ตอนที่ 6 ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ 6 ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
ยันต์พุ่งตรงเข้าหาหลิงอวิ๋นพร้อมสายลมแรงกล้า พลังของมันล็อกเป้าเขาจนขนทั่วร่างลุกชัน
“อันตราย!”
หลิงอวิ๋นเร่งใช้คัมภีร์เปิดฟ้าปฐมจักรวาล เตรียมปะทะกับการโจมตีของยันต์ทลายร่างอย่างเต็มที่
โครม!
ทันทีที่เขาเรียกพลังปราณออกมา ยันต์ทลายร่างก็ปะทะกับเขาอย่างรุนแรง
แต่ทว่า...
สิ่งที่ทำให้หลิงอวิ๋นประหลาดใจคือพลังที่ระเบิดออกจากยันต์ทั้งหมดถูกคัมภีร์เปิดฟ้าปฐมจักรวาลกลืนหายไป ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นปราณภายในกายของเขา
“ทำได้อย่างนั้นรึ?”
หลิงอวิ๋นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แต่พอลองคิดดู เขาก็พอจะเข้าใจว่าคัมภีร์เปิดฟ้าปฐมจักรวาลที่เคยกลืนพลังปราณของผู้ฝึกยุทธ์ได้ หากจะกลืนพลังจากยันต์ทลายร่างซึ่งสร้างขึ้นจากปราณก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าไม่ควรต้านยันต์ทลายร่างระดับสามได้!”
เฉินฟงเบิกตากว้าง ไม่อาจเชื่อสิ่งที่เห็น
ยันต์ทลายร่างระดับสาม สามารถฆ่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตทะลวงปราณได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินฟงยิ่งประหลาดใจคือเขากลับหันมามองหลิงอวิ๋นด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “หรือเจ้าเป็นบุตรลับของบุคคลสำคัญ ถึงมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้?”
เพราะหลิงอวิ๋นมีพลังฝีมือที่ต่ำกว่าตน แต่กลับแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัว และตอนนี้ยังสามารถต้านยันต์ทลายร่างซึ่งเป็นไพ่ตายของเขาได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันแบบฉบับของลูกหลานตระกูลใหญ่ชัด ๆ”
“เฉินฟง สมองของเจ้ามันช่างอ่อนหัดเสียจริง”
หลิงอวิ๋นแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ขบขันกับความคิดเพี้ยน ๆ ของเฉินฟงที่เป็นเพียงลูกหลานผู้ไร้ค่า
แต่ต้องขอบคุณยันต์ทลายร่างของเฉินฟงที่ทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น เวลานี้เขาบรรลุถึงขอบเขตปฐมปราณขั้นที่ห้าเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเทียบกับเฉินชางพี่ชายผู้ล่วงลับของเขาแล้ว เฉินฟงยังมีประโยชน์กว่ามาก
“หลิงอวิ๋น ไม่... พี่ใหญ่หลิง ท่านอาจารย์หลิง ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยข้าไปได้หรือไม่?”
เฉินฟงรีบคุกเข่าลงทันที ในยามนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการรักษาชีวิตของตน
“ปล่อยเจ้าไป? ให้เจ้าไปเรียกบิดาเจ้าที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักมาเพื่อฆ่าข้ารึ?”
หลิงอวิ๋นจับคอของเฉินฟงเอาไว้แน่น
จากนั้นคัมภีร์เปิดฟ้าปฐมจักรวาลก็เริ่มทำงาน พลังปราณในร่างของเฉินฟงไหลเข้าสู่ร่างของหลิงอวิ๋นราวกับน้ำที่ไหลทะลัก
“มะ... มะ... ปีศาจ!”
เฉินฟงสัมผัสได้ถึงปราณที่ถูกกลืนหายไป ดวงวิญญาณของเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง และทันทีที่เอ่ยคำว่า “ปีศาจ” ออกมา คอของเขาก็ถูกบีบจนแตกหัก
หลิงอวิ๋นปล่อยร่างไร้วิญญาณของเฉินฟงลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี
ในขณะนั้น การต่อสู้ระหว่างสาวงามกับนักโทษแขนเดียวก็ได้จบลงเช่นกัน
ไม่ผิดจากที่คาดไว้ สาวงามถูกนักโทษแขนเดียวสังหาร
และนี่คือความโหดร้ายของเส้นทางยุทธ์
นักโทษแขนเดียวหันมามองหลิงอวิ๋น ก่อนจะประสานมือคารวะ “พี่น้องหลิง ข้ามีนามว่าหม่าหมิงหยาง ศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดแห่งนิกายเร้นมาร ภายใต้การดูแลของท่านผู้อาวุโสกุ่ยเจี้ยนโฉว ข้าเห็นท่านเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ข้ายินดีที่จะช่วยท่านจนลมหายใจสุดท้ายของข้า แต่อย่างไรก็ดี ข้ามีคำขอเล็ก ๆ ก่อนตายหนึ่งข้อ”
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้ว เขามั่นใจว่าช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านั้นหม่าหมิงหยางไม่น่าจะสังเกตเห็นการกลืนพลังปราณของเฉินฟงได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นสายลับที่นิกายเร้นมารส่งเข้ามาในสำนักสวรรค์เร้นลับ
ตอนนี้หม่าหมิงหยางยินดีที่จะสละชีวิตเพื่อช่วยเขา
เพียงเห็นหม่าหมิงหยางอ้าห้านิ้วออก พลังปราณก่อตัวเป็นหนามแหลมที่ปลายนิ้ว จากนั้นเขาก็ใช้มือคว้าจุดที่แขนขาดไป
เลือดสาดกระเซ็น ก่อนที่หม่าหมิงหยางจะควักกระดาษมันเยิ้มขนาดเล็กออกมาจากโพรงกระดูก
“พี่น้องหลิง นี่คือข้อมูลที่ข้ารวบรวมมาตลอดสามปีในฐานะสายลับที่สำนักสวรรค์เร้นลับ รวมถึงสมบัติทั้งชีวิตของข้า ทุกอย่างถูกซ่อนอยู่ในสถานที่ที่แผนที่นี้ชี้เอาไว้”
หม่าหมิงหยางโยนกระดาษใบนั้นไปให้หลิงอวิ๋น “ขอร้องเจ้าช่วยนำข้อมูลนี้กลับไปที่นิกายเร้นมารด้วยเถิด”
หลิงอวิ๋นรับกระดาษนั้นมาด้วยความสงสัย “เจ้าไม่กลัวหรือว่าข้าจะเอาสมบัติทั้งหมดของเจ้ามาแล้วไม่ทำตามคำขอของเจ้า?”
“ข้าคิดว่ามอบให้เจ้ายังดีกว่าให้พวกสำนักสวรรค์เร้นลับจอมปลอมเหล่านี้ ฮ่าๆ”
หม่าหมิงหยางหัวเราะลั่น ก่อนจะใช้ฝ่ามือตบลงบนกระหม่อมของตนเอง
“เฮ้อ”
หลิงอวิ๋นเก็บกระดาษและจัดการทำความสะอาดพื้นที่ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวออกจากป่าหมอกมุ่งหน้าไปยังทางออก
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสหลายคนที่ประจำอยู่หน้าประตูภูเขาต่างจับจ้องไปยังทางออกของป่าหมอก
เมื่อหมอกเริ่มแหวกออก เงาร่างอันงดงามในชุดสีเขียวชาก็ปรากฏขึ้น
“นั่นเยี่ยเมิ่งเยียน!”
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เฉาซู่ลูบเคราแพะของตนด้วยความพึงพอใจ
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อก็สามารถผ่านการทดสอบสังหารสิบคนและออกมาจากป่าหมอกได้สำเร็จ
ยกเว้นว่ามีการรับข้อเสนอพิเศษจากเขา เขาคิดไม่ออกว่าจะมีเหตุผลใดอีกที่ทำให้เยี่ยเมิ่งเยียนทำได้เร็วขนาดนี้
“ก็เป็นไปตามคาด ดูเหมือนว่าเยี่ยเมิ่งเยียนจะได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งในการทดสอบจริงเชิงรบครั้งนี้แน่นอน”
หยินเฟิงกู่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่สายตาของเขาหันไปมองด้านหลังของเยี่ยเมิ่งเยียน “ข้าคิดว่าคนที่ตามหลังมาคงจะเป็นเฉินฟงสินะ”
เนื่องจากหมอกหนาทึบหยินเฟิงกู่จึงเห็นเพียงร่างคร่าว ๆ ของชายคนหนึ่งที่กำลังไล่ตามมา
เมื่อเห็นว่ามีคนตามมาอยู่ข้างหลังจริง ๆ เฉาซู่ก็ส่ายหัวไปมา “เจ้าเด็กเฉินฟง ลูกชายคนสุดท้องของเพื่อนข้า ยังไม่อาจรักษาความสงบนิ่งได้จริง ๆ”
เจ้ารีบตามหลังเยี่ยเมิ่งเยียนมาแบบนี้ ไม่เท่ากับแย่งความโดดเด่นในฐานะอันดับหนึ่งเชิงรบของนางหรอกหรือ?
เขารีบเดินออกไปต้อนรับ
ในขณะเดียวกันก็เตรียมตัวแสดงความยินดีกับเยี่ยเมิ่งเยียน และตั้งใจจะห้ามเฉินฟงไม่ให้ออกมาทันที เพื่อปล่อยให้นางได้ชื่นชมกับเสียงปรบมือและความสำเร็จของตนเอง
“ผู้อาวุโสเฉา”
เมื่อเยี่ยเมิ่งเยียนเห็นว่าเฉาซู่กำลังเดินมาต้อนรับ นางก็เร่งฝีเท้าเข้าไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าทันใดนั้น!
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมกับลมแรงพัดพุ่งมาจากด้านหลัง
เยี่ยเมิ่งเยียนไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อนางกำลังจะก้าวออกจากป่าหมอกอยู่แล้ว กลับมีคนกล้ามาแย่งอันดับหนึ่งจากนาง
นางรีบถอยหลบไปด้านข้าง
แต่ฝ่ามือของหลิงอวิ๋นรวดเร็วจนแม้ว่านางจะพยายามหลบ แต่ก็ยังถูกฝ่ามือนั้นกระแทกที่ไหล่ ทำให้นางเสียหลักไป
“หลิงอวิ๋น!”
เมื่อเยี่ยเมิ่งเยียนเห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนโจมตี นางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
“เจ้าไร้ประโยชน์ เจ้ากล้าตามข้ามาได้ไง เจ้าคิดจะฉวยโอกาสชิงตราผู้ต้องโทษของข้าใช่หรือไม่?”
เยี่ยเมิ่งเยียนคิดว่านางอ่านความคิดของหลิงอวิ๋นออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ในป่าหมอกนี้ สามารถแย่งชิงตราผู้ต้องโทษกันได้ และนี่คือเหตุผลที่นางตัดสินใจเก็บรวบรวมตราผู้ต้องโทษสิบอัน และรีบออกมาจากป่าหมอกทันที
แม้ว่าช่วงนี้นางจะฝึกฝนตามฉู่เทียนฉี ทำให้พลังฝีมือของนางพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
แต่การต่อสู้ยังไม่ใช่สิ่งที่นางถนัดนัก
หากนางสามารถคว้าอันดับหนึ่งทั้งในการทดสอบจริงและการทดสอบทั่วไปได้ นางก็จะเข้าสู่สำนักสวรรค์เร้นลับด้วยภาพลักษณ์ที่งดงาม จากนั้นนางก็จะเริ่มเส้นทางฝึกตนที่ส่องสว่าง
เมื่อหลิงอวิ๋นมองดูเยี่ยเมิ่งเยียน เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่น้อย
“น่าเสียดาย เจ้าคิดผิดแล้ว!”
หลังจากที่สั่นสะท้านด้วยความตกใจครั้งแรก เยี่ยเมิ่งเยียนกลับมามีสติและสงบใจได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นเยี่ยเมิ่งเยียนจากเมืองหินสวรรค์อยู่หรือ?”
นางเหยียบพื้นอย่างแรง ชุดยาวสีเขียวชาของนางสั่นไหว ขณะที่พลังในระดับขอบเขตปฐมปราณขั้นที่เจ็ดของนางระเบิดออกมา
“ขอบเขตปฐมปราณขั้นเจ็ด!”
เฉาซู่เบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ไม่คาดคิดว่าเยี่ยเมิ่งเยียนที่พึ่งฝึกกับฉู่เทียนฉีได้ไม่นานจะบรรลุถึงขอบเขตปฐมปราณขั้นเจ็ดแล้ว
สมกับเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านรากวิญญาณ ที่มีศักยภาพสูงสุดในระดับระดับปฐพีจริง ๆ
โชคดีที่เขาเตรียมตราผู้ต้องโทษระดับขอบเขตปฐมปราณขั้นสิบไว้ให้กับเยี่ยเมิ่งเยียน
“หลิงอวิ๋น วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ถึงความต่างระหว่างเรา!”
เยี่ยเมิ่งเยียนเต็มไปด้วยความมั่นใจในพลังของตนเอง
ขอบเขตปฐมปราณขั้นเจ็ด!
แม้ว่าหลิงอวิ๋นจะเคยเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองหินสวรรค์ แต่ก็เพียงแค่ระดับขอบเขตปฐมปราณขั้นหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อครึ่งเดือนก่อนเขายังถูกพี่ฉู่ยึดเอารากวิญญาณไปอีก นางไม่เชื่อว่าตนจะไม่สามารถจัดการกับหลิงอวิ๋นได้!
เยี่ยเมิ่งเยียนปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แล้วฟาดฝ่ามืออันทรงพลังใส่หลิงอวิ๋น