ตอนที่แล้วบทที่ 16 เจ้ามันสมควรตาย สมควรตายจริง ๆ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 ตะปูทะลวงวิญญาณ ธูปสงบจิต

บทที่ 17 ทรัพย์ลาภฟ้าประทาน


“เจ้าฆ่าเขาหรือ?”

  ยังไม่ทันที่หลัวเฉินจะตอบ หวังหยวนก็พยักหน้าเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเอง

  “ดูท่าคงใช่แล้ว”

  หลัวเฉินแสดงสีหน้าหวาดหวั่น ถอยหลังออกไป ขณะที่หวังหยวนเดินไปยังร่างไหม้เกรียมนั้น ก่อนจะฟันหัวที่ถูกเผาจนดูไม่ออกว่าเป็นใครออกไปด้วยดาบของเขา

  หวังหยวนเหลือบมองหลัวเฉินที่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก และจ้องไปยังถุงเก็บของที่อยู่ในมือหลัวเฉิน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน

  สายลมยามค่ำคืนเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น ท่ามกลางร่างกายที่ชโลมเลือดจนเย็นชืด

  หลัวเฉินฝืนยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด “พี่หวัง หนังสือเล่มนั้นข้ายังอ่านไม่จบเลยนะ”

  เหมือนหวังหยวนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนนั้นค่อย ๆ สงบลงก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง

  “รีบกลับบ้านไปเถอะ ต้าหอฝางในยามค่ำคืนมันอันตราย”

  “อืม ๆ”

  หลัวเฉินหันตัวเดินออกไปทันที แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินกลับไปแบกกระสอบงูที่บรรจุสมุนไพรไว้เต็มถุงขึ้นไว้บนหลังอย่างทุลักทุเล

  นั่นคือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา

  หวังหยวนมองตามหลัวเฉินที่ค่อย ๆ เดินออกไปจนเกือบพ้นปากตรอก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว

  “นี่ เอาไปซะ ถือเป็นค่าตอบแทนสำหรับหัวของศพนี่”

  ตะปูเหล็กยาวเท่าตะเกียบอันหนึ่งตกลงตรงเท้าของหลัวเฉิน มันเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสด ๆ และมีเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อย

  “พี่หวัง ข้าขอรับด้วยความเกรงใจนะ”

  “ไปเถอะ เดินผ่านป่าละเมาะไป อย่าเดินบนถนนใหญ่”

  “อืม”

  หลัวเฉินพยักหน้าแรง ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในป่าละเมาะโดยไม่หันกลับมาอีก

  ในตรอกนั้น หวังหยวนยืนอยู่พักใหญ่ ขณะที่มือของเขาถือศีรษะทั้งสามที่ถูกตัดออก ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืด

  “ฮือ ๆ”

  ติ้ง!

  “ฟู่!”

  หลัวเฉินนั่งพิงขอบเตียง เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว กางเกงขาสั้นที่สวมใส่ก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

  ตรงพื้นข้างเตียงของเขามีตะปูทะลวงวิญญาณอีกอันที่ปักเข้าไปในเอวของเขาเอง

  หลัวเฉินกัดฟันทนความเจ็บปวด ก่อนจะหยิบขวดยาแถวนั้นขึ้นมาเทใส่บาดแผลของเขา

  นี่คือตัวยาที่เขาปรุงขึ้นเอง เป็นยาสำหรับรักษาบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการปรุงยา เช่น หม้อต้มยาระเบิด ซึ่งเคยช่วยเขามาได้หลายครั้ง

  และวันนี้มันได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง!

  เมื่อผงยาถูกใส่เข้าไปในบาดแผล ความรู้สึกเย็นสบายก็เข้ามาแทนที่ จากนั้นก็กลายเป็นความแสบร้อนอย่างรุนแรง

  “บัดซบ! บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”

เสียงสบถอย่างเกรี้ยวกราดดังออกมาจากปากเขาเป็นระยะ

  ไม่เคยมีสักครั้งที่หลัวเฉินจะรู้สึกโกรธได้เท่ากับครั้งนี้

  เขาไม่ได้โกรธที่ศัตรูทำให้เขาบาดเจ็บ แต่โกรธที่ตนเองอ่อนแอเกินไปต่างหาก

  หากเขาแข็งแกร่งเหมือนหวังหยวน วันนี้เขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

  จนกระทั่งเขาพันแผลเรียบร้อย หลัวเฉินจึงถอนหายใจออกมาได้บ้าง

  เขาฝืนความเจ็บปวด ลุกมาที่ห้องโถง เปิดกระสอบงูออก แล้วจัดเรียงสมุนไพรทั้งหมดแยกประเภทอย่างเป็นระเบียบตามชั้นวางต่าง ๆ

  สมุนไพรระดับต่ำพวกนี้ไม่สามารถเก็บรวมกันนานได้ ไม่เช่นนั้นสรรพคุณจะลดลงอย่างมาก

  เสียงฝีเท้าของเขาดูเงอะงะและน่าสงสารภายใต้แสงตะเกียงน้ำมันดวงเล็ก ๆ

  หลัวเฉินรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ช่างคล้ายกับชีวิตก่อนของเขา ที่ต้องไปทำงานทั้ง ๆ ที่ยังป่วยหลังจากเพิ่งผ่าตัดเสร็จใหม่ ๆ

  “ชีวิตของข้านี่มันช่างหลีกหนีความยากลำบากไม่พ้นจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ชาติก่อนข้าถึงมีอายุขัยแค่เจ็ดสิบห้าปี”

  หลังจากทำงานทุกอย่างเสร็จ เขาจึงมีโอกาสได้นอนลงบนเตียง

  ความเจ็บปวดที่เอวยังคงทวีความรุนแรง แม้เขาจะเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่อาจหลับลงได้

  จนทำได้เพียงหาอะไรทำเพื่อลดความเจ็บปวดจากบาดแผลลงบ้าง

  “ลองดูสิว่าเจ้านั่นที่อายุสั้นกว่าเรามีของดีอะไรบ้าง”

  ถุงเก็บของของผู้ฝึกตนระดับขั้นฝึกพลังลมปราณไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงได้ เพราะยังไม่มีพลังลมปราณจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถตั้งค่ายกลป้องกันได้

  หลังจากเจ้าของตายไปแล้ว รอยพลังบนถุงก็จะเลือนหายไปเองตามธรรมชาติ

  หลัวเฉินรวบรวมพลังลมปราณที่เหลือเพียงเล็กน้อยของตน เปิดถุงเก็บของออก

  ของมากมายกองกันจนเต็มเตียงไม้ของเขาทันที

  “วันนี้เป็นวันตลาดใหญ่ เจ้านี่มันซื้อของมาเพียบเลยนี่หว่า”

  เสื้อคลุมคุณภาพต่ำหนึ่งตัว กล่องธูปสงบจิตหนึ่งกล่อง ยาพิ่กู่ซ่านห้าขวด ยาเสริมลมปราณหนึ่งขวด ยาแก้พิษจินกุ้ยหนึ่งขวด และยันต์อีกหนึ่งกอง

นอกจากนี้ยังมีกองสมุนไพรแห้งที่แผ่กองเต็มเตียงเขาไปครึ่งหนึ่ง

  นอกเหนือจากของพวกนี้แล้ว สิ่งที่หลัวเฉินให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหินวิญญาณ

  “ก้อนหินวิญญาณระดับต่ำเก้าสิบสองก้อน ไอ้ขี้งกนี่มันจนชะมัด!”

  หลัวเฉินบ่นพลางหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะเก็บของทุกอย่างกลับลงไปในถุงทีละชิ้น

  ถึงหินวิญญาณจะน้อย ไม่สมกับระดับพลังของผู้ฝึกตนขั้นฝึกพลังลมปราณชั้นที่ห้า

  แต่ของอย่างอื่นนั้นมีมูลค่ามากกว่าเก้าสิบสองก้อนหินวิญญาณระดับต่ำนี้เสียอีก

  ไม่ต้องพูดถึงเสื้อคลุมคุณภาพต่ำ แม้จะเก่าไปบ้าง คงเป็นเสื้อที่เจ้านั่นเคยสวมใส่ก่อนตาย แต่ถ้าเอาไปขาย ก็คงได้สักร้อยก้อนหินวิญญาณอยู่แล้ว

  เสื้อคลุมนี้กระตุ้นการใช้ได้เร็วกว่ายันต์เสียอีก

  ดังนั้น เฉินเซียวจึงสามารถกระตุ้นเสื้อคลุมได้ทันทีในตอนที่ใบหน้าของเจ้านั่นถูกลูกไฟกระแทก และเสื้อคลุมก็เปิดใช้เกราะป้องกันได้ในทันที

  ถ้าเสื้อคลุมนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และเป็นของระดับกลาง มันคงทนรับลูกไฟได้ถึงหกหรือเจ็ดลูก แต่ก็น่าเสียดายที่ถูกหวังหยวนทำลายไปแล้ว

  ตอนนี้แม้แต่ลูกที่สามก็ยังทนไม่ไหว

  ระยะเวลาเพียงสามลมหายใจสั้น ๆ สำหรับเฉินเซียวที่บาดเจ็บหนักแล้วนั้น มันเร็วเกินไปที่จะใช้วิชาอื่นมาต่อกรหรือป้องกัน

  ยาพิ่กู่ซ่านห้าขวดนี้ไม่ค่อยมีค่าอะไร คุณภาพก็ไม่ดีเท่ายาที่หลัวเฉินปรุงเอง แต่ก็ขายได้สักขวดละหนึ่งก้อนหินวิญญาณอยู่ดี

  แต่ของอื่น ๆ นั้นกลับมีมูลค่าสูงกว่ามาก

  ธูปสงบจิต เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับช่วยผู้ฝึกตนระดับต่ำในการบำเพ็ญเพียรได้ดีอย่างหนึ่ง

  หนึ่งแท่งธูปสงบจิตจะช่วยให้ผู้ฝึกตนสามารถฝึกวิชาพื้นฐานได้มากขึ้นถึงห้าครั้งในหนึ่งวัน ว่ากันว่าเป็นยาที่ช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณอันเปราะบางของผู้ฝึกตนระดับต่ำ

  ในหนึ่งกล่องมีถึงสิบสองแท่ง มูลค่าอยู่ที่หนึ่งร้อยยี่สิบก้อนหินวิญญาณ

  ส่วนยาเสริมลมปราณก็ไม่ต้องพูดถึงเลย รอยลวดลายบนขวดบ่งบอกว่ามาจากหอสมุนไพรวิญญาณ

  ราคามาตรฐาน ขวดละหนึ่งร้อยก้อนหินวิญญาณ!

  เป็นของดี หากกลืนลงไปและกลั่นธาตุให้บริสุทธิ์ จะช่วยเพิ่มพูนพลังลมปราณได้มากทีเดียว

  สำหรับกองยันต์นั้น หลัวเฉินคาดเดาจากประสบการณ์น่าจะมีมูลค่าราวห้าหรือหกสิบก้อนหินวิญญาณ

  ส่วนกองสมุนไพรแห้งที่แผ่เต็มเตียง เขาเองก็ไม่รู้จัก แต่มันถูกใส่ไว้ในถุงเก็บของ แถมยังซื้อมาเยอะขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีประโยชน์แน่นอน

  เมื่อนับรวมทุกอย่างแล้ว มูลค่าของสิ่งเหล่านี้ก็ไม่น้อยกว่าสี่ร้อยก้อนหินวิญญาณ!

  ลาภฟ้าประทานจริง ๆ!

  ว่าแล้วไหม ม้าที่ไม่ได้กินหญ้ายามค่ำคืนไม่มีทางอ้วน คนที่ไม่เคยได้ลาภฟ้าประทานย่อมไม่มีทางร่ำรวย

  แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ในคืนนี้ สมบัติทั้งหมดของหลัวเฉินก็เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัว

  แต่ว่าสิ่งที่เขาได้มากที่สุดกลับไม่ใช่สิ่งของเหล่านี้

  หากแต่เป็นถุงเก็บของนี่ต่างหาก!

  ขนาดความจุไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แค่เพียงหนึ่งคูณหนึ่งเมตรเท่านั้น นับว่าเป็นถุงที่มีขนาดเล็กและราคาถูกที่สุด

  แต่แม้ในตึกหมื่นสมบัติ ราคาของมันก็ไม่ต่ำกว่าหมื่นก้อนหินวิญญาณ!

  ไม่รู้ว่าเจ้านั่นได้มาจากคนอื่น หรือไปแย่งชิงมาจากใครมา เพราะเขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มีเงินซื้อเองแน่ ๆ

  ในความเป็นจริง ผู้ฝึกตนระดับต่ำส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินซื้อกระทั่งถุงเก็บของที่เล็กที่สุดอยู่ดี

  ของพวกนี้คือเครื่องมือมาตรฐานที่เหล่าศิษย์หลักของสำนักใหญ่ใช้งาน ศิษย์นอกสำนักแทบไม่คู่ควรจะครอบครอง!

  “รวยแล้ว รวยแล้ว!”

  “การฆ่าชิงทรัพย์นี่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นพล็อตเรื่องยอดนิยมในนิยายออนไลน์ ไม่ว่าจะแนวไหน ก็ต้องมีเหตุการณ์แบบนี้แทรกเข้ามาเสมอ”

  “แค่เสี่ยงเกินไปหน่อย ถ้าพลาดขึ้นมา ความพยายามตลอดชีวิตก็อาจจะพังทลายไปในพริบตา”

  ค่ำคืนนี้ นับว่ามีเหตุการณ์ฆ่าชิงทรัพย์เกิดขึ้นถึงสองครั้งต่อหน้าหลัวเฉิน

  ครั้งแรก หลี่จื่อสงแห่งพรรคต้าฮาง รวบรวมคนมาล้อมฆ่าหวังหยวน ผลลัพธ์คือพังไม่เป็นท่า!

  ครั้งที่สอง ผู้ฝึกตนระดับฝึกพลังลมปราณชั้นที่ห้า พยายามจะฆ่าหลัวเฉินในพริบตาเดียว ผลลัพธ์ก็ล้มเหลว!

  “เรื่องอันตรายแบบนี้ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกมืออาชีพเถอะ ข้าคงรับความเสี่ยงพวกนี้ไม่ไหวแล้ว”

  หลัวเฉินคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบขวดหยกอีกขวดที่ยังไม่ได้ใส่กลับเข้าไปในถุงเก็บของขึ้นมาดู

  ยาแก้พิษจินกุ้ย เป็นหนึ่งในยาขึ้นชื่อของหอสมุนไพรวิญญาณ

  สำหรับการรักษาบาดแผลจากอาวุธธาตุโลหะนั้น มันมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก ขวดละเพียงสิบก้อนหินวิญญาณเท่านั้น

  คุณภาพดีราคาถูก นักพรตอิสระในต้าหอฝางต่างนิยมกันมาก

  เขายกขวดขึ้นสูดดมกลิ่น กลิ่นของมันไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ใช่ยาพิษ

  อีกอย่างคงไม่มีใครใส่ยาพิษไว้ในขวดยารักษาในถุงเก็บของของตัวเองหรอก

  ถ้าหากบาดเจ็บจนสติเลอะเลือน แล้วหยิบยาผิดขึ้นมาล่ะก็ คงเป็นเรื่องสนุกน่าดู

  เขาจึงต้องลำบากแกะผ้าพันแผลที่เพิ่งพันไว้ออกอีกครั้ง

  หลัวเฉินถอนหายใจ ก่อนจะลงมือทำอย่างอดทน

  เที่ยงวันของวันถัดมา หลัวเฉินตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง

  นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาได้นอนตื่นสาย

  เมื่อคืน สุดท้ายเขาก็ทนความเหนื่อยล้าไม่ไหวและผล็อยหลับไป

  เขาลืมตาโพลง นอนนิ่งอยู่บนเตียงอยู่นาน ก่อนจะกัดฟันแล้วพยายามลุกขึ้นจากเตียงด้วยตัวเอง

  ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนอนแผ่แล้วทิ้งทุกอย่างไป

  เขาเดินไปที่ห้องโถง หยิบสมุนไพรขึ้นมากำหนึ่ง แล้วเทออกในกระด้งไม้เพื่อเตรียมนำไปตากแดด

  เมื่อเขาเปิดประตู แสงแดดยามเที่ยงที่แผดจ้าทำให้เขาลืมตาไม่ขึ้นอยู่ชั่วขณะ พอเขาปรับสายตาได้ ก็พบว่าหวังหยวนยืนอยู่ข้างนอก

  อีกฝ่ายโยนของสิ่งหนึ่งลงในกระด้งสมุนไพรที่เขาถืออยู่

  “รับไว้ ต่อจากนี้เจ้าเป็นสมาชิกพรรคผัวซานแล้ว”

  “ถ้ามีใครมาหาเรื่องเจ้า ก็บอกไปว่าเป็นคนของข้า หวังหยวน”

  หลัวเฉินมองเหล็กแผ่นหนึ่งในกระด้งสมุนไพรของเขาด้วยความงุนงง

  “ขอบคุณมาก พี่หวัง”

  หวังหยวนโบกมือ “ขอบคุณอะไร ก่อนหน้านี้ตอนข้าตกอับที่สุด เจ้าก็ยังให้ข้ายืมยาพิ่กู่ซ่านตั้งหลายขวด ข้าไม่เคยขอบคุณเจ้าเลยสักคำ”

  “เอาล่ะ ของข้าให้แล้ว ข้ากลับก่อนนะ ต่อจากนี้เขตนอกเมืองอาจจะไม่สงบ เจ้าก็ระวังตัวด้วย”

  พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไป โดยไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย

จบบท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด