ตอนที่ 14 ไม่มีอะไรที่ข้าไม่กล้า
ตอนที่ 14 ไม่มีอะไรที่ข้าไม่กล้า
“หลิงอวิ๋น”
ลู่เสวี่ยเหยาชี้ไปที่เรือนพักในป่าพร้อมกล่าวว่า “นี่คือที่พักของข้าเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์สำนักภายนอก มันค่อนข้างจะทรุดโทรมไปบ้าง แต่ก็สงบดี เจ้าสามารถพักที่นี่ได้ โดยทั่วไปไม่มีใครกล้ามารบกวน”
หลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ลู่เสวี่ยเหยาเคยเป็นศิษย์สำนักภายนอก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง!
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ
ในที่สุดเขาก็พอจะเดาได้ว่าสถานที่ที่หม่าหมิงหยางระบุว่าเป็นที่ซ่อนสมบัติคือที่ไหน
นั่นคือใต้โต๊ะหินทรงกลมที่ตั้งอยู่ในลานหน้าของเรือนพัก
“ช่างเป็นวิธีที่ง่ายเกินไปจริงๆ”
หลิงอวิ๋นคิดในใจด้วยความไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
ในขณะนั้น ลู่เสวี่ยเหยาก็เริ่มเก็บกวาดภายในเรือนอย่างไม่รีบร้อน
เห็นได้ชัดว่านางยังไม่มีทีท่าจะจากไปในทันที
“ดูท่าข้าคงต้องรอให้พี่หญิงลู่จากไปก่อน จึงจะมีโอกาสขุดสมบัติได้”
หลิงอวิ๋นจึงพักความคิดในการขุดสมบัติไว้ชั่วคราว
เขาเดินไปยังลานกว้างที่เปิดโล่ง และเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาแสงเยือกแข็งเมฆากระหน่ำ และท่าร่างหมื่นสรรพสิ่งแห่งพงไพร
บางทีอาจเป็นเพราะผลของต้นไม้สีเขียวเล็ก ๆ นั้นหลิงอวิ๋นพบว่าการเข้าใจทักษะการต่อสู้และเทคนิคการเคลื่อนไหวระดับลึกล้ำไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เขาเพียงแค่อ่านครั้งเดียวก็สามารถเข้าใจจุดสำคัญในการฝึกฝนได้ทั้งหมด
จากนั้นจึงเริ่มฝึกปรือทันที!
เมื่อพระจันทร์ขึ้นสู่ยอดต้นหลิว
ในช่วงดึก เพียงครู่เดียวหลิงอวิ๋นก็สามารถฝึกฝนดาบเคล็ดวิชาแสงเยือกแข็งเมฆากระหน่ำจนถึงขั้นสูงสุดได้
และเขายังสามารถควบคุมการใช้ท่าร่างหมื่นสรรพสิ่งแห่งพงไพรได้อย่างอิสระ
“โครก... โครก…”
หลิงอวิ๋นรู้สึกหิวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อกลับไปที่เรือนพัก
หลิงอวิ๋นเห็นภาพที่ไม่คาดคิด ใต้แสงจันทร์อันนวลละมุน ลู่เสวี่ยเหยากำลังถือไหสุรา นั่งอยู่บนโต๊ะหินทรงกลมตรงลานหน้าเรือน กำลังดื่มสุราอย่างไม่ยั้ง
ข้าง ๆ ยังมีไหสุราเรียงรายอยู่หลายไห!
“อะ... นี่...”
หลิงอวิ๋นตกตะลึงอ้าปากค้าง!
ภาพอันเป็นอิสระและเต็มไปด้วยความเร่าร้อนนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยเข้าใจลู่เสวี่ยเหยามาก่อนเลย
“หิวแล้วงั้นหรือ? แต่ข้าน่ะทำอาหารไม่เป็น เอานี่แทนแล้วกัน...”
ลู่เสวี่ยเหยาโบกมือเบา ๆ ไหสุราที่ส่งกลิ่นหอมฉุนก็ลอยมาทางหลิงอวิ๋น
หลิงอวิ๋นรับไหสุรา สูดกลิ่นลึก ๆ และรู้สึกได้ถึงกลิ่นสุราหอมแรงที่ซึมลึกเข้าสู่ปอดทันที
“หอมจริงๆ!”
แต่หลิงอวิ๋นไม่เชี่ยวชาญเรื่องสุรา และไม่ค่อยดื่มสุรา
เพราะเขารู้ดีว่าการดื่มสุราอาจทำให้เกิดปัญหาได้!
แต่บางทีอาจเป็นเพราะท่าทางอิสระของลู่เสวี่ยเหยาที่ดึงดูดเขา หรืออาจเป็นเพราะในใจเขายังมีความขุ่นเคืองที่ยังไม่ได้ระบาย
หลิงอวิ๋นจึงยกไหสุราขึ้นแล้วดื่มทันที
ความร้อนแรงพุ่งผ่านลำคอ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าปอดของเขากำลังจะลุกเป็นไฟ
เขาไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้จนต้องไอออกมา “แค่ก ๆ...”
“ฮ่าๆๆ ชายหนุ่มอย่างเจ้า กลับไม่เป็นโล้เป็นพายเรื่องสุรา...”
ลู่เสวี่ยเหยาหัวเราะเบา ๆ แล้วโยนไหสุราที่ดื่มจนหมดทิ้งไปข้าง ๆ จากนั้นก็หยิบไหสุราอีกไหขึ้นมาดื่มต่อ
“พี่หญิงลู่ อย่าได้ดูถูกข้า!”
ด้วยความไม่ยอมแพ้ หลิงอวิ๋นยกไหสุราขึ้นด้วยสองมือแล้วดื่มอย่างเต็มที่!
สุราแรงราวกับใบมีดกรีดผ่านลำคอ!
ใบหน้าของหลิงอวิ๋นแดงก่ำ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้!
“ฮ่าๆ”
ลู่เสวี่ยเหยาหัวเราะจนตัวโยก
หลังจากดื่มสุราไปได้ครึ่งไหหลิงอวิ๋นก็เริ่มมึนเมาเล็กน้อย “พี่หญิง... ท่านงดงามเหลือเกิน...”
“จริงหรือ?”
ลู่เสวี่ยเหยาลุกขึ้นจากโต๊ะหิน แต่ดูเหมือนว่านางจะเมาเล็กน้อย
และเกือบจะล้มลง
หลิงอวิ๋นรีบคว้าตัวลู่เสวี่ยเหยาไว้ทันที
เอวของลู่เสวี่ยเหยาบางจนสามารถโอบได้พอดี ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย ความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือทำให้หัวใจของหลิงอวิ๋นเต้นแรงขึ้น
“มาดื่มกันต่อ…”
ลู่เสวี่ยเหยาปล่อยให้หลิงอวิ๋นประคองนางไว้ ขณะที่นางยกไหสุราดื่มอย่างอิสระ
หลิงอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ดื่มสุราที่เหลือครึ่งไหจนหมด
เห็นดังนั้นลู่เสวี่ยเหยาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลว...”
แต่ในขณะที่พูดอยู่หลิงอวิ๋นก็รู้สึกได้ว่ามือที่ประคองลู่เสวี่ยเหยาไว้เริ่มหนักขึ้น ดูเหมือนนางจะยืนไม่ค่อยอยู่แล้วเพราะเมาสุรา
หลิงอวิ๋นโอบนางด้วยสองมือโดยไม่ทันคิด
ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันจนแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจ!
ลมหายใจที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นสุราของลู่เสวี่ยเหยาพัดกระทบใบหน้าของหลิงอวิ๋นทำให้เลือดในกายของเขาเริ่มเดือดพล่าน
ลู่เสวี่ยเหยามองด้วยสายตาเลื่อนลอย แก้มของนางขึ้นสีแดงเรื่อ “ข้ากำลังจะแต่งงานกับฉู่เทียนฉี เจ้า...กล้าหรือไม่...”
“ข้า... มีอะไรที่ไม่กล้า...”
“ทำ... ทำเถอะ...”
หลิงอวิ๋นปัดไหสุราบนโต๊ะหินออกไปอย่างแรง ก่อนจะกดลู่เสวี่ยเหยาลงบนโต๊ะแล้วขึ้นคร่อมนาง
ทันใดนั้น!
เสื้อผ้าปลิวไสว ท่ามกลางความเย้ายวนของฤดูใบไม้ผลิและกลิ่นสุรา สร้างภาพที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและดึงดูดสายตา
แต่โชคร้าย ไม่มีใครได้เห็นภาพนี้
ขณะเดียวกัน ในสำนักภายนอกที่จวนของเฉาซู่
เฉาซู่เพิ่งจะเตรียมห้องลับสำหรับเยี่ยเมิ่งเยียนเพื่อการกลั่นโอสถทองเก้าพิสุทธิ์ แต่ทันใดนั้นประตูจวนถูกเตะเปิดอย่างแรง
ชายกลางคนในชุดคลุมสีม่วง ร่างกำยำ และมีจมูกเหมือนเหยี่ยว เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาคือเฉินเฉาอัน อาวุโสแห่งสำนักภายใน!
บ่าวรับใช้ต่างตัวสั่นด้วยความกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะพูด
“เฉาซู่ ทำไมในรายชื่อศิษย์ใหม่ไม่มีชื่อบุตรของข้า เฉินฟง?!”
เฉินเฉาอันแสดงท่าทางเหมือนมาเอาเรื่อง
เฉาซู่รีบเดินออกมาจากห้องโถง “ท่านเฉิน เฉินฟงไม่สามารถออกมาจากป่าหมอกได้...”
“ว่าอะไรนะ?!”
เฉินเฉาอันโกรธจัด พลังอันแข็งแกร่งขอบเขตหลอมรวมพุ่งออกมาอย่างดุดัน
“พรวด!”
เฉาซู่ไม่ทันตั้งตัว ถูกพลังของเฉินเฉาอันกระแทกจนถอยหลังไปหลายก้าว
จากนั้นเขาก็พ่นเลือดออกมาคำโต
บาดแผลที่มีอยู่เดิมแย่ลงไปอีกสองส่วน!
“อ้ะ? เกิดอะไรขึ้นกับตาของเจ้า?”
เฉินเฉาอันที่กำลังเป็นห่วงบุตรชาย พึ่งสังเกตเห็นว่าตาของเฉาซู่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีดำ
เรื่องน่าอับอายเช่นนี้เฉาซู่ไม่อยากพูดถึงนัก
เขาจึงหยิบขวดยาเล็ก ๆ ออกมา “ท่านเฉิน ข้าไม่สามารถทำงานได้สำเร็จ ข้าขอคืนยาเม็ดหยินหยางนี้ให้ท่าน”
“เฉาซู่ ข้าเฉินเฉาอันไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น!”
เฉินเฉาอันพ่นลมหายใจเย็นชา ก่อนจะหันหลังเตรียมจากไป
“ท่านอาวุโสเฉิน รอก่อน!”
เยี่ยเมิ่งเยียนเดินออกมาช้า ๆ พร้อมกล่าว “ท่านอาวุโสเฉิน ข้าสงสัยว่าพี่เฉินฟงอาจถูกลอบสังหาร”
“หา?”
เฉินเฉาอันหันกลับมาจ้องมองเยี่ยเมิ่งเยียนด้วยสายตาเย็นเยียบ “พูดให้ชัดเจน!”
เฉาซู่รีบแนะนำ “ท่านเฉิน นี่คือคุณหนูเยี่ยเมิ่งเยียนผู้ได้รับการแนะนำจากตระกูลฉู่”
“อ้อ?”
ความโกรธบนใบหน้าของเฉินเฉาอันค่อย ๆ สงบลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณหนูเยี่ย เรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรชายข้า ขอให้เจ้าพูดอย่างละเอียด!”
“หลิงอวิ๋น! ก่อนการทดสอบต่อสู้ เขามีปัญหากับพี่เฉินฟง”
“และในป่าหมอก พี่เฉินฟงได้มอบสิ่งของบางอย่างให้ข้า เขาเดินตามหลังข้ามาไม่ไกลนัก...”
“ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะผ่านด่านแรกไม่ได้!”
“หากคิดดูดี ๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีใครบางคนตั้งใจทำร้ายเขา!”
เยี่ยเมิ่งเยียนพูดอย่างหนักแน่น และจงใจพูดตรงไปที่หลิงอวิ๋น!
“หลิงอวิ๋น?”
เฉินเฉาอันขมวดคิ้ว “ข้าจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เฉินชางออกไป เขาเหมือนจะพูดถึงชื่อหลิงอวิ๋นนี้เช่นกัน”
“ท่านอาวุโสเฉิน พี่เฉินชางไปที่เมืองหินสวรรค์พื่อถอนหมั้นให้ข้าตามคำสั่งของพี่ฉู่เ เขายังไม่กลับมาหรือ?”
ใบหน้าของเยี่ยเมิ่งเยียนแสดงถึงความประหลาดใจและความกังวลเล็กน้อย
“เฉินชางยังไม่กลับมา!”
เมื่อพูดจบ หัวใจของเฉินเฉาอันก็พลันสังหรณ์ใจบางอย่าง!
“เฉาซู่ เรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินฟงในสำนักภายนอก ข้าจะฝากให้เจ้าสืบสวน ข้าจะรีบไปที่เมืองหินสวรรค์เดี๋ยวนี้!”
เฉินเฉาอันรีบเร่งออกไปทันที!
เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวใจของเยี่ยเมิ่งเยียนก็เต้นแรงขึ้น
ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินชางด้วย ตระกูลเยี่ยของนางจะต้องพบกับปัญหาใหญ่แน่!
“เยี่ยเมิ่งเยียน เจ้าต้องไม่เสียสมาธิ รอจนท่านเฉินกลับมาทุกอย่างจะกระจ่าง”
“สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้ คือกลั่นโอสถทองเก้าพิสุทธิ์และเตรียมตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ในยอดเขาไร้ขอบเขต”
“การแข่งขันชิงแชมป์ภูเขาและแม่น้ำในอีกเจ็ดวัน เป็นโอกาสที่ผู้คนจับตามอง และเป็นก้าวสำคัญที่เจ้าจะกอบกู้เกียรติยศกลับคืนมา!”
“ดี! ข้าจะไม่ทำให้พี่ฉู่ และอาจารย์ต้องผิดหวังอีก!”
ในหัวของเยี่ยเมิ่งเยียนมีภาพของหลิงอวิ๋นผุดขึ้นมา
การแข่งขันชิงแชมป์ครั้งนี้ นางจะทวงคืนความอัปยศที่หลิงอวิ๋นเคยทำไว้กับนางเป็นสิบเท่า ไม่สิ เป็นร้อยเท่า!
หลังจากที่เยี่ยเมิ่งเยียนเข้าสู่ห้องลับเพื่อกลั่นยา เฉาซู่ก็รีบพาผู้ติดตามคนสนิทมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ม่วงทันที