ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 เจ้าเป็นผู้มีรากวิญญาณคู่?

ตอนที่ 1 นางมารปรารถนาจะเป็นคู่ครอง


ตอนที่ 1 นางมารปรารถนาจะเป็นคู่ครอง

“หลิงอวิ๋น เจ้ากล้าปฏิเสธข้าจริงหรือ? ข้ามีทั้งพลังและความงาม มีทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!”

ภายในห้วงจิตสำนึก มีหญิงสาวที่สวยงามราวกับปีศาจกำลังเดินเท้าเปล่าเข้าหาหลิงอวิ๋นอย่างช้าๆ

ทุกก้าวที่นางเดินเข้ามา เสื้อผ้าของหลิงอวิ๋นก็ค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น

“เจ้า... เจ้าอย่าเข้ามา!”

หลิงอวิ๋นรู้สึกขนลุกไปทั่วตัว เขาใช้มือปิด 'เจ้าหลิงน้อย' และถอยหนีไปเรื่อยๆ

หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนเขาพิงไปติดกับผนังหิน นางยื่นนิ้วเรียวบางมาช้อนคางของหลิงอวิ๋นขึ้น

“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หลิงอวิ๋น เจ้าตกลงจะเป็นคู่รักแห่งเต๋ากับข้าหรือไม่?”

“ไม่!”

ไม่รอให้นางพูดจบ หลิงอวิ๋นตอบปฏิเสธอย่างแน่วแน่ แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะมีความงามที่ยากจะหาผู้ใดเทียบได้

แต่เขาไม่สามารถตอบรับข้อเสนอของนางได้

หนึ่งเพราะวิถีแห่งมนุษย์และมารไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ และนางเป็นเพียงร่างวิญญาณเท่านั้น ชายใดเล่าจะยอมรับได้?

สอง เขามีคู่หมั้นที่เป็นรักแรกอยู่แล้ว หญิงสาวในชีวิตจริงย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ!

“หึ! หลิงอวิ๋น เจ้ารังเกียจข้าใช่หรือไม่?”

“ไม่... ข้าไม่กล้า!”

“เจ้าเกลียดข้าใช่หรือไม่?”

“ข้าไม่ได้เกลียดจริงๆ!”

หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างสวยงาม นางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหลิงอวิ๋น

นางทรมานเขามาครึ่งเดือนเต็มแล้ว แต่เจ้าคนนี้ก็ยังไม่ยอมสยบเลยแม้แต่น้อย

สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวด แต่กลับไม่มีทางอื่นให้เลือก!

เพราะในที่สุด สมบัติล้ำค่าในตำนานได้เลือกเด็กหนุ่มตรงหน้า

“หึ! หลิงอวิ๋นในเมื่อเจ้าปฏิเสธไม่ยอมเป็นคู่ครองกับข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเลือกอีกทางหนึ่ง!”

“ทำสามเรื่องให้ข้า แล้วข้าจะช่วยเจ้าให้กลับมาเดินในเส้นทางยุทธจักรอีกครั้ง”

“ตกลง!”

หลิงอวิ๋นตอบรับทันทีโดยไม่คิดมาก

หญิงสาวผู้เรียกตนว่า “มาร” หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ามือของนางจะปรากฏเมล็ดพันธุ์สีเขียวขึ้นมา ภายในพริบตาเมล็ดพันธุ์นั้นหยั่งรากและแตกหน่อ กลายเป็นต้นไม้เล็กๆ ที่สูงเพียงคืบเดียว

ต้นไม้เล็กๆ นี้มี 10 กิ่งใหญ่ 49 กิ่งเล็ก และใบ 360 ใบ

“นี่คือมหาพฤกษาแห่งสรรพสิ่งตำนานกล่าวว่า ขวานของเทพผานกู่ที่ใช้แยกสวรรค์และปฐพี ตัดกิ่งมาจากต้นไม้นี้”

“เพราะต้นไม้นี้มีพลังในการเปิดฟ้าและสร้างโลกนับไม่ถ้วน!”

“หากเจ้าใช้ต้นไม้นี้เป็นรากฐานวิญญาณ พลังฝีมือของเจ้าจะเหนือกว่าผู้ใดในโลก!”

“และถ้าเจ้าได้รับคัมภีร์คู่บารมีของต้นไม้แห่งโลกนี้ เจ้าย่อมกลายเป็นผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ และบรรลุเป็นเทพแห่งวิถียุทธอันดับหนึ่ง!”

“แต่การกระตุ้นพลังของต้นไม้แห่งโลกในครั้งนี้ทำให้ข้าต้องเสียพลังไปมาก ข้าจะต้องเข้าสู่การหลับลึกสักพัก”

“และเมื่อข้าตื่นขึ้น เจ้าต้องทำสิ่งแรกที่ข้ามอบหมายให้...”

