บทที่ 14 จำไว้ว่าอย่าลืมคืนเงิน
ต้าหอฝาง ตั้งอยู่บริเวณชายขอบของดินแดนหยกติ่ง โดยมีเทือกเขาตะวันออกอันกว้างใหญ่เป็นพรมแดนติดกัน
เมื่อไม่กี่ปีก่อน มีผู้ฝึกตนขั้นสร้างฐานคนหนึ่งที่เคยเขียนบันทึกท่องเที่ยวได้ทำการสำรวจ พบว่า เพราะตั้งอยู่บนเส้นลมปราณขั้นแรก เส้นหนึ่ง ทำให้ที่แห่งนี้มีผู้ฝึกตนอาศัยอยู่กว่าหมื่นคนตลอดทั้งปี
ผู้ฝึกตนที่พบเห็นในบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นนักพรตอิสระ คนจากสำนักใหญ่จะไม่อยู่ประจำ พวกเขาแค่แวะเวียนมาที่นี่เพียงเพื่อติดต่อธุรกิจเท่านั้น
และพวกเขาจะมาเป็นช่วง ๆ โดยผู้ดูแลร้านค้าภายในเมืองจะมีการผลัดเปลี่ยนคนใหม่ทุก ๆ ไม่กี่ปี
ดังนั้น ทั่วทั้งฝางซื่อ (ตลาดแลกเปลี่ยนของผู้ฝึกตน) แห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นการดำเนินกิจการโดยการรวมตัวกันเองของเหล่านักพรตอิสระ
เช่นเดียวกับตลาดนักพรตอิสระที่แบ่งเป็นตลาดใหญ่และตลาดเล็ก
ตลาดใหญ่จะจัดขึ้นเดือนละครั้ง ส่วนตลาดเล็กจะมีทุกวันที่ 1, 4, และ 7 ของทุกเดือน
แน่นอนว่า ในวันที่ไม่ได้มีการจัดตลาดก็จะมีผู้ฝึกตนที่ตั้งแผงขายของบ้าง แต่คนจะไม่พลุกพล่านมากนัก
เวลาผ่านไปสิบวันนับตั้งแต่ตลาดเล็กครั้งก่อน
เงาร่างอ้วน ๆ ร่างหนึ่งได้พุ่งตัวเข้ามาในตลาดตั้งแต่เช้าตรู่
เจิงเวิ่นโชคดีมาก คราวนี้เขาเข้าไปในเทือกเขาไม่นานนัก ก็ล่าสัตว์อสูรขั้นแรกได้ตัวหนึ่ง และได้เนื้อสัตว์อสูรมากถึงพันกว่าชั่ง!
ถุงเก็บของของเขามีพื้นที่ไม่มากนัก เพียงแค่หนึ่งฝา (หน่วยพื้นที่) ซึ่งแทบเกือบจะเต็มถุงแล้ว
ดังนั้น เมื่อได้ของในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว เขาจึงรู้จักพอและรีบออกจากภูเขาอย่างรอบคอบ
เนื้อสัตว์อสูรขั้นแรกสิบชั่งสามารถขายได้หนึ่งก้อนหินวิญญาณระดับต่ำ บวกกับกระดูกของสัตว์อสูรนั้นก็ถือเป็นวัตถุดิบวิญญาณชนิดหนึ่งด้วย ดังนั้นครั้งนี้การล่าได้ผลตอบแทนพอสมควร ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้อีกสักระยะ
หลังจากกลับมาบ้านเมื่อวาน เขาก็หาเพื่อนเก่าอย่างคนขายเนื้อ มาช่วยจัดการกับเนื้อที่ได้มา จากนั้นก็อดทนรอไม่ไหว รีบวิ่งไปใช้ชีวิตหรูหราที่ตึกเทียนเซียงทันที
เรื่องราวมันก็อาจจะเล่าได้ลำบากใจนิดหน่อย
สาวงามที่นั่นยอดเยี่ยมมาก และผลงานของเขานั้นยังคงเหมือนเดิม คือมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
แต่เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เคยโชว์ฟอร์มจัดการ(แทงยับปล่อยพลังปราณน้ำขุ่น) ถึงสิบคนแล้ว ครั้งนี้ก็ถือว่าจืดชืดไปหน่อย
ดังนั้น เช้าตรู่วันนี้ เขาจึงสะบัดตัวออกมาจากสุสานวีรบุรุษด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เพียงเพื่อจะมาทำการค้ากับน้องชายที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกพบ
เมื่อมาถึงตลาดทางตอนใต้ของเมือง ก็เห็นว่ามีผู้คนมาจับจองตั้งแผงกันอยู่บ้างแล้ว เฉินเหลาเต๋า (เรียกเฉินซิ่วผิงด้วยความให้เกียรติแบบนักพรตสูงอายุ) ที่ขายยันต์ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ย ๆ อย่างใจเย็น
“เซียวหลัวต้าโหยว (สหายหลัว) ยังไม่มาหรือ?”
“ยังไม่มานะ คงอยู่บ้านปรุงยาอยู่ล่ะมั้ง!”
“งั้นวันนี้เขาจะมาเปิดแผงไหม?”
“โดยปกติหากเลยเวลานี้ไปแล้ว เขาก็คงจะไม่มาเปิดแผงที่ตลาดเล็กวันนี้หรอก”
ความผิดหวังฉายชัดบนใบหน้าของเขา
เจิงเวิ่นรู้สึกผิดหวังมาก เขาเลยพูดคุยกับเฉินเหลาเต๋าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเทือกเขาอย่างไม่ได้จริงจังนัก
จนกระทั่งมีลูกค้าเดินเข้ามา เขาจึงคิดจะลาจาก
แต่ก่อนจะจากไป เขาเห็นเฉินเหลาเต๋าดึงตัวลูกค้าที่ดูไม่พอใจอยู่อย่างระมัดระวัง
“ท่านสหายสนใจยันต์ปิดกั้นปราณชั้นยอดไหม?”
“นั่นคืออะไร ใช้ปิดกั้นปราณหรือ?”
“ท่านรู้จักผู้เฒ่าผู้เชี่ยวชาญด้านยันต์จากสำนักเทพยันต์ ลิงอิ่นซ่างเหริน (แปลงชื่อของหยุนเหอซ่างเหริน) ใช่ไหม ข้าจะบอกท่านว่า...”
สีหน้าของเจิงเวิ่นดูแปลกประหลาด เขารู้สึกว่าคำพูดนั้นคุ้นหูอย่างประหลาด
จนกระทั่งเดินออกมาจากตลาดไกลแล้ว เขาถึงได้ตระหนักขึ้นมา
นั่นมันคำพูดของเซียวหลัวต้าโหยวตอนที่พยายามขายยาเม็ดจงเหมี่ยวให้เขาไม่ใช่หรือ?
“บ้าเอ๊ย เจ้าแก่ตัวนี้มันร้ายขึ้นทุกวัน!”
เขาไม่คิดว่าเป็นหลัวเฉินที่หลอกลวงเขา เพราะตอนที่หลัวเฉินขายยาเม็ดจงเหมี่ยวให้เขานั้น ไม่เคยใช้คำพูดที่แน่นอนสักครั้ง ทุกคำล้วนคลุมเครือ
นอกจากนี้ สรรพคุณของยาเม็ดจงเหมี่ยวก็เป็นไปตามที่หลัวเฉินอธิบายไว้ไม่ผิดเพี้ยน
เขาทำได้เพียงคิดว่า เฉินเหลาเต๋าขโมยวิธีพูดของหลัวเฉินไปใช้
ในขณะที่หลัวเฉิน ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อ กำลังหดตัวอยู่ในบ้าน ใส่ผ้ากันเปื้อน บูชาเทพเจ้ากวนอู
“สองหม้อล่าสุดก็ล้มเหลวอีก เติมวัตถุดิบลงไปแทบหมดแล้ว วันนี้ต้องสำเร็จสักครั้งบ้างล่ะ!”
“ท่านกวนอู ข้าถวายธูปให้ท่านแล้ว วันนี้ต้องช่วยคุ้มครองข้าด้วยนะ!”
ปากก็พึมพำไป มือก็ใส่วัตถุดิบลงไปในหม้อยาเรื่อย ๆ
หางสุนัขเพลิงที่ผ่านการจัดการแล้วส่งกลิ่นเหม็นตามธรรมชาติออกมา เมื่อผสมกับกลิ่นหอมของวัตถุดิบวิญญาณอื่น ๆ ก็ทำให้เกิดกลิ่นประหลาดที่ยากจะบรรยายออกมาได้
กระบวนการต้มยาดำเนินต่อไปตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย
เมื่อเปิดฝาหม้อออก มองดูยาสีแดงเข้มที่ลอยฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอบอวล หลัวเฉินก็กำหมัดแน่น
“ดี คราวนี้สำเร็จตั้งแต่หม้อที่หก นับว่าเป็นความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่!”
“ท่านกวนอู ข้ารู้ว่าท่านต้องเห็นใจข้า แม้ข้าจะข้ามภพมาก็ยังคุ้มครองข้าอยู่”
“พรุ่งนี้ต้องพยายามให้มากกว่าเดิม!”
ครึ่งเดือนต่อมา หลัวเฉินมองขวดหยกขนาดเล็กห้าสิบขวดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความพึงพอใจ
นี่คือผลลัพธ์ที่ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะได้มา
ในสามสิบขวดนั้นบรรจุยาพิ่กู่ซ่านที่เขารีบปรุงออกมาในสองสามวันนี้
อีกยี่สิบขวดที่เหลือ เป็นยาเม็ดจงเหมี่ยวทั้งหมด
แต่ต่างจากยาพิ่กู่ซ่านที่หนึ่งขวดบรรจุสิบเม็ด ยาเม็ดจงเหมี่ยวหนึ่งขวดบรรจุเพียงเม็ดเดียว
หรือก็คือ การปรุงยาเม็ดจงเหมี่ยวในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเพียงสองหม้อเท่านั้น
ใช้วัตถุดิบถึงสิบเก้าชุด แต่สำเร็จเพียงสองหม้อ อัตราความสำเร็จนี้ไม่อาจนับว่าสูงได้เลย อีกทั้งในด้านคุณภาพของยา ก็นับว่าอยู่แค่ระดับต่ำเท่านั้น
ยาระดับต่ำมีข้อจำกัดหลายอย่าง ฤทธิ์ยาไม่ดีนัก กินมากเกินไปจะมีผลข้างเคียงรุนแรง
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวล เขาเชื่อว่าสหายทั้งหลายล้วนมีวินัยและรู้จักควบคุมตัวเอง เมื่อรู้สึกพอใจก็ควรหยุด อย่าได้โลภจนเกินไป
“ตอนนี้ข้าทำได้เพียงเท่านี้ แต่ตราบใดที่ข้าฝึกฝนความชำนาญจนเชี่ยวชาญมากขึ้น สถานการณ์จะต้องดีขึ้นแน่นอน!”
“อนาคตสดใสรออยู่ หลัวเฉินเอ๋ย สู้ต่อไป!”
หลัวเฉินบรรจุขวดหยกทั้งหมดลงในถุง จากนั้นก็ปิดประตูบ้าน วิ่งปราดดุจสายลมไปยังใจกลางเมืองต้าหอฝาง
วันนี้เป็นวันตลาดใหญ่ ข้าต้องขายยาพวกนี้ให้ได้ดี
เมื่อมาถึงตลาด ก็ยังคงเห็นว่าผู้คนยังเบาบาง หลัวเฉินมาถึงเช้าเกินไป
เฉินเหลาเต๋ายังไม่มา แต่หวังหยวนเพื่อนเก่าแก่ของเขาได้นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เด็กหนุ่ม ไม่รู้จักถนอมร่างกายตัวเองบ้าง พื้นมันเย็นมากนะ!”
หลัวเฉินบ่นพึมพำพลางทักทายหวังหยวน ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าตำแหน่งแผงของอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ
“โอ้ มีของเพิ่มขึ้นอีกสินะ!”
เมื่อเทียบกับครั้งก่อนแล้ว ที่นี่มีหนังสือเก่ามากขึ้นหลายเล่ม กระทั่งมีม้วนหยกแตก ๆ เพิ่มมาด้วย
ในหมวดเครื่องราง ก็มีมากขึ้นอีกสี่ถึงห้าชิ้น และบางชิ้นยังมีรอยเลือดสีดำติดอยู่ด้วย
“พี่หวัง ท่านทำเรื่องใหญ่โตมาอีกแล้วสินะ!”
หวังหยวนปรายตามองด้วยความเหนื่อยหน่าย “ดูได้แต่อย่าจับมั่วซั่ว”
หลัวเฉินมองหนังสือเก่า ๆ ด้วยความอิจฉา
《ห้าคาถาแห่งขั้นฝึกพลังลมปราณที่ควรรู้》, 《ตำราสมุนไพรหลากชนิด》, 《เคล็ดวิชาชังชุน ตอนขั้นฝึกพลังลมปราณ》
ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาต้องการทั้งนั้น แต่ก็เสียดายที่ไม่มีหินวิญญาณ!
หากหวังหยวนขายของเหล่านี้ได้หมด พร้อมทั้งเครื่องรางเหล่านั้นอีก คงจะทำเงินได้ไม่น้อย
เท่าที่เขารู้มา เครื่องรางระดับต่ำหนึ่งชิ้น ต้องเริ่มต้นอย่างน้อยที่ราคาร้อยก้อนหินวิญญาณระดับต่ำ หากเป็นระดับกลางหรือระดับสูงก็ยิ่งแพงจนเวอร์
ฆ่าคนเพื่อชิงสมบัติ นี่คือวิธีทำเงินที่เร็วที่สุดในโลกแห่งการบำเพ็ญตน
เสียดาย ที่ตนเองไม่ถนัดทำเรื่องแบบนี้ เขาก็แค่นักพรตอิสระตัวเล็ก ๆ ที่ชอบปรุงยาเท่านั้นเอง
หลัวเฉินถอนหายใจ ก่อนจะหยิบ 《ภูมิทัศน์หกดินแดน》 ที่ยังขายไม่ออกขึ้นมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน
หกดินแดนทางทิศตะวันออกสุด ต่างก็มีสำนักใหญ่หกแห่งที่เคยมีผู้บรรลุถึงระดับหยวนอิง เช่น สำนักกระบี่ยุทธหยกติ่ง, สำนักเหอฮวน, สำนักเทพยันต์, สำนักยาหวัง
นอกจากสำนักเหล่านี้แล้ว ภายในแต่ละดินแดนยังมีสำนักย่อยและตระกูลผู้ฝึกตนอีกมากมาย
ด้วยภูมิประเทศอันกว้างใหญ่ และทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ได้บ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ที่มากความสามารถจนนับไม่ถ้วน
ในแต่ละช่วงเวลามักจะมีผู้แข็งแกร่งเกิดขึ้นมาท้าทายโลก
ในช่วงที่พวกเขาทะยานขึ้นไปนั้น ย่อมไม่ขาดเรื่องราวแปลกประหลาด
หนังสือเล่มนี้ 《ภูมิทัศน์หกดินแดน》 เขียนขึ้นโดยผู้ฝึกตนขั้นฝึกพลังลมปราณชั้นที่เก้า ซึ่งหมดหวังที่จะทะลวงขั้น จึงใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตเขียนมันขึ้นมา
ด้วยข้อจำกัดในด้านระดับขั้นและประสบการณ์ เรื่องราวหลายอย่างในหนังสือจึงเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ได้ยินมาจากผู้อื่น
แต่ก็ไม่อาจห้ามหลัวเฉินใช้หนังสือเล่มนี้เป็นหน้าต่างแง้มสู่โลกของการบำเพ็ญตนได้
เพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ที่เห็นก็ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว และเกิดความปรารถนาอันแรงกล้า
“เซียนหยกติ่งเพียงหนึ่งกระบี่กวาดล้างภูผาและธารา กำหนดดินแดนอันยิ่งใหญ่ ภูมิทัศน์เช่นนี้ช่างยิ่งใหญ่งดงามนัก!”
เขาอดประทับใจไม่ได้ ก่อนจะวางหนังสือลงอย่างเสียดาย และเตรียมตัวตั้งแผงขายของ
“หากชอบก็เอาไปอ่านเถอะ หนังสือบันทึกเล่มนี้มีข้อผิดพลาดมากมาย วางอยู่นานหลายเดือนก็ยังขายไม่ออก”
หวังหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้น หนังสือเล่มนั้นก็บินลอยไปอยู่ในมือของหลัวเฉิน
หลัวเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นก็ปลาบปลื้มยิ่งนัก
“ขอบคุณพี่หวัง ข้าจะคืนท่านเมื่ออ่านจบแล้ว”
หลัวเฉินถือหนังสือกลับไปที่แผงหิน แล้วเฉินเหลาเต๋าก็รีบเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นใบหน้าอันแก่ชรานั้น หลัวเฉินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เจ้าจะมาบอกข้าว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้กิจการของเจ้าเป็นอย่างไรใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่ ข้ามาเตือนเจ้าว่า อย่าลืมคืนเงินล่ะ!”
“เอ่อ!”
หลัวเฉินถึงกับหน้าชา เพิ่งจะคิดว่าผู้ฝึกตนในโลกนี้ล้วนเป็นคนดีซะจริง!
แต่เมื่อเขานำยาเม็ดออกมาตั้งแผงแล้ว เฉินเหลาเต๋าก็ยังนำข่าวดีมาบอกเขา
“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีคนมาถามหายาเม็ดจงเหมี่ยวของเจ้าเยอะมาก เจ้าหนุ่ม คราวนี้เจ้าคงรวยแล้วล่ะ!”
จบบท