ตอนที่แล้วตอนที่ 4 นักรบไทยโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เริ่มต้นการฝึกฝน

ตอนที่ 5 พระยาพิชิตสงคราม


ในขณะที่ก้องภพกำลังยืนตกตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่นั้น นักรบไทยโบราณก็เริ่มท่องบทกลอนที่ไม่คุ้นหูออกมาโดยไร้ที่มาที่ไป

“เสียงดาบดังสะท้านฟ้า ศึกผู้กล้าเข้าโรมรัน

ขุนศึกพร้อมยืนหยัดมั่น ในศึกนั้นไม่ยอมถอย

ใจห้าวหาญดุจเหล็กกล้า เชิญดาหน้าตั้งมั่นคอย

ต้านศาสตราจนฟ้าคล้อย มิด่างพร้อยนามเลื่องลือ

เคารพครูผู้ประสิทธิ์ สลักจิตมิลืมเลือน

ใช้สติอย่าฟั่นเฟือน ฟ้าสะเทือนมิลืมตัว

ฝึกวิชาสำแดงฤทธิ์ สมเป็นศิษย์ครูลือนาม

ทั่วหล้าสิ้นคำถาม ใต้ฟ้าครามเหนือปฐพี”

“???”

เกิดความฉงนสงสัยขึ้นบนใบหน้าของก้องภพ

“กลอนพวกนี้มันเหมือนจะแฝงนัยยะอะไรสักอย่างแฮะ”

ชายหนุ่มยืนกอดอกพลางพินิจวิเคราะห์

“อืม...จะว่าไปแล้วการที่ตัวเกมเอาบอสโหดขนาดนี้มาอยู่ในพื้นที่ของผู้เล่นใหม่ มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย” ก้องภพลูบคางของตนขณะวิเคราะห์

“แต่ถ้ามันมีอีเวนท์ซ่อนอยู่ล่ะก็...ทุกอย่างจะลงล็อกพอดี”

ดังนั้นก้องภพจึงลองตั้งใจฟังบทกลอนที่นักรบไทยโบราณเอ่ยขานอีกครั้ง

“ขุนศึกพร้อมยืนหยัดมั่น ในศึกนั้นไม่ยอมถอย…” ชายหนุ่มพูดทวนบทกลอนขณะฟัง

“อืม...ฟังดูมันก็เหมือนให้เรายืนหยัดต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ไม่ใช่เหรอฟะ?” ก้องภพเกาหัวแกรกๆ

จากนั้นชายหนุ่มก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่อสู้ของกลุ่มผู้เล่นที่เพิ่งโดนกำจัดไปอย่างง่ายดาย

“แต่ขนาดผู้เล่นที่มีเลเวลพอฟัดพอเหวี่ยงกับบอสตั้งสี่คนยังโดนดาเมจทีเดียวหายทั้งตี้ นั่นก็ต้องแปลว่าคนสร้างเกมไม่ได้ต้องการให้เราทำแบบนั้นน่ะสิ”

“ถ้าไม่ให้ต่อสู้ แล้วจะให้เราทำอะไร?” ก้องภพใช้สมองคำนวณไม่หยุดราวกับฟันเฟืองของเครื่องจักรที่กำลังทำงานอย่างเต็มอัตรา

เขาเอนหลังลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนักรบไทยโบราณมากนัก แต่ยังปลอดภัยมากพอที่จะไม่ทำให้นักรบไทยโบราณหันมาโจมตี จากนั้นคิดเกี่ยวกับบทกลอนที่น่าจะแฝงปริศนาให้แก้

ก้องภพนั่งคิดอยู่หลายสิบนาทีก็เริ่มเปลี่ยนจากท่านั่งมาเป็นท่านอน เขานอนพลิกตัวไปมาพร้อมกับยังคงคิดถึงข้อความในบทกลอนต่อไปเรื่อยๆ อีกหลายชั่วโมงจนแสงแดดยามเย็นสาดส่องกระทบใบหน้า

ทว่าในเวลานี้ก้องภพก็ยังไม่สามารถแก้ไขปริศนาได้ นั่นจึงทำให้เขาถอดใจด้วยความสิ้นหวัง

“โอ๊ย ช่างมันแล้วกัน คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะเดินทางกลับ

และในตอนที่เขากำลังก้าวเท้าเดินออกจากสถานที่แห่งนี้อยู่นั้นเอง สายตาของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นว่านักรบไทยโบราณกำลังยืนอยู่บนแท่นหินอ่อน โดยที่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าที่แท่นหินนั้นได้มีการสลักเป็นรูปคนกำลังคุกเข่า

ก้องภพกลับมานึกทบทวนถึงบทกลอนอีกครั้งและความคิดบางอย่างได้แล่นเข้ามาในหัวเขาทันที เขาตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วคำตอบนั้นแสนจะง่ายดาย โดยผู้สร้างเกมได้ให้เฉลยไว้อย่างดีแต่ทุกคนกลับมองไม่เห็นราวกับเส้นผมบังภูเขา

“ขอให้เป็นอย่างที่เราคิดทีเถอะ” ก้องภพสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดจากนั้นเดินเข้าไปหานักรบไทยโบราณ

ในเวลานี้ก้องภพกำลังยืนประจันหน้ากับชายรูปร่างกำยำใบหน้าถมึงทึงด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ นักรบไทยโบราณเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้ง มันทำการชักดาบออกจากฝักพร้อมกับง้างมือสูงเหนือศีรษะเพื่อฟันผู้เล่นตรงหน้า

“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ก้องภพสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงที่พื้น ชายหนุ่มหลับตาปี๋พร้อมกับก้มหัวให้บุคคลเบื้องหน้า

และในขณะที่คมดาบอยู่ห่างจากศีรษะของก้องภพแค่ไม่ถึงหนึ่งคืบ นักรบไทยโบราณได้ยั้งมือพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากข้อความของระบบ

[ผู้เล่นก้องภพไขปริศนาได้สำเร็จ ได้รับสิทธิ์เข้าพบ ‘พระยาพิชิตสงคราม’]

หลังจากสิ้นเสียงประกาศ ก้องภพลืมตาขึ้นและพบว่าสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ได้เปลี่ยนไป เขาพบว่าในเวลานี้ตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ที่ลานกว้างคล้ายสนามประลอง...

ชายหนุ่มลุกขึ้นพลางมองภาพเบื้องหน้าที่เป็นเรือนไทยหลังใหญ่ยกพื้นสูง หลังคาทรงจั่วสามเหลี่ยมลาดเอียงลงมาเป็นแนวยาว ปูด้วยกระเบื้องดินเผาสีน้ำตาลเข้มรับกับแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังลาลับ

พื้นที่ข้างเคียงเต็มไปด้วยผู้คนแต่งกายชุดไทยโบราณเดินสัญจรไปมา เรือนไทยหลังน้อยใหญ่ถูกสร้างไว้อย่างประณีต อีกทั้งยังมีต้นไม้และดอกไม้หลากสายพันธุ์ที่ช่วยให้สถานที่แห่งนี้สวยงามวิจิตรตระการตา

“แล้วเรามาโผล่ที่ไหนอีกล่ะรอบนี้?” ก้องภพหันมองไปรอบๆ ตัวด้วยความสับสน

“ท่านผู้กล้าก้องภพใช่หรือไม่ขอรับ?” ชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างสูงโปร่งเดินลงมาจากเรือนไทยตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยถามก้องภพ

“อะ...อื้ม” ก้องภพตอบเพียงสั้นๆ พร้อมการพยักหน้า

“เชิญขึ้นไปบนเรือนเถิดขอรับ ท่านพระยาพิชิตกำลังรอท่านอยู่” ชายหนุ่มทำการผายมือไปทางบนเรือนพร้อมกับก้มโค้งด้วยท่าทางนอบน้อม

ดังนั้นก้องภพจึงเดินขึ้นบันไดเข้าสู่เรือนไทยหลังนั้นโดยมีชายหนุ่มผิวคล้ำเดินนำทาง

เมื่อขึ้นมาบนเรือนไทยที่สร้างจากไม้สักทองทั้งหลังก็พบเข้ากับชานบ้านกว้างขวางซึ่งทำหน้าที่เชื่อมเรือนหลัก เรือนนอน หอกลาง*[1] หอนก*[2] และหอพระเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดพื้นที่ใช้สอยจำนวนมาก

ชายหนุ่มผิวคล้ำเดินนำก้องภพมาหยุดอยู่ที่เรือนหนึ่งซึ่งดูใหญ่โตและกว้างขวางเป็นพิเศษ

“เชิญเข้าไปด้านในขอรับ” ชายหนุ่มผิวคล้ำผายมือพร้อมก้มโค้งอย่างนอบน้อมอีกครั้ง

ก้องภพจึงเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย ภายในเรือนมีกลิ่นหอมของสมุนไพรลอยฟุ้งในอากาศบางๆ สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับผู้มาเยือน

ที่ตรงกลางของเรือนหลักแห่งนี้มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนฟูก เปลื้องผ้าท่อนบนเผยให้เห็นรูปร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม รอยสักและรอยแผลเป็นที่บ่งบอกว่าผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ส่วนท่อนล่างนุ่งโสร่งแบบสบายๆ

ก้องภพเดินเข้าไปหาชายตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เอ่อ...ท่านใช่พระยาพิชิตสงครามหรือเปล่าครับ?”