เมื่อเสียงของหญิงสาวจบลง ต้นไม้สีเขียวก็ฝังรากลงในจุดตันเถียนของหลิงอวิ๋น

หลิงอวิ๋นลองหมุนเวียนพลัง ฝึกปรือคัมภีร์โบราณอย่างเคล็ดเก้าขอบเขต ทันใดนั้น ต้นไม้สีเขียวก็เริ่มสร้างพลังปราณขึ้นมาทันที

หลิงอวิ๋นตื่นเต้นมาก เขากลับมาฝึกฝนได้อีกครั้งแล้ว!

ในขณะนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก หญิงงามใบหน้าอิดโรยเดินเข้ามาในห้อง

นางหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา “อวิ๋นเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว!”

“ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วง ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว”

หลิงอวิ๋นกระโดดลงจากเตียง รีบพยุงมารดาของเขาไปนั่งบนเก้าอี้

“อวิ๋นเอ๋อร์ แม่คงไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ เจ้า... เจ้าหายดีแล้วจริงหรือ?”

เซียวหลิวหลีจับมือหลิงอวิ๋น และมองสำรวจบุตรชายของนางด้วยความไม่เชื่อ

ครึ่งเดือนก่อน ภายนอกเมืองก่อการอาละวาด สัตว์อสูรในเทือกเขามารเมฆาออกมาสร้างความวุ่นวายร้ายแรง หลิงอวิ๋นในฐานะผู้นำออกไปปราบปราม แต่กลับถูกฉู่เทียนฉีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักสวรรค์เร้นลับทำลายรากวิญญาณ พลังฝีมือของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น และเขาสลบไปนับตั้งแต่นั้น

“ท่านแม่ ข้าหายดีแล้วจริง ๆ ท่านดูนี่”

หลิงอวิ๋นปล่อยมือจากมารดา แล้วร่ายหมัดฝ่ามือออกไปหลายกระบวนท่าจนลมพัดกรรโชกแรง แต่กลับเห็นว่ามารดาของเขายังมีความกังวลอยู่ในดวงตา มิหนำซ้ำความกังวลนั้นกลับยิ่งทวีความหนักขึ้น

หลิงอวิ๋นจึงถามว่า “ท่านแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”

เซียวหลิวหลีอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าได้ยินข่าวว่า... ตระกูลเยี่ยตั้งใจจะถอนหมั้น”

“เพราะข้าถูกทำลายรากวิญญาณอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่...”

ยังไม่ทันที่เซียวหลิวหลีจะตอบจบก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น ประตูไม้บานใหญ่สองบานแตกเป็นเสี่ยงๆ และล้มลงสู่พื้น

ชายวัยกลางคนผู้มีจมูกโค้งคล้ายนกอินทรีเหยียบแผ่นประตูที่แตกหักเดินเข้ามา นั่นคือเยี่ยชิงซาน หัวหน้าตระกูลเยี่ย และตามหลังเขามายังมีชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินที่มีท่าทางหยิ่งยโสเดินเข้ามาด้วย

แม้ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินจะดูธรรมดา แต่ตัวอักษร 'สวรรค์เร้นลับ' บนไหล่ของเขานั้นบ่งบอกว่าเขามาจากสำนักยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นฟ้าครามนั่นคือสำนักสวรรค์เร้นลับ!

หลิงอวิ๋นตกตะลึง!

ถอนหมั้น!

สถานการณ์แบบนี้ราวกับออกมาจากนิยายต่ำชั้นโดยแท้ แต่กลับเกิดขึ้นกับเขาเอง

เยี่ยชิงซานกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าเด็กน้อย บุตรีของข้า เยี่ยเมิ่งเยียน ได้ปลุกพลังรากวิญญาณแล้ว และได้รับการเชิญชวนจากท่านฉู่เทียนฉีให้เข้าร่วมสำนักสวรรค์เร้นลับ จากนี้ไปนางและเจ้าผู้ไร้ค่าย่อมไม่อาจเทียบกันได้ดั่งฟ้ากับเหว”

“สัญญาหมั้นระหว่างเจ้าและนางต้องถูกยกเลิก รีบส่งมอบสัญญามาซะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซียวหลิวหลีรู้สึกสับสนและมีอารมณ์หลากหลาย นางเคยคาดคิดถึงเหตุผลหลายอย่างที่ตระกูลเยี่ยอาจจะถอนหมั้น แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าบุตรีของตระกูลเยี่ยจะปลุกพลังรากวิญญาณได้

“ข้าเข้าใจแล้ว เราจะถอนการหมั้นนี้!”

หลิงอวิ๋นหยิบสัญญาหมั้นออกมาแล้วโยนให้เยี่ยชิงซาน

“หัวหน้าตระกูลเยี่ย สัญญาหมั้นอยู่ในมือท่านแล้ว ขอให้ท่านออกจากตระกูลหลิงไปในทันที”

เยี่ยชิงซานรับสัญญาหมั้นมาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เมื่อยืนยันว่าเป็นของจริง เขาก็หันไปมองชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินที่ชื่อเฉินชาง

“ไอ้หนู เจ้าก็รู้ความดีนี่ แต่เจ้าคิดจริงหรือว่าแค่ส่งมอบสัญญาหมั้นแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าและตระกูลหลิงไป?”

“ฮ่าฮ่า ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ!”

เฉินชางหัวเราะเสียงดัง พลันปล่อยปราณออกจากฝ่ามือ กลายเป็นดาบยาวสีเขียวสามศอกพร้อมพลังสังหารที่ปกคลุมทั้งห้อง

“ไม่ว่าเราจะคืนสัญญาหมั้นหรือไม่ เจ้าก็ไม่คิดจะปล่อยตระกูลหลิงของข้าใช่หรือไม่?”

หลิงอวิ๋นรีบปกป้องมารดาไว้ข้างหลัง

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อ 60 ปีข้าน้อยก่อนเคยเป็นศิษย์รับใช้ของสำนักสวรรค์เร้นลับ ขอท่านไว้ชีวิตตระกูลหลิงของข้าเถอะ”

ผู้เฒ่าตระกูลหลิงที่เพิ่งมาถึง ก้มศีรษะอ้อนวอนขอชีวิตจากเฉินชาง

“เจ้าเป็นใคร? แค่ศิษย์รับใช้สำนักเมื่อ 60 ปีก่อนก็กล้าขอหน้าข้า?”

เฉินชางหัวเราะเยาะเย้ย ก่อนที่ดาบปราณในมือจะสว่างวาบ ศีรษะของผู้เฒ่าตระกูลหลิงหลุดออกจากบ่า

“ท่านผู้เฒ่า!”

ดวงตาของหลิงอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เวลานี้เซียวหลิวหลีรีบกอดเขาไว้แน่น

“อวิ๋นเอ๋อร์ หนีไป! หนีไปเร็ว!”

เซียวหลิวหลีพุ่งเข้าใส่เฉินชางอย่างบ้าคลั่ง แม้จะรู้ว่าหลิงอวิ๋นฟื้นตัวจากบาดแผล แต่เขาก็สูญเสียรากวิญญาณไปแล้ว พลังฝีมือของเขาไม่มีทางสู้กับยอดยุทธ์จากสำนักสวรรค์เร้นลับได้

นางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกชายของนางอีกเป็นอันขาด!

“แค่มนุษย์ตัวเล็กๆ ไร้ค่าราวกับมดปลวก!”

เฉินชางมองนางด้วยความดูแคลน ก่อนจะสะบัดดาบปราณในมือ นางก็ลอยกระเด็นลงไปกองบนพื้น

แม้ร่างของเซียวหลิวหลีจะเต็มไปด้วยเลือด แต่นางยังคงกอดขาของเฉินชางไว้อย่างเหนียวแน่น “อวิ๋นเอ๋อร์ หนีไป หนีไปเร็ว!”

เฉินชางแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะใช้เท้าเหยียบลงบนหลังของนางอย่างแรง จากนั้นมองไปที่หลิงอวิ๋น

“ไอ้หนู หนีสิ! เจ้าจะหนีหรือไม่?”

พร้อมกับเพิ่มแรงกดลงไปบนร่างของเซียวหลิวหลี ร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด แต่นางก็ยังไม่ปล่อยมือและพยายามร้องเรียก “อวิ๋นเอ๋อร์ หนีไป หนีไปเถอะ!”

ภาพที่เห็นทำให้หลิงอวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดดั่งถูกมีดแทงทะลุหัวใจ มารดาเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่เขารักที่สุด แต่บัดนี้นางกลับถูกเหยียบย่ำอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา

“ฮ่าฮ่า พวกมดปลวกเอ๋ย! วันนี้ข้าเฉินชางจะกวาดล้างตระกูลหลิงของเจ้า ไม่มีใครจะมาช่วยเจ้าได้! ข้าจะสังหารมารดาของเจ้าก่อน แล้วต่อด้วยเจ้า!”

“เฉินชาง เจ้าอยากตายหรือ!”

หลิงอวิ๋นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขารวบรวมพลังปราณทั้งหมดจากจุดตันเถียนไว้ที่ฝ่ามือและฟาดใส่เฉินชางเต็มแรง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด