Chapter 302 : ปลอมตัว - ซ่อมค่ายกล (2) (ฟรี)
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมหาค่ายกลสุริยันผลาญชีพถูกใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ อุณหภูมิของเมืองบาดาลก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนสามารถสะกดอสูรซ่อนใหญ่ที่เร้นกายอยู่ในทะเลและในผืนทรายได้
แต่ตอนนี้เมื่อมหาค่ายกลสุริยันผลาญชีพถูกทำลายลงไปก็ทำให้อุณหภูมิตกลงจนถึงจุดที่อสูรพอทานรับไหว
อสูรเหล่านี้ที่ใช้ชีวิตกันอยู่ในทะเลจึงพากันปีนขึ้นมาบนชายหาดและเข้าโจมตีเหล่านักสู้
เหตุผลที่หลินเซวียนยกขึ้นมาจึงนับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ข้อสังเกตเดียวก็คือคนอื่นโชคร้ายเกินไปขณะที่เขาโชคดีเกินไปก็เท่านั้นจึงรอดมาได้
คนกว่าสามถึงสี่สิบคนตายและมีเพียงเขาที่รอดชีวิต
หัวหน้ากองย่อยถอนหายใจยาว “นี่แหละชีวิต...ช่างเถอะนายรอดมาได้ก็ดีแล้ว มาเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้และสังหารให้พวกดื้อด้านพวกนี้ให้เร็วที่สุดกันเถอะ”
โคลด์พยักหน้าและเอ่ยเสียงแผ่ว “จริงสิ ฉันมีวิธีทำลายค่ายกลสุริยันผลาญชีพแล้ว ให้นักสู้ส่วนหนึ่งมาคุ้มกันฉันที”
หัวหน้ากองย่อยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีดีอกดีใจและรีบเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว “ดี! ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยรีบเข้าไปทำลายมันได้เลย! พวกเราจะการันตีความปลอดภัยให้นายเอง!”
ฮอลล์กับโคโดและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของกองพลก่อสร้างพลันรู้สึกหนักใจขึ้นมา
เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูจำนวนมหาศาลเพียงนี้พวกเขาจึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล
มาตอนนี้เมื่อมานักสู้ขอบเขตที่8ที่ดูแข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนก็ยิ่งทำให้พวกเขากดดันขึ้นไปอีก
ข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือกำลังเสริมของฝ่ายศัตรูนั้นมีเพียงคนเดียวไม่ใช่หลายสิบเหมือนดั่งเช่นที่คิด
“พวกเรายังยื้อไหว! รอก่อน! ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึงพวกเราก็จะปลอดภัยแล้ว!” ฮอลล์ที่กำลังใช้เกราะแห่งแสงของเขาป้องกันสกิลของนักสู้ผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
เจ้าหน้าที่ของกองพลก่อสร้างหลายคนที่ทั่วทั้งร่างนั้นเกลื่อนกล่นไปด้วยหลุมเลือดฝืนยืนปักหลักและพยายามป้องกันเอาไว้สุดชีวิต
หลินเซวียนควบคุมของโคลด์ให้เดินไปยังชายขอบของค่ายกลสุริยันผลาญชีพ
หัวหน้ากองย่อยจัดแจงนักสู้สองคนขององค์กรผู้กู้โลกให้กับเขาเพื่อคอยคุ้มกัน
คำกล่าวที่จี้รู่เยว่บอกกับเขาดังขึ้นมาในหัวของหลินเซวียน
เขาไม่จำเป็นต้องสนใจหากวงจรค่ายกลส่วนนอกถูกทำลาย
ถ้าวงจรค่ายกลภายในเสียหายก็สามารถนำวงจรภายนอกมาเติมเต็มในส่วนนี้ได้
ถ้าตัวหมากสีขาวในวงจรภายนอกถูกทำลายก็สามารถใช้หินแร่ธาตุไฟและไม้จิตวิญญาณธาตุไม้ผสมผสานกันเพื่อซ่อมแซมมันได้
นอกจากนี้ยังมีพระธาตุที่เขาได้มาจากเขาหลิงซานอีกด้วย
พระธาตุนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังธาตุไฟจำนวนมหาศาลและสามารถใช้ต่างแกนกลางของค่ายกลขนาดใหญ่ได้เลย
“ท่านโคลด์การจะทำลบายตัวหมากพวกนี้ยากมากเลยนะครับคุณจะทำได้จริงๆหรอ?” นักสู้ทางซ้ายถามเสียงต่ำ
“ใช่แล้ว หัวหน้าของพวกเราลงแรงไปตั้งมากถึงทำลายลงไปได้ตัวนึง” นักสู้ทางขวาเอ่ยอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน
โคลด์แค่นเสียง “ไม่เชื่อฉันงั้นหรอ? ถ้างั้นก็ดูให้ดีๆ!”
คนทั้งสองหัวเราะออกมาอย่างกระอักกระอ่วนและไม่กล่าวสิ่งใดอีก
พวกเขาเห็นโคลด์นำหินบางอย่างที่ส่องประกายเจิดจ้าออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ
จากนั้นเขาก็หยิบมีดขนาดเล็กออกมาและหักบางส่วนออกมา
จากนั้นเขาก็บดมันจนกลายเป็นผงและโรยมันลงบนค่ายกล
พริบตาต่อมาภาพที่น่าตะลึงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของคนทั้งสอง
ค่ายกลมันกลับอ่อนโทรมลงในพริบตา
โคลด์สามารถจัดการกับค่ายกลได้อย่างง่ายดายอย่างที่เขาว่าจริงๆ
“นี่มัน...สิ่งมันหินวิเศษอะไรกันแน่?”
“พระเจ้าช่วย ท่านโคลด์ท่านกลับหาข้อมูลมาแล้วจริงๆ ผมได้ยินมาว่าเจ้าสิ่งนี้มันมีอยู่แค่ในซากโบราณสถานคุนหลุนของกองพลก่อสร้างเท่านั้น นับว่าเป็นของลึกลับทีเดียว”
นักสู้ทั้งสองคนตกตะลึงยิ่งนัก
โคลด์ยิ้มอย่างมั่นใจ “วิธีการนี้เรียกว่าห้าธาตุสั่นพ้องและสะกดข่มกันเอง พวกนายไม่เข้าใจหรอก”
เรื่องนี้นั้นเรียบง่ายมาก
พลังงานของค่ายกลสุริยันผลาญชีพนั้นคือไฟแต่ตัวหมากที่ถูกกลั่นสร้างขึ้นมาทุกตัวนั้นกลับมีธาตุแตกต่างกัน
ไม้สร้างไฟ
ถ้าอยากจะสำแดงพลังของธาตุไฟออกมาก็จำต้องได้รับการเกื้อหนุนจากธาตุไม้
และถ้าอยากจะได้รับธาตุไม้มหาศาลก็จำเป็นต้องได้รับการเกื้อหนุนจากธาตุน้ำ
นอกจากนั้นน้ำต้องพึ่งทอง ทองต้องพึ่งดินและดินต้องพึ่งไฟ
เช่นนี้แล้ววงจรห้าธาตุจึงจักสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของห้าธาตุพลังงานนั้นจำเป็นต้องรู้ซึ้งในระดับหนึ่ง
วงจรสุดท้ายคือไฟขณะที่ส่วนที่เหลือนั้นทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมและไม่อาจให้พวกมันมีพลังเหนือวงจรหลักได้
นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องการสะกดข่มกันและกันของธาตุและไม่อาจปล่อยให้ขั้วพลังตรงกันข้ามสองชนิดใกล้กันมากเกินไปอีกด้วย
เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเพราะตัวหมากพวกนี้ของค่ายกลนี่เองที่แปลกประหลาดเสียใจคนภายนอกทำได้เพียงเกาหัว
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าตัวหมากทนทานไม่พอก็อาจจะถูกปัจจัยภายนอกทำลายเอาได้ง่ายๆ
ดังนั้นจุดนี้จึงต้องถูกนับรวมไปเวลาสร้างค่ายกลด้วย
ยิ่งอีกฝ่ายอยากจะฝืนทำลายมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งยากจะทำลายมากเท่านั้น
หลินเซวียนใช้วิธีการต้นตำหรับซึ่งเขาได้รู้มาจากจี้รู่เยว่
จุดที่โคลด์ยืนอยู่ตอนนี้คือตัวหมากที่อัดแน่นไปด้วยพลังธาตุน้ำ
ตราบใดที่นำไอเทมที่อัดแน่นไปด้วยพลังธาตุไฟมาโรยบริเวณขอบๆก็จะสามารถใช้ไฟต้านน้ำได้ไม่ยาก
เทียบกับการฝืนทำลายด้วยแรงแล้ววิธีการเช่นนี้ดีกว่ามาก
หัวหน้ากองย่อยที่มองเห็นภาพนี้ก็พลันดีใจยกใหญ่ “ดีๆๆ! โคลด์เจ้าหมอนี่มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ”
เมื่อฮอลล์กับโคโดเห็นภาพนี้หัวใจของพวกเขาก็พลันเต้นไม่เป็นส่ำ
นี่มันเลวร้ายแล้วสิ
กลับกลายเป็นว่ามีนักสู้ขององค์กรผู้กู้โลกที่รู้เกี่ยวกับค่ายกลเป็นอย่างดีอยู่ด้วย
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปค่ายกลสุริยันผลาญชีพทั้งหมดคงจะถูกทำลายเป็นชิ้นๆเป็นแน่
“พวกเราต้องฆ่าหมอนั่น!” โคโดคำรามในลำคอ
“ฉันลงมือเอง!” หลังจากกล่าวจบเขาก็สังเวยพลังชีวิตบางส่วนเพื่อสร้างผึ้งพิษออกมาและให้มันบินเข้าหาโคลด์อย่างเงียบเชียบ
หลินเซวียนผู้ครอบครองห้าสัมผัสเชื่อมสวรรค์นั้นย่อมสังเกตเห็นการกระทำของโคโด
เขาไม่รู้เลยว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
นี่ผมเอง! ผมเองครับพี่! ตีผิดคนแล้ว!
แต่ค่ายกลสุริยันผลาญชีพนั้นยังไม่ถูกซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ดังนั้นเขาจะเผยตัวตอนนี้ไม่ได้
โคลด์แสร้งว่ามองไม่เห็นผึ้งพิษและเดินไปยังตัวหมากตัวถัดไป
ในเวลานี้เองผึ้งพิษก็ได้เข้าถึงตัวเขาแล้ว
ทันใดนั้นเองโคลด์ก็โหวกเหวกโวยวายออกมา
“อันตราย!” หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้วเขาก็ผงะถอยไป
เข็มพิษของผึ้งจิ้มไม่โดนเขาแต่กลับโดน...นักสู้ขององค์กรผู้กู้โลกอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาแทน
นักสู้ผู้นั้นรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บริเวณลำคอและพลันล้มลงในชั่วพริบตา