ตอนที่ 26 ผู้หญิงคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ
ตอนที่ 26 ผู้หญิงคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ
“หลิงอวิ๋น ช้าก่อน!”
“เหล่าปรมาจารย์ได้ร่วมมือกันบุกไปยังฐานใหญ่ของนิกายเร้นมารที่ผาหมู่ไม้ดำแล้ว!”
“อีกไม่นานแผ่นศิลาแห่งเกียรติยศก็จะถูกนำกลับมา!”
เพียงไม่กี่คำพูดนี้ ส่งตรงเข้าหูของหลิงอวิ๋นอย่างชัดเจน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นในทันที
ไม่ใช่เพราะว่าเขาจะได้แผ่นศิลาแห่งเกียรติยศแล้วจะสามารถเข้าเป็นศิษย์แท้จริงได้ แต่เป็นเพราะว่าผู้ที่ส่งเสียงมาให้เขาคือลู่เสวี่ยเหยา!
ผู้หญิงคนนี้เคยบอกเขาในคืนนั้นว่าจะไม่พบกันอีก เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจตลอดมา
แต่ที่แท้ นางก็ยังคอยเฝ้าติดตามดูเขาตลอดมา
หลิงอวิ๋นยิ้มกว้าง แล้วพูดบางสิ่งที่ทำให้ทุกคนในสนามตกตะลึง “ทุกท่านไม่ต้องกังวล ข้าก็แค่มาบอกกรรมการว่าข้ายอมแพ้”
อะไรกัน!
ยอมแพ้โดยไม่สู้!
นี่มันช่างเป็นความอัปยศของยุทธภพโดยแท้!
สมแล้วที่คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับเวทีนี้!
แต่ในขณะเดียวกัน!
ทั้งฉู่เทียนหยาง จางอันเยว่ และหนิงเสี่ยวตงต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกัน
พวกของจ้านเฟยเริ่มเปิดโหมดเย้ยหยันทันที “เจ้าหลิงอวิ๋น เจ้า...”
“หุบปากซะ!”
ฉู่เทียนหยางกระโดดลงจากเวที และหยุดพวกจ้านเฟยจากการยั่วยุหลิงอวิ๋น
เขารู้ว่าหลิงอวิ๋นเป็นพวกหัวรั้น ในสถานการณ์ที่มีสายตามากมายจับจ้องแบบนี้ เขากลัวว่าหลิงอวิ๋นจะถูกกดดันจนเสียสติและทำเรื่องบ้าบิ่นขึ้นมา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉู่เทียนหยางไม่อยากเห็นอย่างยิ่ง!
ผลที่ตามมานั้นฉู่เทียนหยางเองก็รับมือไม่ไหวแน่ถ้าปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย
“ผลการประลองรอบแรกฉู่เทียนหยางชนะ เข้าสู่กลุ่มแดง หลิงอวิ๋นแพ้ ตกไปกลุ่มดำ!”
กรรมการบนเวทีประกาศผล
นั่นหมายความว่าหากหลิงอวิ๋นแพ้อีกครั้ง เขาจะไม่มีโอกาสเข้าร่วมในการแข่งขันอันดับภูผาสายน้ำครั้งนี้อีกต่อไป
“ศิษย์น้องหลิง เจ้ายังเด็กไม่ต้องสนใจการต่อสู้ครั้งนี้ สนามที่แท้จริงของเจ้าคือการประลองอันดับภูผาสายน้ำครั้งต่อไป”
จางอันเยว่เดินเข้ามาปลอบใจหลิงอวิ๋น
“ขอบคุณพี่หญิงจางอันเยว่ ข้าไม่เป็นไร”
หลิงอวิ๋นยิ้มเผยฟันขาวสองแถว “แต่พี่หญิงต้องสู้ให้เต็มที่นะ”
ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของจางอันเยว่แสดงออกถึงความมุ่งมั่น
“ข้ากำลังจะอายุครบ 18 แล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้าในการแข่งขันอันดับภูผาสายน้ำถ้าข้าไม่ติดสิบอันดับแรก เวลาครึ่งปีที่ผ่านมาของข้าจะสูญเปล่า”
จางอันเยว่เป็นเช่นเดียวกับฉู่เทียนหยางที่สามารถทะลุถึงขอบเขตกงล้อสมุทรได้ตั้งนานแล้ว แต่นางเลือกที่จะไม่ทำ เพื่อรอชิงตำแหน่งในสิบอันดับแรกของการแข่งขัน
“พี่หญิง สู้เขา เจ้าทำได้แน่นอน!”
หลิงอวิ๋นกล่าวพร้อมกับมองไปยังรายชื่อคู่ต่อสู้
คู่ที่สามของการแข่งขันคือ
จางอันเยว่ปะทะเยี่ยเมิ่งเยียน!
“ศิษย์น้องหลิง ใครจะคิดว่าคู่ต่อสู้คนแรกของข้าคือคู่หมั้นเก่าของเจ้า”
“ถ้าพวกเขาคิดจะวางตัวคนใน ก็ต้องถามข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่!”
พูดจบจางอันเยว่กระโดดขึ้นเวทีอย่างงดงาม
ทันใดนั้น นางตบเท้าข้างหนึ่งลงไป พลังปราณร้อนระอุพุ่งออกมาจากร่าง
ขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หนึ่ง!
ขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่สอง!
ขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่สาม!
พลังของจางอันเยว่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับฉู่เทียนหยางนี่คือความแข็งแกร่งของเมล็ดพันธุ์ยอดฝีมือ!
การซ่อนพลังหรือ?
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อนพลัง!
การที่จะชิงตำแหน่งสิบอันดับแรกของอันดับภูผาสายน้ำได้ แต่ละคนย่อมต้องมีความมั่นใจในตัวเองอย่างสุดขีด!
สิ่งที่ต้องการคือการบุกทะลวงทุกอย่างข้างหน้า และบดขยี้คู่ต่อสู้ทุกคน!
“พี่จางอันเยว่มีพลังไม่น้อยเลยจริงๆ เพียงแต่โชคของนางในค่ายกลสังหารมารแย่เกินไป โดนฉู่เทียนหยางสังหารถึงสามครั้ง ไม่เช่นนั้นนางคงติดสิบอันดับแรกแน่นอน”
หลิงอวิ๋นคิดในใจ ขณะที่มองดูพลังของจางอันเยว่ที่คงที่อยู่ที่ขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หก
นี่แข็งแกร่งกว่าศิษย์สำนักในธรรมดาทั่วไปที่เข้ามาสำนักชั้นใน
“เยี่ยเมิ่งเยียน ขึ้นมาสู้กันเถอะ!”
จางอันเยว่พลิกข้อมือเผยให้เห็นแส้สีแดงเพลิงยาวหลายเมตรในมือ
แส้ถูกกระตุ้นด้วยพลังปราณ เปลวไฟสีแดงล้อมรอบดูเหมือนงูเพลิงที่มีชีวิต คอยปกป้องจางอันเยว่อย่างงดงาม
นี่คืออาวุธระดับระดับลึกล้ำชั้นกลาง ทั้งโจมตีและป้องกันในตัว!
เห็นได้ชัดว่าจางอันเยว่ไม่ได้คิดจะออมมือ ตั้งแต่เริ่มก็ใช้พลังทั้งหมด!
“ที่แท้เจ้าชื่อจางอันเยว่”
เยี่ยเมิ่งเยียนทำเหมือนไม่สนใจพลังที่น่ากลัวของจางอันเยว่ พร้อมก้าวเดินขึ้นเวทีด้วยท่าทีที่นางคิดว่าสง่างาม
จากนั้นนางก็ปรายตามองจางอันเยว่ด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าเอาคนที่ข้าทิ้งไปเหมือนขยะ มาเป็นของล้ำค่าข้างกายได้อย่างไร?”
“???”
จางอันเยว่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้อาจมีปัญหาทางจิต
นางตะโกนอย่างเย็นชา “เลิกพูดไร้สาระ เยี่ยเมิ่งเยียน เจ้าพร้อมหรือยัง? ข้าจะเริ่มโจมตีแล้ว!”
เยี่ยเมิ่งเยียนกอดอกด้วยท่าทางดูแคลน “มาเลยจางอันเยว่ เจ้าจงโจมตีมาเถิด ถ้าเจ้าทำลายการป้องกันข้าได้ ข้าจะถือว่าแพ้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนในสนามต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เพราะปราณที่ไหลเวียนรอบตัวเยี่ยเมิ่งเยียนในตอนนี้ ก็เพียงแค่ระดับขอบเขตทะลวงปราณขั้นที่แปดเท่านั้น
แม้ว่านางจะอยู่อันดับสองของตารางรวม แต่ด้วยกรณีของหลิงอวิ๋นคนต่างคิดว่าอันดับจากรอบคัดเลือกนั้นอาจไม่สะท้อนความสามารถที่แท้จริง
แต่ในขณะนี้ สิ่งที่จางอันเยว่แสดงออกมานั้นคือพลังที่แท้จริง
ระดับขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หก!
อาวุธยุทธระดับลึกล้ำ ชั้นกลางที่ทั้งรุกและรับได้ในตัว!
นั่นคือพลังที่สามารถแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสิบอันดับแรกของอันดับภูผาสายน้ำได้อย่างแน่นอน
แต่กลับถูกเยี่ยเมิ่งเยียนที่มีระดับเพียงแค่ขอบเขตทะลวงปราณขั้นที่แปดดูแคลนอย่างไร้ความปรานี!
“เย่อหยิ่งนัก!”
ถูกผู้มาใหม่ท้าทายเช่นนี้ ความหยิ่งผยองในฐานะเมล็ดพันธุ์อันดับสิบของจางอันเยว่ไม่อาจยอมได้!
“เตรียมรับมือเสีย!”
จางอันเยว่ก้าวไปข้างหน้าอย่างแรง ราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากคันธนู พุ่งตรงไปหาเยี่ยเมิ่งเยียน
แส้ในมือนางหมุนไปพร้อมกัน แวดล้อมด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้ม พุ่งเข้าตีเยี่ยเมิ่งเยียนอย่างรวดเร็ว
แส้ที่ฟาดด้วยความเร็วสูงจนเกิดภาพหลอนในอากาศ!
ปัง!
เมื่อแส้ฟาดถึงตัวเยี่ยเมิ่งเยียนจู่ๆ ร่างของนางก็เปล่งแสงคล้ายหินผาที่ปกคลุมทั่วร่าง
การโจมตีของแส้ที่แฝงพลังมหาศาลจากขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หก
แต่กลับไม่อาจทำลายชั้นแสงหินผานั้นได้แม้แต่นิดเดียว!
“อะ... นี่มัน”
ทุกคนในสนามต่างตกใจจนขนลุก
นี่มันคือวิชาป้องกันลับแบบไหนกันแน่? มันเกินไปหรือเปล่า?
การใช้พลังเพียงแค่ระดับขอบเขตทะลวงปราณขั้นที่แปด แต่กลับต้านทานพลังจากขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หกได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันคงเป็นวิชาป้องกันลับโบราณแน่ๆ”
มีผู้เชี่ยวชาญที่รู้เรื่องมากพอเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความร้อนแรง
“วิชาป้องกันลับโบราณ พระเจ้า! สำนักสวรรค์เร้นลับถึงขนาดให้ผู้มาใหม่ฝึกวิชาลับระดับนี้?”
“ผู้มาใหม่นี้ไม่ธรรมดา ข้าได้ยินมาว่านางมีพรสวรรค์เป็นรากวิญญาณระดับเทพ!”
“เฮือก! พรสวรรค์รากวิญญาณระดับเทพ! พระเจ้า! ไม่แปลกใจที่สำนักสวรรค์เร้นลับลงทุนมากมายกับนางถึงเพียงนี้!”
“น่ากลัวจริงๆ นี่มันพรสวรรค์รากวิญญาณระดับเทพ!”
เยี่ยเมิ่งเยียนยิ้มด้วยความพึงพอใจ ในสายตาตื่นตระหนกของทุกคน และหันมามองจางอันเยว่ที่ยังคงแสดงสีหน้าตกตะลึง
“มาเถอะ ๆ จางอันเยว่เจ้าจงโจมตีต่อไปสิ อย่าหยุด!”
“น่ารังเกียจ!”
จางอันเยว่โกรธจัด แส้ในมือของนางสะบัดรัว เกิดเป็นเงาแส้มากมายในอากาศ ราวกับพายุฝนกระหน่ำ ฟาดใส่เยี่ยเมิ่งเยียนอย่างไม่หยุดยั้ง
“จางอันเยว่ เจ้าช่างอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอเกินไป เจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรืออย่างไร การโจมตีแค่นี้ยังไม่พอแม้แต่จะทำให้ข้าจั๊กจี้ด้วยซ้ำ”
“จางอันเยว่ เจ้าชอบอยู่กับคนไร้ค่า ข้าเห็นเจ้าก็ไร้ค่าไม่ต่างกัน”
“เจ้ามิใช่ผู้เข้ารอบเมล็ดพันธุ์หรือไร ระดับขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นที่หก การโจมตีของเจ้าอ่อนแอขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
“เอาอีกหน่อยสิ!”
เยี่ยเมิ่งเยียนกอดอก ยิ้มเย้ยหยันพร้อมกับคำพูดที่เต็มไปด้วยการดูถูกจางอันเยว่
“อ๊ากกก!”
จางอันเยว่โกรธจนแทบระเบิด
ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารังเกียจเกินทน!
นางกำลังจะใช้ท่าไม้ตายสุดท้ายด้วยความโกรธอย่างไม่ยั้งคิด
“พี่หญิงจาง ระวัง!”
หลิงอวิ๋นตะโกนเตือน แต่คำเตือนของเขาช้าเกินไปเสียแล้ว