสียงดังไม่น้อยเลย ฮวาลินรีบปิดตาลง สุดท้ายก็ทำฉากพัง แถมยังทำตัวงี่เง่าแบบนี้สินะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมปล่อยริมฝีปากที่ประกบกับคังวูจิน

‘...’

ความรู้สึกนี้ใกล้เคียงกับการเสพติด ลองคิดดูสิ การจุ๊บริมฝีปากกับคนที่เราชื่นชอบ ใครจะไปคิดได้อย่างปกติกันล่ะ เพราะแบบนี้เสียงสะอึกของฮวาลินถึงไม่หยุด

“อึก!”

คังวูจินที่กำลังจุ๊บริมฝีปากกับเธออยู่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความสับสน

‘แบบนี้ถือว่าด้นสดสินะ? หรือไม่ใช่นะ? อ๊ะ งงชะมัด’

สัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปาก กลิ่นหอมหวานของสตรอว์เบอร์รี และอะไรต่อมิอะไร ทำให้คังวูจินครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะเสียงสะอึกของฮวาลิน เขาไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องจริงหรือแค่การแสดง ควรจะหยุดดีไหมนะ? อยากจะหยุดอยู่หรอก แต่เขาก็ต้องมีสติ รู้สึกได้ทันทีว่าถ้าทำตัวไม่ถูกต้องมีหวังได้เรื่องแน่

‘อ๊าช่างเถอะ ตอนนี้ฉันก็แค่แสดงตามบทก็พอ’

เอาล่ะ ตัดสินใจได้แล้ว ตอนนี้ลุยต่อเลย

ประมาณนี้แหละ

“ผะ ผู้กำกับครับ ทำไมจู่ๆ เธอถึงสะอึก? นั่นมัน... คุณฮวาลิน เหมือนจะเล่นพลาดนะครับ?”

ทีมงานที่กำลังดูทั้งคู่อยู่ในฉากต่างพากันตกใจ ก็แน่ล่ะสิ เพราะหลังจากริมฝีปากแตะกัน ฮวาลินก็มีท่าทีแปลกๆ ไป

“แต่ทำไมถึงมาสะอึกเอาตอนนี้ล่ะ?”

“ตื่นเต้นหรือเปล่า?”

“วันนี้คุณฮวาลินดูสงบกว่าทุกทีแท้ๆ”

“ดูก็รู้เลยว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ผู้กำกับไปถามหน่อยไหมครับ?”

ใครๆ ก็ดูออกว่าฮวาลินเล่นผิดคิว เพราะในบทไม่มีตอนที่เธอสะอึกสักหน่อย แต่ทำไมกันนะ

“...ไม่เป็นไร ถ่ายต่อเลย ไม่ต้องคัท”

“ครับ?”

ผู้กำกับชินดงชุนจ้องมองวูจินกับฮวาลินผ่านทางจอมอนิเตอร์โดยไม่มีทีท่าว่าจะสั่งคัทเลยสักนิด เขาลูบกรามตัวเองเบาๆ

“ผมว่าเธออาจจะจงใจก็ได้”

“หมายความว่าด้นสดอย่างนั้นเหรอ? แบบนั้นน่ะนะ?”

“อืม ดูจากที่วูจินยังคงเล่นต่อเนื่องแบบนี้ คังวูจินเจ้าแห่งการแสดงคนนั้นไม่มีทางไม่รู้หรอกว่าฮวาลินเล่นผิดคิว ถ้าเธอไม่ได้เล่นพลาดจริงๆ ล่ะก็ลองคิดดูสิครับ ท่าทางของ ‘อีโบมิน’ ตอนนี้ก็เหมือนกับช็อกสุดขีดกับการกระทำของเพื่อนสนิทอย่างมากเลยนะครับ”

ผู้กำกับชินดงชุนคาดการณ์ว่าการสะอึกของฮวาลินเป็นความตั้งใจ ภาพที่ถ่ายทำออกมาก็เหนือความคาดหมาย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการมีอยู่ของคังวูจิน วูจินยอมรับความผิดพลาดนี้เอาไว้ ความเข้าใจผิดอันแสนเข้มข้นจึงปกคลุมกองถ่ายราวกับหมอกควัน

“······ ว้าว จะว่าไปพอคิดดูแล้ว แบบนี้ก็ดูเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เป๊ะเลยนะครับเนี่ย”

“อีโบมินตกใจกับจูบของฮันอินโฮจนสะอึก ฮ่าๆ ภาพก็ออกมาตลกดีนะคะ”

ความผิดพลาดของฮวาลินถูกเนรมิตใหม่ให้กลายเป็นเมธอดแอ็กติงโดยไม่ตั้งใจด้วยฝีมือของวูจิน

ณ ตอนนั้น

ฟึบ

คังวูจินค่อยๆ ปล่อยจูบออกอย่างเชื่องช้า ในขณะเดียวกัน ฮวาลินก็คร่ำครวญอยู่ในใจ

‘ต้องขอโทษก่อน’

เธอต้องยอมรับความผิดพลาดของตัวเองต่อวูจินและทีมงาน แต่เมื่อฮวาลินสบตากับวูจินตรงหน้า

“······!”

เเต่เธอกลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหตุผลมันง่ายมาก ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คังวูจิน ใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคิดและความเจ็บปวดที่สับสนปนเป ความสับสนที่ฉายชัดออกมาจากดวงตา ริมฝีปากสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความกังวล มือที่สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

เขาคือฮันอินโฮตัวจริงเสียงจริง

ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวูจินถึงยังคงแสดงต่อทั้งที่ฉันทำผิดพลาด? แถมความรู้สึกที่ส่งออกมายังรุนแรงกว่าเดิมอีก ในตอนนั้น ฮันอินโฮก็เอ่ยประโยคสั้นๆ ออกมา ราวกับว่าเขาตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของเธอ

“อ๊ะ”

มันคือประโยคที่อยู่ในบทเป๊ะๆ ในตอนนั้นเอง ฮวาลินก็เข้าใจ

‘เขาอยากให้ฉันแสดงต่อ เขาส่งสัญญาณว่าไม่เป็นไร เล่นต่อไปเถอะ’

คังวูจินโอบกอดเธอ ความคิดนั้นมันชัดเจนว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เพราะแบบนั้น ฮวาลินถึงได้สงบลงได้สะที แม้แต่สะอึกสะอื้นก็หยุดลงแล้ว เช่นนั้นก็ไปให้สุดทางกัน ฮวาลิน หรือต้องพูดว่าอีโบมินมองฮันอินโฮที่เธอเคยคิดว่าเป็นเพื่อน เอามือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองเอาไว้

จากนั้นก็สะอึกสะอื้นอีกครั้ง

“ฮึก!”

ครั้งนี้ไม่ใช่ของจริง เป็นการแสดง และบทพูดที่ถูกกำหนดเอาไว้

“ไอ้… บ้า”

ทันใดนั้น สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจของอีโบมินก็ไหลรินออกมาเป็นสาย ความรู้สึกที่พยายามปิดบัง ละเลย และหลีกหนีมาตลอด ถูกปลดปล่อยออกมาโดยฝีมือของฮันอินโฮ

ทนไม่ไหวแล้ว

ในที่สุด อีโบมินก็…

“ฮึก!”

เธออ้าแขนทั้งสองข้างออก ก่อนจะพุ่งเข้าหาฮันอินโฮด้วยความเร็วที่แทบจะเรียกว่ากระโจนใส่ ด้วยความสูงที่ต่างกัน เธอจึงต้องกระโดดขึ้นไป

กึก!

แขนของอีโบมินโอบรอบคอของฮันอินโฮ ไล่ตั้งแต่ไหล่ขึ้นไป ดวงตาของฮันอินโฮเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ร่างของเธอพุ่งเข้ามาหาอย่างกับรุนแรง เขารับร่างนั้นไว้โดยอัตโนมัติ

กล้องซูมเข้าไปที่ฮันอินโฮและอีโบมินที่อยู่ใกล้กันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว

ทั้งคู่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไป ต่างจากฉากจูบเมื่อสักครู่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและเร่าร้อนราวกับถูกไฟช็อต ฉากจูบนี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน ใบหน้าของทั้งคู่เคลื่อนไหวสอดประสาน ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบตัวร้อนระอุ

คำว่า ‘จัดจ้าน’ คงเหมาะกับฉากนี้ที่สุด

ชินดงชุน ผู้กำกับ และทีมงานต่างพากันอ้าปากค้าง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

‘ดี! ดีมาก! แบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าจัดจ้าน! โอ๊ย… ภาพสวยมาก’

‘ว้าว… เด็ดสะระตี่’

‘ไม่บ่อยนักหรอกนะ ที่มินิซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้จะมีฉากแบบนี้ คนดูคงช็อกกันไปข้างแน่?!’

คิมแดยองผู้อวบอ้วนยืนอ้าปากค้างอยู่ท่ามกลางทีมงาน ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

‘บ้าไปแล้ว... แม่งโคตรน่าอิจฉา’

ฉากสำคัญที่ถ่ายทำเสร็จสิ้นไปหมาดๆ นั้นช่างสมบูรณ์แบบ ถ่ายทำไปเพียงสิบกว่าวินาที ผู้กำกับชินดงชุนก็ได้ภาพที่น่าประทับใจ

“คัท!!!”

เขาผุดลุกขึ้นตะโกนก้องผ่านโทรโข่ง

“โอเค!! โอเค!!”

ผู้กำกับชินดงชุนชูสองนิ้วโป้งให้ด้วยความพอใจ เหล่าทีมงานต่างปรบมือด้วยความประทับใจ วูจินกับฮวาลินที่ยืนประชิดกันก็ค่อยๆ ผละออกจากกัน ฮวาลินกระแอมไออย่างเขินอาย

“เอ่อ อืม”

คังวูจินมองไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้ดูเคร่งขรึมอะไร

‘เมื่อกี้มันอะไรกันนะ จำไม่ค่อยได้เลยแฮะ’

เขายังคงสับสนว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นคือความจริงหรือเป็นเพียงภาพลวงตา ความรู้สึกเร่าร้อนเมื่อครู่ยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปาก

ทันใดนั้น

“คุณวูจิน! คุณฮวาลิน!!”

ผู้กำกับชินดงชุนวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น

“สุดยอดมาก! นี่มันต้องดังระเบิดแน่ๆ! คุณฮวาลิน นั่นด้นสดใช่มั้ยครับ?”

ฮวาลินลังเลเล็กน้อย คังวูจินจึงเป็นฝ่ายตอบแทน

‘อย่างที่คิด ด้นสดสินะ’

เขากลับมาสู่ความเยือกเย็นดังเดิมและพึมพำเบาๆ

“ผมว่ามันทำให้ฉากดูสมจริงขึ้นเยอะเลยนะครับ”

“เห็นด้วย! อารมณ์ตกใจของอีโบมินต่อการกระทำกะทันหันของฮันอินโฮมันออกมาดีมาก”

ในตอนนั้น ความชื่นชมที่ฮวาลินมีต่อคังวูจินก็ทวีคูณขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า

‘เขาปกปิดความผิดพลาดของฉันด้วยการด้นสดเนี่ยนะ?······วูจินชักนำให้ฉันผ่านฉากนี้ไปได้ เขาช่วยฉัน’

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้าแววตา หรือทักษะการแสดง

‘วูจินต้องรู้แน่ๆ เลยว่าฉันพลาด รู้อยู่แล้วสิ แต่เพราะสถานการณ์มันเป็นใจ เขาเลยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ดึงฉันเข้าไป แล้วก็แสดงต่อแบบเนียนๆ’

ฮวาลินยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา

‘ทั้งไหวพริบ สัมผัสในการแสดง ความเข้าใจในตัวนักแสดงร่วม ทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์ไปหมดเลย สุดยอด สมกับเป็นวูจิน สุดจริง’

ความรู้สึกชื่นชมของแฟนคลับผสมกับความเข้าใจผิด ทำให้ความคิดของเธอเริ่มเลยเถิด และแล้ว ผู้กำกับชินดงชุนที่กำลังมองคังวูจินกับฮวาลินด้วยความพอใจก็เอ่ยปากขึ้น

“เมื่อกี้นี้เล่นดีมากเลย แต่เอาจริงๆ ผมอยากดูแบบที่ไม่มีสะอึกด้วย ลองเล่นอีกเทกแบบเดิมเป๊ะๆ นะครับ”

ฮวาลินพยักหน้าทันที เธอพร้อมลุยสุดๆ

“ค่ะ ผู้กำกับ”

ส่วนวูจิน ถึงแม้สีหน้าจะเรียบเฉย แต่เขาก็ตอบรับคำขอของผู้กำกับ

“···ครับ”

ในใจเขากำลังอ้าปากค้าง

‘อีกแล้วเหรอ?! ให้เล่นอีกแล้วเหรอ?! จริงดิ?!’

แน่นอนว่าเขายินดีเป็นอย่างยิ่ง

‘ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ’

จากนั้น

ฉากจูบสุดเร่าร้อนของคังวูจินกับฮวาลินก็ดำเนินต่อไป คราวนี้เป็นไปตามบทที่ผู้กำกับชินดงชุนต้องการ อีโบมินวิ่งถือดอกซากุระมา

“ดูสิ”

“จะให้ดูอะไร”

“อะ! ดมนี้ดูสิ ลองดมกลิ่นสิ!”

จากนั้นทั้งคู่ก็จูบกัน แน่นอนว่าคราวนี้ฮวาลินไม่ได้สะอึก และจูบกันอย่างดูดดื่ม การแสดงของนักแสดงทั้งสองไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย

ทว่า…

“คัท! NG!! พัดลมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเนี่ย?!”

กลีบซากุระที่ควรจะร่วงปลิวไสวตามฉากหลังหายไปอย่างไร้ร่องรอย ก็เพราะพัดลมตัวหนึ่งเกิดหยุดทำงานขึ้นมา ฉะนั้น

“รีบไปตรวจสอบกันเถอะครับ! คุณวูจิน! คุณฮวาลิน! ขอโทษด้วยนะครับ ดูเหมือนว่าเราจะต้องกลับไปถ่ายทำกันอีกรอบ!”

ฉากจูบครั้งที่สามได้รับการยืนยันให้ถ่ายทำอีกครั้ง แม้แต่หลังจากที่ซ่อมพัดลมตัวนั้นเสร็จแล้วก็ตาม

“คัทๆ! NG! บีมไมค์ลงมาทำไมน่ะ?! มันโผล่เข้าไปในมอนิเตอร์นะ! ยกขึ้นๆ!”

มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจากทีมงาน พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ

“เอาใหม่ๆ! เริ่มใหม่ครับ!”

ฉากจูบครั้งที่สี่ แน่นอนว่าคังวูจินทำเป็นทำใจได้สบายๆ แต่ความจริงแล้วเขาคิดว่า ต่อให้เขาจะเข้าไปกอดทีมงานที่ทำผิดพลาด เขาก็ทำได้

‘ขอบคุณจริงๆ จากใจ’

และผลลัพธ์ก็คือ

“คัท!! โอเค!!”

ฉากจูบสุดเร่าร้อนนี้ ได้รับการยืนยันว่าโอเคในที่สุดหลังจากถ่ายทำใหม่ไปถึงห้าครั้ง มันเป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงจริงๆ และวูจินก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ความรู้สึกมึนงงของเขาเย็นชาลง เพราะถ้าไม่ระวัง เขาอาจจะเผลอยิ้มออกมาจริงๆ จากนั้นตัวตนของเขาอาจถูกชาวเน็ตคอมเมนต์โจมตี จนกลับกลายเป็นพิษร้ายไปเสียเอง

ซึ่งหลังจากจบแล้วก็…

“เหนื่อยหน่อยนะครับ คุณฮวาลิน”

คังวูจินกล่าวทักทายสั้นๆ กับฮวาลินที่กำลังให้ทีมงานแต่งหน้าแก้ไขอยู่ ฮวาลินเองก็ตอบกลับอย่างใจเย็น

“ค่ะ คุณวูจินก็เช่นกัน แล้วก็ขอบคุณนะคะ”

“ครับ? ขอบคุณเรื่องอะไรหรือครับ?”

เธอพูดด้วยเสียงกระซิบเบาๆ

“ที่ช่วยปิดเป็นความลับให้ค่ะ”

เธอคงหมายถึงเรื่องที่เธอทำผิดพลาด แต่วูจินไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม การถามกลับไปก็ดูแปลกๆ เพราะเพิ่งจะถ่ายทำฉากจูบอันเร่าร้อนจบไปหมาดๆ ตอนนี้เขาควรจะทำตัวให้ดูเท่เข้าไว้

“อ่า ครับ”

หลังจากตอบกลับด้วยท่าทางเคร่งขรึม วูจินก็หันหลังกลับ ตอนนี้เป็นคิวถ่ายเดี่ยวของฮวาลินแล้ว คังวูจินต้องรอ วูจินเดินกลับไปที่เก้าอี้ใต้ร่มเงา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ฮู่-”

และแล้วเขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวอันน่าจดจำที่เพิ่งผ่านพ้นไป ราวกับภาพยนตร์ฉายซ้ำ รอยสัมผัสอ่อนนุ่มยังคงติดตรึงอยู่บนริมฝีปาก ในจังหวะนั้นเอง ชเวซองกุน ก็ปรากฏตัวขึ้น

“วูจิน เหนื่อยไหม?”

ไม่เลย ทำไมต้องเหนื่อยล่ะ? มันใกล้เคียงกับคำว่า 'สุขล้น' เสียมากกว่า วูจิน พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ ผมว่าฮวาลินต่างหากที่เหนื่อย”

“คึคึ สมเป็นนายจริงๆ เล่นฉากจูบร้อนแรงขนาดนั้น ยังทำหน้าตายได้อีก ฮวาลินคงเสียใจแย่”

“...”

“เอาล่ะ นี่ อ่านซะ ทำความคุ้นเคยไว้”

ชเวซองกุนยื่นปึกกระดาษบางๆ ให้

“เนื้อเพลงที่แก้ไขแล้ว ร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน”

มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับช่อง Youtube ของคังวูจิน

22 มิถุนายน ดานัง เวียดนาม

ในขณะที่เกาหลีใต้เวลาประมาณ 11 โมงเช้า แต่ที่ดานัง ประเทศเวียดนาม เพิ่งจะเลย 9 โมงเช้ามาเล็กน้อย อากาศร้อนอบอ้าว แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ก็สัมผัสได้ถึงไอแดดแผดเผาถนนหนทางในดานังเต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์

ไม่ว่าประเทศไหนๆ ภาพความวุ่นวายในยามเช้าก็คงไม่ต่างกัน

และที่ดานังแห่งนี้เอง ทีมงานถ่ายทำจากเกาหลีใต้เพิ่งเดินทางมาถึง พวกเขากำลังเดินฝ่าดงป่าทึบเพื่อไปยังสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งต้องข้ามสะพานยาวเหยียดไป

จำนวนสมาชิกในทีมราวๆ สิบห้าคน

ทุกคนสวมหมวกซาฟารีเพื่อบังแดด ชายร่างท้วมแก้มยุ้ยที่เดินนำหน้าตะโกนบอกทุกคน

“แถวๆ นี้โอเคไหมครับ?!”

ชายร่างท้วมสวมเสื้อยืดสีเทาที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาคือผู้จัดการกองถ่ายผู้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทำต่างประเทศ

หน้าที่ของผู้จัดการกองถ่ายมีมากมาย

ในฐานะที่เป็นคนคอยดูแลประสานงานในพื้นที่ เขามีหน้าที่เสาะหาสถานที่ถ่ายทำตามบทภาพยนตร์ติดต่อประสานงานกับผู้คนในพื้นที่รวมไปถึงการเตรียมทีมงานในพื้นที่ที่จำเป็นสำหรับการถ่ายทำ เขาต้องจัดการทุกอย่างที่ต้องใช้ในการถ่ายทำต่างประเทศ

จะว่าไปแล้วการถ่ายทำต่างประเทศก็เหมือนโยนงานทั้งหมดไปให้ผู้จัดการกองถ่ายเป็นคนดูแลก็ไม่ปาน

“ใครเป็นคนรับผิดชอบแถวนี้!”

เสียงตะโกนของเขาดังขึ้นท่ามกลางทีมงานสิบห้าชีวิตชายร่างท้วมในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นผมสีดอกเลามองไปรอบๆใบหน้าของเขาคือ ควอนกีแท็ก ผู้กำกับชื่อดังใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

แต่แววตาที่ใช้สำรวจสถานที่กลับเฉียบคม

“······อืม”

ต้นไม้และพุ่มไม้เขียวชอุ่มราวกับภาพวาดเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ดังมาแต่ไกลกลิ่นอับชื้นแมลงที่บินวนอยู่รอบๆ บ้านร้างที่อยู่ไกลออกไปสายลมร้อนที่พัดผ่านต้นไม้

ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของผู้กำกับควอนกีแท็ก

‘แบบนี้มันดีกว่าถ่ายในสตูดิโอแน่นอน’

ภาพฉากมากมายของ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เริ่มปรากฏขึ้นราวกับภาพพาโนรามาเบื้องหน้าเขา

จบ

_ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร _ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novel_เท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ_หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก. ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด