บทที่ 10 ผู้ชนะเลิศงั้นเหรอ? ศิษย์พี่ใหญ่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คุนหลุนเช่นข้าจะสนใจรึ?
ทุกคนในที่นั้นต่างเบิกตาโพลง จ้องมองไปที่มู่เหยียนด้วยความตกตะลึง ความรู้สึกภายในเหมือนคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำไม่หยุด! มู่เหยียนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผสานเทพทแท้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ในตระกูลมู่ ผู้แข็งแกร่งระดับผสานเทพแท้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้พบกับโชคลาภอันยิ่งใหญ่ระหว่างการฝึกตนภายนอก?
มู่เหลย(ขอเปลี่ยนจากมู่เล่ยนะครับ)เองก็ตื่นเต้นจนอยากจะตะโกนลั่นฟ้า ลูกชายของเขาไม่ใช่คนไร้ค่า ไม่ใช่ขยะ แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผสานเทพแท้!
ในช่วงเวลาเพียงพริบตา เปลวไฟก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เหยียน อุณหภูมิรอบ ๆ พุ่งสูงขึ้นทันที เขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนอย่างไม่รีรอ ท่าทางไร้ผู้ต้านทานกวาดล้างเหล่าผู้เยาว์ของตระกูลมู่ไปเป็นกลุ่มใหญ่ เปลวไฟร้อนระอุราวกับมังกรเพลิง โจมตีไปมาในลานประลอง ปลดปล่อยพลังอันน่าตกตะลึง! เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับสร้างฐาน ความหยิ่งทะนงของเหล่าผู้เยาว์กลายเป็นไร้ค่า พวกเขาถูกเผาจนร่างดำทมึนด้วยเพียงกระบวนท่าเดียว ก่อนถูกซัดตกจากลานประลองไป
มู่ถิงถิงรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนพุ่งเข้าใส่ นางเงื้อดาบขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ แต่ประกายดาบอันเจิดจ้ากลับไร้พลังต่อต้าน นางถูกมังกรเพลิงโหมใส่จนกระเด็นลอยออกไป ก่อนจะกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงและกระอักเลือดออกมา
"พลังของเขามันอะไรกัน? ทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้?" ภายในใจของมู่ถิงถิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ความสงสัย และความไม่เชื่อ สำหรับนางแล้ว มู่เหยียนไม่ใช่บุคคลที่ควรค่าแก่การเทิดทูนหรือหลงใหลอีกต่อไป พวกเขาทั้งสองคนอยู่คนละระดับกันโดยสิ้นเชิง
แต่เมื่อเงยหน้ามองเงาร่างสูงที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงนั้น นางกลับรู้สึกเสียใจอย่างมาก เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ที่เคยเป็นอัจฉริยะได้กลับคืนสู่บัลลังก์อีกครั้ง? เขากำลังจะส่องประกายเจิดจรัสอีกครั้ง กดขี่ทุกคนอย่างไม่อาจโต้แย้งได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การตัดสินใจของตนในอดีตคงกลายเป็นความผิดพลาดไปแล้ว
มู่คุนเองก็ถูกเปลวไฟพุ่งเข้าใส่ที่หน้าอก พลังและความร้อนอันน่ากลัวทำให้เขาแทบเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง ร่างกายของเขาปลิวไปเหมือนถุงผ้าขาด ๆ กระแทกเข้ากับเสาขนาดใหญ่ไกลออกไปจนเสาหักลงจึงหยุดลงได้
"แค่ก แค่ก!" เขาพยายามลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง มือซ้ายกุมหน้าอกที่ยุบลง มองไปยังมู่เหยียนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง "พลังของเขาฟื้นคืนมาแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่สิ เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมอีก!" มู่คุนรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่แมลงตัวเล็ก ๆ ต่อหน้ามู่เหยียน ไร้ความสามารถที่จะต่อกร เปลวไฟอันน่ากลัวนั้นเหมือนสามารถเผาผลาญสรรพสิ่งได้ แค่เข้าใกล้ก็รู้สึกได้ว่ามันจะเผาผลาญพลังปราณในกายของเขาแล้ว!
ความหวาดกลัวที่เคยถูกมู่เหยียนกดขี่กลับมาครอบงำหัวใจอีกครั้ง เงาร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงบนลานประลองนั้น ราวกับเทพเจ้าแห่งเพลิงโบราณที่จุติลงมา ร่างกายทั้งมวลแผ่พลังอันร้อนแรงและไร้ผู้เทียมทาน!
“ข้ายอมแพ้...” ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความกลัว ความไม่พอใจ หรือความเจ็บปวดที่ทำให้เขาสั่นไปทั้งร่าง ก่อนที่เลือดจะกระอักออกมาอีกครั้งและสลบไปทันที
"อะไรกัน?" เหล่าผู้อาวุโสใหญ่และรองต่างลุกขึ้นอย่างไม่อยู่นิ่ง เก้าอี้ใต้พวกเขาถูกทำลายเป็นผุยผง ออร่ารอบตัวก็สั่นไหวไปหมด พวกเขาต่างมองมู่เหยียนด้วยความตื่นตะลึง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง!
ในความคิดของพวกเขา มู่เหยียนยังคงเป็นคนไร้ค่า และเป็นขยะที่เอาแต่พูดโอ้อวดอย่างไร้สาระ ไม่ได้มีประโยชน์ต่อครอบครัวเลย เผชิญหน้ากับเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสร้างฐานนับสิบ เขาน่าจะตายอย่างน่าอนาถ!
แต่ใครจะไปคาดคิด เพียงแค่เผชิญหน้าไม่กี่อึดใจ ผู้เยาว์ตระกูลมู่ทุกคนกลับถูกปราบไปหมดสิ้น แม้แต่มู่ถิงถิงและมู่คุนที่แข็งแกร่งที่สุดยังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ! สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนพวกเขาไม่มีโอกาสตั้งตัว ลานประลองกลับถูกมู่เหยียนคนเดียวกวาดล้างจนสิ้น!
เด็ก ๆ ที่อายุน้อยกว่าที่เหลืออยู่ ต่างอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ชื่อเสียงของมู่เหยียนในฐานะคนไร้ค่าที่สั่งสมมาหลายปีได้ฝังลึกในใจพวกเขา แม้แต่เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบขวบยังดูถูกเขา และคิดว่าเพียงมู่คุนเท่านั้นที่เป็นที่หนึ่ง
แต่ตอนนี้ ไอดอลที่พวกเด็ก ๆ ยกย่องในใจ กลับพ่ายแพ้ต่อหน้ามู่เหยียนอย่างไม่อาจต้านทานได้ ภาพลักษณ์อันไร้เทียมทานในจิตใจของพวกเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น เด็กอายุห้าหกขวบถึงกับใจแตก ร้องไห้กลางลานประลอง! สำหรับพวกเขา นี่เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
มีเพียงมู่เหลยที่หัวเราะเสียงดังด้วยความดีใจ เขากลายเป็นแสงสีทองพุ่งตรงไปยังมู่เหยียนด้วยความตื่นเต้น น้ำตาแห่งความปิติไหลลงอาบแก้ม!
"ข้ารู้อยู่แล้ว ข้ารู้อยู่แล้ว! ลูกของข้าไม่มีทางเป็นคนไร้ค่า! ตอนนี้ใครยังกล้าพูดว่ามู่เหยียน ลูกของข้าเป็นคนไร้ค่าอีกบ้าง?" มู่เหลยตะโกนด้วยความภาคภูมิใจ เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศ คล้ายต้องการระบายความโกรธแค้นและความอัดอั้นที่สะสมมาหลายปีให้หมดสิ้น! ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลูกของเขาไม่เพียงไม่ใช่ขยะ แต่เป็นอัจฉริยะเหนือชั้น! อายุเพียงเท่านี้แต่บรรลุถึงขั้นสร้างฐานแล้ว มีตระกูลไหนบ้างเคยมีเช่นนี้?
สายตาของมู่เหลยเต็มไปด้วยความดูถูกและท้าทาย เขาหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่และเอ่ยถามเสียงดังว่า "ผู้อาวุโสใหญ่ มู่เหยียนเพียงคนเดียวก็ล้มทุกคนได้ ท่านว่าควรตัดสินผู้ชนะเลิศอย่างไร?"
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่สับสน ไม่สามารถตัดสินใจได้ การกลับมาผงาดของมู่เหยียนเปรียบเสมือนการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง ไม่มีใครอยากยอมรับความจริงข้อนี้ แต่ผลงานของเขาก็เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นกับตา! เมื่อพิจารณาว่ามู่เหยียนบรรลุถึงขั้นสร้างฐานแล้ว มีคุณสมบัติพอที่จะนำพาคนรุ่นใหม่ ผู้อาวุโสใหญ่จึงพูดว่า "มู่เหยียนแข็งแกร่งมาก เขาคือผู้ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้!"
เมื่อกล่าวจบ คนของตระกูลมู่ก็ได้นำของรางวัลผู้ชนะเลิศออกมาให้เห็น กล่องแรกถูกเปิดออก ด้านในเป็นเม็ดยาสีเขียวมีกลิ่นหอมสดชื่น เป็นยาล้ำค่าระดับสาม เสวียนชิงตัน! ในดินแดนรกร้าง ยาระดับหนึ่งคือระดับต่ำที่สุด และยิ่งระดับสูงก็ยิ่งหายาก ยาระดับสามนี้มีค่ายิ่งนักสำหรับผู้ที่เพิ่งบรรลุถึงขั้นสร้างฐาน!
กล่องที่สองเป็นหยกบันทึกวิชา ด้านในบันทึกวิชาที่เฉพาะหัวหน้าตระกูลในแต่ละยุคสมัยเท่านั้นที่ฝึกได้ เป็นวิชาระดับ เสวียน! แม้ในนิกายใหญ่ วิชาระดับนี้อาจไม่ใช่ของหายาก แต่สำหรับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลมู่ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่า เพราะคนส่วนใหญ่ในตระกูลมู่ได้แต่ฝึกวิชาระดับ หลิง ที่ต่ำกว่ามาก
กล่องที่สามบรรจุสมบัติเป็นดาบยาวที่แผ่รังสีเย็นยะเยือก ระดับของมันคือ เสวียนฉี! เช่นเดียวกับวิชาระดับเสวียน อาวุธเสวียนฉีก็ล้ำค่ามาก ในตระกูลมู่มีอาวุธระดับนี้ไม่ถึงห้าชิ้น! การได้รางวัลทั้งสามชิ้นพร้อมกัน ไม่ต้องพูดถึงคนหนุ่มสาวที่อยู่ในขั้นสร้างฐาน แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งในตระกูลก็ยังต้องรู้สึกหวั่นไหว!
มู่เหลยมองไปยังสมบัติทั้งสามด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ด้วยสมบัติเหล่านี้ พลังของมู่เหยียนต้องเพิ่มพูนขึ้นอีกมากแน่! "มู่เหยียน จงรับรางวัลที่เป็นของเจ้า! ในอนาคตจงนำพาตระกูลมู่ไปสู่จุดสูงสุด สร้างเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด!" ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเตือนด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาเองก็คิดได้แล้วว่า ความต้องการส่วนตัวของตนไม่อาจอยู่เหนือโชคชะตาของตระกูลได้ มู่เหยียนเหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำคนต่อไป
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่มู่เหยียนอีกครั้ง รอคอยเขารับเกียรติยศนั้น
แต่มู่เหยียนกลับยิ้มเยาะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ผู้ชะนเลิศงั้นหรือ? ข้าไม่สนใจ! ของพวกนี้ ก็ไม่เข้าตาข้า!"
เขาไม่ได้กลับมาเพราะการชนะเลิศอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คุนหลุน สิ่งที่เขาฝึกและทรัพยากรที่เขาได้รับ ไม่มีทางที่สมบัติพวกนี้จะเทียบได้! หากเขารับของพวกนี้กลับไป นั่นคงเป็นการทำให้เสียเกียรติของอาจารย์!
การตัดสินใจของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง แต่ละสายตาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่มั่นใจในตนเอง!