ตอนที่ 10 กิลด์อัศวินสีเงิน
ณ ทวีปไอเซนเดล ทวีปที่สามของเกม Legends of Odyssey
กลุ่มผู้เล่นหลายสิบคนกำลังยืนอออยู่ที่ด้านหน้าดันเจี้ยนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่
ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้เล่นหลายสิบคน ชายร่างสูงใหญ่สวมชุดเกราะสีเงินเงาวับ สะพายดาบเล่มยักษ์ไว้ที่ด้านหลัง ได้ก้าวขึ้นมายืนด้านหน้าของกลุ่มผู้เล่นพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม
“พวกเราเคยผิดหวังจากการมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง นั่นทำให้พวกเราเรียนรู้และเตรียมตัวมาอย่างดี ดังนั้นครั้งนี้มันจะต่างออกไป” ชายหนุ่มสวมชุดเกราะสีเงินซึ่งมีเลเวล 126 เอ่ยพลางกวาดสายตามองสมาชิกคนอื่นๆ ในกิลด์
“พวกเราต่างก็รู้หน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นจงทำหน้าที่ของตนให้ดีและเชื่อมั่นในกันและกัน หลังจากประตูบานนี้เปิดออก พวกเราจะเป็นผู้เล่นกลุ่มแรกที่สามารถล้มบอสตัวนี้ไปพร้อมกัน!”
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม พลันได้เกิดเสียงเฮและเสียงตะโกนอย่างฮึกเหิมของกลุ่มผู้เล่นตามมาทันที
“โว้ว...ลุยกันเลยหัวหน้า!”
“รอบนี้ฉันจะอัดมันให้แหลกคามือเลย เอาคืนจากรอบที่แล้วให้สาสม!”
“หัวหน้าว่าไงผมก็ว่างั้น”
“หัวหน้าแม่งปลุกใจเก่งชิบเป๋งเลยว่ะ ฮ่ะฮ่ะ”
ชายคนนี้ชื่อว่า ‘มาคัส’ เป็นหัวหน้ากิลด์ ‘อัศวินสีเงิน’ หนึ่งในกิลด์อันดับต้นๆ ของเกมและเขาก็ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนที่เลเวลแตะถึงหลักหนึ่งร้อยได้ก่อนเวลาสามเดือนแรกของการเปิดให้บริการเกม Legends of Odyssey
เมื่อได้เห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของลูกกิลด์ตัวเอง มาคัสจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เราก็มาลุยกันเลยเถอะ”
ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับประตูหินบานใหญ่ที่มีการสลักรูปแมงป่องขนาดยักษ์ไว้บนนั้น จากนั้นใช้มือกดเข้าไปตรงจุดหนึ่งของปล้องบนลำตัวแมงป่องยักษ์ วินาทีต่อมาประตูหินก็ได้ขยับแยกออกจากกันไปทั้งสองฝั่งอย่างช้าๆ
และเมื่อประตูหินถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์ มาคัสก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“เราไปสร้างสถิติใหม่ด้วยกัน!”
เฮ!! เฮ!!
กลุ่มผู้เล่นหลายสิบคนวิ่งกรูผ่านประตูหินพร้อมกับส่งเสียงอย่างฮึกเหิมไปตลอดทาง พวกเขาวิ่งไปเรื่อยๆ จนมาสุดทางอยู่ที่ห้องโถงขนาดใหญ่
ห้องโถงนี้ถูกล้อมรอบด้วยเสาหินอ่อนสีขาวสูงชะลูดสู่เพดาน พื้นเบื้องล่างมันวาวสะท้อนภาพของแสงไฟจางๆ จากคบเพลิงที่ลุกโชติช่วงอยู่บริเวณโดยรอบ
โดยที่ตรงกลางห้องโถงมีแมงป่องตัวขนาดมหึมาสีทองสลับแดงยืนอยู่ ก้ามใหญ่ทั้งสองข้างของมันมีขนาดใหญ่จนน่าตกใจดูราวกับคีมเหล็กที่สามารถบดขยี้สิ่งของหรือศัตรูได้ในพริบตา หางที่ยาวโค้งขึ้นเหนือหัวของมันสีแดงราวกับดวงอาทิตย์ ตรงปลายหางเป็นเหล็กในแม็กม่าร้อนระอุที่มีเปลวไฟปะทุออกมาเป็นครั้งคราว
เจ้าแมงป่องร้ายตัวนี้ก็คือ อินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยน เลเวล 130 บอสประจำดันเจี้ยนแห่งนี้ และเมื่อเห็นกลุ่มผู้บุกรุก มันก็ขยับร่างพร้อมกับใช้ดวงตาเรืองแสงสีแดงจ้องเขม็งใส่กลุ่มผู้มาเยือนราวกับกำลังจ้องมองเหยื่ออันโอชะ
“ทุกคน! เตรียมตัว!” มาคัสชักดาบเล่มยักษ์ออกจากด้านหลังพร้อมทั้งตะโกนสั่ง
กลุ่มผู้เล่นวิ่งเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง โดยผู้เล่นแถวหน้าจะเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบแห่งแสง แถวกลางเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบผู้พิชิตกับเงาเพชฌฆาต และแถวสุดท้ายก็คืออาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์
อินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนคำรามเสียงสะเทือนฟ้าดินพร้อมปล่อยไอความร้อนออกจากปาก โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันพุ่งเข้าหากลุ่มผู้เล่นด้วยท่าทางหิวกระหาย ก้ามคู่มหึมาฟาดเข้าใส่ผู้เล่นแถวหน้าทำให้เกิดเสียงโล่กระทบกับก้ามยักษ์ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
“ระวังหางของมันด้วย ดาเมจมันรุนแรงพอที่จะฆ่าเราได้ในครั้งเดียว” มาคัสตะโกนเตือนขึ้นมาอีกหน
ตู้ม!!
ยังไม่ทันขาดคำ เหล็กในแม็กม่าได้ทิ่มแทงเข้าใส่กลุ่มผู้เล่นอย่างรุนแรง พลังการโจมตีอันหนักหน่วงส่งผลให้พื้นหินละลายเป็นหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ทว่าการโจมตีนี้ก็ไม่เป็นผล เพราะกลุ่มผู้เล่นรู้อยู่แล้วว่าอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนจะทำการโจมตีอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงกระโดดหลบการโจมตีของมันได้อย่างทันควัน
“จังหวะนี้แหละ ลุยเลย!” มาคัสหันกลับไปสั่งกลุ่มผู้เล่นอาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์
ผู้เล่นอาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์เริ่มร่ายสกิลจากระยะไกล วงเวทสีฟ้าปรากฏขึ้นเหนืออินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนพร้อมกับพายุน้ำแข็งถล่มเข้าใส่เจ้าแมงป่องยักษ์ ความหนาวเย็นเริ่มกัดกร่อนเกราะไฟของมันช้าๆ เปลวไฟอันร้อนระอุจากแม็กม่าที่ปลายหางของมันเริ่มมอดดับลง พร้อมกับร่างทั้งร่างที่ถูกความหนาวเหน็บแช่แข็งจนกลายเป็นเป้านิ่ง
“ตอนนี้เรามีเวลาสองนาที ก่อนที่มันจะกลับมาโจมตีได้อีกครั้ง ทุกคนลุย!” มาคัสวิ่งถือดาบเล่มยักษ์เข้าใส่อินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนพร้อมกับสั่งการกลุ่มผู้เล่นอาชีพนักรบผู้พิชิตและเงาเพชฌฆาต
เฮ!! เฮ!!
ผู้เล่นกลุ่มสุดท้ายวิ่งเข้าใส่เจ้าแมงป่องยักษ์ด้วยความฮึกเหิม นำโดยผู้เล่นสายอาชีพเงาเพชฌฆาตที่อยู่ในชุดเกราะเบากระโดดขึ้นไปบนหลังอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนพร้อมกับใช้มีดสั้นทั้งสองเล่มในมือจ้วงแทงไปที่แผ่นหลังและตาบนหัวของเจ้าแมงป่องยักษ์
ส่วนทางกลุ่มผู้เล่นสายอาชีพนักรบผู้พิชิตต่างก็ใช้ทั้งดาบสั้นและดาบยาวฟันไปทั่วร่างของมอนสเตอร์ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นก้ามขนาดใหญ่ทั้งสอง ขาอันน่าเกลียดน่ากลัวทั้งหกข้าง รวมไปถึงปล้องลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยเกราะหนาสีเพลิง
และด้วยการโจมตีเหล่านี้เองที่ทำให้เลือดของอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที
ทว่าในระหว่างที่กลุ่มผู้เล่นกำลังเมามันกับการโจมตีเจ้าแมงป่องยักษ์ บริเวณหางที่เป็นเหล็กในแม็กม่าของอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนก็เริ่มกลับมาประทุอีกครั้งพร้อมกับที่ก้อนน้ำแข็งซึ่งห่อหุ้มร่างมันเอาไว้เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว
“แย่ล่ะสิ นี่มันเร็วกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้”
มาคัสที่สังเกตเห็นว่าก้อนน้ำแข็งกำลังละลายอย่างรวดเร็วจึงตัดสินใจที่จะกระทำบางอย่าง เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยน
“พวกนายหลบไป!” ชายหนุ่มตะโกนสั่งลูกกิลด์ที่อยู่บนหลังของเจ้าแมงป่องยักษ์
“วะ...เหวอ หลบทางให้หัวหน้าเร็ว”
เหล่าบรรดาลูกกิลด์หลายคนรีบกระโดดลงจากหลังอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนด้วยท่าทางแตกตื่น
มาคัสวิ่งไปตามแผ่นหลังอันทอดยาวของอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนพร้อมกับเรียกใช้งานสกิล
“Heavenly Slash”
แสงสีทองสว่างวาบขึ้นที่ดาบยักษ์พร้อมกับการที่ชายหนุ่มออกแรงฟาดดาบเต็มแรง ก่อให้เกิดคลื่นมหาศาลวิ่งตัดผ่านหางของเจ้าแมงป่องยักษ์
ฟับ! ตุบ!
ทั้งหางและเหล็กในแม็กม่าขาดออกจากร่างแมงป่องยักษ์ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่พื้น จากนั้นเมื่อเหล็กในแม็กม่าสัมผัสกับพื้นเบื้องล่างก็ทำให้พื้นที่บริเวณตรงนั้นหลอมละลายเป็นหลุมเปลวไฟทันที
“ตอนนี้ล่ะทุกคน ใช้ท่าไม้ตายกับมันได้เลย!”
เมื่อได้รับคำสั่งจากมาคัส กลุ่มผู้เล่นอาชีพนักปราชญ์เวทมนตร์จึงเปิดใช้งานสกิลท่าไม้ตายทันที
“Arcane Rebirth”
เกิดออร่ารอบๆ ตัวผู้เล่นในวงปะทะพร้อมกับทำการฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและมานากลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง และนั่นจึงทำให้ผู้เล่นทุกคนต่างพร้อมใจกันเปิดใช้ท่าไม้ตายของตนเอง
“Brute Strength”
“Righteous Strike”
“Swift Sword”
“…”
ท่าไม้ตายหลากหลายชนิดจากอาวุธนานารูปแบบประเคนเข้าใส่เจ้าแมงป่องร้ายอย่างรุนแรงจนทำให้พลังชีวิตของมันเหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
และในขณะเดียวกัน มาคัสที่ยืนอยู่บนหลังของมันก็ทำการเรียกใช้งานสกิลท่าไม้ตายอีกครั้ง
“Heavenly Strike”
ชายหนุ่มกระโดดตัวพร้อมกับง้างดาบยักษ์ฟันเต็มแรง คลื่นดาบอันคมกริบได้วิ่งตัดผ่านครึ่งร่างของอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนทำให้มันดิ้นทุรนทุรายอยู่สองสามวินาทีก่อนจะล้มลงกับพื้นและสลายหายไป
ชั่วขณะต่อมาข้อความแจ้งเตือนก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นที่กำลังยืนนิ่ง
[ผู้เล่นกิลด์ อัศวินสีเงิน สังหาร อินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยน เลเวล 130 ได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 641,000หน่วย]
[ผู้เล่นกิลด์ อัศวินสีเงิน เคลียร์ดันเจี้ยนความยากระดับ Normal สำเร็จ ได้รับโบนัสชิ้นส่วนเกราะอินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยนคนละ 10 ชิ้น]
[ผู้เล่น มาคัส สังหาร อินเฟอร์โนสกอร์เปี้ยน เป็นคนสุดท้ายได้รับไอเทมโบนัสได้แก่
Magma Sword ขั้นหนึ่งในโลกสำหรับผู้เล่นเลเวล 120 จำนวน 1 ชิ้น]
หลังจากอ่านข้อความประกาศ ผู้เล่นทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ฉลองชัยชนะดังลั่นไปทั่วทั้งห้องโถง
“วู้ว สำเร็จแล้ว โคตรมันเลย!”
“เมื่อกี้นายเห็นท่าไม้ตายฉันหรือเปล่า ฟันทีเดียวสร้างดาเมจตั้ง 1600 หน่วยแน่ะ”
“เห็นชัดแจ๋วเลยเพื่อน ฉันคิดว่าดาเมจนายกับฉันสองคนรวมกันน่าจะเกินหลักหมื่นไปแล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“น้อยๆ หน่อยย่ะพวกนาย ถ้าไม่ได้สกิลของฉันคอยช่วย พวกนายก็ไม่ได้ฟันสบายๆ แบบนี้หรอก”
“โถ่ เจ๊ ขอให้พวกฉันดูเท่บ้างสักครั้งได้ไหมเนี่ย”
และในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยากสนุกสนานอยู่นั้นเอง ข้อความแจ้งเตือนครั้งใหม่ก็ได้แสดงขึ้นมาต่อหน้าผู้เล่นทุกคน
[มีผู้เล่นปลดล็อกเนื้อเรื่องของ Legends of Odyssey บทที่ 1 สำเร็จ]
[เนื้อเรื่องของ Legends of Odyssey ดำเนินสู่บทที่ 2]
หลังจากได้อ่านข้อความดังกล่าว มันได้สร้างความงุนงงให้กับกลุ่มผู้เล่นกิลด์อัศวินสีเงินทันที พวกเขาต่างจ้องหน้ากันแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“นี่มันหมายความว่ายังไง? พวกเราก็เคลียร์เนื้อเรื่องของทวีปแรกและทวีปที่สองหมดแล้วนี่?” ผู้เล่นอาชีพนักรบแห่งแสงเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก
“ฉันก็อยู่กับนายเนี่ยจะไปรู้ไหมล่ะเพื่อน” ผู้เล่นอาชีพนักรบผู้พิชิตหันกลับไปตอบเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
“หรือว่ามันจะเป็นบัคของเกม?” ผู้เล่นอาชีพเงาเพชฌฆาตเอ่ยร่วมวงสนทนา
“เอ้อ ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล ฉันว่าเป็นไปได้นะ” ผู้เล่นอาชีพนักรบผู้พิชิตพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้า “แล้วหัวหน้าคิดว่ายังไง?”
สิ้นเสียงประโยคสุดท้าย กลุ่มผู้เล่นต่างพร้อมใจกันมองไปยังมาคัสผู้เป็นหัวหน้ากิลด์
เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นเอาคำตอบจากทุกคน ชายหนุ่มจึงทำการเก็บดาบเล่มยักษ์เข้าที่ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าสุขุม
“ฉันว่าเรายังไม่ควรด่วนตัดสินอะไรตอนนี้ บางทีมันอาจจะเป็นข้อมูลลับของตัวเกมที่เรายังไม่ค้นพบวิธีปลดล็อกก็ได้ ดังนั้นเราควรสืบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนจะด่วนสรุปเอาเอง”
มาคัสหันไปมองชายหนุ่มใส่แว่นรูปร่างสูงโปร่งที่ยืนกอดอกอยู่ด้านข้างกลุ่มผู้เล่นคนอื่น “นายช่วยไปสืบข้อมูลให้หน่อยได้ไหมเชน”
ชายหนุ่มผู้เป็นเสนาธิการของกลุ่มขยับกรอบแว่นให้เข้าที่ก่อนจะตอบรับด้วยท่าทางสบายๆ “หึ ว่าแล้วเชียว สุดท้ายก็ต้องถึงมือฉัน” เชนยิ้มมุมปากราวกับคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะไปตามสืบให้ทุกซอกทุกมุมของเกมเลย”
“ขอบใจมากเพื่อน ยังไงก็ฝากนายด้วยนะ” มาคัสเดินเข้ามาหาพร้อมกับตบบ่าของเชนเบาๆ
“รับทราบ ถ้าได้เรื่องยังไงฉันจะรีบติดต่อกลับมา”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มผู้เป็นเสนาธิการของกิลด์ก็ทำการใช้ไอเทมวาร์ปเพื่อส่งตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันที...