ตอนที่แล้วบทที่ 39: ได้เวลาชมละครแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41: พระองค์คิดอย่างไรกับสีเขียว?

บทที่ 40: พี่ใหญ่มาชมความสนุก


ลี่เฟย? ถูกทำร้ายอีกแล้วเหรอ?

ก่อนมู่ไป๋ไป่จะทันได้โต้ตอบ เธอก็โดนแมวตัวโตกระโดดเข้าใส่

“ทำไมเจ้ายังยืนนิ่งอยู่อีกล่ะ? รีบตามข้ามาเร็วเข้า”

เจ้าส้มยังคงส่งเสียงเร่งเร้าอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าถ้าไปช้าคงจะไม่ได้เห็นอะไรสนุก ๆ

“เจ้าส้ม?” มู่จวินฝานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นแมวอ้วนปรากฏตัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงร้องแบบนั้นไม่หยุด?”

โดยธรรมชาติแล้วเด็กหนุ่มไม่เข้าใจภาษาสัตว์ แต่เขารู้สึกว่าเสียงร้องของมันนั้นแหลมสูงกว่าปกติ ทำให้ระคายเคืองหู

มู่ไป๋ไป่ยังคงกังวลว่าจะอธิบายให้พี่ชายฟังว่าอย่างไรก่อนที่จะออกไป หลังจากได้ยินเช่นนี้ เธอก็เกิดความคิดบางอย่างและพูดไปตามความจริงว่า “มันมาฟ้องว่ามันแพ้การต่อสู้มา”

“แพ้กับผีน่ะสิ! ข้าเป็นราชาแมวในวังหลวงแห่งนี้ ข้าจะแพ้ได้อย่างไร” เจ้าส้มตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “มู่ไป๋ไป่ เจ้าอย่าทำลายชื่อเสียงของข้าแบบนั้น!”

เด็กหญิงทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่แมวส้มประท้วงและพูดไร้สาระกับมู่จวินฝานต่อไปว่า “พอมันต่อสู้ไม่ชนะ มันก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากข้า”

“ท่านพี่รัชทายาท ไป๋ไป่ต้องรีบไปแล้ว เอาไว้เราค่อยไปขออนุญาตอาจารย์เสิ่นทีหลัง ท่านพี่บอกว่าไป๋ไป่ปวดท้องแล้วไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้”

“...” ผู้เป็นพี่ชายถึงกับพูดไม่ออก

จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็ดึงมู่จวินฝานให้ก้มลงมา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มเขาเบา ๆ “ท่านพี่รัชทายาทน่ารักที่สุดในโลก!”

กลิ่นน้ำนมที่คุ้นเคยพัดมากระทบใบหน้าของเด็กหนุ่ม ทำให้แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

ในขณะที่เขาอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้ “เจ้าไปเถอะ แต่เจ้าจะต้องให้องครักษ์ติดตามเจ้าไปด้วย”

องค์หญิงหกของเขามักจะทำอะไรหุนหันพลันแล่น มันจะเป็นเช่นไรหากนางบังเอิญเกิดเรื่องตอนออกไปข้างนอกเพียงลำพัง?

มู่ไป๋ไป่รีบพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ต้องคิดต่อ

ท้ายที่สุดแล้วเธอกำลังจะลักลอบเข้าไปในตำหนักชิงเหอ หากโชคไม่ดีเธอก็จะถูกคนของลี่เฟยจับได้ แล้วแบบนี้เธอจะยังเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร

ดังนั้นคนตัวเล็กจึงกอดเจ้าส้มแล้ววิ่งไปทางตำหนักชิงเหอพร้อมกับองครักษ์ 2 คนของตำหนักตงกง

“องค์หญิงหก แมวป่าต่อสู้กับแมวทรงเลี้ยงในตำหนักชิงเหอหรือพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์ทั้ง 2 ไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาที่นี่ขององค์หญิงหกจึงเอ่ยถามขึ้นมา

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเด็กหญิงกำลังจะปีนกำแพงตำหนักชิงเหอเข้าไป มันก็ทำให้ทั้งคู่รู้สึกลังเล

วังหลังเป็นสถานที่สำคัญ ในฐานะคนขององค์รัชทายาท พวกเขาไม่ควรที่จะข้ามเข้าไปในวังหลังโดยพลการ

นี่ยังไม่ได้นับรวมถึงการปีนกำแพงเข้าไปอีก

“ใช่” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองกำแพงที่สูงตระหง่านตรงหน้า ก่อนจะเม้มปากและพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดอะไรต่อ

“มันอยู่ข้างใน เจ้าส้มกับข้าจะเข้าไปแก้แค้นแมวป่าตัวนั้น พี่ชายทั้ง 2 รออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”

“แต่…” แม้คนตัวเล็กจะพูดเช่นนั้น แต่องครักษ์ก็ยังสบตากันด้วยความลังเล

“ไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นข้าจะเรียกพวกท่าน” มู่ไป๋ไป่พูดเสร็จแล้วก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้

เธอใช้แขนขาน้อย ๆ ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร่อนลงบนกำแพงตำหนักในพริบตา ทำให้องครักษ์ทั้ง 2 ตกใจ

“ไปทางนี้” เจ้าส้มกระโดดขึ้นมาด้านข้างคนตัวเล็กทันที

แล้วมันก็เดินนำทางลัดเลาะเข้าไปในตำหนักโดยสามารถหลบเลี่ยงนางกำนัลและขันทีทั้งหมดในตำหนักชิงเหอได้สำเร็จ ก่อนจะมาถึงห้องลับโดยที่ไม่มีใครรู้

ระหว่างทางมู่ไป๋ไป่ได้ยินเสียงน่าอายมาแต่ไกล

เธอปีนขึ้นไปบนหลังคาเงียบ ๆ เปิดแผ่นกระเบื้องออก ก่อนจะมองลงไปด้านล่าง

ร่างที่งดงามถูกผ้าม่านผืนบางบดบัง แต่เงาของคน 2 คนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนั้นก็ยังชัดเจน

บางครั้งก็มีเสียงร้องแหลมดังออกมาจากภายใน

เธอจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าส้มถึงคิดว่านางถูกทำร้าย

“จิ๊ ๆๆ” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวพลางถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “คงเป็นจริงอย่างที่เขาบอกว่าคนเราไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ ใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง ลี่เฟยคนนี้ครางเสียงดังชะมัด”

เธอไม่รู้ว่าคราวนี้เป็นองครักษ์คนเดียวกับที่มีความสัมพันธ์กับลี่เฟยก่อนหน้านี้หรือไม่

“เสียงครางหมายความว่าอย่างไรหรือ?” เจ้าส้มที่นอนหมอบอยู่ด้านข้างพยายามเบียดหัวคนตัวเล็กเพื่อจะมองลงไปเช่นกัน

“นางถูกทำร้ายอยู่ไม่ใช่หรือ ข้าเห็นมันกับตาตัวเอง นางกับผู้ชายกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันโดยไม่สวมเสื้อผ้า แล้วผู้ชายก็ทับนางไว้…”

“หยุดพูดได้แล้ว!” มู่ไป๋ไป่รีบยกมือปิดปากอีกฝ่าย “ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเด็กอายุ 4 ขวบ ข้าไม่อาจทนฟังสิ่งที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กแบบนี้ได้”

แมวตัวโตเหลือบมองแผ่นกระเบื้องที่ถูกเปิดออกด้วยสายตาที่แฝงความนัย

ปากบอกว่าไม่สามารถทนฟังได้ แต่นางกลับจ้องไม่วางตา

“...” เด็กหญิงหัวเราะแก้เก้อก่อนจะรีบอธิบายว่า “มันไม่เหมือนกัน ข้าเพียงแค่อยากจะยืนยันอะไรบางอย่าง”

หลังจากพูดจบเธอก็ทำท่าทางให้แมวส้มเงียบเสียง จากนั้นเธอก็กลั้นหายใจมองลอดแผ่นกระเบื้องไปอีกครั้ง

ตำแหน่งที่เธอเลือกอยู่นั้นพอเหมาะพอเจาะพอดี มันหันหน้าไปทางเตียงขนาดใหญ่ทำให้เธอสามารถมองเห็นลี่เฟยที่มีใบหน้าแต้มสีแดงกำลังเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมกับผู้ชายอีกคนได้อย่างชัดเจน และทั้ง 2 ก็กำลังร่วมมือกันประกอบกิจกรรมบางอย่าง

ชายที่อยู่ด้านบนนั้นมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาและดูหล่อเหลา เขาไม่ใช่องครักษ์ที่ทำร้ายเจ้าส้มในวันนั้น

ข้อเท็จจริงที่รู้ทำให้มู่ไป๋ไป่เผลอพ่นลมหายใจหนัก ๆ

ลี่เฟยคนนี้เจ้าชู้มากจริง ๆ นางมีคนรักมากกว่า 1 คน

เมื่อดูจากสถานที่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลเช่นนี้ ไม่มีแม้แต่นางกำนัลรออยู่นอกประตู ดูเหมือนว่านางจะกระทำผิดเช่นนี้จนเป็นนิสัย

เสด็จพ่อผู้น่าสงสารของเธอ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถูกพระสนมคนโปรดสวมเขาให้

แล้วจู่ ๆ มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

ในขณะที่เด็กหญิงเฝ้าดูสถานการณ์ เธอกำลังคิดว่าจะเปิดเผยการกระทำของลี่เฟยอย่างไร จังหวะนั้นก็มีก้อนหินกระทบเข้าใส่ศีรษะ

“ซี้ด..” มู่ไป๋ไป่ลูบศีรษะบริเวณที่ถูกก้อนหินขว้างใส่ และมองไปในทิศทางที่ก้อนหินปลิวมา

ที่มุมเดียวกันซึ่งมีกำแพงกั้นไว้ อวี้เซิ่งกำลังมองเธออยู่

เขายังคงแต่งกายด้วยชุดสีดำสนิท พอเขายืนอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงอะไร ดูเหมือนว่าตัวเขาจะกลมกลืนไปกับทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ทันที ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้าตัว

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!” มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ว่าอวี้เซิ่งอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนแล้ว แต่เธอรู้สึกว่าเวลาที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวนั้นช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก

ด้วยเหตุนี้ เด็กหญิงจึงโบกมือทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใส “พี่ใหญ่ มาดูสิว่ามีอะไรน่าสนใจ ท่านอยากดูด้วยกันหรือไม่?”

นักฆ่าหนุ่มหรี่ตาลงอย่างสงสัย เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถึงจะยิ้มแย้มแต่ก็มีเจตนาชั่วร้าย และเขาสามารถบอกได้ทันทีว่านางกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง

แต่เมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจที่เขามีในอดีต อวี้เซิ่งก็เพียงแค่คอยดูอยู่เฉย ๆ ว่าองค์หญิงหกกำลังคิดจะทำอะไร

ด้วยการเตะเท้าเพียงเบา ๆ เขาก็บินถลาขึ้นไป

ชายหนุ่มเป็นคนที่มีวรยุทธล้ำเลิศ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเขาจึงแทบจะไม่ส่งเสียงใด ๆ เลยในยามที่เขาขึ้นไปเหยียบบนหลังคาข้าง ๆ มู่ไป๋ไป่

ขณะเดียวกัน คน 2 คนภายในห้องที่ไม่สนใจโลกภายนอกก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนอีกคนปรากฏขึ้นบนหลังคา

“เอาน่า มานี่เถอะ” เด็กหญิงยอมขยับออกจากตำแหน่งการรับชมที่ดีที่สุดที่ตนเองค้นพบอย่างไม่เห็นแก่ตัว “พี่ใหญ่ดูนี่สิ”

อวี้เซิ่งไม่ใช่คนโง่ เขาใช้ชีวิตผ่านโลกมานานหลายปีแล้ว เขาได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ มามากมาย เพียงแค่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านใน เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เหลือมองมู่ไป๋ไป่เงียบ ๆ “นี่เจ้าอายุเท่าไหร่?”

สิ่งที่เด็กคนนี้ทำเหมือนคนกำลังแอบดูเรื่องบนเตียงของคนอื่นอยู่

หากมู่เทียนฉงรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องจับเจ้าตัวเล็กนี่มาตีก้นแน่

“ข้าอายุ 4 ขวบครึ่งแล้ว” มู่ไป๋ไป่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อถึงอะไรและชูนิ้วขึ้น 4 นิ้วตอบด้วยท่าทางจริงจัง

“เจ้าส้มเป็นคนพาข้ามาที่นี่ มันบอกว่าที่นี่มีอะไรน่าดู”

โดยธรรมชาติแล้ว อวี้เซิ่งย่อมไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจคำพูดของแมว เขาเพียงแค่คิดว่านางมาที่นี่โดยบังเอิญเพราะไล่ตามเจ้าส้มมา

ในวังหลัง การเล่นชู้เป็นเรื่องต้องห้าม เดิมทีเขาคิดว่าเป็นสาวใช้กับองครักษ์ของตำหนักชิงเหอ ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าจะดูแบบผ่าน ๆ และลงไปจัดการกับบุคคลนั้น เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในสายตาของมู่เทียนฉง

แต่ใครจะไปคาดคิดว่า หลังจากนักฆ่าหนุ่มมองดูให้ชัดเจนแล้ว สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด