ตอนที่ 32 จริงหรือที่เขาคือสายลับของนิกายมาร?
ตอนที่ 32 จริงหรือที่เขาคือสายลับของนิกายมาร?
“เจ้าหอกู้!”
จ้าวอู๋จีกล่าวแทรกคำพูดของกู้ชิงเฉิงอย่างแข็งกร้าว ก่อนจะหันไปมองหลี่เทียนหรง
“ผู้อาวุโสหลี่การประลองบนเวทีนี้ กระบี่และดาบไร้ตา ตราบใดที่อยู่ในกฎ ฝีมือใครดี ใครร้าย ย่อมแล้วแต่ฟ้าลิขิต”
“ส่วนเรื่องของหลิงอวิ๋นที่เขาทำการละเมิดและลบหลู่อาวุโส เรื่องนี้ค่อยว่ากันหลังจากการแข่งขันอันดับภูผาสายน้ำเสร็จสิ้นแล้ว”
หลี่เทียนหรงได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางก็ยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก
ทว่าจ้าวอู๋จีได้ชี้ขาดออกมาเช่นนี้แล้ว และในสายตาของคนมากมาย นางย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมถอย
“ผู้ชนะคือหลิงอวิ๋น! โจวโก่วตกรอบ!”
ผู้ตัดสินรีบประกาศผลการแข่งขันเพื่อให้หลี่เทียนหรงมีทางลงบ้าง
หลิงอวิ๋นคำนับไปทางกู้ชิงเฉิงเพื่อขอบคุณ แล้วหันไปมองหลี่เทียนหรงที่ลอยตัวจากไป
“หลี่เทียนหรง วันนี้เจ้าทำร้ายข้าถึงสองครั้ง ข้าจะจดจำไว้ วันใดข้าจะมอบบทเรียนที่เจ้าจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต”
หลังจากเหตุการณ์นี้ การประลองรอบพิเศษก็ยังคงดำเนินต่อไป
ถัดไปเป็นการประลองเพื่อคัดคน 7 คนจาก 13 คนในกลุ่มแดง
ฉู่เทียนหยาง และเยี่ยเมิ่งเยียน ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปโดยไร้ข้อสงสัย
เมื่อการแข่งขันของทั้งหกกลุ่มสิ้นสุดลง ฟ้าก็มืดลงอย่างสมบูรณ์
“ท่านทั้งหลาย!” หลี่เทียนหรงปรับอารมณ์ได้แล้ว เสียงอ่อนหวานของนางดับความอึกทึกทั่วสนาม
“หลังจากการประลองสองวันที่ผ่านมา ขณะนี้ในกลุ่มแดงเหลือเพียง 7 คน และกลุ่มดำเหลือ 16 คน”
“ด้วยเหตุนี้นักรบที่เหลือ 23 คนในการประลองอันดับภูผาสายน้ำ ได้ถูกคัดเลือกแล้ว”
“ด้วยความที่ฟ้าเริ่มมืด การประลองที่เหลือจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านไปรับประทานอาหารที่ห้องโถงสี่ทะเล ณ หอนกฟีนิกซ์แดง”
หลี่เทียนหรงกล่าวจบก็ส่งสัญญาณบางอย่างที่มีเพียงฉู่เทียนหยางเท่านั้นที่จะเข้าใจ
“พี่น้องหลิงอวิ๋น เมื่อครู่นี้ข้าแทบขาดใจ เจ้าไปกล้าขัดใจผู้อาวุโสหลี่ได้อย่างไร?”
หนิงเสี่ยวตงก้าวเข้ามาด้วยท่าทีตกใจไม่หาย
ขณะที่เหตุการณ์นั้นทำให้ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว
ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เทียนหรง และจ้าวอู๋จี เพียงตัวนางเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับขอบเขตแดนเร้นลับแล้ว ต่อให้เป็นอาจารย์ของเขาอย่างจางเยี่ยหนานมาเองก็ไม่อาจต้านทานได้
“มันก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา” หลิงอวิ๋นยักไหล่เบา ๆ เขาไม่สามารถทนต่อการกดขี่ของหลี่เทียนหรงได้ แต่เขาก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นโดยไม่คิด
ก่อนหน้านี้เขาได้สังเกตเห็นว่าเจ้าของร้านอู๋ อยู่ไม่ไกลจากเวทีนัก
สำหรับอู๋เต๋อ แม้หลิงอวิ๋นจะมองไม่เห็นระดับพลังของเขา แต่เขามั่นใจว่าต้องแข็งแกร่งกว่าหลี่เทียนหรงแน่นอน
ดังนั้นหลิงอวิ๋นเชื่อว่าหากหลี่เทียนหรงคิดจะลงมือจริง ๆ อู๋เต๋อจะต้องเข้ามาช่วยแน่นอน
“ไม่มีอะไรบ้าอะไร!” เสียงของอู๋เต๋อดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่พัดมือใหญ่จะฟาดลงมาบนหัวของหลิงอวิ๋น
“เจ้าเด็กบ้า! ครั้งหน้าทำอะไรให้ระวังหน่อย ข้าไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องของสำนักสวรรค์เร้นลับหรอกนะ” กล่าวจบเขาก็ขยับเข้าไปใกล้หลิงอวิ๋น พร้อมทั้งจ้องตาเขาแล้วพูด “เจ้าเด็กบ้า! จะว่าไปเจ้าจะสู้ต่อไปทำไม? ในเมื่อพลังของเจ้าในตอนนี้ก็คงจะสู้ใครไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ดีกว่าหรือถ้าจะไปกับข้าที่แดนลับโบราณ”
“ข้ารับรองว่าเมื่อเจ้ากลับมา ทุกคนที่เจ้าเคยหวั่นกลัวอย่างฉู่เทียนหยาง หรือเยี่ยเมิ่งเยียนจะเป็นเพียงหมอกควัน เจ้าจะไร้พ่ายในศิษย์ชั้นใน”
ทันใดนั้นหนิงเสี่ยวตงก็สวนขึ้นมาทันที
“เจ้าของร้านอู๋อย่าได้หลอกลวงเขา ที่แดนลับโบราณถูกคนขุดซ้ำไปซ้ำมากี่รอบแล้วก็ไม่รู้”
“ชิ!” อู๋เต๋อตบศีรษะของหนิงเสี่ยวตงด้วยพัดมือใหญ่
“เจ้านี่รู้เรื่องอะไร! การขุดแบบพวกธรรมดาจะได้อะไร! เรื่องแบบนี้ต้องให้มืออาชีพอย่างข้าทำ!”
“ข้าคือมืออาชีพในการขุดสุสาน เอ่อ...” เขากระแอมเล็กน้อยแล้วหันไปทางหลิงอวิ๋น ยิ้มพร้อมถาม “ว่าไงล่ะเจ้าหนู ข้อเสนอของข้า เจ้าคิดว่าไง?”
หลิงอวิ๋นส่ายหัว ดวงตาของเขามีความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่หรอกเจ้าของร้านอู๋ ข้าไม่ได้คิดจะแย่งชิงตำแหน่งหนึ่งในอันดับภูผาสายน้ำ เป้าหมายของข้าคือการเหยียบเยี่ยเมิ่งเยียนบนเวที เพื่อแก้แค้นให้กับพี่หญิงอันเยว่!”
หนิงเสี่ยวตงตาแดงเล็กน้อย เขานึกถึงภาพของจางอันเยว่ แล้วความโกรธแค้นก็ท่วมท้นใจ
“พี่น้องเจ้าเก่งมาก! ไม่ว่าเจ้าจะชนะหรือแพ้ ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นพี่ใหญ่ของข้า!”
“เฮ้อ!” อู๋เต๋อส่ายหัว “หนุ่มสาวมีเลือดร้อนก็ดีอยู่หรอก แต่เด็กคนนั้นนางมีวิชาป้องกันตัวสุดยอด ฝีมือของเจ้าตอนนี้ยังไม่สามารถเหยียบย่ำนางได้ง่าย ๆ หรอก เว้นแต่ว่า...”
“เว้นแต่ว่าอะไร?”
หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่อู๋เต๋ออย่างจริงจัง
อู๋เต๋อแสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “เว้นแต่เจ้าจะมีวิชาลับโจมตีที่อยู่ในระดับเดียวกับนาง การทำลายเกราะป้องกันของนางก็จะง่ายดายมาก”
“ต้องพูดด้วยหรือ!” หนิงเสี่ยวตงกลอกตา “ใคร ๆ ก็รู้ แต่พวกเราไม่มีนี่สิ”
“เจ้าของร้านอู๋ ยินดีจะขายหรือไม่?” หลิงอวิ๋นลองถามอย่างระมัดระวัง
อู๋เต๋อเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับพ่อค้าที่คิดจะโก่งราคา “เฮ้! ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ขายไม่ได้หรอก ตราบใดที่เจ้าจ่ายราคาเหมาะสม ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิงอวิ๋นก็รู้ได้ทันทีว่าอู๋เต๋อ คงจะคิดตั้งราคาสูงจนตาฉีกแน่แล้ว
หนิงเสี่ยวตงก็คิดได้เช่นกัน แต่เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเลย เพราะวิชาลับโจมตีจากยุคโบราณนั้นมีค่าเกินกว่าจะประเมินได้ ใครจะนำของเช่นนี้ออกมาขายกัน?
ทั่วทั้งแคว้นฟ้าครามก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเคยเห็นการซื้อขายแบบนี้มาก่อน
หลิงอวิ๋นขบฟันแน่นแล้วพูดว่า “เจ้าของร้านอู๋ บอกมาเลยราคาเท่าไหร่?”
อู๋เต๋อยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว
“หนึ่ง... หนึ่งล้านหรือ?”
หลิงอวิ๋นรู้สึกเจ็บใจ เพราะทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาตอนนี้ยังไม่ถึงห้าแสนด้วยซ้ำ หากต้องจ่ายราคานี้ คงต้องทำสัญญาเป็นหนี้กับอู๋เต๋อแน่นอน
แต่อู๋เต๋อกลับส่ายนิ้วไปมาแล้วกล่าว “ไม่ใช่ หนึ่งพันล้านต่างหาก!”
“???”
“ข้าขอตัว!” หลิงอวิ๋นไม่พูดอะไรต่อ รีบหันหลังเดินออกไปทันที
“แพงเกินไปแล้ว” หนิงเสี่ยวตงบ่นพึมพำแล้วรีบตามหลิงอวิ๋นไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน หลี่เทียนหรงเรียกหัวหน้าและผู้นำทั้งหลายมานั่งโต๊ะเพื่อเปิดงานเลี้ยง จากนั้นก็ฝากจ้าวอู๋จีให้ดูแลแขก แล้วนางก็ขอตัวออกไปทันที
หลี่เทียนหรงเก็บกลิ่นอายพลังของตน เปลี่ยนเป็นชุดราตรีสีดำเพื่อให้กลมกลืนกับความมืด และเคลื่อนไหวไปอย่างเงียบเชียบดุจวิญญาณในยามราตรี
ไม่นานนัก นางก็มาถึงบริเวณป่าลึกที่รกร้าง แล้วหยุดอยู่ใต้ต้นหลิวต้นหนึ่งที่ดูไร้จุดเด่น
“ข้าคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”
ทันใดนั้น มือคู่หนึ่งก็โอบรัดจากด้านหลังของหลี่เทียนหรง ก่อนจะเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายของนาง
เสียงครางเผลอหลุดออกจากลำคอของนาง ขณะร่างกายบิดเบี้ยวไปตามสัมผัสนั้น
หลังจากเหตุการณ์ร้อนแรงสิ้นสุดลง
หลี่เทียนหรงจัดเสื้อผ้าของตนอย่างมีความสุขก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “สามี ตอนอยู่ในลานประลองเจ้าจะพูดอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของฉู่เทียนหยางที่เคยอิ่มเอมก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมน เขากัดฟันก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“เหตุการณ์ที่เรากระทำที่หอตระกูลฉู่คราวก่อน... ถูกบันทึกภาพไว้”
“อะไรนะ!!!!”
หลี่เทียนหรงเดือดพล่านทันที มือของนางคว้าคอของฉู่เทียนหยางแล้วบีบแน่น ทั้งยังยกเขาขึ้นจากพื้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!”
“บอกข้าให้ชัดเจน ทุกคำพูด!!!”
แม้เสียงของหลี่เทียนหรงจะถูกกดต่ำลง แต่กลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านจนทำให้คนรอบข้างรู้สึกหายใจไม่ออก นางไม่คิดเป็นอื่น นอกจากว่าฉู่เทียนหยางจงใจบันทึกภาพเพื่อจะใช้มันควบคุมนาง
ฉู่เทียนหยางรู้สึกว่าคอตนเองกำลังจะแหลกคามือของนาง พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“ข้าได้ตรวจสอบแล้วว่าคนที่แอบบันทึกภาพในครั้งนั้นคือสายลับพรรคมาร หม่าหมิงหยาง และมันตายไปแล้ว!”
“แต่หลิงอวิ๋น ไม่รู้เอาหินบันทึกภาพนั้นมาจากไหน!”
“ก่อนหน้านี้ ข้าถูกเขาใช้สิ่งนี้ข่มขู่ในค่ายกลสังหารมาร!”
“อะไรนะ!!!”
สายตาของหลี่เทียนหรง แข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว จิตสังหารของนางพุ่งขึ้นสูง
“หลิงอวิ๋นเป็นสายลับพรรคมารจริงหรือ?!!”