ชายตรงหน้าไม่ได้ตอบกลับทันที ทำเพียงรินน้ำชาใส่แก้วช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “มาได้เสียทีนะ ข้ากำลังใคร่รู้อยู่เลยเชียวว่าผู้ใดกันที่สามารถไขปริศนาของข้าได้”

“ลุงเป็นคนคิดปริศนาบทกลอนนั้นเองเหรอครับ?”

“ลุงงั้นรึ?” พระยาพิชิตสงครามจ้องเขม็งมายังก้องภพ

ก้องภพเอามือปิดปากทันที

 

ซวยแล้ว! ดันเผลอเรียกติดปาก ถ้าเป็นถึงพระยาเราก็ไม่ควรเรียกแบบเป็นกันเองสิ

“อะ...เอ่อคือว่า” ก้องภพลุกลี้ลุกลนพลางพยายามยกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่าย

ทว่าทันใดนั้นเองพระยาพิชิตสงครามกลับหัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นเรือน

“ฮ่าๆๆ ดีๆ ข้าชอบ เพลาปกติมีแต่คนเกรงกลัวข้า จักทำอันใดก็ถือยศถืออย่าง ข้าล่ะเบื่อยิ่งนัก”

“แหะๆ ครับ” ก้องภพหัวเราะแห้ง

เฮ้อ! นึกว่าจะไม่รอดแล้วสิเมื่อกี้  

“เอ้า มัวยืนอ้ำอึ้งอันใดอยู่ล่ะ นั่งลงก่อน” พระยาพิชิตสงครามโบกไม้โบกมือให้ก้องภพนั่งลงบนฟูกที่อยู่ตรงข้ามกับเขา

และเมื่อเห็นว่าก้องภพนั่งลงกับฟูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระยาพิชิตสงครามจึงเริ่มเอ่ยอีกครั้ง

“เมื่อไม่กี่ปีก่อน เทพพยากรณ์สูงสุดได้ทำนายว่าอำนาจชั่วร้ายจักกลับมาสร้างความวุ่นวายอีกครา นางได้มอบหมายให้ข้าถ่ายทอดวิชาต่อสู้แก่ผู้ที่คู่ควรเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จักหวนมาเยือนแผ่นดินอีกครา”

“แล้วใครคือคนที่คู่ควรนั่นล่ะครับ?” ก้องภพขมวดคิ้ว

“หึ ข้าก็ใคร่รู้ไม่ต่างจากเอ็ง แล้วเอ็งรู้หรือไม่ว่านางตอบข้าว่าเยี่ยงไร?”

“ตอบว่ายังไงครับ?”

“นางตอบเพียงว่าข้าจักรับรู้ได้เอง อุบ๊ะ นี่นางเห็นข้าฉลาดถึงเพียงนั้นเชียวรึ?” พระยาพิชิตสงครามยกน้ำชาในถ้วยขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะกล่าวต่อ

“ในเมื่อไม่มีทางเลือก ข้าจึงตั้งเงื่อนไขไว้สองประการ ประการแรกคือคนผู้นั้นจักต้องมีจิตใจเอื้ออารีจนได้รับการยอมรับจากชาวบ้านหมู่บ้านไพรรีถึงจักรู้จุดหมายลับที่ข้าซ่อนเอาไว้ และประการที่สองคนผู้นั้นจักต้องมีไหวพริบที่ดีจนสามารถแก้ไขบทกลอนที่ข้าประพันธ์เอาไว้ได้”

“เพลาแล้วเพลาเล่าผันผ่าน ข้าเฝ้ารออยู่นานสุดคณานับก็หาได้มีผู้ใดสามารถไขปริศนาได้” พระยาพิชิตสงครามใช้มือท้าวต้นขาพร้อมกับใช้มืออีกข้างชี้ปลายนิ้วมายังก้องภพ “จนกระทั่ง...เอ็งคือคนแรกที่ทำได้”

“ผมเป็นคนแรกเลยเหรอครับ?” ก้องภพชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยท่าทีตกตะลึง

พระยาพิชิตสงครามพยักหน้าให้เขาเบาๆ

“เอ็งคือผู้ที่คำพยากรณ์ได้กำหนดไว้”

“อ่า ฟังดูยิ่งใหญ่จนน่าขนลุกเลยแฮะ” ก้องภพพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่พระยาพิชิตสงครามได้ยินทั้งหมด

“ถูกต้อง ภารกิจของเอ็งนับจากนี้มีความสำคัญต่อแผ่นดินอย่างใหญ่หลวง”

“แต่ผมมองภาพตัวเองเป็นคนในคำทำนายนั่นไม่ออกเลยนะครับ” ก้องภพพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

“อนาคตผู้ใดเล่าจะหยั่งรู้” พระยาพิชิตพูดแบบทอดถอนใจ “กระนั้นเมื่อเทพพยากรณ์สูงสุดได้มอบหมายให้ข้าถ่ายทอดวิชาต่อสู้แก่ผู้ที่คู่ควรและเอ็งคือผู้ที่คู่ควร ข้าจึงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาทั้งหมดให้เอ็ง เอ็งเต็มใจกราบไหว้ข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”

“คะ...ครับ! ถ้าอย่างนั้นผมขอฝากตัวด้วยนะครับอาจารย์” ก้องภพตอบอย่างไม่ต้องคิดพลางก้มหัวทำความเคารพชายเบื้องหน้า

ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกหลักธรรมเนียมการไหว้ครูสักทีเดียว แต่ด้วยความจริงใจและความมุ่งมั่นของก้องภพก็เป็นที่พึงพอใจของพระยาพิชิตสงครามมากแล้ว

[ผู้เล่น ก้องภพ ได้รับความสัมพันธ์ ศิษย์อาจารย์กับพระยาพิชิตสงคราม]

“เอาล่ะ เพลานี้ก็มืดค่ำแล้ว เช่นนั้นเอ็งจงไปพักผ่อนเอาแรงเสียก่อน รุ่งเช้าข้าจักถ่ายทอดวิชาให้หนัก”

“ไอ้เข้มเอ้ย” พระยาพิชิตสงครามส่งเสียงเรียกบุคคลที่อยู่นอกเรือน

“ขอรับท่านพระยา” ชายหนุ่มผิวคล้ำกล่าวตอบรับขณะเดินเข้ามาในเรือน

“เอ็งช่วยพาลูกศิษย์ข้าไปพักผ่อนที่เรือนรับรองให้ข้าหน่อย”

“ขอรับ”

เมื่อเป็นเช่นนั้นก้องภพจึงเดินตามชายหนุ่มผิวคล้ำไปอีกครั้ง โดยที่เวลานี้พื้นที่รอบๆ มืดสนิทแล้ว ตัวเรือนไทยประดับประดาด้วยตะเกียงน้ำมันมากมายหลายดวง ช่วยสร้างความสว่างให้แก่เรือนแห่งนี้

ชายหนุ่มผิวคล้ำเดินนำก้องภพมาหยุดยังเรือนเล็กๆ หลังหนึ่งพร้อมกับเปิดประตูออก

“เชิญพักผ่อนที่เรือนนี้ขอรับ”

ก้องภพก้าวเข้าไปพร้อมกับใช้สายตามองสำรวจพื้นที่ช้าๆ ภายในเรือนถูกตกแต่งด้วยโหลแจกันขนาดใหญ่ที่แต่งแต้มลวดลายไว้อย่างสวยงาม ด้านข้างเป็นโต๊ะไม้ใช้สำหรับตั้งตะเกียงน้ำมันที่คอยให้ความสว่างแก่พื้นที่รอบๆ

เตียงนอนที่ปูด้วยเสื่อกกทับกับผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มตั้งอยู่กลางเรือน หมอนสามเหลี่ยมพร้อมผ้าห่มผืนบางวางพับไว้อย่างเรียบร้อยตรงปลายที่นอน

ผ้าม่านสีขาวริมหน้าต่างปลิวไสวตามสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน

และเมื่อก้องภพนอนลงที่เตียงข้อความแจ้งเตือนของระบบก็ได้ปรากฏขึ้นมา

[บันทึกจุดเกิดเรียบร้อยแล้ว]

“กว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้าก็อีกหลายชั่วโมงเลย ถ้างั้นเราออกเกมไปพักก่อนดีกว่าแฮะ”

เมื่อคิดเช่นนั้นชายหนุ่มจึงกดปุ่มที่กำไลข้อมือและทำการล็อกเอาท์ออกจากตัวเกม...

[1] หอกลาง ใช้สำหรับเป็นที่พักผ่อน รับประทานอาหาร หรือต้อนรับแขก

[2] หอนก ใช้สำหรับแขวนกรงนก เลี้ยงปลากัดหรือปลูกไม้ดอก

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด