บทที่ 33 ไปหาผู้อำนวยการ
จางเยว่ยิ้มให้ครูคนนั้นพร้อมกับโบกมือ “ฉันไม่ได้มีฝีมืออะไรหรอก แค่ทำให้อร่อยได้ก็เพราะวัตถุดิบดีเท่านั้น”
จากนั้นเธอก็หันไปบอกกับหลิวซินซิน “ซินซิน ลองชิมดูหน่อยว่าถูกปากไหม”
หลิวซินซินได้ยินก็ใช้ช้อนตักข้าวพร้อมกับผักเล็กน้อยใส่ปาก
รสหวานอมเปรี้ยวและเค็มเล็กน้อยผสมผสานกันกระตุ้นต่อมรับรสในปาก กลิ่นหอมเข้มข้นและรสชาติสดใหม่อร่อยล้ำ
ข้าวและผักกลิ้งไปมาในปากสองสามทีแล้วก็กลืนลงท้อง
หลังจากนั้นเธอก็ตักอีกคำ อีกคำ และอีกคำ
พอหลิวซินซินรู้สึกตัวอีกที อาหารทั้งหมดในจานและข้าวก็หมดเกลี้ยงไปแล้ว
ครูสวีและครูอีกห้าคนที่อยู่รอบๆ ก็หยุดกินและจ้องดูหลิวซินซินทานข้าวจนคำสุดท้ายหมดไป
จากนั้นทั้งหมดก็หันมามองที่จางเยว่
“ครูจาง นี่คุณซื้อผักพิเศษมารึเปล่า? ซื้อจากร้านไหน? ฝากซื้อให้ฉันบ้างได้ไหม”
ครูสวีถามด้วยความตื่นเต้น
เธอเป็นกังวลมากที่เด็กที่เธอรักไม่สามารถกินข้าวได้ เพราะถ้าไม่อยากอาหารก็จะกิน
น้อย ถ้ากินน้อยก็จะขาดสารอาหาร และถ้าสารอาหารไม่เพียงพอจะกระทบต่อผล
การเรียน โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สำคัญนี้
ก่อนหน้านี้เธอคิดจะสั่งผักพิเศษจากซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นสูงในราคากิโลกรัมละ 39.9
หยวนอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เธอยังรู้ว่าจางเยว่กำลังกินยาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ไม่อยากอาหาร
เธอจึงคิดว่าจางเยว่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อผักพิเศษจากร้านค้า
แต่คำตอบของจางเยว่คือ “ครูสวี ผักนี่ไม่ใช่ผักพิเศษอะไรหรอก แค่ผักท้องถิ่น
ธรรมดาๆ น่ะ”
แล้วเธอก็ติดขัดไปชั่วครู่ตอนที่พูดถึงส่วนสำคัญ ทำให้ครูชวียิ่งเร่ง “แล้วอะไรล่ะ?
คุณรีบพูดมาเถอะ”
จางเยว่รู้ว่าครูชวีเป็นคนใจร้อน จึงไม่ใส่ใจและพูดเร็วขึ้นเพื่ออธิบายสิ่งที่ติดค้างในใจ
ทั้งหมด
“ผักพวกนี้ฉันไม่เคยเห็นในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือในตลาดทั่วไปเลย เจอแค่ที่เดียวที่ขาย
และขายแพงมาก กิโลกรัมละ 15 หยวน แถมยังเลือกชนิดผักไม่ได้อีกด้วย เขาให้ผัก
อะไรมาก็ต้องเอาตามนั้น ทุกอย่างราคาเดียวกัน นอกจากนี้เขายังไม่ขายนอกสถานที่
ต้องนัดหมายเวลาแล้วเขาจะนำมาส่งให้เอง”
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ว่าเลือกไม่ได้ เพียงแต่สามีของจางเยว่ไม่เคยขอเลือก
จึงทำให้หลัวอี้หางจัดผักให้ตามใจตัวเอง
จางเยว่ไม่ได้กล้าบอกว่าราคานี้เป็นราคาที่สามีขี้เล่นของเธอเอ่ยออกไปแบบลอยๆ
และทางนั้นก็ตอบตกลงแบบลอยๆ เช่นกัน ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างไม่จริงจังเลย
เมื่อฟังคำอธิบายของจางเยว่แล้ว ครูสวีขมวดคิ้วแล้วพึมพำ “มันก็ลึกลับดีนะ”
จากนั้นก็ถามต่อ “แล้วคุณหามาจากไหน?”
“เจ้าของผักร้านนี้รู้จักกับสามีฉันน่ะ”
“เอ่อ...” คำตอบนี้ทำเอาครูชวีถึงกับไปต่อไม่ถูก เพราะมันฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับ
การลึกลับแบบที่เธอคิดไว้เลย แท้จริงแล้วมันก็แค่การดูแลเพื่อนเท่านั้นเอง
แต่การดูแลเพื่อนก็ยังขายในราคา 15 หยวน แล้วถ้าขายจริงๆ ล่ะจะราคาเท่าไหร่?
เธอหันไปมองหลิวซินซินที่ตอนนี้กินอิ่มแล้วและนั่งเงียบๆ พร้อมกับกอดขวดน้ำอยู่
บนตัก ใบหน้าผอมจนแทบจะเห็นโครงหน้าเล็กๆ ของเด็กสาว
เมื่อเห็นแบบนั้น ครูสวีก็หันไปถามจางเยว่ “ครูจาง ผักแบบนี้ยังซื้อได้อีกไหม?”
จางเยว่ตอบว่า “ได้สิ”
คำพูดยังไม่ทันขาดคำ ครูสวีก็ตบเข่าลุกขึ้นยืน “ครูจาง ไปกับฉัน ไปหาผู้อำนวยการ
กันเถอะ ให้โรงเรียนเราสั่งผักจากร้านนี้อย่างน้อยก็ให้ผ่านช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้
ไปก่อน”
ครูคนอื่นๆ พอได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ ไปหาผู้อำนวยการเถอะ แม้ว่าจะ
แพงก็ต้องซื้อ เพราะเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ เอง จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”
พวกเธอต่างก็สอนชั้นมัธยมปลายปี 3 และใครๆ ก็มีลูกศิษย์ที่รักมากอยู่ และบางคนก็
มีนักเรียนที่เริ่มกินอะไรไม่ลงเหมือนหลิวซินซิน
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่นักเรียนที่รักมาก แต่นักเรียนมัธยมปลายปี 3 ทุกคนต่างก็มีความ
กดดันมาก อาการเบื่ออาหาร กินไม่ลง คลื่นไส้ และแม้กระทั่งเกลียดอาหารเป็นเรื่อง
ปกติที่ส่งผลต่อผลการเรียน
ถ้าผักพวกนี้สามารถแก้ปัญหาได้ พวกเธอก็ต้องทำทุกวิถีทางให้โรงเรียนซื้อผักนี้มา
ให้ได้ เพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำคัญที่สุด
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเหล่าครูที่พร้อมจะไปบุกห้องผู้อำนวยการ จางเยว่จึง
รีบห้ามไว้
“เดี๋ยวก่อนๆ พรุ่งนี้คนขายผักคนนั้นเชิญฉันกับสามีไปที่บ้านของเขา เพื่อไปเที่ยวและ
เก็บผักด้วย พรุ่งนี้ฉันจะเก็บมามากหน่อย แล้ววันมะรืนวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่นักเรียน
มัธยมปลายปี 3 มีเรียน ฉันจะเอามาให้เด็กๆ ลองกินดู ถ้ามันได้ผลจริงค่อยไปหาผู้
อำนวยการดีไหม?”
ครูสวีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็มองว่าเป็นแผนที่ดี เธอจึงนั่งลงและกำชับจางเยว่ “โอเค งั้นคุณลองไปดูก่อนว่าที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ผักทั้งหมดเป็นแบบนี้ไหม ปริมาณเท่าไหร่
มีผักกี่ชนิด พยายามซื้อมาให้เยอะที่สุดแล้วนับไว้ด้วย เดี๋ยวฉันจะให้ฝ่ายการเงินเบิก
จ่ายคืนให้”
จางเยว่พยักหน้าตอบตกลง
และในใจก็คิดว่า ครูชวีสมแล้วที่เป็นหนึ่งในสองครูพิเศษของโรงเรียนมัธยมปลาย
หมายเลขสาม คำพูดช่างหนักแน่นจริงๆ บอกว่าจะไปหาผู้อำนวยการก็จะไป บอกว่าจะ
ให้ฝ่ายการเงินเบิกจ่ายก็ให้เบิก
เมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นครูพิเศษแบบนั้นบ้างนะ
...
ขณะนั้น หลัวอี้หางยังไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามา
วันนี้ทั้งวันเขาใช้เวลาอยู่บนเขากับหลัวเฉิง เพื่อเก็บเห็ดจูหลิง
เมื่อวานตอนกลับถึงบ้าน หลัวอี้หางบอกเรื่องการขายเห็ดจูหลิงและเรื่องที่วันเสาร์คนจะมารับของให้หลัวเฉิงและจางกุ้ยฉินฟัง ทั้งสองคนตกใจมาก
หลัวเฉิงถึงกับอุทานออกมาอย่างดีใจ “อะไรนะ?? เห็ดจูหลิงที่เราเคยปลูกทิ้งไว้บน
เขาเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนี้ขายได้อีกครั้งละ 150 หยวนแล้วเหรอ? สวรรค์เมตตา ใน
ที่สุดมันก็ขึ้นราคาแล้ว!”
กิโลกรัมละ 300 หยวน ก็คือครึ่งกิโลละ 150 หยวน คิดเลขไม่ผิดแน่นอน
แต่ที่ว่าขึ้นราคาคืออะไร?
หลัวอี้หางรีบอธิบาย “พ่อครับ คือผมให้เพื่อนของสุยวามาช่วยจัดอันดับให้เป็นระดับ
พิเศษ ก็เลยได้ราคาที่ 150 หยวนต่อครึ่งกิโล ตอนนี้ราคาตลาดก็ยังอยู่ที่ 20 หยวนต่อ
ครึ่งกิโลเหมือนเดิมครับ”
เขาตอบตามคำพูดของหลัวเฉิงโดยใช้หน่วยเป็นครึ่งกิโล
พอได้ยินแบบนี้ทั้งสองคนก็ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก จางกุ้ยฉินชมลูกชายไม่หยุด
“ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ฉันก็เห็นว่าเจ้าสุยวาเป็นเด็กดี ตอนนี้เขามีฝีมือขนาดนี้แล้วเหรอ
วันมะรืนจะมาสินะ ฉันต้องทำอาหารดีๆ หลายอย่างให้เขากินบ้าง”
หลัวอี้หางเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่น่าจะทำให้เข้าใจผิดไป
“ไม่ใช่ว่า...” เขาพูดไม่ทันจบ ก็คิดว่าตอนนี้ไม่มีใครฟังแล้ว ไว้ค่อยอธิบายทีหลังละกัน
ใกล้ค่ำแล้ว เขาต้องรีบไปสำรวจทางก่อน
หลัวอี้หางพูดจบก็ดื่มน้ำแล้ววิ่งออกจากบ้านอย่างเร่งรีบ
เขาเข้าไปในโรงเก็บของก่อน จัดเตรียมตะกร้าใส่ของพร้อมกับคลุมผ้าปิด ติดตั้งเชือก
ยึดเสียบจอบเล็กๆ และแซะสามแฉกใส่ไปในตะกร้า จากนั้นก็เดินออกไป
ทันทีที่เขาก้าวออกจากบ้าน หลัวเฉิงก็รีบเดินตามออกมาบอกว่าจะไปด้วย
หลัวอี้หางรีบบอก “ผมวันนี้จะขึ้นไปสำรวจทางเฉยๆ พ่อพักก่อนเถอะ เก็บแรงไว้พรุ่งนี้
งานเยอะเลย”
ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็ห้ามพ่อไว้ได้ และเดินขึ้นเขาไปเอง
การสำรวจทางไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เพราะเขาขึ้นเขามาหลายครั้งแล้ว และก็รู้เส้นทาง
ดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เขาต้องลองดูว่าหนึ่งรอบเขาสามารถแบกของกลับมาได้เท่าไหร่
บนเขามีเห็ดจูหลิงเป็นพันกิโล แม้เขาจะอยู่ในระดับฝึกพลังขั้นสาม แต่ก็ไม่สามารถ
ขนทุกอย่างได้ในรอบเดียวแน่นอน
ครั้งนี้หลัวอี้หางไม่ได้วิ่ง แต่เดินตามเส้นทางภูเขาช้าๆ ในขณะที่เดิน เขาก็ใช้จอบ
เล็กๆ ปรับพื้นดินที่เดินยากไปด้วย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงป่าที่ปลูกเห็ดจูหลิง
จากนั้นก็เริ่มขุด การขุดเห็ดจูหลิงนั้นง่ายมาก
เพียงไม่กี่วัน เห็ดจูหลิงก็เริ่มโผล่ออกมาจากดินเป็นชั้นๆ วางทับซ้อนกันเหมือน
ขนมจีน
เห็ดจูหลิงที่วางทับกันเป็นชั้นๆ เรียกว่า “หนึ่งรัง”
มีเห็ดขึ้นเยอะมาก หลัวอี้หางขุดไปครึ่งชั่วโมงก็ได้สิบกว่ารังจนเต็มตะกร้าหลังของเขา
แม้จะดูเหมือนไม่เยอะ แต่พอลองยกดู น่าจะหนักไม่ต่ำกว่า 100 กิโล
เมื่อเขาหันกลับไปดูในป่า พื้นที่ใหญ่โตของเห็ดจูหลิงดูเหมือนจะยังไม่ลดน้อยลงไป
เลย
หลัวอี้หางรู้สึกกังวล งานนี้ใหญ่โตจริงๆ
เขาประเมินปริมาณผลผลิตของพื้นที่นี้ต่ำเกินไป วันพรุ่งนี้วันเดียวอาจจะเก็บไม่เสร็จ
เฮ้อ น่าจะบอกให้มาอีกวัน
แต่ในเมื่อพูดไปแล้ว ก็ต้องทำตามนั้น
ต้องคิดหาทางแก้ปัญหา
...
เริ่มวันใหม่อีกวันแล้ว ทุกคนมีความสุขไหม?
วันเสาร์ต้องดีกว่าวันทำงานแน่นอน
เพื่อนนักอ่านทั้งหลาย เมื่อสองสามวันที่ผ่านมายอดผู้ติดตามพุ่งขึ้นมาก ผมรู้สึกมี
ความสุขจริงๆ
ดังนั้นผมก็เลยเริ่มมีความคิดเล็กๆ
อยากจะขอคะแนนโหวตจากทุกคนบ้าง
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
(จบบท) ###