ตอนที่ 6 ทำเต้าหู้
ตอนที่ 6 ทำเต้าหู้
เซี่ยหยูกลับออกจากครัวมาที่หน้าร้าน มองซ้ายมองขวาแล้วถามว่า "เอ๊ะ ลุงคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ?"
บนโต๊ะมีเพียงชามเปล่าสองใบ ทั้งเส้นและน้ำซุปถูกกินจนหมดเกลี้ยง ส่วนราเมนชามที่สามยังวางอยู่หลังเคาน์เตอร์ เป็นส่วนที่เซี่ยหยูตั้งใจเก็บไว้เติมพลังให้ตัวเอง
"กลับไปแล้ว" ชายชราเดินผ่านม่านเข้ามาในร้าน
เซี่ยหยูไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาหยิบราเมนชามที่สาม มาไว้ตรงหน้าของตัวเอง แล้วนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย
"ฮ่า..."
หลังจากกวาดราเมนหมดชามในเวลาไม่กี่นาที ในที่สุดท้องก็อิ่ม
เซี่ยหยูบิดขี้เกียจ กำลังจะลุกไปอาบน้ำแล้วเข้านอน แต่จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างๆ
"แกคิดว่าราเมนเนื้อวัวที่ตัวเองทำเป็นยังไงบ้าง?"
ชายชรายืนกอดอกพิงประตูร้าน ใบหน้าซ่อนอยู่ในความมืด มองไม่เห็นสีหน้า
"..."
เซี่ยหยูชี้ไปที่ชามเปล่าอีกสองใบ แล้วยิ้มพูดว่า "นี่ ราเมนชามนี้ ปู่ก็เป็นคนกินเองไม่ใช่เหรอ? ยังจะมาถามอีก รสชาติเป็นยังไง ปู่เองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ ฮิๆๆๆ"
ในมุมมองของคนตะกละอย่างเขา ราเมนของเถ้าแก่เซี่ยผู้ที่เป็นปู่ของเขาในชาตินี้ ได้แพ้แล้ว
ภายใต้สถานะการทำอาหารอันน่าอัศจรรย์ของ 'คริสตัลสะท้อน' อาหารที่เขาทำออกมานั้นอร่อยกว่าต้นฉบับไม่น้อย
ไม่เพียงแต่เอาชนะในเรื่องความเหนียวนุ่มของเส้นราเมน
แต่ทั้งรสชาติของน้ำซุป และการผสมผสานของส่วนผสมต่างๆ ก็เหนือกว่าฝีมือของปู่เขา
แน่นอนว่าเซี่ยหยูรู้ดีว่า ปู่ยังไม่ได้ใช้ความสามารถเต็มที่
เขาก็ประเมินไม่ได้ว่าปู่แสดงฝีมือออกมาสักกี่เปอร์เซ็นต์
แต่ยังไงเขาก็ชนะไปหนึ่งเกม ความอัดอั้นที่ถูกกดขี่มานานก็ได้ระบายออกเสียที
เฮ้ย ไอ้แก่ แกแพ้แล้ว! ง่ายแค่นี้เอง
จริงๆ แล้วประโยคข้างบนนั้นเซี่ยหยูกล้าพูด แค่ในใจเท่านั้น...
"ไอ้เด็กบ้านี่ แอบไปขโมยสูตรน้ำซุปราเมนตระกูลเซี่ยของเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ปู่ก็ถามอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ขโมย?" เซี่ยหยูทำหน้าบึ้ง
"ปู่พูดจาให้มันเข้าท่าหน่อยสิ เราก็อยู่ในตระกูลเซี่ยเหมือนกันทั้งนั้น จะเรียกว่าขโมยได้ยังไง?
ฉันเรียนรู้มาจากการกินราเมนที่ปู่ทำต่างหาก แบบนี้ต้องเรียกว่าเข้าใจแจ่มแจ้ง! เข้าใจแจ่มแจ้งรู้ไหม ฮะ?"
"แกบอกว่าแกชิมแล้ว รู้สูตรน้ำซุปเลยงั้นเหรอ?" ปู่ของเขาทำหน้าไม่เชื่อ
เซี่ยหยูไม่พูดพร่ำทำเพลง เขากระแอมเบาๆ แล้วเริ่มท่องออกมา
"กระดูกขาวัวสดหนึ่งท่อน เนื้อวัวสดหนึ่งก้อน พริกเสฉวน 50 กรัม เปลือกขิงแห้ง 50 กรัม ยี่หร่า ลูกกระวาน และอบเชยอย่างละ 20 กรัม พริกไทย 15 กรัม กานพลูและลูกจันทน์เทศอย่างละ 10 กรัม ข่าและตะไคร้อย่างละ 5 กรัม พริกไทย 3 กรัม แล้วก็ผิวส้มจีน โป๊ยกั๊ก กระวาน..."
"นี่คือส่วนผสมสำหรับหม้อน้ำซุปหนึ่งหม้อ รวมแล้วประมาณ 30 อย่าง"
"ถ้าเป็นหม้อใหญ่สำหรับทำขายในร้าน สัดส่วนของส่วนผสมก็จะเป็น เปลือกขิงแห้ง 20% พริกเสฉวน 18% ยี่หร่า 12%..."
เซี่ยหยูยังพูดไม่ทันจบ ชายชราก็โบกมือให้หยุด
"พอแล้ว!"
ชายชราหันหลังเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง
"ตามฉันมา!"
เซี่ยหยูงุนงง แต่ก็เดินตามเข้าไป ปู่หันหลังให้เขา พลางสวมผ้ากันเปื้อน
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะสอนการทำอาหารให้แก อันดับแรก แกต้องเรียนรู้เมนูเด็ดของร้านอาหารจีนให้หมด"
"ไม่มีปัญหา!"
ถ้าเป็นแต่ก่อน เซี่ยหยูคงจะแค่ตอบส่งๆไป แล้วหาข้ออ้างกลับไปนอนต่อในห้อง
แต่ตอนนี้เขามีระบบเชฟเทพคอยช่วย ถ้าตาแก่คนนี้ถ่ายทอดวิชาให้อย่างไม่ปิดบัง เขาก็จะได้เรียนรู้สูตรอาหารมากมายไม่ใช่หรือ?
แค่คิดก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว ฤดูใบไม้ผลิของคนตะกละมาถึงแล้ว!
"แกถนัดเรื่องแป้งอยู่แล้ว งั้นเราเริ่มจากขนมที่ทำจากแป้งก่อนแล้วกัน"
ชายชราหยิบแป้งออกมา พลางอธิบายไปพลางทำงานไป เซี่ยหยูฟังอย่างตั้งใจ ดูจริงจังกว่าตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนมาก
วันรุ่งขึ้น
เซี่ยหยูที่เรียนรู้จนดึกดื่น ตื่นตรงเวลา 8 โมงเช้า แม้จะหลับตาก็ไม่อาจหลับต่อได้ นี่คือวันแรกของวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ
ในญี่ปุ่นมีวันหยุดสามช่วง คือวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ วันหยุดฤดูร้อน และวันหยุดฤดูหนาว
วันหยุดฤดูใบไม้ผลิเป็นการจบปีการศึกษา มักอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน
และวันที่ 1 เมษายน คือวันเปิดเทอมใหม่ของโรงเรียนมัธยมและอุดมศึกษาในญี่ปุ่น
เซี่ยหยูได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้า
มีเสียงดังมาจากลานบ้านเล็กๆ หลังจากล้างหน้าเสร็จ เซี่ยหยูยืนอยู่ที่ระเบียง
เห็นว่าปู่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว กำลังหมุนโม่หินโบราณในลานบ้านเหมือนลาแก่ๆ น้ำเต้าหู้สีขาวที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไหลออกมาจากโม่หินอย่างต่อเนื่องลงสู่ถังไม้
ยืนดูอยู่สักพัก เซี่ยหยูคิดจะเข้าไปช่วย แต่จู่ๆ ปู่ก็ปล่อยมือแล้วยกถังน้ำเต้าหู้เดินกลับไป
"เอาน้ำสะอาดล้างโม่หินหน่อย" ปู่สั่งด้วยน้ำเสียงปกติขณะเดินผ่าน
นี่จะทำเต้าหู้หรือ? เซี่ยหยูสงสัยเต็มไปหมด
ตาแก่นี่แทบไม่เคยทำเต้าหู้เอง ส่วนใหญ่เต้าหู้ที่ใช้ในอาหารมักซื้อมาจากร้านค้าในตลาด โดยเซี่ยหยูเป็นคนวิ่งไปซื้อ เป็นความรู้สึกเศร้าๆ ที่ไม่อยากพูดถึง
อืม...
เมื่อนึกถึงถั่วเหลืองที่ใช้โม่เต้าหู้ สีหน้าของเซี่ยหยูก็เปลี่ยนไป รีบวิ่งเข้าครัว
เมื่อคืนก่อนนอนเขาแช่ถั่วเหลืองไว้เต็มถัง ประมาณ 5 กิโลกรัม
ถั่วเหลืองพวกนี้ผ่านการบดเปลือกแล้วแช่น้ำไว้หลายชั่วโมงก็พร้อมจะนำไปโม่เป็นน้ำเต้าหู้ได้แล้ว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน้ำเต้าหู้พวกนี้จะใช้ทำเต้าหู้แข็งแน่นอน เพราะเมื่อคืนเพิ่งได้สูตรอาหารมาใหม่
'เต้าหู้หม่าล่า' จากระบบเชฟเทพ เซี่ยหยูรู้สึกอยากลองทำในทันที
แต่ถังถั่วเหลืองนั้นหายไปแล้ว!
"ไอ้ตาเฒ่านี่..." เขาแค่นเสียงมองไปยังร่างที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว แววตาโกรธแค้นกลับจางหายไปอย่างประหลาด
ปู่ของเขาก็กำลังทำเต้าหู้ เขาเอาถุงผ้าสำหรับกรองเต้าหู้มาเทน้ำเต้าหู้ในถังลงไป บีบอัดแรงๆ น้ำเต้าหู้ที่กรองแล้วไหลลงถังไม้อีกถังที่สะอาด
ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัมใช้น้ำประมาณ 6 กิโลกรัม ดังนั้นถั่วเหลือง 5 กิโลกรัมจะได้น้ำเต้าหู้ 30 กิโลกรัม เต็มถังไม้ใบใหญ่พอดี
ตอนที่เซี่ยหยูล้างโม่หินเสร็จและเดินกลับเข้าครัว เขาก็เห็นปู่ต้มน้ำเต้าหู้ในหม้อใหญ่จนเดือดแล้ว
บนโต๊ะข้างๆ มีผงยิปซัมวางอยู่
เซี่ยหยูรู้วิธีทำเต้าหู้ดี แม้ชาติก่อนจะไม่รู้ แต่ชาตินี้ได้ยินได้ฟังมาตลอด เห็นปู่โม่ถั่วต้มน้ำเต้าหู้ก็เรียนรู้ไป 7-8 ส่วนแล้ว
ผงยิปซัมถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำเต้าหู้ ถ้าไม่มีมัน น้ำเต้าหู้ก็ไม่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้
"จะทำเต้าหู้น้ำหรือเต้าหู้แข็ง?"
ชายชราผสมผงยิปซัมกับน้ำสะอาดหนึ่งชาม แล้วเทลงไปในหม้อที่กำลังเดือด พลางคนไปพลางหันมาถาม
"เต้าหู้แข็ง!" เซี่ยหยูตอบอย่างไม่ลังเล
ปู่เขาชี้ไปที่ถาดไม้ที่เตรียมไว้ข้างๆ ถาดไม้แบบนี้มีหลายอัน วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ คล้ายซึ้งนึ่ง เซี่ยหยูเข้าใจความหมายของปู่ จึงรีบยกถาดไม้มารอข้างๆ ทันที
ต่อจากนั้นก็เป็นการแบ่งงานกัน ปู่ตักน้ำเต้าหู้ เซี่ยหยูถือถาด ถาดเหล่านี้ล้วนห่อด้วยผ้ากรองเต้าหู้ เมื่อตักน้ำเต้าหู้เต็มแล้วก็ใช้ผ้าปิด แล้วทำถาดต่อไป
รวมแล้วเติมน้ำเต้าหู้จนเต็มกว่าสิบถาด น้ำเต้าหู้ในหม้อถึงจะหมด
เซี่ยหยูปาดเหงื่อ มองดูถาดไม้ที่วางซ้อนกัน และยิ้มกริ่ม
ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากน้ำเย็นลง เต้าหู้ก็จะเซ็ตตัว
เต้าหู้มากมายขนาดนี้ เพียงพอให้เขาฝึกทำ 'เต้าหู้หม่าล่า' แน่
เขาไม่เชื่อว่าจะทำอาหารเรืองแสงไม่ได้ อย่างน้อยก็มีวัตถุดิบให้ใช้ทดลองได้อย่างเหลือเฟือ
ระหว่างที่รอ เขาก็ไม่ได้ยืนเฉยๆ เซี่ยหยูออกจากครัว ไปเช็ดโต๊ะเก้าอี้ในร้าน ตามความเคยชิน
เซี่ยหยูเป็นคนค่อนข้างรักความสะอาด ดังนั้นหลายปีมานี้ ร้านเล็กๆ ภายใต้การดูแลของเขาจึงสะอาดเอี่ยม
ครั้งหนึ่งมีแมลงสาบปรากฏในครัว ทำให้เซี่ยหยูลงมือทำความสะอาดครั้งใหญ่
วิ่งไปซื้อยาฆ่าแมลงหลายชนิดจากตลาด ทำอยู่ครึ่งเดือนกว่าจะทำให้ครัวกลับมาสงบ ไม่มีซากสิ่งมีชีวิตอีกเลย
อย่าคิดว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีแมลงสาบ
ที่นี่อากาศร้อนชื้น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของแมลงเป็นอย่างยิ่ง
พูดตรงๆ แมลงสาบญี่ปุ่นใหญ่กว่าในประเทศจีนเสียอีก
เซี่ยหยูเคยได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนเล่าว่าเคยเจอแมลงสาบขนาดเท่าฝ่ามือ
ตอนนั้นตกใจจนหน้าซีด นี่มันคงเป็นผลจากมลพิษกัมมันตรังสีนิวเคลียร์ฟุกุชิม่าแน่ๆ
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย