บทที่ 17 ทรัพย์ลาภฟ้าประทาน
“เจ้าฆ่าเขาหรือ?”
ยังไม่ทันที่หลัวเฉินจะตอบ หวังหยวนก็พยักหน้าเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
“ดูท่าคงใช่แล้ว”
หลัวเฉินแสดงสีหน้าหวาดหวั่น ถอยหลังออกไป ขณะที่หวังหยวนเดินไปยังร่างไหม้เกรียมนั้น ก่อนจะฟันหัวที่ถูกเผาจนดูไม่ออกว่าเป็นใครออกไปด้วยดาบของเขา
หวังหยวนเหลือบมองหลัวเฉินที่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก และจ้องไปยังถุงเก็บของที่อยู่ในมือหลัวเฉิน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
สายลมยามค่ำคืนเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น ท่ามกลางร่างกายที่ชโลมเลือดจนเย็นชืด
หลัวเฉินฝืนยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด “พี่หวัง หนังสือเล่มนั้นข้ายังอ่านไม่จบเลยนะ”
เหมือนหวังหยวนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนนั้นค่อย ๆ สงบลงก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง
“รีบกลับบ้านไปเถอะ ต้าหอฝางในยามค่ำคืนมันอันตราย”
“อืม ๆ”
หลัวเฉินหันตัวเดินออกไปทันที แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินกลับไปแบกกระสอบงูที่บรรจุสมุนไพรไว้เต็มถุงขึ้นไว้บนหลังอย่างทุลักทุเล
นั่นคือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา
หวังหยวนมองตามหลัวเฉินที่ค่อย ๆ เดินออกไปจนเกือบพ้นปากตรอก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“นี่ เอาไปซะ ถือเป็นค่าตอบแทนสำหรับหัวของศพนี่”
ตะปูเหล็กยาวเท่าตะเกียบอันหนึ่งตกลงตรงเท้าของหลัวเฉิน มันเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสด ๆ และมีเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อย
“พี่หวัง ข้าขอรับด้วยความเกรงใจนะ”
“ไปเถอะ เดินผ่านป่าละเมาะไป อย่าเดินบนถนนใหญ่”
“อืม”
หลัวเฉินพยักหน้าแรง ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในป่าละเมาะโดยไม่หันกลับมาอีก
ในตรอกนั้น หวังหยวนยืนอยู่พักใหญ่ ขณะที่มือของเขาถือศีรษะทั้งสามที่ถูกตัดออก ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืด
“ฮือ ๆ”
ติ้ง!
“ฟู่!”
หลัวเฉินนั่งพิงขอบเตียง เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว กางเกงขาสั้นที่สวมใส่ก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ตรงพื้นข้างเตียงของเขามีตะปูทะลวงวิญญาณอีกอันที่ปักเข้าไปในเอวของเขาเอง
หลัวเฉินกัดฟันทนความเจ็บปวด ก่อนจะหยิบขวดยาแถวนั้นขึ้นมาเทใส่บาดแผลของเขา
นี่คือตัวยาที่เขาปรุงขึ้นเอง เป็นยาสำหรับรักษาบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการปรุงยา เช่น หม้อต้มยาระเบิด ซึ่งเคยช่วยเขามาได้หลายครั้ง
และวันนี้มันได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง!
