ตอนที่ 4 นักรบไทยโบราณ
เมื่อทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย ก้องภพก็เริ่มเดินลัดเลาะกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เข้ามาตอนแรก ภาพต้นไม้สูงใหญ่รอบข้างค่อยๆ บางตาลง เหลือเพียงต้นไม้เล็กๆ ที่แผ่กิ่งก้านช่วยบังแสงแดดได้เล็กน้อย
ซึ่งในขณะที่ชายหนุ่มกำลังตั้งหน้าตั้งตารีบกลับไปส่งเควสต์ให้ลุงสมศักดิ์อยู่นั้น เสียงของหญิงสาวก็ได้ดังแว่วเข้ามาในหูของเขา
“ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!”
ต้นตอของเสียงเหมือนดังมาจากบริเวณที่อยู่ไม่ไกลจากก้องภพ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าวิ่งไปตามต้นทางของเสียงไป
และเพียงไม่นานก้องภพก็พบเข้ากับหญิงสาวหน้าตาดี ผมยาวประบ่า แต่งกายคล้ายกับชนเผ่าพื้นเมืองสวมเสื้อทอมือสีน้ำตาลที่ประดับด้วยลวดลายดอกไม้และกระโปรงผ้าฝ้ายยาวจนถึงข้อเท้า กำลังยืนประจันหน้ากับเสือขนาดใหญ่ด้วยร่างกายอันสั่นเทา
บนหัวของเจ้าเสือร้ายมีข้อความกำกับไว้ว่า ‘พยัคฆ์อสูรเลเวล 10’
พยัคฆ์อสูรส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้เสียงร้องของนกและแมลงที่กำลังเจื้อยแจ้วในป่าหายไปทันที บรรยากาศที่เงียบสงัดทำให้ได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของมันอย่างไม่ยากเย็น
เสือร้ายค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าหาหญิงสาวเพื่อเตรียมพร้อมโจมตี
ก้องภพไม่รอช้า รีบพุ่งเข้ามาขวางระหว่างหญิงสาวกับเสือร้าย เขาทำการชักดาบออกมาจากด้านหลังและยืนประจันหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาถึงสองเท่า
“เธอออกไปอยู่ที่ปลอดภัยเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” ก้องภพเอ่ยกับหญิงสาว
“ระวังตัวด้วยนะท่านนักรบ” หญิงสาวเตือนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“เข้าใจแล้ว เธอรีบไปหาที่กำบังก่อนเถอะ”
เมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงรีบวิ่งไปแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก พร้อมกับคอยเฝ้าดูชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
พยัคฆ์อสูรจ้องมองก้องภพด้วยดวงตาสีเหลืองที่ส่องประกายความดุร้าย ก้องภพตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยที่ดาบในมือของเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์เกิดเป็นประกายจางๆ
จากนั้นพยัคฆ์อสูรได้ทำการพุ่งเข้าใส่ก้องภพอย่างรวดเร็ว ร่างกายอันมหึมาของมันเข้าประชิดตัวเป้าหมายด้วยเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที มันใช้กรงเล็บคมกริบตบไปที่ศัตรูด้วยพละกำลังมหาศาล
ก้องภพตอบสนองทันควัน เขากระโดดหลบไปทางขวาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะหันหลังกลับไปฟันเข้าที่หลังของพยัคฆ์อสูร เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ขึ้นกลางหลังของมัน พยัคฆ์อสูรส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดแต่ยังไม่ยอมเลิกรา
เพราะผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง การกระทำนี้ได้สร้างความโกรธให้แก่มันถึงขีดสุด มันคำรามเสียงดังพร้อมกับพุ่งใส่ก้องภพอีกครั้ง โดยคราวนี้มันพุ่งด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่ารอบที่แล้วเสียอีก
ก้องภพใช้ดาบรับการโจมตีด้วยกรงเล็บยาวของพยัคฆ์อสูร
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกับกรงเล็บของเสือร้ายดังขึ้น
แต่ด้วยแรงกระทำที่มากมหาศาลของพยัคฆ์อสูร ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเซถอยหลังไปสองสามก้าว
“ทะ...ทำไม...แรงแก...ถึงเยอะ...แบบนี้ฟะ”
ก้องภพใช้แรงทั้งหมดฟาดดาบใส่กรงเล็บของเสือร้ายให้เบี่ยงไปยังด้านข้างด้วยความยากเย็นก่อนจะกระโดดหลบไปอีกด้านเพื่อตั้งหลัก
ทว่าพยัคฆ์อสูรก็ไม่ยอมให้ก้องภพได้พักหายใจ มันทำการกระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง ซึ่งก้องภพก็ยังคงกระโดดหลบการโจมตีอันหนักหน่วงได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
เขาอาศัยจังหวะนี้ทำการโจมตีสวนกลับด้วยการฟันดาบเข้าไปที่แผลกลางหลังของพยัคฆ์อสูรอีกครั้ง และการโจมตีครั้งนี้ได้เกิดดาเมจคริติคอลพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลออกจากหลังของมันไม่หยุด
โฮกก!!!
พยัคฆ์อสูรส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด ก่อนจะพยายามตอบโต้ศัตรูด้วยการใช้กรงเล็บตบอีกครั้งอย่างโกรธแค้น
ซึ่งก้องภพก็ไม่ปล่อยให้มันทำได้สำเร็จ เขาหมุนตัวหลบกรงเล็บของมัน
“ฮึ ไม่ได้แอ้มฉันหรอก”
พยัคฆ์อสูรหันกลับมายืนประจันหน้ากับชายหนุ่มอีกครั้ง มันจ้องมองศัตรูเบื้องหน้าอย่างอาฆาตแค้นพร้อมกับส่งเสียงคำรามเสียงดัง
โฮกก!!!
“เข้ามาเลยไอ้เสือ”
โดยไม่ต้องรอช้า มันพุ่งเข้าใส่ก้องภพอย่างบ้าคลั่ง กรงเล็บอันคมกริบพยายามตบไปที่ร่างของชายหนุ่ม โดยที่ครั้งนี้เขาหลบไปได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“ฟู่ เกือบไป”
“ระวังค่ะ ท่านนักรบ!” หญิงสาวส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นว่าเสือร้ายพยายามจะโจมตีชายหนุ่มทีเผลอ
ก้องภพหมุนตัวหลบกรงเล็บของมันได้อย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง
“ดูท่าจะโกรธฉันมากเลยนะแกเนี่ย”
พยัคฆ์อสูรไม่ยอมแพ้ มันพยายามใช้กรงเล็บตะปบศัตรูอีกครั้ง แต่ก้องภพไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับฟันเข้าไปที่ขาหน้าทั้งสองข้าง เกิดบาดแผลลึกขึ้นที่ขาทั้งสองของพยัคฆ์อสูร
โฮกก!!!
มันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเดินเซ
“ขอโทษด้วยนะไอ้เสือ ฉันไม่อยากทำร้ายแกเลยจริงๆ”
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนเรียกใช้ท่าไม้ตาย
“ดาบเพลิง!”
เกิดเปลวไฟขึ้นที่ดาบ จากนั้นก้องภพจัดการใช้คมดาบฟันเข้าไปที่คอของมัน เกิดดาเมจคริติคอลพร้อมกับที่เสือร้ายล้มลงกองกับพื้น และในไม่ช้าร่างของมันก็สลายหายไป
[ผู้เล่น ก้องภพ สังหาร พยัคฆ์อสูร เลเวล 10 ได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 200 หน่วย]
[ได้รับไอเทมจากการสังหารได้แก่ กรงเล็บพยัคฆ์อสูร 2 ชิ้น]
[ผู้เล่น ก้องภพ ได้รับค่าประสบการณ์ถึงตามที่กำหนด เลื่อนขั้นเป็นเลเวล 10
พลังชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 160 จุด พลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็น 170 จุด พลังป้องกันเพิ่มขึ้นเป็น 160 จุด]
ก้องภพทำการเก็บดาบพร้อมกับที่หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขา
“ข้าขอขอบคุณท่านนักรบมากเลยจริงๆ หากไม่ได้ท่านช่วยไว้ข้าคงได้เป็นอาหารของเสือไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ก้องภพโบกไม้โบกมือทำท่าสบายๆ “แล้วเธอมาทำอะไรในป่าคนเดียวล่ะ?”
“อ้อ ตอนนี้พ่อของข้าป่วยหนักน่ะสิ ข้าเข้าป่ามาเพื่อตามหาดอกอาร์คาเนียเพื่อไปต้มยาสมุนไพรให้พ่อข้าดื่ม แต่ระหว่างทางกลับมาพบเข้ากับเสือร้ายนี่เสียก่อน”
“ดอกอาร์คาเนีย? ฉันมีอยู่พอดีเลย” ชายหนุ่มทำการเรียกไอเทมดอกอาร์คาเนียจากช่องเก็บของออกมาสามดอก “ใช้สามดอกพอไหม?”
หญิงสาวมองดอกไม้ในมือของก้องภพ “ท่านจะให้ข้าจริงๆ น่ะเหรอ?”
“เอาไปได้เลย ฉันยังมีเหลืออยู่”
“ขอบคุณท่านมากๆ ขอบคุณท่านจริงๆ” เธอโผเข้าสวมกอดก้องภพด้วยความดีใจจนลืมตัว ก่อนจะได้สติแล้วรีบผละร่างตัวเองออกจากชายหนุ่มทันที
“ขะ...ขอโทษ เมื่อครู่ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” หญิงสาวหลบหน้าก้องภพขณะพูด โดยที่ในเวลานี้ใบหน้าของเธอมีสีชมพูระเรื่อ
“มะ...ไม่เป็นไร” ใบหน้าของก้องภพก็เปลี่ยนเป็นสีอมชมพูเช่นกัน “ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ?”
“ข้าชื่อ ‘อันนารี’ ท่านนักรบล่ะ?”
“ฉันชื่อก้องภพ ยินดีที่ได้รู้จักนะอันนารี”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันท่านก้องภพ ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านด้วยสิ่งใด คงมีเพียงสิ่งนี้ที่พอจะมอบให้ท่านได้” หญิงสาวหยิบแผนที่จากในกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้เขา
ก้องภพรับแผนที่จากมืออีกฝ่ายพร้อมกับหยิบขึ้นมาอ่าน จากนั้นข้อความแจ้งเตือนของระบบก็ได้ดังขึ้น
[ผู้เล่น ก้องภพ ได้ทำการผูกมิตรกับหมู่บ้านไพรรี]
[ผู้เล่น ก้องภพ ปลดล็อกเส้นทางเข้าพบพระยาพิชิตสงคราม]
“นี่มันคืออะไรเหรอ?” ก้องภพเอ่ยถามกับหญิงสาวด้วยความงุนงง
“เรื่องนั้น ข้าว่าท่านก้องภพลองไปดูเองน่าจะเข้าใจมากกว่า”
ก้องภพได้ยินเช่นนั้นจึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“แค่ไปตามที่อยู่ของแผนที่นี้ใช่ไหม?”
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงได้มอบดอกอาร์คาเนียพร้อมกับบอกลาหญิงสาว
“ถ้ามีโอกาส เราคงได้พบกันในอีกสักวันหนึ่ง” ก้องภพยิ้มให้อันนารี
“ข้าก็หวังไว้เช่นนั้น” อันนารียิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน
หลังจากล่ำลากันเรียบร้อยคนทั้งสองจึงแยกทางกันที่ตรงนั้น
ก้องภพเปิดดูแผนที่ที่เพิ่งได้รับมาจึงพบว่าจุดหมายปลายทางต้องเดินไปในเส้นทางที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ซึ่งหากไม่มีแผนที่คอยนำทางคงต้องหลงทางเป็นแน่แท้
เมื่อเดินตามแผนที่มาได้ไม่นานเขาก็พบเข้ากับต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า กิ่งก้านของมันแผ่ขยายออกไปทั่วทุกทิศทาง บรรยากาศแถบนี้ดูขัดกับตีมของป่ารอบๆ ไม่มากก็น้อย
และที่ใต้ต้นโพธิ์มีกลุ่มผู้เล่นสี่คนกำลังช่วยกันต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เป็นชายแต่งกายคล้ายนักรบไทยสมัยโบราณ รูปร่างกำยำจนมัดกล้ามปรากฏเด่นชัดทั่วร่างกาย นักรบไทยโบราณถือดาบยาวที่ถูกสลักลวดลายไว้อย่างวิจิตรบรรจง พร้อมกับตัวเลขเลเวลเขียนกำกับไว้บนศีรษะว่า ‘70’
ทางฝั่งผู้เล่นทั้งสี่ประกอบไปด้วยอาชีพนักรบผู้พิชิตสองคน ที่มีเลเวล 50 และ 49 ตามลำดับ พวกเขาใช้ดาบประสานการต่อสู้กันอย่างเข้าขา คอยผลัดกันฟาดฟันเข้าใส่นักรบไทยโบราณอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ผู้เล่นคนที่สามเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบแห่งแสงเลเวล 50 ก็คอยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เขาจะเอาโล่มารับการโจมตีเมื่อถูกนักรบไทยโบราณใช้ดาบฟันสวนกลับ
และผู้เล่นคนสุดท้ายอาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์เลเวล 48 จะคอยยืนร่ายคาถาปล่อยลูกไฟเข้าใส่นักรบไทยโบราณพร้อมกับฟื้นฟูพลังชีวิตเพื่อนร่วมทีมจากวงนอกการปะทะ ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด
เมื่อโดนศัตรูโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน นักรบไทยโบราณก็เริ่มแสดงอาการอ่อนล้าจากบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายแห่งทั่วตัว มันใช้ดาบยันกับพื้นเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง
พอเห็นท่าทีอ่อนแอของนักรบไทยโบราณและรู้ว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผู้เล่นที่ใช้ดาบยาวจึงพูดขึ้นมา “สู้เขาทุกคน แค่เราไม่ยอมแพ้ ชัยชนะจะเป็นของเรา!”
“เออ รีบๆ ตายสักทีเถอะไอ้บอสเวร ฉันสู้จนพลังชีวิตจะไม่เหลือแล้วเนี่ย!” ผู้เล่นอาชีพนักรบแห่งแสงพูดขณะยกโล่รอกันดาเมจจากคมดาบศัตรู
“แข็งใจไว้ อีกนิดเดียวเราจะเป็นผู้เล่นกลุ่มแรกที่เอาชนะบอสตัวนี้ได้ตามบทกลอนที่มันพูดไว้!” ผู้เล่นอาชีพนักรบผู้พิชิตอีกคนพูดขณะใช้ดาบฟันใส่นักรบโบราณอย่างไม่ลดละ
“มันใกล้จะตายเแล้ว พวกนายใส่ให้สุดแรงเลย!” ผู้เล่นอาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์ส่งเสียงปลุกใจเพื่อนร่วมทีม
ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังได้ใจกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น นักรบไทยโบราณที่ดูเหมือนจะหมดแรงไปแล้วกลับฟื้นคืนพลังขึ้นมาอีกครั้ง มันง้างดาบขึ้นเหนือศีรษะเต็มแรง คล้ายกับการเตรียมผ่าฟืนท่อนยักษ์ด้วยการตัดฉับเพียงครั้งเดียวให้เป็นสองซีก
พลังไร้ขีดจำกัดพุ่งไปที่ดาบเกิดเป็นประกายแสงแผ่ออกจากตัวดาบ และจากนั้นแค่เสี้ยววินาทีเดียว เมื่อนักรบไทยโบราณฟันดาบกระแทกกับพื้นดินเบื้องล่างก็ได้บังเกิดคลื่นพลังระเบิดออกไปทั่วทิศทาง
คลื่นพลังมหาศาลทำให้แผ่นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือนพร้อมกับกวาดผ่านร่างของผู้เล่นทั้งสี่ที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบสนอง ร่างของพวกเขาล้มลงกองกับพื้นและสลายหายไปทีละคน
บรรยากาศกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง นักรบไทยโบราณเก็บดาบเข้าฝักจากนั้นกลับมายืนนิ่งเหมือนกับทหารเฝ้ายาม
“วอทเดอะฟ...” ก้องภพที่กำลังเฝ้าดูได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง