ตอนที่ 165 กลับสู่เมืองไป๋หลิน! (ฟรี)
ตอนที่ 165 กลับสู่เมืองไป๋หลิน!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เปลวเพลิงร้อนแรงพุ่งเข้าใส่ ทำลายถ้ำบนพื้นดิน
ลายเส้นสีม่วงบนพื้นดินได้รับความเสียหายอย่างหนัก
แต่ถึงแบบนั้นการทิ้งระเบิดของอีกาปีกทองแดงลายสุริยะยังไม่สิ้นสุด มันเริ่มต้นการโจมตีรอบที่สอง
เปลวเพลิงร้อนแรงตกลงมาจากฟากฟ้า
ถ้ำบนพื้นดินได้รับความเสียหายมากมาย
ไม่นาน ถ้ำจำนวนหนึ่งในสามก็ถูกทำลาย
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบีบบังคับให้แมงมุมพิษรัตติกาลออกมา
ยังไงซะ ท้องฟ้าก็คือสนามรบของอีกาปีกทองแดงลายสุริยะ
การต่อสู้บนท้องฟ้าทำให้มันปลอดภัยมากขึ้น
แต่ต่อให้ไป๋จื่ออันโจมตีมากแค่ไหน แมงมุมพิษรัตติกาลก็ไม่ยอมออกมา
หรือว่าแมงมุมพิษรัตติกาลจะยังไม่ตื่น? มันเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก?
ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย
จริงๆ แล้ว ตอนที่ไป๋จื่ออันเริ่มลงมือ
แมงมุมพิษรัตติกาลตื่นขึ้นแล้ว
การที่ไป๋จื่ออันทำลายถ้ำ ทำให้แมงมุมพิษรัตติกาลโกรธมาก
เพราะลายเส้นสีม่วงบนถ้ำคือเส้นทางที่มันใช้ในการรวบรวมพลังงาน
มันก็เหมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่
ถ้าไม่มีราก ต้นไม้ก็ไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้
การที่ไป๋จื่ออันทำลายลายเส้นสีม่วงบนพื้นดิน เท่ากับว่าตัดเส้นทางการฟื้นตัวของมัน
แมงมุมพิษรัตติกาลจะไม่โกรธได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้น แมงมุมพิษรัตติกาลยังเตรียมที่จะลงมือจัดการกับไป๋จื่ออัน
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้มันตกตะลึง
เปลวเพลิงร้อนแรงจำนวนมากพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ลายเส้นสีม่วงบนพื้นดินถูกทำลายจนหมด
เจ้านี่มันอวดดีมาก!
ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจแมงมุมพิษรัตติกาลเลย
แต่แมงมุมพิษรัตติกาลไม่ได้โกรธ มันกลับรู้สึกสงสัย
การโจมตีอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ดูเหมือนกับเป็นการล่อมันออกมา
แต่จากการรับรู้ของมัน ผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่อยู่ข้างนอกเป็นแค่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงิน
ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงินกล้าดียังไงมาทำลายอาณาเขตของมัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับเงินไม่น่าจะมีพลังมากมายขนาดนี้
แค่ดูจากพลังทำลายล้าง มันก็รู้แล้วว่านั่นคือสัตว์วิญญาณระดับเพชร
เรื่องนี้มันแปลกมาก
การที่มันเติบโตขึ้นมาเป็นระดับอเมทิสต์ ทำให้สติปัญญาของมันไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์
พูดได้เลยว่ามันฉลาดมาก
ยิ่งสถานการณ์ผิดปกติมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น
มันไม่มีทางประมาท
เพราะมันเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
ในอดีต ตอนที่มันเลื่อนขั้นเป็นระดับอเมทิสต์ มันคิดว่าตัวเองสามารถอาละวาดได้ มนุษย์ไม่มีทางต่อกรกับมันได้
แต่ไม่คิดเลยว่ามนุษย์จะไปหาผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ขั้นสูงสุดมาจัดการกับมัน
ถ้ามันไม่ใช้ทักษะพิเศษ แกล้งตาย มันก็คงจะตายไปแล้ว
แต่การทำแบบนั้นทำให้มันต้องจ่ายอะไรไปมากมาย มันหลับใหลมาเป็นเวลานานกว่าร้อยปี
ถ้าไม่ใช่เพราะโลกใบใหม่กำลังจะมาถึง มันก็คงจะยังไม่ตื่น
มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสองสามร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
แต่ถึงแม้ว่ามันจะตื่นขึ้นมา แต่มันก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ พลังของมันเป็นแค่ระดับเพชรขั้นสูงเท่านั้น
แค่นี้มันไม่พอ มันต้องฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์มากมายในวันที่โลกใบใหม่มาถึง
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ใช้สัตว์วิญญาณปรากฏตัวขึ้น มันโจมตีอาณาเขตของมัน ราวกับว่าอยากจะล่อมันออกมา
เรื่องนี้มันแปลกมาก
หรือว่าผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นจะรู้แล้วว่ามันตื่นขึ้น?
แมงมุมพิษรัตติกาลนึกถึงเรื่องบางอย่าง สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ ผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นดูแปลกๆ
สัตว์วิญญาณที่มันใช้น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณธาตุไฟ
มันสรุปได้ว่าถ้าผู้ใช้สัตว์วิญญาณคนนั้นไม่ใช่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์เมื่อร้อยปีก่อน ก็ต้องเป็นลูกหลานของมัน
ไม่ได้การแล้ว!
มันใช้เวลานานกว่าจะรอดชีวิตมาได้ แถมยังฟื้นฟูพลังมาถึงระดับเพชรขั้นสูง
ตราบใดที่มันมีเวลาเพียงพอ มันก็จะสามารถกลับคืนสู่ระดับอเมทิสต์ได้ มันจะมาตายที่นี่ไม่ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้น แมงมุมพิษรัตติกาลก็ตัดสินใจได้
เพื่อความปลอดภัย มันต้องหนีไปจากที่นี่ก่อน รอจนกว่ามันจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ จากนั้นมันจะกลับมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย
เมื่อคิดได้แบบนั้น แมงมุมพิษรัตติกาลก็ใช้ทักษะของมันหายตัวไป มันมุ่งหน้าไปยังที่ไกลแสนไกล
ส่วนไป๋จื่ออันนั้น เขายังไม่รู้เรื่องนี้
ตอนนี้ไป๋จื่ออันยังคงสั่งให้อีกาปีกทองแดงลายสุริยะโจมตีถ้ำบนพื้นดิน
แต่ต่อให้อีกาปีกทองแดงลายสุริยะโจมตีมากแค่ไหน แมงมุมพิษรัตติกาลก็ไม่ยอมออกมา
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย
ไป๋จื่ออันจึงใช้ [เนตรหยั่งรู้] ตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้
ผลลัพธ์ที่ได้รับทำให้เขาตกตะลึง
“แมงมุมพิษรัตติกาลหายไป? มันหนีไปงั้นเหรอ?”
ไป๋จื่ออันพูดไม่ออก
แมงมุมพิษรัตติกาลเป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ มันเคยเป็นฝันร้ายของคนในมิติลับหมื่นรังไหม
ไป๋จื่ออันจึงตัดสินใจที่จะต่อสู้กับมัน
แต่ไม่คิดเลยว่าแมงมุมพิษรัตติกาลจะเลือกที่จะหนี
เจ้านี่มันขี้ขลาดมาก
“แมงมุมพิษรัตติกาลนี่รอบคอบมาก”
“แต่ยิ่งมันรอบคอบมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต”
ไป๋จื่ออันพึมพำ เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้
สัตว์วิญญาณป่ามักจะให้ความรู้สึกที่ไร้สติปัญญา พวกมันใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ
สัตว์วิญญาณป่าที่ฉลาดแบบนี้หาได้ยากมาก
แต่นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าแมงมุมพิษรัตติกาลนั้นอันตราย
ยังไงซะสัตว์วิญญาณที่ฉลาดนั้นน่ากลัวที่สุด
ไป๋จื่ออันตัดสินใจอย่างเงียบๆ ว่าครั้งหน้าถ้าเขาเจอแมงมุมพิษรัตติกาลอีก เขาจะต้องกำจัดมันให้ได้
แต่ตอนนี้ไป๋จื่ออันทำอะไรไม่ได้
เพราะมันหนีไปแล้ว
ทักษะที่แมงมุมพิษรัตติกาลใช้ก็ค่อนข้างพิเศษ มันยากที่จะติดตาม
ไป๋จื่ออันทำอะไรไม่ได้
แน่นอนว่าถ้าเขาอยากจะตามหามัน มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ยังไงซะ [เนตรหยั่งรู้] ก็คือผู้เชี่ยวชาญในการสืบหาข้อมูล
แต่ถ้าหากแมงมุมพิษรัตติกาลจงใจหลีกเลี่ยงไป๋จื่ออัน ไม่ยอมเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
การจัดการกับมันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้เวลา
แต่ไป๋จื่ออันไม่มีเวลามากขนาดนั้น
ยังไงซะโลกใบใหม่ก็กำลังจะมาถึง
นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับไป๋จื่ออัน
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่วางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วค่อยระวังตัวในอนาคต
เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็เลิกสนใจเรื่องนี้ เขาออกจากถ้ำทันที
จากนั้นไป๋จื่ออันก็กลับไปหาเฉียวกู่ไป๋ พวกเขากลับไปที่เมืองไป๋หลิน
ระหว่างทาง ไป๋จื่ออันไม่ได้เจออะไร
ไม่นานพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองไป๋หลิน
ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 5 วัน โลกใบใหม่ก็จะมาถึง
สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะแมงมุมพิษรัตติกาล มันทำให้เขาเสียเวลาไปหนึ่งวัน
บวกกับเวลาที่ใช้ในการเดินทางกลับไปยังเมืองไป๋หลินอีกหนึ่งวัน รวมแล้วไป๋จื่ออันใช้เวลาไปสี่วัน
แต่ไป๋จื่ออันก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร
ยังไงซะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้สัตว์วิญญาณจำพวกนกเดินทางข้ามดินแดนรกร้าง
สำหรับไป๋จื่ออันแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ
แต่การที่เขาไม่ได้จัดการกับแมงมุมพิษรัตติกาล ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ขอคารวะคุณชายจื่ออัน”
“คุณชายจื่ออันกลับมาแล้ว”
ทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเมือง ก็มีเสียงทักทายดังขึ้น
พวกเขาก็คือยามประจำประตูเมือง
ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาทักทายพวกเขากลับ
หลังจากที่ผ่านประตูเมือง ไป๋จื่ออันก็มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง
ถึงแม้ว่าการฝึกฝนในครั้งนี้จะไม่ได้ใช้เวลานานก็จริง
แต่ไป๋จื่ออันรู้สึกว่าการฝึกฝนในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับอะไรมากมาย
ระหว่างเดินทางกลับไปยังจวนเจ้าเมือง ไป๋จื่ออันก็สังเกตเห็นบางอย่าง
ในเมืองไป๋หลินมีคนแปลกหน้ามากมายปรากฏตัวขึ้น
นี่น่าจะเป็นผลมาจากการมาถึงของโลกใบใหม่
จริงๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่โลกใบใหม่มาถึงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้นการย้ายชาวบ้านแถบชานเมืองเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัย
ทุกเมืองต่างก็ทำแบบนี้
ไป๋จื่ออันเข้าใจเรื่องนี้
ไม่นานไป๋จื่ออันก็กลับมาถึงจวนเจ้าเมือง
แต่พอเขากลับมา เขาก็รู้สึกว่าจวนเจ้าเมืองดูเงียบเหงา
ไม่เพียงแต่พ่อแม่ของเขาเท่านั้น แม้แต่น้องสาวของเขา ไป๋จื่อหวี่ ก็ไม่ได้อยู่บ้าน
แม้แต่คนรับใช้บางคนก็หายไป
อย่างเช่นไป๋จื่อกับไป๋เส้า
พวกเธอเป็นถึงผู้คุ้มกันของไป๋จื่ออัน
การฝึกฝนในครั้งนี้เขาไม่ได้พาพวกเธอไปด้วย
ดังนั้นพวกเธอจึงควรจะอยู่ที่จวนเจ้าเมือง
แต่พอกลับมา ไป๋จื่ออันกลับหาพวกเธอไม่เจอ
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกสงสัย
ดูเหมือนว่าในช่วงที่เขาไม่อยู่ จะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับตระกูลไป๋
ไป๋จื่ออันที่รู้สึกสงสัยจึงเรียกพ่อบ้านมา
“เรียนคุณชายจื่ออัน ท่านไป๋เฉิงจื่อกับคนอื่นๆ รวมไปถึงคนรับใช้บางคน ถูกท่านเจ้าเมืองเรียกตัวไปขอรับ”
“หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กลับมาที่จวนเจ้าเมือง”
“ท่านเจ้าเมืองบอกว่าได้ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วขอรับ”
พ่อบ้านไม่กล้าปิดบังอะไร เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ไป๋จื่ออันตกใจเล็กน้อย เขานึกอะไรบางอย่างออก
พ่อแม่และน้องสาวถูกคุณปู่เรียกตัวไป
แถมคุณปู่ยังบอกว่าได้ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว
เรื่องนี้มันแปลกๆ
ไป๋จื่ออันนึกถึงภูมิหลังของไป๋จิ้งฉง เขาก็พอจะเดาอะไรออก
ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิด มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
แต่ไป๋จื่ออันก็ไม่แน่ใจ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็รีบออกจากจวนเจ้าเมือง เขามุ่งหน้าไปยังศูนย์ราชการ เขาจะไปถามไป๋จิ้งฉง