เมื่อผงยาถูกใส่เข้าไปในบาดแผล ความรู้สึกเย็นสบายก็เข้ามาแทนที่ จากนั้นก็กลายเป็นความแสบร้อนอย่างรุนแรง
“บัดซบ! บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”
เสียงสบถอย่างเกรี้ยวกราดดังออกมาจากปากเขาเป็นระยะ
ไม่เคยมีสักครั้งที่หลัวเฉินจะรู้สึกโกรธได้เท่ากับครั้งนี้
เขาไม่ได้โกรธที่ศัตรูทำให้เขาบาดเจ็บ แต่โกรธที่ตนเองอ่อนแอเกินไปต่างหาก
หากเขาแข็งแกร่งเหมือนหวังหยวน วันนี้เขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
จนกระทั่งเขาพันแผลเรียบร้อย หลัวเฉินจึงถอนหายใจออกมาได้บ้าง
เขาฝืนความเจ็บปวด ลุกมาที่ห้องโถง เปิดกระสอบงูออก แล้วจัดเรียงสมุนไพรทั้งหมดแยกประเภทอย่างเป็นระเบียบตามชั้นวางต่าง ๆ
สมุนไพรระดับต่ำพวกนี้ไม่สามารถเก็บรวมกันนานได้ ไม่เช่นนั้นสรรพคุณจะลดลงอย่างมาก
เสียงฝีเท้าของเขาดูเงอะงะและน่าสงสารภายใต้แสงตะเกียงน้ำมันดวงเล็ก ๆ
หลัวเฉินรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ช่างคล้ายกับชีวิตก่อนของเขา ที่ต้องไปทำงานทั้ง ๆ ที่ยังป่วยหลังจากเพิ่งผ่าตัดเสร็จใหม่ ๆ
“ชีวิตของข้านี่มันช่างหลีกหนีความยากลำบากไม่พ้นจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ชาติก่อนข้าถึงมีอายุขัยแค่เจ็ดสิบห้าปี”
หลังจากทำงานทุกอย่างเสร็จ เขาจึงมีโอกาสได้นอนลงบนเตียง
ความเจ็บปวดที่เอวยังคงทวีความรุนแรง แม้เขาจะเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่อาจหลับลงได้
จนทำได้เพียงหาอะไรทำเพื่อลดความเจ็บปวดจากบาดแผลลงบ้าง
“ลองดูสิว่าเจ้านั่นที่อายุสั้นกว่าเรามีของดีอะไรบ้าง”
ถุงเก็บของของผู้ฝึกตนระดับขั้นฝึกพลังลมปราณไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงได้ เพราะยังไม่มีพลังลมปราณจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถตั้งค่ายกลป้องกันได้
หลังจากเจ้าของตายไปแล้ว รอยพลังบนถุงก็จะเลือนหายไปเองตามธรรมชาติ
หลัวเฉินรวบรวมพลังลมปราณที่เหลือเพียงเล็กน้อยของตน เปิดถุงเก็บของออก
ของมากมายกองกันจนเต็มเตียงไม้ของเขาทันที
“วันนี้เป็นวันตลาดใหญ่ เจ้านี่มันซื้อของมาเพียบเลยนี่หว่า”
เสื้อคลุมคุณภาพต่ำหนึ่งตัว กล่องธูปสงบจิตหนึ่งกล่อง ยาพิ่กู่ซ่านห้าขวด ยาเสริมลมปราณหนึ่งขวด ยาแก้พิษจินกุ้ยหนึ่งขวด และยันต์อีกหนึ่งกอง
นอกจากนี้ยังมีกองสมุนไพรแห้งที่แผ่กองเต็มเตียงเขาไปครึ่งหนึ่ง
นอกเหนือจากของพวกนี้แล้ว สิ่งที่หลัวเฉินให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหินวิญญาณ
“ก้อนหินวิญญาณระดับต่ำเก้าสิบสองก้อน ไอ้ขี้งกนี่มันจนชะมัด!”
หลัวเฉินบ่นพลางหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะเก็บของทุกอย่างกลับลงไปในถุงทีละชิ้น
ถึงหินวิญญาณจะน้อย ไม่สมกับระดับพลังของผู้ฝึกตนขั้นฝึกพลังลมปราณชั้นที่ห้า
แต่ของอย่างอื่นนั้นมีมูลค่ามากกว่าเก้าสิบสองก้อนหินวิญญาณระดับต่ำนี้เสียอีก
ไม่ต้องพูดถึงเสื้อคลุมคุณภาพต่ำ แม้จะเก่าไปบ้าง คงเป็นเสื้อที่เจ้านั่นเคยสวมใส่ก่อนตาย แต่ถ้าเอาไปขาย ก็คงได้สักร้อยก้อนหินวิญญาณอยู่แล้ว
เสื้อคลุมนี้กระตุ้นการใช้ได้เร็วกว่ายันต์เสียอีก
ดังนั้น เฉินเซียวจึงสามารถกระตุ้นเสื้อคลุมได้ทันทีในตอนที่ใบหน้าของเจ้านั่นถูกลูกไฟกระแทก และเสื้อคลุมก็เปิดใช้เกราะป้องกันได้ในทันที
ถ้าเสื้อคลุมนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และเป็นของระดับกลาง มันคงทนรับลูกไฟได้ถึงหกหรือเจ็ดลูก แต่ก็น่าเสียดายที่ถูกหวังหยวนทำลายไปแล้ว
ตอนนี้แม้แต่ลูกที่สามก็ยังทนไม่ไหว
ระยะเวลาเพียงสามลมหายใจสั้น ๆ สำหรับเฉินเซียวที่บาดเจ็บหนักแล้วนั้น มันเร็วเกินไปที่จะใช้วิชาอื่นมาต่อกรหรือป้องกัน
ยาพิ่กู่ซ่านห้าขวดนี้ไม่ค่อยมีค่าอะไร คุณภาพก็ไม่ดีเท่ายาที่หลัวเฉินปรุงเอง แต่ก็ขายได้สักขวดละหนึ่งก้อนหินวิญญาณอยู่ดี
แต่ของอื่น ๆ นั้นกลับมีมูลค่าสูงกว่ามาก
ธูปสงบจิต เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับช่วยผู้ฝึกตนระดับต่ำในการบำเพ็ญเพียรได้ดีอย่างหนึ่ง
หนึ่งแท่งธูปสงบจิตจะช่วยให้ผู้ฝึกตนสามารถฝึกวิชาพื้นฐานได้มากขึ้นถึงห้าครั้งในหนึ่งวัน ว่ากันว่าเป็นยาที่ช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณอันเปราะบางของผู้ฝึกตนระดับต่ำ
ในหนึ่งกล่องมีถึงสิบสองแท่ง มูลค่าอยู่ที่หนึ่งร้อยยี่สิบก้อนหินวิญญาณ
ส่วนยาเสริมลมปราณก็ไม่ต้องพูดถึงเลย รอยลวดลายบนขวดบ่งบอกว่ามาจากหอสมุนไพรวิญญาณ
ราคามาตรฐาน ขวดละหนึ่งร้อยก้อนหินวิญญาณ!
เป็นของดี หากกลืนลงไปและกลั่นธาตุให้บริสุทธิ์ จะช่วยเพิ่มพูนพลังลมปราณได้มากทีเดียว
สำหรับกองยันต์นั้น หลัวเฉินคาดเดาจากประสบการณ์น่าจะมีมูลค่าราวห้าหรือหกสิบก้อนหินวิญญาณ
ส่วนกองสมุนไพรแห้งที่แผ่เต็มเตียง เขาเองก็ไม่รู้จัก แต่มันถูกใส่ไว้ในถุงเก็บของ แถมยังซื้อมาเยอะขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีประโยชน์แน่นอน
เมื่อนับรวมทุกอย่างแล้ว มูลค่าของสิ่งเหล่านี้ก็ไม่น้อยกว่าสี่ร้อยก้อนหินวิญญาณ!
ลาภฟ้าประทานจริง ๆ!
ว่าแล้วไหม ม้าที่ไม่ได้กินหญ้ายามค่ำคืนไม่มีทางอ้วน คนที่ไม่เคยได้ลาภฟ้าประทานย่อมไม่มีทางร่ำรวย
แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ในคืนนี้ สมบัติทั้งหมดของหลัวเฉินก็เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัว
แต่ว่าสิ่งที่เขาได้มากที่สุดกลับไม่ใช่สิ่งของเหล่านี้
หากแต่เป็นถุงเก็บของนี่ต่างหาก!
ขนาดความจุไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แค่เพียงหนึ่งคูณหนึ่งเมตรเท่านั้น นับว่าเป็นถุงที่มีขนาดเล็กและราคาถูกที่สุด
แต่แม้ในตึกหมื่นสมบัติ ราคาของมันก็ไม่ต่ำกว่าหมื่นก้อนหินวิญญาณ!
ไม่รู้ว่าเจ้านั่นได้มาจากคนอื่น หรือไปแย่งชิงมาจากใครมา เพราะเขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มีเงินซื้อเองแน่ ๆ
ในความเป็นจริง ผู้ฝึกตนระดับต่ำส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินซื้อกระทั่งถุงเก็บของที่เล็กที่สุดอยู่ดี
ของพวกนี้คือเครื่องมือมาตรฐานที่เหล่าศิษย์หลักของสำนักใหญ่ใช้งาน ศิษย์นอกสำนักแทบไม่คู่ควรจะครอบครอง!
“รวยแล้ว รวยแล้ว!”
“การฆ่าชิงทรัพย์นี่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นพล็อตเรื่องยอดนิยมในนิยายออนไลน์ ไม่ว่าจะแนวไหน ก็ต้องมีเหตุการณ์แบบนี้แทรกเข้ามาเสมอ”
“แค่เสี่ยงเกินไปหน่อย ถ้าพลาดขึ้นมา ความพยายามตลอดชีวิตก็อาจจะพังทลายไปในพริบตา”
ค่ำคืนนี้ นับว่ามีเหตุการณ์ฆ่าชิงทรัพย์เกิดขึ้นถึงสองครั้งต่อหน้าหลัวเฉิน
ครั้งแรก หลี่จื่อสงแห่งพรรคต้าฮาง รวบรวมคนมาล้อมฆ่าหวังหยวน ผลลัพธ์คือพังไม่เป็นท่า!
ครั้งที่สอง ผู้ฝึกตนระดับฝึกพลังลมปราณชั้นที่ห้า พยายามจะฆ่าหลัวเฉินในพริบตาเดียว ผลลัพธ์ก็ล้มเหลว!
“เรื่องอันตรายแบบนี้ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกมืออาชีพเถอะ ข้าคงรับความเสี่ยงพวกนี้ไม่ไหวแล้ว”
หลัวเฉินคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบขวดหยกอีกขวดที่ยังไม่ได้ใส่กลับเข้าไปในถุงเก็บของขึ้นมาดู
ยาแก้พิษจินกุ้ย เป็นหนึ่งในยาขึ้นชื่อของหอสมุนไพรวิญญาณ
สำหรับการรักษาบาดแผลจากอาวุธธาตุโลหะนั้น มันมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก ขวดละเพียงสิบก้อนหินวิญญาณเท่านั้น
คุณภาพดีราคาถูก นักพรตอิสระในต้าหอฝางต่างนิยมกันมาก
เขายกขวดขึ้นสูดดมกลิ่น กลิ่นของมันไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ใช่ยาพิษ
อีกอย่างคงไม่มีใครใส่ยาพิษไว้ในขวดยารักษาในถุงเก็บของของตัวเองหรอก
ถ้าหากบาดเจ็บจนสติเลอะเลือน แล้วหยิบยาผิดขึ้นมาล่ะก็ คงเป็นเรื่องสนุกน่าดู
เขาจึงต้องลำบากแกะผ้าพันแผลที่เพิ่งพันไว้ออกอีกครั้ง
หลัวเฉินถอนหายใจ ก่อนจะลงมือทำอย่างอดทน
เที่ยงวันของวันถัดมา หลัวเฉินตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาได้นอนตื่นสาย
เมื่อคืน สุดท้ายเขาก็ทนความเหนื่อยล้าไม่ไหวและผล็อยหลับไป
เขาลืมตาโพลง นอนนิ่งอยู่บนเตียงอยู่นาน ก่อนจะกัดฟันแล้วพยายามลุกขึ้นจากเตียงด้วยตัวเอง
ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนอนแผ่แล้วทิ้งทุกอย่างไป
เขาเดินไปที่ห้องโถง หยิบสมุนไพรขึ้นมากำหนึ่ง แล้วเทออกในกระด้งไม้เพื่อเตรียมนำไปตากแดด
เมื่อเขาเปิดประตู แสงแดดยามเที่ยงที่แผดจ้าทำให้เขาลืมตาไม่ขึ้นอยู่ชั่วขณะ พอเขาปรับสายตาได้ ก็พบว่าหวังหยวนยืนอยู่ข้างนอก
อีกฝ่ายโยนของสิ่งหนึ่งลงในกระด้งสมุนไพรที่เขาถืออยู่
“รับไว้ ต่อจากนี้เจ้าเป็นสมาชิกพรรคผัวซานแล้ว”
“ถ้ามีใครมาหาเรื่องเจ้า ก็บอกไปว่าเป็นคนของข้า หวังหยวน”
หลัวเฉินมองเหล็กแผ่นหนึ่งในกระด้งสมุนไพรของเขาด้วยความงุนงง
“ขอบคุณมาก พี่หวัง”
หวังหยวนโบกมือ “ขอบคุณอะไร ก่อนหน้านี้ตอนข้าตกอับที่สุด เจ้าก็ยังให้ข้ายืมยาพิ่กู่ซ่านตั้งหลายขวด ข้าไม่เคยขอบคุณเจ้าเลยสักคำ”
“เอาล่ะ ของข้าให้แล้ว ข้ากลับก่อนนะ ต่อจากนี้เขตนอกเมืองอาจจะไม่สงบ เจ้าก็ระวังตัวด้วย”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไป โดยไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย
จบบท