ตอนที่แล้วบทที่ 12 เมืองต้าหอฝางของเราย่อมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 จำไว้ว่าอย่าลืมคืนเงิน

บทที่ 13 คาถาลูกไฟระดับสมบูรณ์แบบ


 ยามเหม่า (ประมาณ 05.00 – 07.00 น.)

  น้ำค้างขาวสะท้อนแสงดุจน้ำค้างแข็ง บรรยากาศยามสนธยาเต็มไปด้วยความขมุกขมัว

  แม้ภายนอกยังคงมืดสนิท แต่ในกระท่อมเล็กริมลำธาร หลัวเฉินได้เริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็ง

  เขามีบุคลิกแบบนี้มาตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้ว

  ตราบใดที่มีเป้าหมาย เขาจะยืนหยัดทำมันอย่างไม่ย่อท้อ

  แม้งานแบบ 996 (ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 9 โมงเย็น 6 วันต่อสัปดาห์) จะหนักหนาและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แม้หลังเลิกงานยังต้องประชุมผ่าน WeChat เขาก็ไม่เคยสายเลยสักครั้ง

  เมื่อเปรียบเทียบกับการตื่นขึ้นมาในแต่ละวันอย่างทรมานในตอนนั้น ตอนนี้เขากลับรู้สึกดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาชังชุนได้ทุกเช้าและเย็น พลังที่ได้หลังจากเลิกฝึกนั้นทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น และไม่ลำบากในการตื่นนอนอีกต่อไป

  แต่ว่า เวลาฝึกเคล็ดวิชานี้มากที่สุดได้เพียงสามครั้งเท่านั้น หากฝึกเกินกว่านี้ศีรษะจะปวดจนทนไม่ไหว

  เมื่ออยู่ในสภาพนั้น แม้แต่งานพื้นฐานในการจัดการกับสมุนไพร เขาก็ยังทำไม่ได้เลย

  วันนี้มีปริมาณงานมากก็จริง แต่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องยุ่งยากนัก

  นั่นคือการจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับยาพิ่กู่ซ่านและยาเม็ดจงเหมี่ยว

  ยาพิ่กู่ซ่านนั้น เขาคล่องจนไม่อาจคล่องได้ไปกว่านี้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีระดับความชำนาญขั้นปรมาจารย์ ทำให้เขาไม่เพียงแต่สามารถควบคุมการปรุงยาได้อย่างใจนึกเท่านั้น แต่การจัดเตรียมวัตถุดิบยังลื่นไหลเป็นอย่างมาก

  การจัดการวัตถุดิบสำหรับยาเม็ดจงเหมี่ยวในครั้งนี้ก็ทำได้เร็วกว่าครั้งก่อน ๆ

  บางครั้งเมื่อมีเวลาว่าง หลัวเฉินก็มักจะศึกษาระบบของเขา

  แผงคุณสมบัติที่ดูธรรมดาและเรียบง่าย ฟังก์ชันเพียงสองอย่างที่มีคือ การเพิ่มความชำนาญ และการใช้แต้มความสำเร็จเพื่อบรรลุระดับพื้นฐานของเคล็ดวิชาที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน

  ไม่ต้องพูดถึงแต้มความสำเร็จ แต่สำหรับฟังก์ชันความชำนาญนั้น เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

  มันไม่ได้จำกัดแค่ความสำเร็จ หากเขาล้มเหลวมากพอ ความชำนาญก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

  นอกจากนี้ เมื่อใดที่ความชำนาญนั้นทะลวงขั้นได้ ก็เหมือนเขาได้รับความเข้าใจบางอย่างเพิ่มเติม

  เขาสามารถยืนยันได้ว่า ตามความเข้าใจทั่วไป “การชำนาญเพราะประสบการณ์” ไม่สามารถอธิบายสิ่งนี้ได้

  มันเหมือนกับว่าเมื่อใดที่ถึงระดับความชำนาญนั้นแล้ว ระบบจะมอบความรู้ความเข้าใจทั้งหมดในระดับนั้นให้กับเขาอย่างครบถ้วน

  ดังนั้น ในทักษะประเภทเดียวกัน เขาย่อมเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน

  ความเข้าใจอย่างครอบคลุมนี้ปรากฏชัดเจนว่า เขาสามารถปรุงยาพิ่กู่ซ่านระดับปรมาจารย์ได้อย่างเสถียร ภายใต้การรับประกันคุณภาพระดับชั้นสูง

  หากระดับความชำนาญขั้นปรมาจารย์เต็มแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าจะมีขอบเขตหลังจากนั้นอีกหรือไม่ แต่เชื่อว่าหากถึงตอนนั้น ยาพิ่กู่ซ่านของเขาจะสามารถบรรลุถึงระดับสุดยอดได้แน่นอน!

  ยาพิ่กู่ซ่านระดับสุดยอดนะ จะยังเป็นยาพิ่กู่ซ่านธรรมดาอยู่อีกหรือ!

  มันก็แค่ยาธรรมดาทั่วไป ตลาดมีปริมาณมาก คู่แข่งเพียบ และลูกค้าใช้แล้วก็หมดช้า

  แม้จะเป็นยาระดับสุดยอดก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ยาเม็ดจงเหมี่ยวไม่ได้เลย

  ยาชนิดนี้ถือเป็นสินค้าพิเศษเฉพาะทาง ตลาดยังโล่งกว้าง ผลยาออกฤทธิ์นุ่มนวล และสามารถจินตนาการได้ว่าต้องมีลูกค้าประจำไม่น้อย

  ข้อเสียคือ ต้นทุนสูงมาก ครั้งละห้าก้อนหินวิญญาณ แถมยังมีอัตราล้มเหลวสูง

  อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่า “ตลาดเฉพาะ” นั้น ตัวตลาดก็ไม่ได้ใหญ่มากอยู่แล้ว

  พวกนักพรตอิสระที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในต้าหอฝาง ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปณิธานในการสร้างรากฐาน

  พวกที่มัวเพลิดเพลินกับความสุขสบายแท้จริงแล้วไม่ได้มีมากนัก

  แต่สำหรับตอนนี้ นี่คือสินค้าที่หลัวเฉินสามารถภูมิใจนำเสนอได้เพียงอย่างเดียว!

  ดังนั้น การขยายการผลิตจึงเป็นสิ่งจำเป็น แม้ว่าตอนนี้ต้นทุนที่ใส่ไปและกำไรที่ได้ยังไม่ก่อให้เกิดกำไรสุทธิ

  แต่หลัวเฉินก็จะยืนหยัดทำต่อไป!

  ตราบใดที่เขาสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จได้ หลัวเฉินก็มีอนาคตที่สดใสรออยู่แน่นอน!

  ตอนกลางวันก็ยังคงทำข้าวเนื้อวัวต้มเช่นเดิม

  เพราะระดับความชำนาญในการปรุงยาพิ่กู่ซ่านบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ การสูญเสียวัตถุดิบก็ลดลงจนเหลือน้อยที่สุด

  เดิมทีควรจะทำให้เนื้อวัวแช่แข็งนั้นหมดลงได้เร็วขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนมาปรุงยาเม็ดจงเหมี่ยว อัตราการใช้วัตถุดิบกลับลดลงแทน

  หลัวเฉินรู้สึกว่า พลังวิญญาณภายในเนื้อวัวสัตว์อสูรสีเหลืองนั้นรั่วไหลออกมามากเกินไป

  ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจหั่นเนื้อหนาขึ้นกว่าปกติหนึ่งนิ้วขณะหุงข้าว

  หลังจากเพลิดเพลินกับมื้ออาหารแล้ว หลัวเฉินก็พอใจจนต้องเรอออกมา

  นมเนื้อ ๆ เน้น ๆ เลย!

  ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสำหรับยาพิ่กู่ซ่านหรือยาเม็ดจงเหมี่ยว ต่างก็ต้องผ่านกระบวนการขั้นสุดท้ายที่ต้องใช้เวลา

  นั่งอยู่ริมลำธาร เขาจัดแจงคันเบ็ด เตรียมตกปลาเล่น

  หลัวเฉินพบว่า ช่วงนี้ปลากุ้งในลำธารเล็ก ๆ ที่มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำหลานชางนี้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

  เขาคิดจะตกปลาสักสองสามตัวมาปรุงเป็นอาหาร

  ขณะตกปลา เขาเปิดแผงคุณสมบัติขึ้นมาดู

  【ชื่อ: หลัวเฉิน】

  【อายุขัย: 27/75】

  【รากวิญญาณ: ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน】

  【ระดับ: ขั้นฝึกพลังลมปราณชั้นที่สาม: 76/100】

  【เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาชังชุนขั้นเชี่ยวชาญ: 257/300】

  【คาถา: คาถาทำความสะอาดระดับเริ่มต้น 52/100, คาถาพันธนาการระดับชำนาญ 176/200, คาถาลูกไฟระดับสมบูรณ์แบบ 315/500, วิชาตัวเบาเซียวเหยาโยวระดับชำนาญ 102/200】  

  【ทักษะ: นักปรุงยาขั้นแรก: ยาพิ่กู่ซ่านระดับปรมาจารย์ 510/1000, ยาเม็ดจงเหมี่ยวระดับเริ่มต้น 13/100】

  【แต้มความสำเร็จ: 1 แต้ม (สามารถใช้สำหรับเคล็ดวิชา คาถา ทักษะในขอบเขตที่สอดคล้องกันเพื่อเข้าสู่ระดับเริ่มต้น)】

  ครั้งนี้ แผงคุณสมบัติแสดงผลลัพธ์ที่ทำให้เขาพึงพอใจมาก

  ระดับที่ไม่ขยับมานานแล้ว พุ่งขึ้นจาก 75 เป็น 76 ได้ถึงหนึ่งแต้ม!

  การทะลวงสู่ขั้นฝึกพลังลมปราณชั้นที่สี่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!

  ในขณะที่ส่วนอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจ ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาชังชุนหรือยาพิ่กู่ซ่านและยาเม็ดจงเหมี่ยว ต่างก็คืบหน้าไปตามปกติ

  มีเพียงคาถาลูกไฟและวิชาตัวเบาเซียวเหยาโยวในหมวดคาถาที่ทำให้เขาใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  วิชาตัวเบาเซียวเหยาโยวทะลวงจากระดับเริ่มต้นขึ้นมาสู่ระดับชำนาญ ผลที่เกิดขึ้นคือความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

  ความพยายามวิ่งเล่นบนที่ราบทุกวันก็ไม่เสียเปล่า

  ส่วนคาถาลูกไฟที่ทะลวงขึ้นสู่ระดับสมบูรณ์แบบนั้น เขายังไม่ได้มีโอกาสทดลองใช้จริงเลย

  ในแต่ละวันที่เขาจุดไฟทำอาหาร เพียงแค่รู้สึกว่าใช้งานได้คล่องแคล่วขึ้นเท่านั้นเอง

  ครึ่งชั่วโมงผ่านไป บ่อดินที่ขุดเตรียมไว้กลับไม่มีปลาสักตัว!

  “ข้าจะหลงมัวเมาในความสุขสบายได้อย่างไร? ต้องฝึกคาถาป้องกันตัวแล้ว!”

  หลัวเฉินโยนคันเบ็ดทิ้ง หันไปที่จุดลึกที่สุดของลำธาร ปล่อยคาถาลูกไฟออกไปหนึ่งดอก

  บึ้ม!

  ลำธารที่นิ่งสงบพลันระเบิดกลายเป็นละอองน้ำยักษ์ ไอร้อนลอยฟุ้งกระจายออกไปทั่ว

  ซากปลาที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมลอยตกลงบนก้อนกรวดก้นลำธาร และค่อย ๆ ลอยขึ้นมาพร้อมกับน้ำที่ไหลเชี่ยวลงมาจากต้นน้ำ

  หลัวเฉินมองผลงานของคาถาลูกไฟอย่างพอใจ

  เผาลำธารในดอกเดียว ปลานับไม่ถ้วนจมหาย!

  ไม่เสียชื่อคาถาลูกไฟระดับสมบูรณ์แบบจริง ๆ!

  เมื่อพิจารณาดูปริมาณลมปราณที่สูญเสียไปในร่าง หลัวเฉินก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

  “เมื่อก่อน คาถาลูกไฟต้องใช้ลมปราณถึงหนึ่งในสิบของทั้งหมด แต่ครั้งนี้กลับใช้ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง!”

  “เช่นนี้ ข้าก็สามารถปล่อยคาถาลูกไฟได้ถึงยี่สิบครั้งในรวดเดียวสินะ?”

  เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเลย!

  นี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง!

  และความเร็วเองก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า?

  ก่อนหน้านี้ตอนจุดไฟทำอาหาร ข้ายังคงร่ายเวทอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะระเบิดเตา จึงใส่ลมปราณลงไปอย่างน้อยนิด

  แต่คราวนี้ ไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้นอีกต่อไป ข้าจึงปล่อยคาถาลูกไฟออกไปทันที

  ครานี้ข้าถึงได้ตระหนักว่าความเร็วในการปลดปล่อยต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  โดยปกติ ผู้ฝึกตนจะใช้เวลาถึงสามลมหายใจ ขณะที่ตอนอยู่ในระดับเชี่ยวชาญข้าใช้เพียงสองลมหายใจ และตอนนี้ ในระดับสมบูรณ์แบบ ข้ากลับใช้เพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น

  “หนึ่งลมหายใจ การปลดปล่อยยันต์คาถาลูกไฟเองก็ใช้เวลาไม่ต่างกันนัก!”

  การกระตุ้นยันต์คาถาก็มีขั้นตอนอยู่ ต้องฉีดพลังลมปราณเข้าไปเพื่อดึงดูดพลังวิญญาณภายในตัวยันต์ จากนั้นเล็งเป้าหมาย

  กระบวนการนี้มักต้องใช้ผู้มีประสบการณ์มากพอ จึงจะสามารถกระตุ้นได้อย่างรวดเร็วและไม่สะดุด

  ถึงอย่างไรก็เป็นแค่วัตถุนอกกาย

  ความรู้สึกมักทำให้เกิดภาพลวงตาได้ง่าย

  เพื่อหลีกเลี่ยงภาพลวงตา หลัวเฉินจึงปล่อยคาถาลูกไฟไปที่ลำธารอีกสามดอกอย่างต่อเนื่อง

  ไม่ผิดแน่!

  คาถาลูกไฟสามดอก รวมกับดอกแรก ก็ยังคงใช้ลมปราณไปเพียงสองในสิบเท่านั้น

  ความเร็วเองก็มากกว่าเดิม เทียบได้กับการกระตุ้นยันต์คาถาลูกไฟ

  เมื่อได้ผลการทดลองเช่นนี้ หลัวเฉินอดยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่ได้

  เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาชังชุนทุกวัน การดูดซับและเปลี่ยนแปลงลมปราณนั้นมีปริมาณน้อยมาก แม้จะใช้พลังทั้งหมด ก็ยังฟื้นฟูได้เพียงหนึ่งในห้า

  นั่นทำให้เขาไม่สามารถฝึกฝนคาถาได้มากมายเพราะกลัวลมปราณในตัวจะหมด และหากพบเจออันตรายก็จะไม่มีพลังไว้หลบหนี

  แต่ตอนนี้เมื่อคาถาลูกไฟใช้ลมปราณน้อยลง นั่นหมายความว่าเขาสามารถเพิ่มอัตราความชำนาญได้มากขึ้นถึงสองเท่าในแต่ละวัน

  และที่ทำให้หลัวเฉินดีใจที่สุด ยังไม่ใช่เรื่องนี้

  “ความเร็วที่เทียบเท่ากับการกระตุ้นยันต์คาถา หากโจมตีในจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ข้าสามารถทำให้ศัตรูตั้งรับไม่ทันได้อย่างแน่นอน”

  “ข้ามีวิธีการต่อสู้ที่น่าภูมิใจซะที!”

  ตลอดมา หลัวเฉินขาดแคลนวิธีการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพ หากไม่ใช่เพราะเขาตัวเล็กจนไม่เป็นที่สังเกต ก็อาจถูกมองข้ามไปแล้ว

  แต่การถูกมองข้าม กับการมีความสามารถในการต่อสู้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน

  จิตใจที่หวาดระแวงบัดนี้ได้สงบลงบ้าง หลัวเฉินอยากจะเงยหน้าขึ้นและแหกปากร้องยาว ๆ ออกมา

  แต่พอคิดดูแล้วก็เปลี่ยนใจ คงจะดีกว่าถ้าเขายังเก็บตัวเงียบไว้

  เอาไว้ทะลวงขั้นและกลายเป็นผู้ฝึกพลังลมปราณระดับกลางแล้วค่อยตะโกนฟ้าร้องดังไปถึงสวรรค์ดีกว่า!

  เขาเก็บปลาที่โดนไอร้อนทำให้สลบมาหนึ่งตัว พรุ่งนี้จะได้เพิ่มมื้อพิเศ

  “อืม วันนี้ตกปลาได้หนึ่งตัว ทักษะตกปลาเพิ่มหนึ่ง!”

จบบท

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด