ตอนที่ 1 ชีวิตก็เหมือนละคร
ตอนที่ 1 ชีวิตก็เหมือนละคร
แสงนีออนส่องสว่าง ในย่านไทโต กรุงโตเกียว
แสงอาทิตย์สีส้มอมแดงทอดยาวไปตามถนนคนเดินที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปั่นจักรยานอย่างคล่องแคล่วฝ่าฝูงชนไป
"กลับมาแล้วครับ!"
ในซอยเล็กๆ แถวบ้านพัก เด็กหนุ่มจอดจักรยานไว้หน้าร้านอาหารที่เปิดแง้มประตูไว้ หากสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายร้านที่เขียนด้วยอักษรจีน ตัวเต็มว่า 'อาหารจีน'
ภายในร้านที่คับแคบดูว่างเปล่า ไม่มีใครตอบรับการทักทายของเขา แต่เซี่ยหยูก็ชินกับเรื่องนี้แล้ว
ประมาณสองปีก่อน เซี่ยหยูตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็น นักเรียนมัธยมต้นปีหนึ่ง ของโรงเรียนฮาคุโอ ในโตเกียวอย่างประหลาด ทั้งที่ตอนก่อนนอนคืนนั้น เขาเพิ่งตั้งปณิธานว่า จะกินอาหารให้อิ่มแปล้
จากความตกใจและกังวลในตอนแรก เซี่ยหยูใช้เวลาเพียงหนึ่งเทอมเท่านั้น จนปรับตัวได้ในที่สุด
ถ้าจะพูดถึงประสบการณ์ที่ได้ ในเมื่อเขาถูกบังคับข้ามมิติมาแล้ว เขาจะทำอะไรได้นอกจากสนุกไปกับมัน? การบ่นเป็นหญิงร้างหรือการคิดสั้นคงไม่ใช่ทางออก เซี่ยหยูจึงให้กำลังใจตัวเองสี่คำว่า มองโลกแง่ดี!
โชคดีที่ชาตินี้ เขายังชื่อเซี่ยหยูเหมือนเดิม และยังมีเลือดเชื้อสายจีนอยู่
ซึ่งต่างจากชาติก่อน ที่เขาเกิดมากำพร้าตัวเปล่า เพราะในชาตินี้ เขามีคุณปู่ที่ทั้งน่าเกรงขามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
เมื่อเดินผ่านร้านไปยังลานหลังบ้าน เขาเห็นชายชราผมขาวโพลนนั่งอยู่บนเสื่อริมระเบียง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ชายชราค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ชี้ไปที่กาน้ำชาบนโต๊ะเตี้ยข้างๆ "กลับมาแล้วเหรอ? น้ำร้อน ชงชา"
เป็นภาษาจีนกลางชัดถ้อยชัดคำ
"ครับ"
เซี่ยหยูรับคำ แล้วหยิบกาน้ำชา แต่แทนที่จะไปเปิดก๊อกน้ำ เขากลับเข้าไปในครัวของร้าน ตักน้ำจากโอ่งเก่าๆ ใส่กา แล้วนำไปวางบนเตาแก๊ส
ปุดๆๆ
ไม่นานกาน้ำชาก็เริ่มส่งไอร้อนฟุ้งขึ้นมา เซี่ยหยูมองไปที่กาน้ำ สายตาเหม่อลอยไปชั่วขณะ
สองปีที่ผ่านมาในโลกใบนี้ โตเกียวดูเหมือนจะยังเป็นโตเกียวที่เขารู้จัก แต่รายละเอียดเล็กๆ บางอย่างในชีวิตประจำวัน กลับเตือนให้เซี่ยหยูรู้ว่า โลกนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
อย่างเช่น...
เซี่ยหยู ชำเลืองมองโอ่งน้ำเก่าๆ ในครัว
ร้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ครัวยิ่งคับแคบ แต่โอ่งน้ำเก่าแก่ใบนี้กินพื้นที่ไปมาก ดูยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะเก็บเอาไว้
ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลง เซี่ยหยูไม่รีบร้อนที่จะเปิดไฟ แต่เขากลับยืนนิ่งอยู่สักพัก และรอให้แสงสุดท้ายในครัวจางหายไป
เมื่อความมืดปกคลุมพื้นที่แคบๆ นั้น จู่ๆ โอ่งน้ำเก่าๆใบนี้ ก็เปล่งประกายมีแสงวิบวับ ลอยขึ้นจากผิวน้ำ และกระจายลอยอยู่ในอากาศ
ไม่ใช่เพราะน้ำแน่นอน เซี่ยหยูรู้ดี เขาปิดเตาแก๊ส ไม่รีบไปชงชาให้คุณปู่ แต่ชำเลืองมองไปที่ลานหลังบ้าน แล้วรีบล้วงมือลงไปในโอ่งอย่างว่องไว
ฉัวะ! เสียงดังขึ้น ในความมืด
อัญมณีเรืองแสงราวกับไข่มุกกลางคืนส่องประกายแวววาว ในมือเขาคือ ก้อนหินเปียกลื่น มีขนาดเท่าไข่ไก่
เซี่ยหยูถอนหายใจ ลูบหินนั้นเบาๆ แล้วโยนกลับลงโอ่ง พร้อมหยิบกาน้ำชาบนเตาแก๊สเดินออกไป โดยไม่หันหลังกลับไปมอง
เขาถามปู่เรื่องหินนี่หลายครั้งแล้ว ลองทุกวิธี พูดอ้อมๆ แต่คุณปู่ก็ปิดปากเงียบ ทำให้เขาที่ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในโลกนี้ รู้สึกร้อนใจอยู่ไม่น้อย
บ้าชะมัด คนที่ทะลุมิติมาเกิดใหม่ได้ ไม่ควรเจออะไรแบบนี้สิ มีอะไรผิดพลาดรึเปล่านะ?
สองปีมานี้เซี่ยหยูลำบากมาก ถูกปู่ใช้งานหนักทุกวัน ทำให้นอนไม่พอตลอดปี
ตอนกลางวันที่ไปโรงเรียนก็แอบงีบ จนได้ฉายา "ราชาแห่งการนอน" ติดตัวมาตลอดสามปีที่โรงเรียนมัธยมต้นฮาคุโอ
ในวันนี้เซี่ยหยูเพิ่งสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายฮาคุโอ เขาหวังว่าพอปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิจบ เมื่อเปิดเทอมในช่วงเมษายน ตัวเองจะได้สลัดฉายา ราชาแห่งการนอนนั้นทิ้งไปซะ
แม้ในใจจะคิดวุ่นวาย แต่ตอนนี้เซี่ยหยูกลับนั่งคุกเข่าอย่างสงบเสงี่ยมบนเสื่อข้างโต๊ะเตี้ยๆ และชงชาให้ปู่
ใบชาซื้อมาจากร้านในย่านการค้า เจ้าของร้านก็เป็นคุณลุงแก่ๆ ทุกครั้งที่เซี่ยหยูไปซื้อ คุณลุงเจ้าของร้านจะยิ้มแย้มหยิบชาถุงเล็กๆ จากห้องด้านในออกมาให้อย่างลึกลับ
พูดถึงย่านการค้า ที่นี่คือ อาเมะ โยโกะโช ใกล้สถานีรถไฟอุเอโนะ กลางวันมีอาหารทะเลสดๆ ราคาถูก กลางคืนเป็นตลาดนัดรวมสารพัดอย่าง แทบจะหาซื้ออะไรก็ได้
ในตอนแรกที่เซี่ยหยูทะลุมิติมาใหม่ๆ เขาเดินดูอยู่สองสามรอบก็รู้สึกเบื่อ มันไม่ต่างอะไรกับตลาดนัดกลางคืนในเมืองจีนเลย
นอกจากยาและเครื่องสำอางที่คุ้มค่าหน่อย ของอื่นๆ อย่างเสื้อผ้า ก็ดูเหมือนของก๊อปปี้ชัดๆ ล้าสมัย แต่ก็ราคาถูกมากเช่นกัน
กลิ่นหอมของชาลอยฟุ้ง
หลังชงชา เซี่ยหยูรินให้ปู่ของเขาหนึ่งถ้วย และรินให้ตัวเองอีกหนึ่งถ้วย
เมื่อน้ำชาไหลผ่านลำคอ ร่างกายที่ถูกบีบบังคับมาหลายปี ก็พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างน่าประหลาด
ชั่วขณะนั้น เซี่ยหยูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงสาบที่ไม่มีวันตาย จึงอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลพราก
"พอแล้ว ไปทำงานเถอะ" ชายชราโบกมือสั่งโดยไม่ลืมตา
"ครับ"
เซี่ยหยูเช็ดน้ำตาเงียบๆ ทำได้เพียงลุกขึ้น มองวัตถุดิบที่กองอยู่นอกครัว แล้วเดินขึ้นบันไดแคบๆ ไปยังห้องชั้นสอง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมทำงาน
เขาเปิดตู้เสื้อผ้าเหมือนทุกครั้ง
โอ๊ย! เซี่ยหยูชักมือกลับเหมือนถูกไฟช็อต มองดูฝ่ามือขวาที่เพิ่งจับลูกบิดตู้ และพบว่ามีรอยบาดเหมือนถูกมีดกรีดยาวเกือบทั่วฝ่ามือ
ดูเหมือนบาดแผลจะลึก แต่น่าแปลกที่ไม่มีเลือดไหลออกมา
"บ้าชิบ ตะปูหลุดหรือไง?" เซียหยูกุมมือที่บาดเจ็บ สีหน้าเจ็บปวดและโกรธจัด เขาถอดบานประตูตู้เสื้อผ้าออกทั้งบาน
แต่บานประตูที่วางคว่ำกับพื้นกลับเรียบเกลี้ยง ไม่มีตะปูแหลมคมหรือส่วนยื่นอะไรที่น่าสงสัย
ไม่เข้าท่าเลย!
เซี่ยหยูงุนงง นึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน มองดูฝ่ามือขวา รอยแผลยังคงชัดเจน แต่ไม่มีเลือดไหล
"ติ๊ด ระบบกำลังตรวจสอบ เริ่มโปรแกรมผูกมัด เสร็จสมบูรณ์"
อะไรกัน?! เซี่ยหยูที่กำลังจะหันไปหากล่องปฐมพยาบาลชะงัก อุทานด้วยความตกใจ
"ระบบ?"
"คุณเซี่ยหยู…โฮสต์"
เสียงคล้ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในหัวดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เซี่ยหยูตั้งสติ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เห็นภาพหลอน
เขางงงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจเฮือกใหญ่เพื่อระงับความตกใจในดวงตา
การเกิดใหม่ ต่างโลก ยังเกิดขึ้นกับเขาได้เลย จะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกล่ะ? เซี่ยหยูคิดในใจ แล้วก็ได้แต่ทำใจยอมรับในทันที
เหมือนคนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงถามออกไปตรงๆ
"คุณอยู่ตรงไหนในร่างกายของผม?"
"ชิปของระบบนี้ ได้ฝังอยู่ในสมองของคุณแล้ว"
เซี่ยหยูกระตุกมุมปาก มองดูฝ่ามือขวาที่บาดเจ็บ แล้วลูบท้ายทอย นึกภาพชิปนี้เจาะจากแขนไปถึงสมอง แค่คิดก็รู้สึกขนลุกซู่แล้ว
"แนะนำตัวเองหน่อยสิ" เซี่ยหยูถามด้วยใจที่สงบลง
"ระบบนี้คือระบบฝึกเทพแห่งการทำอาหาร..."
ติ๊ด
คำอธิบายดังขึ้น พร้อมกับเสียงของระบบ ในขณะที่กรอบแสดงคุณสมบัติตัวละครก็ปรากฏขึ้นบนจอประสาทตาของเซี่ยหยู:
โฮสต์: เซี่ยหยู
เพศ: ชาย
อายุ: 16
สมรรถภาพร่างกาย: ระดับ 9
(พละกำลัง, ความคล่องแคล่ว, การระเบิดพลัง, ปฏิกิริยาระบบประสาท ฯลฯ)
ทักษะการทำอาหารโดยรวม: ระดับ 1 [มือใหม่หัดทำ]
ชื่อเสียง: 0
(รายการนี้เกี่ยวข้องกับความมีชื่อเสียง การเปิดเผยตัว และความสำเร็จของโฮสต์ คุณสามารถใช้ชื่อเสียงนี้เพื่อซื้อไอเทมในร้านค้าของระบบได้)
(ระดับสูงสุดคือ 100 ดังนั้นคุณเป็นเพียงมือใหม่ในวงการอาหาร ที่รู้จักเพียงเปลือกนอกของการจัดการวัตถุดิบ แต่ไม่เคยทำอาหารจานใดด้วยตัวเองเลย อย่างมากก็แค่เป็นลูกมือในครัวเท่านั้น)"
"นี่มันอะไรกัน!"
เมื่อเห็นคำประเมินท้ายข้อมูล ใบหน้าของเซี่ยหยูก็ร้อนผ่าว
เขาเป็นคนรักกิน ชอบกิน เลยอธิษฐานสะใหญ่โต จนได้มาเกิดใหม่ แต่ใครบอกว่าคนรักการชิม ต้องกลายเป็นพ่อครัวด้วยล่ะ?
นั่นเป็นเพียงความคิดในใจอันเย่อหยิ่งของเซี่ยหยู คนที่ชอบกิน ส่วนใหญ่ย่อมหวังว่าตัวเองจะมีฝีมือทำอาหารเก่งๆ
ระบบเทพแห่งการทำอาหารนี้ เปรียบเสมือนแสงสว่างในชีวิตอันมืดมนของเซี่ยหยู เขามองเห็นหนทางของแสงสว่างแล้ว!
โอ้โห ในที่สุด จุดเปลี่ยนของชีวิตที่เป็นเหมือนในละคร ก็มาถึงแล้ว!
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย