ตอนที่แล้วตอนที่ 164 สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ตื่นขึ้น! แมงมุมพิษรัตติกาล!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 166 ตระกูลไป๋เดินทางไปยังโลกต้นกำเนิด!

ตอนที่ 165 กลับสู่เมืองไป๋หลิน! (ฟรี)


ตอนที่ 165 กลับสู่เมืองไป๋หลิน!

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เปลวเพลิงร้อนแรงพุ่งเข้าใส่ ทำลายถ้ำบนพื้นดิน

ลายเส้นสีม่วงบนพื้นดินได้รับความเสียหายอย่างหนัก

แต่ถึงแบบนั้นการทิ้งระเบิดของอีกาปีกทองแดงลายสุริยะยังไม่สิ้นสุด มันเริ่มต้นการโจมตีรอบที่สอง

เปลวเพลิงร้อนแรงตกลงมาจากฟากฟ้า

ถ้ำบนพื้นดินได้รับความเสียหายมากมาย

ไม่นาน ถ้ำจำนวนหนึ่งในสามก็ถูกทำลาย

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบีบบังคับให้แมงมุมพิษรัตติกาลออกมา

ยังไงซะ ท้องฟ้าก็คือสนามรบของอีกาปีกทองแดงลายสุริยะ

การต่อสู้บนท้องฟ้าทำให้มันปลอดภัยมากขึ้น

แต่ต่อให้ไป๋จื่ออันโจมตีมากแค่ไหน แมงมุมพิษรัตติกาลก็ไม่ยอมออกมา

หรือว่าแมงมุมพิษรัตติกาลจะยังไม่ตื่น? มันเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก?

ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย

จริงๆ แล้ว ตอนที่ไป๋จื่ออันเริ่มลงมือ

แมงมุมพิษรัตติกาลตื่นขึ้นแล้ว

การที่ไป๋จื่ออันทำลายถ้ำ ทำให้แมงมุมพิษรัตติกาลโกรธมาก

เพราะลายเส้นสีม่วงบนถ้ำคือเส้นทางที่มันใช้ในการรวบรวมพลังงาน

มันก็เหมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่

ถ้าไม่มีราก ต้นไม้ก็ไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้

การที่ไป๋จื่ออันทำลายลายเส้นสีม่วงบนพื้นดิน เท่ากับว่าตัดเส้นทางการฟื้นตัวของมัน

แมงมุมพิษรัตติกาลจะไม่โกรธได้ยังไง?

ยิ่งไปกว่านั้น แมงมุมพิษรัตติกาลยังเตรียมที่จะลงมือจัดการกับไป๋จื่ออัน

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้มันตกตะลึง

เปลวเพลิงร้อนแรงจำนวนมากพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ลายเส้นสีม่วงบนพื้นดินถูกทำลายจนหมด

เจ้านี่มันอวดดีมาก!

ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจแมงมุมพิษรัตติกาลเลย

แต่แมงมุมพิษรัตติกาลไม่ได้โกรธ มันกลับรู้สึกสงสัย

การโจมตีอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ดูเหมือนกับเป็นการล่อมันออกมา

แต่จากการรับรู้ของมัน ผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่อยู่ข้างนอกเป็นแค่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงิน

ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงินกล้าดียังไงมาทำลายอาณาเขตของมัน?

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงินไม่น่าจะมีพลังมากมายขนาดนี้

แค่ดูจากพลังทำลายล้าง มันก็รู้แล้วว่านั่นคือสัตว์วิญญาณระดับเพชร

เรื่องนี้มันแปลกมาก

การที่มันเติบโตขึ้นมาเป็นระดับอเมทิสต์ ทำให้สติปัญญาของมันไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์

พูดได้เลยว่ามันฉลาดมาก

ยิ่งสถานการณ์ผิดปกติมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น

มันไม่มีทางประมาท

เพราะมันเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

ในอดีต ตอนที่มันเลื่อนขั้นเป็นระดับอเมทิสต์ มันคิดว่าตัวเองสามารถอาละวาดได้ มนุษย์ไม่มีทางต่อกรกับมันได้

แต่ไม่คิดเลยว่ามนุษย์จะไปหาผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ขั้นสูงสุดมาจัดการกับมัน

ถ้ามันไม่ใช้ทักษะพิเศษ แกล้งตาย มันก็คงจะตายไปแล้ว

แต่การทำแบบนั้นทำให้มันต้องจ่ายอะไรไปมากมาย มันหลับใหลมาเป็นเวลานานกว่าร้อยปี

ถ้าไม่ใช่เพราะโลกใบใหม่กำลังจะมาถึง มันก็คงจะยังไม่ตื่น

มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสองสามร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์

แต่ถึงแม้ว่ามันจะตื่นขึ้นมา แต่มันก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ พลังของมันเป็นแค่ระดับเพชรขั้นสูงเท่านั้น

แค่นี้มันไม่พอ มันต้องฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์มากมายในวันที่โลกใบใหม่มาถึง

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ใช้สัตว์วิญญาณปรากฏตัวขึ้น มันโจมตีอาณาเขตของมัน ราวกับว่าอยากจะล่อมันออกมา

เรื่องนี้มันแปลกมาก

หรือว่าผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นจะรู้แล้วว่ามันตื่นขึ้น?

แมงมุมพิษรัตติกาลนึกถึงเรื่องบางอย่าง สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ ผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นดูแปลกๆ

สัตว์วิญญาณที่มันใช้น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณธาตุไฟ

มันสรุปได้ว่าถ้าผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นไม่ใช่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์เมื่อร้อยปีก่อน ก็ต้องเป็นลูกหลานของมัน

ไม่ได้การแล้ว!

มันใช้เวลานานกว่าจะรอดชีวิตมาได้ แถมยังฟื้นฟูพลังมาถึงระดับเพชรขั้นสูง

ตราบใดที่มันมีเวลาเพียงพอ มันก็จะสามารถกลับคืนสู่ระดับอเมทิสต์ได้ มันจะมาตายที่นี่ไม่ได้

เมื่อคิดได้แบบนั้น แมงมุมพิษรัตติกาลก็ตัดสินใจได้

เพื่อความปลอดภัย มันต้องหนีไปจากที่นี่ก่อน รอจนกว่ามันจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ จากนั้นมันจะกลับมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย

เมื่อคิดได้แบบนั้น แมงมุมพิษรัตติกาลก็ใช้ทักษะของมันหายตัวไป มันมุ่งหน้าไปยังที่ไกลแสนไกล

ส่วนไป๋จื่ออันนั้น เขายังไม่รู้เรื่องนี้

ตอนนี้ไป๋จื่ออันยังคงสั่งให้อีกาปีกทองแดงลายสุริยะโจมตีถ้ำบนพื้นดิน

แต่ต่อให้อีกาปีกทองแดงลายสุริยะโจมตีมากแค่ไหน แมงมุมพิษรัตติกาลก็ไม่ยอมออกมา

เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย

ไป๋จื่ออันจึงใช้ [เนตรหยั่งรู้] ตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้

ผลลัพธ์ที่ได้รับทำให้เขาตกตะลึง

“แมงมุมพิษรัตติกาลหายไป?  มันหนีไปงั้นเหรอ?”

ไป๋จื่ออันพูดไม่ออก

แมงมุมพิษรัตติกาลเป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ มันเคยเป็นฝันร้ายของคนในมิติลับหมื่นรังไหม

ไป๋จื่ออันจึงตัดสินใจที่จะต่อสู้กับมัน

แต่ไม่คิดเลยว่าแมงมุมพิษรัตติกาลจะเลือกที่จะหนี

เจ้านี่มันขี้ขลาดมาก

“แมงมุมพิษรัตติกาลนี่รอบคอบมาก”

“แต่ยิ่งมันรอบคอบมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต”

ไป๋จื่ออันพึมพำ เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้

สัตว์วิญญาณป่ามักจะให้ความรู้สึกที่ไร้สติปัญญา พวกมันใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ

สัตว์วิญญาณป่าที่ฉลาดแบบนี้หาได้ยากมาก

แต่นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าแมงมุมพิษรัตติกาลนั้นอันตราย

ยังไงซะสัตว์วิญญาณที่ฉลาดนั้นน่ากลัวที่สุด

ไป๋จื่ออันตัดสินใจอย่างเงียบๆ ว่าครั้งหน้าถ้าเขาเจอแมงมุมพิษรัตติกาลอีก เขาจะต้องกำจัดมันให้ได้

แต่ตอนนี้ไป๋จื่ออันทำอะไรไม่ได้

เพราะมันหนีไปแล้ว

ทักษะที่แมงมุมพิษรัตติกาลใช้ก็ค่อนข้างพิเศษ มันยากที่จะติดตาม

ไป๋จื่ออันทำอะไรไม่ได้

แน่นอนว่าถ้าเขาอยากจะตามหามัน มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ยังไงซะ [เนตรหยั่งรู้] ก็คือผู้เชี่ยวชาญในการสืบหาข้อมูล

แต่ถ้าหากแมงมุมพิษรัตติกาลจงใจหลีกเลี่ยงไป๋จื่ออัน ไม่ยอมเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ

การจัดการกับมันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้เวลา

แต่ไป๋จื่ออันไม่มีเวลามากขนาดนั้น

ยังไงซะโลกใบใหม่ก็กำลังจะมาถึง

นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับไป๋จื่ออัน

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่วางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วค่อยระวังตัวในอนาคต

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็เลิกสนใจเรื่องนี้ เขาออกจากถ้ำทันที

จากนั้นไป๋จื่ออันก็กลับไปหาเฉียวกู่ไป๋ พวกเขากลับไปที่เมืองไป๋หลิน

ระหว่างทาง ไป๋จื่ออันไม่ได้เจออะไร

ไม่นานพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองไป๋หลิน

ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 5 วัน โลกใบใหม่ก็จะมาถึง

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะแมงมุมพิษรัตติกาล มันทำให้เขาเสียเวลาไปหนึ่งวัน

บวกกับเวลาที่ใช้ในการเดินทางกลับไปยังเมืองไป๋หลินอีกหนึ่งวัน รวมแล้วไป๋จื่ออันใช้เวลาไปสี่วัน

แต่ไป๋จื่ออันก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร

ยังไงซะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้สัตว์วิญญาณจำพวกนกเดินทางข้ามดินแดนรกร้าง

สำหรับไป๋จื่ออันแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ

แต่การที่เขาไม่ได้จัดการกับแมงมุมพิษรัตติกาล ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

“ขอคารวะคุณชายจื่ออัน”

“คุณชายจื่ออันกลับมาแล้ว”

ทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเมือง ก็มีเสียงทักทายดังขึ้น

พวกเขาก็คือยามประจำประตูเมือง

ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาทักทายพวกเขากลับ

หลังจากที่ผ่านประตูเมือง ไป๋จื่ออันก็มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง

ถึงแม้ว่าการฝึกฝนในครั้งนี้จะไม่ได้ใช้เวลานานก็จริง

แต่ไป๋จื่ออันรู้สึกว่าการฝึกฝนในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับอะไรมากมาย

ระหว่างเดินทางกลับไปยังจวนเจ้าเมือง ไป๋จื่ออันก็สังเกตเห็นบางอย่าง

ในเมืองไป๋หลินมีคนแปลกหน้ามากมายปรากฏตัวขึ้น

นี่น่าจะเป็นผลมาจากการมาถึงของโลกใบใหม่

จริงๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่โลกใบใหม่มาถึงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ดังนั้นการย้ายชาวบ้านแถบชานเมืองเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัย

ทุกเมืองต่างก็ทำแบบนี้

ไป๋จื่ออันเข้าใจเรื่องนี้

ไม่นานไป๋จื่ออันก็กลับมาถึงจวนเจ้าเมือง

แต่พอเขากลับมา เขาก็รู้สึกว่าจวนเจ้าเมืองดูเงียบเหงา

ไม่เพียงแต่พ่อแม่ของเขาเท่านั้น แม้แต่น้องสาวของเขา ไป๋จื่อหวี่ ก็ไม่ได้อยู่บ้าน

แม้แต่คนรับใช้บางคนก็หายไป

อย่างเช่นไป๋จื่อกับไป๋เส้า

พวกเธอเป็นถึงผู้คุ้มกันของไป๋จื่ออัน

การฝึกฝนในครั้งนี้เขาไม่ได้พาพวกเธอไปด้วย

ดังนั้นพวกเธอจึงควรจะอยู่ที่จวนเจ้าเมือง

แต่พอกลับมา ไป๋จื่ออันกลับหาพวกเธอไม่เจอ

เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย

ดูเหมือนว่าในช่วงที่เขาไม่อยู่ จะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับตระกูลไป๋

ไป๋จื่ออันที่รู้สึกสงสัยจึงเรียกพ่อบ้านมา

“เรียนคุณชายจื่ออัน ท่านไป๋เฉิงจื่อกับคนอื่นๆ รวมไปถึงคนรับใช้บางคน ถูกท่านเจ้าเมืองเรียกตัวไปขอรับ”

“หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กลับมาที่จวนเจ้าเมือง”

“ท่านเจ้าเมืองบอกว่าได้ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วขอรับ”

พ่อบ้านไม่กล้าปิดบังอะไร เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

ไป๋จื่ออันตกใจเล็กน้อย เขานึกอะไรบางอย่างออก

พ่อแม่และน้องสาวถูกคุณปู่เรียกตัวไป

แถมคุณปู่ยังบอกว่าได้ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว

เรื่องนี้มันแปลกๆ

ไป๋จื่ออันนึกถึงภูมิหลังของไป๋จิ้งฉง เขาก็พอจะเดาอะไรออก

ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิด มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

แต่ไป๋จื่ออันก็ไม่แน่ใจ

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็รีบออกจากจวนเจ้าเมือง เขามุ่งหน้าไปยังศูนย์ราชการ เขาจะไปถามไป๋จิ้งฉง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด