ตอนที่ 9 ภารกิจสุดท้าย
หลังจากที่ได้ประมือกับเข้มเป็นครั้งแรก วันเวลาก็ผันผ่านจนย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สี่อย่างรวดเร็ว โดยในทุกๆ วันของก้องภพจะเริ่มประลองกับเข้มตั้งแต่แสงแดดยามเช้าโผล่พ้นก้อนเมฆลากยาวไปจนถึงช่วงเวลาที่แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
เมื่อฝึกซ้อมเสร็จแล้วก้องภพจะกลับมาท่องจำกระบวนท่ามวยไทยในตำราที่พระยาพิชิตมอบให้ และนั่นจึงทำให้ในเวลานี้ตัวละครของก้องภพทำการปลดล็อกทุกท่วงท่าของสกิลแม่ไม้มวยไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนด้านการประลอง หลังจากต่อสู้กับเข้มถึงครั้งที่หนึ่งร้อย ก้องภพจึงเริ่มจับทางเชิงมวยของเข้มได้จนสามารถโจมตีสร้างดาเมจตอบโต้ใส่อีกฝ่ายได้เป็นครั้งแรก และจากนั้นอีกไม่กี่สิบตา ก้องภพก็สามารถยื้อเอาตัวรอดจนครบสิบนาทีได้ในที่สุด
ทว่าหลังจากนั้น พระยาพิชิตกลับมอบหมายภารกิจที่ยากและโหดหินยิ่งกว่าเดิมให้เขา นั่นก็คือการเอาชนะเข้มให้ได้ ซึ่งกลายเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมก้องภพถึงเอาแต่มุ่งมั่นอยู่กับการประลองตั้งแต่เช้าจรดเย็นเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว
และในวันนี้ก็เป็นการประลองครั้งที่หนึ่งพันสองร้อยของเขาและเข้ม ชายหนุ่มทั้งสองยืนอยู่ที่ลานกว้างอันคุ้นเคยพร้อมกับรอสัญญาณแจ้งเตือนจากข้อความของระบบ
หลังจากต่อสู้กับเข้มมาอย่างโชกโชนตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ในเวลานี้ทักษะของก้องภพเรียกได้ว่าเหนือกว่าเข้มไปแล้วเสียอีก หากแต่ว่าในทุกๆ ครั้งที่เขาใกล้จะได้รับชัยชนะ เขากลับใจร้อนเพื่อรีบปิดเกม และนั่นเองที่เป็นการเปิดช่องโหว่ให้เข้มโจมตีสวนกลับในครั้งเดียวจนนำมาสู่ความพ่ายแพ้ของเขา
แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ซ้ำรอยเดิมอีก ชายหนุ่มได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดทั้งหมดพร้อมกับนำมาแก้ไขให้ดีกว่าเดิม
ก้องภพหลับตาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวมรวมสมาธิทั้งหมด
เราทำได้ เราทำได้ ขอแค่เราใจเย็นและไม่ประมาทก็พอ...
และเมื่อข้อความจากระบบแสดงขึ้นมา
[เริ่มการประลอง!]
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเปิดฉากการต่อสู้ทันที เขาทำการย่างสามขุมเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมปล่อยหมัดขวาที่ตัวเองถนัดเข้าใส่เป้าหมาย เข้มทำการเอี้ยวตัวหลบทันควัน ใบหน้าได้เฉี่ยวผ่านหมัดฮุคอันหนักหน่วงไปเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น
โดยไม่รอช้า เข้มทำการออกหมัดขวาสวนกลับทันที ก้องภพเอนตัวหลบพร้อมกับตวัดขาซ้ายเตะเจาะยางเข้าที่ต้นขาของอีกฝ่าย
[ตัวละคร เข้ม พลังชีวิต 90/100]
เข้มหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะออกอาวุธด้วยหมัดขวาเพื่อตอบโต้ แต่ทว่าก้องภพเองก็อ่านการโจมตีของเข้มไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว…
กระบวนท่าที่ 4 อิเหนาแทงกริช
ก้องภพใช้แขนซ้ายรับหมัดตรงของอีกฝ่ายพร้อมกับใช้ศอกขวาฟันเข้าที่ชายโครงอย่างรุนแรง
[ตัวละคร เข้ม พลังชีวิต 75/100]
การโจมตีของก้องภพทำให้เข้มถอยหลังไปสองสามก้าว หลังจากนั้นคนทั้งสองก็กลับมาอยู่ในท่าตั้งการ์ดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าหากันอีกครั้ง และแน่นอนว่าก็ยังเป็นก้องภพที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอโดยเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีอีกระลอก
หมัดตรงของก้องภพถูกปล่อยเข้าใส่ใบหน้าเข้มอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ปึก!
เข้มยกแขนขึ้นมากันการโจมตีของก้องภพได้อย่างสวยงาม แต่ทว่าหมัดฮุคนี้เป็นเพียงการโจมตีเพื่อหวังผลให้อีกฝ่ายเปิดช่องโหว่เท่านั้น ก้องภพได้ปล่อยอาวุธที่สองอย่างเข่าขวาตามมาทันที หัวเข่าหนาได้กระแทกเข้าที่หน้าท้องของเข้ม
[ตัวละคร เข้ม พลังชีวิต 60/100]
หลังจากรับแรงโจมตีอันหนักหน่วยของอีกฝ่าย เข้มเกิดอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด เขาสะบัดศีรษะเพื่อตั้งสติ จากนั้นทำการตั้งการ์ดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าหาก้องภพอีกครั้ง และไม่ต้องรอช้าเข้มทำการปล่อยหมัดฮุคเต็มแรงเข้าหาอีกฝ่ายทันที
ก้องภพที่รออยู่แล้วทำการเอี้ยวตัวหลบอย่างแม่นยำ
กระบวนท่าที่ 9 จระเข้ฟาดหาง
ชายหนุ่มหมุนตัวพร้อมกับส่งแรงที่เท้าฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของเข้ม มันได้เกิดดาเมจคริติคอลใส่อีกฝ่ายทันที
[ตัวละคร เข้ม พลังชีวิต 30/100]
เข้มที่เพิ่งโดนดาเมจจากลูกเตะของก้องภพไปเต็มแรงจึงตกอยู่ในสถานะมึนงงไปชั่วขณะ และก้องภพก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาทำการพุ่งเข้าไปซ้ำทันที
“เสร็จฉันล่ะ ย๊าก!!”
ชายหนุ่มทำการกระโดดเข่าลอยเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย เกิดดาเมจคริติคอลพร้อมกับร่างของเข้มที่ร่วงลงกองกับพื้น หลังจากนั้นข้อความแจ้งเตือนของระบบได้แสดงขึ้นมา
[ผู้เล่น ก้องภพ ชนะการประลอง]
“ฉันทำได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว!”
ก้องภพชกหมัดกลางอากาศพร้อมส่งเสียงดีใจดังลั่นลานฝึก แต่ระหว่างที่กำลังดีใจอยู่นั้นเอง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งส่งคู่ต่อสู้ลงไปนอนกองกับพื้นจึงทำให้ความเป็นห่วงเข้ามาแทนที่ความดีใจของเขาทันที
“นายเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม?” ก้องภพรีบเอ่ยถามพลางยื่นมือไปหาอีกฝ่าย
“ไม่เป็นอันใดขอรับ” ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มตอบกลับเพื่อให้ก้องภพสบายใจ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้น และเมื่อเข้มกลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง เขาก็ได้เอ่ยกับก้องภพทันที
“เพลานี้ฝีมือของท่านได้ก้าวข้ามกระผม จนกระผมไม่มีอันใดต้องสอนท่านอีกแล้วขอรับ” ชายหนุ่มโน้มตัวเคารพก้องภพอย่างนอบน้อม
“แหะๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ง่ายเลย” ก้องภพเอามือลูบหัวตัวเองแก้อาการเคอะเขิน
และในขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ได้พูดขัดขึ้นมา
“เอะอะโวยวายดังลั่นไปถึงบนเรือนข้าเลยนะเจ้าก้องภพ”
ชายหนุ่มทั้งสองจึงหันหน้าไปทางต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และพบเข้ากับพระยาพิชิตที่กำลังเดินเข้ามาในลานฝึก
“ขะ...ขอโทษครับอาจารย์” ก้องภพตอบกลับชายผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“หึ ข้าก็ไม่ได้ว่าอันใดดอก แต่การที่เอ็งส่งเสียงโหวกเหวกเยี่ยงนี้ก็แปลว่าเอาชนะไอ้เข้มได้แล้วอย่างนั้นสิ?”
“ใช่ครับอาจารย์ ผมเอาชนะได้แล้ว” ก้องภพตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที
“ข้าว่าแล้วมิผิด” พระยาพิชิตยิ้มมุมปากและหันไปออกคำสั่งกับเข้ม “เอ็งไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ขอรับท่านพระยา” เข้มโน้มตัวทำความเคารพพระยาพิชิตก่อนจะเดินออกไปจากลานฝึก
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว พระยาพิชิตก็หันมาหาก้องภพพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เอาล่ะ คงถึงเวลาที่เอ็งต้องรับภารกิจสุดท้ายจากข้าแล้ว”
“ยังมีอีกเหรอครับ? ผมนึกว่าการสู้กับเข้มคือด่านสุดท้ายแล้วเสียอีก” ก้องภพเอ่ยปากทักท้วงทันที
“อุบ๊ะ ไอ้นี่ เอ็งต้องเป็นถึงนักรบตามคำทำนาย ไฉนถึงคิดว่าจักผ่านการฝึกได้ง่ายดายเยี่ยงนั้น” พระยาพิชิตเอ่ยทำลายฝันหวานของลูกศิษย์ก่อนจะมอบหมายหน้าที่ต่อไปให้กับก้องภพ
“นับจากนี้เอ็งต้องออกไปต่อสู้และฝ่าฟันกับอุปสรรคในทวีปเอลดอร์วูด โดยการใช้วิชาทั้งหมดที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ ส่วนข้าจักรอเอ็งอยู่ที่เมืองอโยธยาแห่งนี้”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก้องภพจึงทำการเปิดแผนที่ขึ้นมาดูและพบว่าเมืองอโยธยานั้นตั้งอยู่ในทวีปที่สอง นั่นคือทวีปอาริเดส
“อาจารย์หมายความว่าผมต้องกลับไปที่ทวีปแรกคือเอลดอร์วูดแล้วผ่าฟันอุปสรรคมาเรื่อยๆ จนกลับมาที่นี่เหรอครับ?”
พระยาพิชิตพยักหน้าจากนั้นเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มและเอ่ยปากออกคำสั่ง “เอ็งจงนั่งลงและพนมมือขึ้นมา”
แม้จะงุนงงเล็กน้อย แต่ก้องภพก็ยอมทำตามคำสั่งของอาจารย์อย่างว่าง่าย จากนั้นเมื่อพระยาพิชิตใช้มือสัมผัสเข้ากับศีรษะของก้องภพ ได้เกิดแสงสีทองรอบตัวชายหนุ่มพร้อมกับข้อความของระบบแจ้งเตือนขึ้นมา
[ผู้เล่น ก้องภพ ได้รับค่าประสบการณ์จากการฝึกฝนตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา 2,470,700 หน่วย]
[ผู้เล่น ก้องภพ ได้รับค่าประสบการณ์ถึงตามที่กำหนด เลื่อนขั้นเป็นเลเวล 50
หมายเหตุ : เนื่องจากตัวละครของท่านยังไม่ได้เคลียร์เนื้อเรื่องในทวีปเอลดอร์วูด ระบบจึงทำการล็อกเลเวลของท่านเอาไว้จนกว่าจะสามารถเคลียร์เนื้อเรื่องได้สำเร็จ
พลังชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 30000 จุด พลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็น 35000 จุด พลังป้องกันเพิ่มขึ้นเป็น 32000 จุด
ได้รับ ทักษะการต่อย ขั้นที่ 90
ได้รับ ทักษะการเตะ ขั้นที่ 90
ได้รับ ทักษะการศอก ขั้นที่ 87
ได้รับ ทักษะการเข่า ขั้นที่ 85
ได้รับสกิล แม่ไม้มวยไทย]
[ได้รับอุปกรณ์สวมใส่ได้แก่ สนับมือพยัคฆ์ขั้นหนึ่งในโลกสำหรับผู้เล่นเลเวล 50
สนับแข้งพยัคฆ์ขั้นหนึ่งในโลกสำหรับผู้เล่นเลเวล 50
สนับศอกพยัคฆ์ขั้นหนึ่งในโลกสำหรับผู้เล่นเลเวล 50
สนับเข่าพยัคฆ์ขั้นหนึ่งในโลกสำหรับผู้เล่นเลเวล 50]
ก้องภพลุกขึ้นยืนพร้อมกับสำรวจร่างกายที่ตอนนี้มีอุปกรณ์สวมใส่ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ โดยมีการสลักลวดลายพยัคฆ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งพระยาพิชิตเอาไว้
“สิ่งเหล่านี้คงพอช่วยทุ่นแรงให้เอ็งได้ไม่น้อย” พระยาพิชิตกล่าวขณะมองลูกศิษย์ที่กำลังสำรวจร่างกาย
และในตอนนั้นเอง แก้วได้โผล่เข้ามาร่วมวงสนทนา ใบหน้าของเธอดูเศร้าสร้อย ไม่ได้ดูสดใสเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เธอเอ่ยกับก้องภพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เอ็ง...เอ็งจักต้องไปแล้วหรือ?”
ตลอดเวลาที่ก้องภพฝึกฝนวิชาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ นอกเหนือจากพระยาพิชิตและเข้ม คนที่ก้องภพเจอและสนิทมากที่สุดก็คือแก้วผู้เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของอาจารย์ ดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่การจากไปของก้องภพจะสร้างความเจ็บปวดให้แก้วไม่น้อย
ก้องภพมองแก้วอย่างห่วงใย เขาพยักหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ “อื้ม ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว”
แก้วพยายามฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “เอ็งอย่าลืมคำมั่นที่ให้ไว้กับข้าล่ะ มิเช่นนั้นข้าจักโกรธเอ็งจนวันตาย”
“ไม่ลืมหรอกน่า...รับรองเลยว่าจะกลับมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้แน่นอน” ก้องภพพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่จริงใจให้แก้ว
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น แก้วจึงเอามือเช็ดน้ำตาพร้อมกับยิ้มตอบก้องภพเช่นกัน
พระยาพิชิตที่ยืนฟังคนทั้งสองสนทนากันจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เอ็งสัญญาอันใดกับลูกสาวข้า?”
ก้องภพหันมาตอบพระยาพิชิตด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน “อะ...อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ คือว่า...แก้ว...แก้วอยากได้น้ำหอมน่ะครับ พอดีเห็นว่าผมจะต้องเดินทางไปที่นั่นที่นี่ แก้วก็เลยอยากฝากซื้อน่ะครับ”
“น้ำปรุง? ซนเป็นลิงเป็นค่างอย่างแม่แก้วน่ะรึอยากได้น้ำปรุง” พระยาพิชิตมองลูกสาวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“โธ่พ่อ ข้าก็โตเป็นสาวแล้ว อยากจะสวยขึ้นมาบ้างไงจ๊ะ” ถึงแม้แก้วจะซุกซนแต่ก็มีไหวพริบที่ดี เธอจึงให้ความร่วมมือกับก้องภพได้อย่างแนบเนียน
“พิกลยิ่งนัก สงสัยฝนฟ้าจักไม่ตกตามฤดูกาลแล้วกระมัง” พระยาพิชิตมองแก้วอย่างเหลือเชื่อก่อนจะเลิกสงสัยและหันมากล่าวกับก้องภพ
“เอาล่ะ เอ็งเริ่มเดินทางได้แล้ว หากชักช้าจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ” พระยาพิชิตพูดพลางยกมือขึ้นมาวาดกลางอากาศ ทำให้เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมารอบตัวก้องภพ
“รักษาตัวด้วยนะ พะ...พี่ก้องภพ ข้าจักรอพี่” เสียงที่เต็มไปด้วยความเขินอายของแก้วดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เธอพูดขณะก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่ม โดยที่ปรางแก้มเป็นสีแดงระเรื่อ
ก้องภพยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู เพราะแก้วยอมเรียกเขาว่า ‘พี่’ และด้วยความที่เขาไม่มีน้องสาวจึงรู้สึกว่าการถูกเรียกเช่นนี้มันดีจริงๆ
“ขอให้เอ็งโชคดีศิษย์ข้า” เสียงของพระยาพิชิตดังขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“ไว้พบกันใหม่ครับ” ก้องภพโบกมือและส่งรอยยิ้มให้กับคนทั้งสอง จากนั้นเมื่อแสงสีขาวปกคลุมเขาจนหมดทั้งตัว ชายหนุ่มก็ถูกวาร์ปส่งมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของบอสซึ่งเป็นนักรบไทยโบราณอีกครั้ง จากนั้นระบบได้แสดงข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา
[ผู้เล่น ก้องภพ ปลดล็อกเนื้อเรื่องของ Legends of Odyssey บทที่ 1 สำเร็จ]