59 - กงซุนหมวกเขียว
59 - กงซุนหมวกเขียว
บนถนน มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเคียงข้างกัน "พวกเขาต่างหัวเราะเยาะฉินโม่ เราจะไปดูกันดีไหม?"
"พี่ใหญ่ เราจะไปทำไม?" เฉิงเสี่ยวเป่าลูบหัวตนเอง "วันนี้เขาเปิดร้าน เจ้าจะไปท้าทายต่อยตีหรือ?"
เฉิงต้าเป่าตบหัวน้องชายเบาๆ "ใครบอกว่าข้าจะไปท้าทาย ข้าแค่อยากไปดู แม้ข้าจะต่อสู้กับฉินโม่มานานกว่าสิบปี แต่ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นหัวเราะเยาะเขาได้ ในฐานะสหาย ข้าต้องไปช่วยเขา!"
"เจ้ากลายเป็นสหายของเขาตั้งแต่เมื่อใด?"
เฉิงเสี่ยวเป่าถามด้วยความสงสัย
"เจ้ารู้อะไร พวกเราเป็นสหายผ่านการต่อสู้!"
เฉิงต้าเป่าหัวเราะเย้ย แล้วหันไปถามคนข้างๆ "หยงเมิ่ง เจ้าจะไปหรือไม่?"
หลี่หยงเมิ่งบุตรชายของเฉิงจวิ้นอ๋อง(เป็นรองตำแหน่งชินอ๋องเล็กน้อย) ที่มักทะเลาะวิวาทกับฉินโม่เสมอ ตอบด้วยเสียงทุ้ม "ไปสิ ทำไมจะไม่ไป ข้าจะไปหัวเราะเยาะเด็กน้อยนั่นพอดี เกิดมาเป็นลูกผู้ชายไม่รู้จักต่อยดีแต่กลับไปปลูกผักทำกับข้าว เรื่องนี้ไม่หัวเราะได้หรือ!"
"ไปกันเถอะ!"
พวกเขารีบวิ่งไปที่ร้านอาหารของฉินโม่ทันที
ในขณะเดียวกัน โหวหยงและชิงเหอจวิ้นจู่ก็กำลังนั่งอยู่ในรถม้าด้วยกัน แต่ในรถม้าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน ยังมีอีกสองคนอยู่ด้วย
คนหนึ่งคือกงซุนชง อีกคนคือตู้โหยวเว่ยบุตรชายของตู้จิ้งหมิง
"ได้ยินว่าฉินโม่ปลูกผักได้แล้ว!"
โหวหยงหัวเราะเย้ยหยัน "เป็นเรื่องตลกที่สุดในใต้หล้านี้!"
กงซุนชงก็รู้สึกขยะแขยงฉินโม่อย่างยิ่ง "เพียงตัวตลกไร้ค่า บุตรชายของฉินกว๋อกงกลับมาทำตัวเป็นพ่อค้า ช่างขายหน้าจริงๆ!"
ตู้โหยวเว่ยก็หัวเราะเยาะ "ทำไมเราไม่ไปดูกันล่ะ เผื่อได้โอกาสจะได้ทำให้เจ้าหน้าโง่นั้นอับอายมากยิ่งขึ้น!"
ไห่ตี้เหลาตระกูลฉินเปิดทำการอย่างคึกคัก ฉินโม่ได้นำเอาวิธีการโฆษณาจากชาติก่อนมาใช้
มีการเชิดสิงโต แจกใบปลิว และโฆษณาอย่างครึกครื้น
หน้าร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่มาดูความสนุก แต่คนที่เข้าร้านมีไม่มากนัก
ฉินโม่สวมชุดสีแดงยืนอยู่หน้าร้าน "ท่านทั้งหลาย วันนี้เปิดไห่ตี้เหลาตระกูลฉิน ทุกอย่างลดราคาหนึ่งส่วน และผักสดมีให้ไม่อั้น แต่หลังจากวันนี้จะจำกัดปริมาณ ถ้าอยากกินต้องจ่ายเพิ่ม!"
ผู้คนที่ยืนดูต่างมองไปที่ฉินโม่ด้วยสายตาเย้ยหยัน
ในกลุ่มนั้นมีคนกล่าวว่า "ไม่จำกัดปริมาณผักสด เจ้าเล่นตลกอะไรกัน?"
"ใช่เลย หรือว่าเจ้าปลูกผักสดได้จริง?"
"ฉินโม่ เจ้าอวดดีไปหน่อยหรือเปล่า?"
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะ
แต่ฉินโม่ไม่โกรธ คนที่กล้าพูดแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจ ชาวบ้านทั่วไปจะมีใครกล้าเย้ยหยันบุตรชายของกว๋อกงอย่างเขา
ถึงฉินโม่จะดูซื่อ แต่เขาก็ยังเป็นบุตรชายของฉินกว๋อกงยอดขุนพลแห่งจักรวรรดิ ทั้งยังเป็นว่าที่สามีขององค์หญิงจิ่นหยาง
"ถ้าอยากรู้พวกเจ้าเข้ามาดูเองสิ?"
ลูกค้าคือพระเจ้า แม้ว่าจะไม่พอใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ตอบโต้ลูกค้ากลับไป
ถึงฉินโม่จะไม่เคยทำธุรกิจในชาติก่อน แต่เขาก็เข้าใจหลักการนี้ดี
ฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ผักสดที่เรามีให้เลือก ได้แก่ ผักกาดขาว ผักสลัด หัวไชเท้า และกุยช่าย ทั้งหมดนี้ปลูกที่สวนของข้า เป็นพืชสวนย้อนฤดู!"
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้คนก็หัวเราะออกมาไม่หยุด
ในตอนนั้นเอง โหวหยงนำคณะของชิงเหอจวิ้นจู่เดินเข้ามา "ฉินโม่ หากเจ้าปลูกผักสดไม่ได้ เจ้าจะทำอย่างไร?"
ฉินโม่หรี่ตามอง ทุกคนที่มาคือศัตรูเก่า
แต่วันนี้เป็นวันเปิดไห่ตี้เหลาของตระกูลฉิน เรื่องบาดหมางต้องวางไว้ก่อน
"ถ้าไม่ได้ เจ้าจะคุกเข่าและเห่าเหมือนสุนัขสามครั้งหรือไม่?"
กงซุนชงหัวเราะเย้ยหยัน "กล้าหรือไม่?"
เหล่าคนของตระกูลฉินใบหน้าเปลี่ยนสี หยางหลิวเกินกล่าวเบาๆ กับฉินโม่ "คุณชาย ผู้มาไม่มีเจตนาด!"
"ข้ารู้!"
ฉินโม่ยิ้ม "แต่วันนี้พวกเขาคือแขกของเรา และหลักการของเราคืออะไร? ลูกค้าคือพระเจ้า หากลูกค้ามีข้อสงสัย เราก็ต้องไขข้อข้องใจ หากลูกค้าอยากพนัน เราก็แค่เล่นกับเขา!"
เขาก้าวไปข้างหน้า "ข้ากล้า ทำไมจะไม่กล้า? แต่หากข้าปลูกผักสดได้ และมีผักสดให้จริง เจ้าจะทำอย่างไร?"
"กงซุนหมวกเขียว(หมวกเขียวคือภรรยาคบชู้)?"
ใบหน้าของกงซุนชงกลายเป็นสีดำเหมือนก้นหม้อ
เขากำหมัดแน่น กัดฟันพูด "ฉินโม่ เจ้ากล้าเรียกข้าว่ากงซุนหมวกเขียว!"
"ไม่จำเป็นต้องจุกจิกกับเรื่องนี้ ความหมายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ!"
ชิงเหอจวิ้นจู่ที่อยู่ข้างๆ กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ต้องยกมือขึ้นปิดปาก
"ฉินโม่นี่มันเกินไปแล้ว!"
นางมองกงซุนชงแล้วรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เสนอหน้าออกไปเป็นคนแรก ไม่อย่างนั้นหากถูกฉินโม่ยันด้วยคำพูดกลับมานางจะต้องหน้าแตกอย่างแน่นอน
นางพยายามกลั้นหัวเราะสุดใจ
กงซุนชงโกรธจนแทบจะระเบิด เรื่องแบบนี้ความหมายมันจะเหมือนกันได้อย่างไร?
ตู้โหยวเว่ยขมวดคิ้ว "ฉินโม่ เจ้าอย่าพูดจาหยาบคายเกินไป!"
"เจ้าเป็นใคร?"
ฉินโม่หันไปถาม เขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคนคนนี้
"นี่คือบุตรชายของเว่ยกว๋อกง ตู้โหยวเว่ย!"
"โอ้ ที่แท้ก็พี่*ท้องเจ็บนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จัก!"
(ท้องเจ็บมาจากคำว่าตู้จื่อเถิงซึ่งเขียนคล้ายๆ ตู้โหยวเว่ย)
สีหน้าของตู้โหยวเว่ยเปลี่ยนเป็นดำสนิททันที
ชิงเหอจวิ้นจู่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
"ฉินโม่นี่มันเกินไปแล้ว!"
"ข้าชื่อตู้โหยวเว่ย ฉินโม่เจ้าอย่ามาตั้งฉายาล้อเล่นกับข้า!" ตู้โหยวเว่ยแค่นเสียงอย่างเย็นชา
"เรื่องเล็กน้อย ความหมายก็เหมือนกันนั่นแหละ!"
ฉินโม่ยิ้มและกล่าวต่อว่า "พี่ท้องเจ็บ เจ้าจะพนันกับข้าด้วยหรือไม่?"
"ข้าจะพนันกับเจ้า!"
ตู้โหยวเว่ยรับรู้สายตาจากคนรอบข้าง จึงก้าวไปข้างหน้า "หากเจ้าหาผักสดมาไม่ได้ เจ้าต้องคุกเข่าขอโทษข้าพร้อมกับโขกศีรษะสามครั้ง!"
"แล้วถ้าข้าหามาได้ล่ะ?"
"นั่นเป็นไปไม่ได้! โลกหมุนเวียนตามธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลไม่มีใครห้ามปรามได้ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์จากปราชญ์โบราณมานานแล้ว!" ตู้โหยวเว่ยกล่าวอย่างมีเหตุผล
‘เฮอะ! ปราชญ์จอมดัดจริต! พวกเจ้ามาที่นี่ก็เพราะอยากดูข้าเสียหน้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะทำให้สมใจพวกเจ้า!’
ฉินโม่คิดได้ดังนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า "กงซุนหมวกเขียว หากข้าหาผักสดมาได้ เจ้าจะยอมใช้ชื่อนี้หรือไม่?"
"ข้า..."
กงซุนชงโกรธจัด กำลังจะตอบรับ แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของฉินโม่ เขาก็เริ่มลังเล
"หากเจ้าหาผักที่เก็บไว้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงมาแทนล่ะ?"
"น่าขัน! ตอนนี้แม้แต่ในวังหลวงก็ยังไม่มีผักสดเก็บไว้ ผักที่เก็บไว้นานขนาดนั้นจะยังสดได้หรือ? นี่เป็นความรู้ทั่วไป แม้แต่เด็กสามขวบยังรู้ เจ้าไม่รู้หรือ?"
ฉินโม่กล่าวเย้ยหยัน ในใจคิดว่าเมื่อวานนี้กลุ่มของไท่จื่อเพิ่งกลับจากสวนของเขา ข่าวเรื่องนี้น่าจะกระจายไปทั่วแล้ว
แต่ทำไมกงซุนชงกับพรรคพวกถึงดูโง่เขลาเช่นนี้?
หรือมีใครสั่งไม่ให้ข่าวนี้แพร่ออกไป?
ดูเหมือนจะเป็นท่านพ่อตาสินะ!
ฉินโม่นึกถึงหลี่ซื่อหลง
เขาช่างเป็นคนดื้อรั้นเสียจริง หรือเขาคิดว่าการออกคำสั่งไม่ให้ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะทำให้ข้ายอมทำงานในกรมโยธาและกรมการคลังหรือ?
ไม่มีทางหรอก
แพ้ก็แพ้ไปสิ แค่ยอมรับว่าผู้อื่นมีความเก่งกาจ?
แค่คิดว่าจะไม่ต้องไปศึกษาในโรงเรียนกว๋อจื่อเจี้ยนอีกแล้ว หัวใจเขาก็รู้สึกโล่งสบาย
ฉินโม่คิดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง ที่จริงแล้วคำสั่งปิดข่าวนี้ไม่ได้มาจากหลี่ซื่อหลง แต่เป็นคำสั่งจากกงซุนฮองเฮา
………