ตอนที่แล้วตอนที่ 169 หลอมรวมพรสวรรค์ [ใจนักรบ] สำเร็จ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 171 พรสวรรค์ระดับ SS [ลมหายใจมังกร]!

ตอนที่ 170 วัสดุวิวัฒนาการของวาฬเกล็ดทองเงาขาว! (ฟรี)


ตอนที่ 170 วัสดุวิวัฒนาการของวาฬเกล็ดทองเงาขาว!

ไป๋จื่ออันกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

การที่สัตว์วิญญาณของเขาได้รับทักษะเนตรสวรรค์ ทำให้การผจญภัยต่อจากนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น

ดังนั้นเขาจึงอยากจะหาทักษะอื่นๆ มาเสริมพลังให้กับสัตว์วิญญาณของเขา

นอกจากนี้ ไป๋จื่ออันยังคิดที่จะไปหาเฟิ่งเฉียนหยู

เขาชอบพรสวรรค์ระดับ S [เปลวอัคคี] มาก

ประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้เขาเห็นถึงพลังของพรสวรรค์ [เปลวอัคคี]

ตอนนี้ลิงยางตัวน้อยหลอมรวมพรสวรรค์ [ใจนักรบ] ได้สำเร็จแล้ว ไป๋จื่ออันจึงไม่จำเป็นต้องเก็บพรสวรรค์ [ใจนักรบ] เอาไว้

ยังไงซะ ตอนที่เขาต้องการใช้พรสวรรค์ [ใจนักรบ] เขาก็แค่ยืมมาจากลิงยางตัวน้อย

ยิ่งไปกว่านั้น โลกใบใหม่กำลังจะมาถึง

ไป๋จื่ออันจะต้องเข้าไปในโลกใบใหม่เพื่อฝึกฝนอย่างแน่นอน

การที่เขาสามารถแชร์พรสวรรค์ [เปลวอัคคี] มาใช้ได้ จะช่วยเสริมพลังให้กับอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองได้อย่างมหาศาล

ตอนนี้อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองสามารถปราบปรามสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นกลางได้

ถ้าได้รับพรจากพรสวรรค์ [เปลวอัคคี] บางทีมันอาจจะเอาชนะสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นสูงได้

นี่เป็นตัวช่วยเหลือที่สำคัญสำหรับไป๋จื่ออัน

นี่คือแผนการของไป๋จื่ออันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“เกือบลืมไปแล้ว”

“ฉันต้องเตรียมวัสดุวิวัฒนาการให้กับวาฬเกล็ดทองเงาขาวด้วยสิ”

ไป๋จื่ออันนึกอะไรบางอย่างออก

ตอนที่เขาอยู่ที่เทือกเขาวายุคำราม วาฬเกล็ดทองเงาขาวสังหารแมงมุมวายุคำรามของผู้ใช้สัตว์วิญญาณหัวล้านได้สำเร็จ มันเลื่อนขั้นเป็นระดับทองแดงขั้นสูง

แบบนี้วาฬเกล็ดทองเงาขาวก็ห่างจากระดับเงินแค่ระดับเดียวเท่านั้น

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับไป๋จื่ออัน

ตราบใดที่เขาเต็มใจ เขาสามารถทำให้มันเลื่อนขั้นได้ทุกเมื่อ

ตอนที่วาฬเกล็ดทองเงาขาวเลื่อนขั้นเป็นระดับทองแดงขั้นสูงสุด มันจะวิวัฒนาการขั้นที่สาม

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ไป๋จื่ออันจะต้องเตรียมวัสดุวิวัฒนาการให้กับมัน

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็ใช้ [เนตรหยั่งรู้] ตรวจสอบเงื่อนไขในการวิวัฒนาการขั้นที่สามของวาฬเกล็ดทองเงาขาว

“เขาราชันย์พิษของวาฬเกล็ดม่วง นี่คือวัสดุหลักที่ใช้ในการวิวัฒนาการขั้นที่สามของวาฬเกล็ดทองเงาขาวเหรอเนี่ย?”

ไป๋จื่ออันพึมพำ เขารู้คำตอบแล้ว

เหมือนกับเมื่อก่อน การวิวัฒนาการขั้นที่สามของวาฬเกล็ดทองเงาขาวยังคงต้องการวัสดุหลากหลายชนิด

วัสดุเสริมอื่นๆ นั้นหาง่าย

แต่เขาราชันย์พิษของวาฬเกล็ดม่วง มันหายากมาก

วาฬเกล็ดม่วงเป็นแค่สัตว์วิญญาณธาตุน้ำระดับทองคำที่อาศัยอยู่ในทะเล

มันไม่ต่างอะไรจากวัสดุวิวัฒนาการอื่นๆ

แต่วาฬเกล็ดม่วงเขาราชันย์พิษนั้นแตกต่างออกไป

ถึงแม้ว่ามันจะต่างกันแค่คำเดียว แต่มันก็แตกต่างกันมาก

วาฬเกล็ดม่วงเขาราชันย์พิษคือราชาของเผ่าวาฬเกล็ดม่วง

ถึงแม้ว่าวาฬเกล็ดม่วงเขาราชันย์พิษจะเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับทองคำ แต่มันก็มีพลังเทียบเท่าได้กับระดับเพชร

ยิ่งไปกว่านั้น การที่จะเจอราชาสัตว์วิญญาณในเผ่าวาฬเกล็ดม่วงนั้นเป็นเรื่องยาก

บางทีอาจจะต้องใช้เวลานานหลายสิบปีกว่าจะเจอตัว

มันมีพลังเทียบเท่าได้กับระดับเพชร แถมยังหายากอีก

ดังนั้นวัสดุนี้จึงไม่ค่อยปรากฏตัวในตลาด

ด้วยเหตุนี้ ไป๋จื่ออันจึงรู้สึกปวดหัว

เขาไม่คิดเลยว่าการวิวัฒนาการขั้นแรกของปลาเกล็ดขาว การเปลี่ยนจากปลาเป็นวาฬ จะยากขนาดนี้

“ถึงแม้ว่ามันจะหายาก ฉันก็ต้องหามันให้เจอ”

“ยังไงซะ ถ้าหาไม่เจอ วาฬเกล็ดทองเงาขาวก็ไม่สามารถวิวัฒนาการได้”

ไป๋จื่ออันมีสายตาแน่วแน่ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกปวดหัว แต่มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็เรียกพ่อบ้านมาทันที เขาบอกชื่อวัสดุทั้งหมดให้พ่อบ้านฟัง จากนั้นก็สั่งให้พ่อบ้านใช้พลังของตระกูลไป๋ตามหามัน

“แค่ใช้พลังของตระกูลไป๋คงไม่พอ ฉันต้องออกไปตามหาด้วยตัวเอง”

“ตอนนี้ฉันมีพรสวรรค์ [โชคลาภ] โชคของฉันคงจะไม่แย่ขนาดนั้นหรอก”

ไป๋จื่ออันพึมพำ

จริงๆ แล้ว ไป๋จื่ออันไม่ได้กังวลเรื่องนี้เท่าไหร่

พรสวรรค์โชคของเฉียวกู่ไป๋นั้นทรงพลังขนาดไหน ไป๋จื่ออันรู้ดี

แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับตำนาน เธอก็ยังเก็บมาได้

พรสวรรค์โชคของเฉียวกู่ไป๋มันโกงมาก

ตอนที่เขากลับมาที่เมืองไป๋หลิน ไป๋จื่ออันก็ได้คัดลอกพรสวรรค์ [โชคลาภ] มาเรียบร้อยแล้ว

นั่นหมายความว่าตอนนี้ไป๋จื่ออันก็มีพรสวรรค์โกงๆ นี้

บางทีถ้าไป๋จื่ออันไปเดินเล่นที่ตลาด เขาก็อาจจะเจอเขาราชันย์พิษของวาฬเกล็ดม่วงก็ได้

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็รู้สึกตื่นเต้น

ไป๋จื่ออันรีบออกเดินทางไปที่ตลาด

แต่เขายังไม่ทันจะได้เริ่มสำรวจ

ไป๋หยา คนรับใช้ของตระกูลไป๋ ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ไป๋จื่ออัน

“คุณชายจื่ออัน ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่งให้ท่านไปพบท่านขอรับ”

ไป๋หยากล่าวด้วยความเคารพ

“ตอนนี้เลยเหรอ?  คุณปู่มีเรื่องอะไรเหรอ?”

ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย ทำไมอยู่ๆ ไป๋จิ้งฉงถึงได้เรียกเขาไปหา?

ตอนนี้ไม่น่าจะมีเรื่องเร่งด่วนอะไรนี่นา

“คุณชายจื่ออัน มีคนจากโลกต้นกำเนิดมาขอรับ”

ไป๋หยาลดเสียงลงก่อนจะบอกกับไป๋จื่ออัน

ไป๋จื่ออันเข้าใจทันที

ลูกหลานของตระกูลไป๋จากโลกต้นกำเนิดเดินทางมาถึงมิติลับหมื่นรังไหมแล้ว

ไป๋จิ้งฉงจึงให้ไป๋จื่ออันไปรับพวกเขา

ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

ทำไมพวกเขาถึงมาเร็วขนาดนี้?

จากที่ไป๋จิ้งฉงบอก พวกเขาน่าจะมาถึงในอีกสามวัน

ถึงแม้ว่าไป๋จื่ออันจะใช้เวลาในการช่วยลิงยางตัวน้อยหลอมรวมพรสวรรค์ [ใจนักรบ] ก็จริง

แต่มันก็ไม่น่าจะถึงสามวัน

หรือว่าโลกต้นกำเนิดจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

พวกเขาจึงต้องรีบมาที่นี่?

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของไป๋จื่ออัน

ส่วนเรื่องที่ว่ามันจะเป็นจริงรึเปล่านั้น ไป๋จื่ออันก็ไม่รู้

แต่ในเมื่อพวกเขามาถึงแล้ว ไป๋จื่ออันก็ต้องไปต้อนรับพวกเขา

ยังไงซะ นี่ก็เป็นคำสั่งของไป๋จิ้งฉง เขาจะผิดสัญญาได้ยังไง?

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็ไม่พูดอะไรมากมาย เขาติดตามไป๋หยาไป

ช่องว่างมิติที่เชื่อมต่อระหว่างโลกต้นกำเนิดกับมิติลับหมื่นรังไหมไม่ได้อยู่ไกล

เพราะช่องว่างมิตินี้อยู่ในเมืองไป๋หลิน

พูดให้ถูกก็คือ ช่องว่างมิตินี้อยู่ข้างๆ ค่ายทหารทางตอนเหนือของเมืองไป๋หลิน

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะมีเหตุผลบางอย่าง

พูดให้ถูกก็คือ ช่องว่างมิตินี้ปรากฏขึ้นก่อน แล้วเมืองไป๋หลินถึงจะถูกสร้างขึ้น

มนุษย์เดินทางมาจากโลกต้นกำเนิดมายังมิติลับหมื่นรังไหมผ่านช่องว่างมิติ

จากนั้น มนุษย์ก็เริ่มสร้างฐานที่มั่นขึ้นมา โดยใช้ช่องว่างมิติเป็นจุดศูนย์กลาง

สาเหตุที่พวกเขาต้องทำแบบนี้ก็เป็นเพราะการวางแผนเชิงกลยุทธ์

มนุษย์ต้องควบคุมช่องว่างมิติ ป้องกันไม่ให้มันถูกทำลายโดยสัตว์วิญญาณป่า

อีกอย่าง ถ้าเกิดเรื่องอันตรายขึ้น มนุษย์ก็สามารถใช้ช่องว่างมิติที่อยู่ในเมืองหลักเดินทางกลับไปที่โลกต้นกำเนิดได้

ด้วยเหตุนี้ เมืองไป๋หลินจึงปรากฏตัวขึ้น

แน่นอนว่ามิติลับหมื่นรังไหมมีเมืองหลักเจ็ดแห่ง

นั่นหมายความว่าการเชื่อมต่อระหว่างโลกต้นกำเนิดกับมิติลับหมื่นรังไหมมีช่องว่างมิติเจ็ดแห่ง

นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยาก

บางทีอาจจะเป็นเพราะการเชื่อมต่อระหว่างมิติลับหมื่นรังไหมกับโลกต้นกำเนิดนั้นใกล้ชิดกันมากขึ้น

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไป๋จื่ออัน

ไม่นาน ไป๋จื่ออันก็มาถึงค่ายทหารทางตอนเหนือของเมืองไป๋หลิน

ภายในค่าย ทหารผู้ใช้สัตว์วิญญาณกำลังฝึกฝนกันอย่างขะมักเขม้น

ข้างๆ ค่ายทหารมีอาคารหลังใหญ่ตั้งอยู่

อาคารหลังนี้ดูเหมือนกับประตูเมือง

แต่อีกฝั่งหนึ่งของประตูเมืองนั้นไม่ใช่กำแพง แต่เป็นเมฆสีดำ มันดูวุ่นวายและมองไม่เห็น

ประตูนี้คือประตูมิติที่เชื่อมต่อกับโลกต้นกำเนิด

“หยุดก่อน คุณชายเสี่ยวอัน ที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้าม โปรดกลับไป”

ชายชราผมขาว ที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าไป๋จื่ออัน เขาขวางทาง

ตามปกติแล้ว ทหารในค่ายทหารจะคอยดูแลช่องว่างมิติตลอด 24 ชั่วโมง

ถ้าไม่มีเอกสารอนุญาต ผู้ใช้สัตว์วิญญาณทั่วไปไม่มีทางเข้ามาใกล้ที่นี่ได้

ต่อให้เป็นไป๋จื่ออัน ก็ไม่มีสิทธิพิเศษ

ถ้าไม่มีเอกสารอนุญาต ไป๋จื่ออันก็ไม่สามารถเข้าไปได้

จะเห็นได้ว่าสหพันธ์จิ่วโจวและเมืองไป๋หลินให้ความสำคัญกับช่องว่างมิติมาก

“ท่านปู่ไป๋ซือ ท่านปู่เป็นคนสั่งให้ฉันมาที่นี่ ฉันมีเอกสารอนุญาต”

ไป๋จื่ออันไม่ได้โกรธที่ชายชราผมขาวขวางทางเขา เขากลับยิ้มออกมา

พูดตามตรง ชายชราผมขาวคนนี้ก็คือคนรับใช้ของตระกูลไป๋

ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ซือยังเป็นคนรับใช้ที่พิเศษมาก

พูดให้ถูกก็คือ เขามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋ในโลกต้นกำเนิด

ตระกูลไป๋มีธรรมเนียมในการส่งผู้คุ้มกันมา มันเป็นธรรมเนียมของตระกูลไป๋

ในฐานะที่เป็นลูกหลานของตระกูลไป๋ ไป๋จิ้งฉงก็มีธรรมเนียมแบบนั้น

ไป๋ซือคือผู้คุ้มกันของไป๋จิ้งฉง

ตอนที่ไป๋จิ้งฉงเดินทางมายังมิติลับหมื่นรังไหม ไป๋ซือก็ติดตามเขามาด้วย

พูดได้เลยว่าไป๋ซือคือผู้อาวุโสของไป๋จื่ออัน

พลังของไป๋ซือนั้นแข็งแกร่งมาก

พลังของเขาเทียบเท่าได้กับไป๋จิ้งฉงในอดีต เขาเป็นถึงผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นสูงสุด

พูดได้เลยว่าไป๋ซือคือไพ่ตายของตระกูลไป๋

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะช่องว่างมิติมีความสำคัญมาก ไป๋จิ้งฉงจึงให้ไป๋ซือมาดูแลที่นี่

ดังนั้นไป๋จื่ออันจะไม่มีทางทำตัวเป็นคุณชาย

อีกอย่าง การที่ไป๋จื่ออันมาที่นี่ก็เป็นเพราะคำสั่งของไป๋จิ้งฉง เขามีเอกสารอนุญาตอยู่แล้ว

ไป๋จื่ออันจึงไม่ต้องกังวลอะไร

พอไป๋จื่ออันพูดจบ ไป๋หยาก็รีบหยิบเอกสารอนุญาตออกมา

“ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เข้ามาเถอะ”

หลังจากที่ไป๋ซืออ่านเอกสารอนุญาตเสร็จ เขาก็ยิ้มออกมา

“ท่านปู่ไป๋ซือ ท่านสบายดีมั้ยครับ?”

ช่องว่างมิติยังไม่ได้เปิด คนของตระกูลไป๋ยังเดินทางมาไม่ถึง ไป๋จื่ออันจึงใช้เวลานี้ทักทายไป๋ซือ

“ข้ายังคงแข็งแรงดี แต่คุณชายล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”

“จากที่ท่านปู่เล่ามา ดูเหมือนว่าคุณชายจะเก่งขึ้นมาก เลื่อนขั้นเป็นระดับเงินแล้วสินะ?”

ไป๋ซือยิ้ม เขาทักทายไป๋จื่ออัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด