ตอนที่แล้วบทที่ 119 นี่หรือเป็นคนดี?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 121 คฤหาสน์ผีสิง

บทที่ 120 เถ้าแก่หลิว


ในเมืองลั่วหยางสามารถเห็นการซื้อขายจากทั่วเก้ามณฑล แน่นอนว่าอาวุธดาบก็เป็นสินค้ายอดนิยม

เมื่อวรยุทธ์ยังอ่อนด้อย มีดาบก็ยังดีกว่ามือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ในเมืองลั่วหยางยังมีลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่ชอบสะสมดาบและกระบี่ด้วย

ดังนั้นกระบี่เงาเลือดจึงมีราคาสูงอย่างน่าประหลาด บางร้านเสนอราคาห้าพันต้าลึง บางร้านเสนอราคาหกพันต้าลึง

ช่วยไม่ได้ กระบี่เงาเลือดมันเท่มาก!

เมื่อสามารถขายได้ราคาดี ซื่อเฟยเจ๋อคิดว่าควรไปสอบถามราคาที่ร้านค้าอีกสักหลายแห่ง

เปรียบเทียบสามร้าน ไม่ขาดทุนนี่นา

หลังจากเดินดูหลายร้านค้า ซื่อเฟยเจ๋อก็พอจะรู้ราคาแล้ว ตอนนี้เขาเห็นคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง จึงตามคนผู้นั้นเข้าไปในร้านค้าที่ดูหรูหราแห่งหนึ่ง

พอเข้าร้านก็ได้กลิ่นธูปหอมอ่อนๆ ลอยอยู่ในอากาศ บนผนังแขวนภาพวาดและตัวอักษรของจิตรกรชื่อดัง ลายพู่กันแข็งแกร่ง บรรยากาศลึกซึ้ง เพิ่มความรู้สึกมีวัฒนธรรมให้สถานที่แห่งนี้

กลางร้านวางเก้าอี้หลักที่แกะสลักอย่างงดงาม สองข้างมีเก้าอี้สำหรับแขกวางอย่างสมมาตร ทั้งหมดปูด้วยเบาะผ้าปักลวดลาย พนักเก้าอี้แกะสลักลายบ๊วย กล้วยไม้ ไผ่ และเบญจมาศอย่างละเอียด

ด้านขวาของร้านมีโต๊ะที่วางเครื่องเขียนสี่สิ่งอย่างเป็นระเบียบ: พู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก บนที่วางพู่กันแขวนพู่กันอย่างดีหลายด้าม ที่มุมร้านมีชั้นหนังสือขนาดเล็ก บนชั้นวางหนังสือโบราณคลาสสิกและบทกวีต่างๆ

ข้างชั้นหนังสือ มีกระถางไผ่เขียวชอุ่มกำลังเติบโตอย่างเงียบๆ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับร้าน

ดูไม่เหมือนร้านค้า แต่เหมือนหอหนังสือมากกว่า เน้นความอวดโอ้สองคำ

กวานซานดูมีท่าทางเกร็งๆ เขาอยู่ในชนชั้นล่าง จึงถูกบรรยากาศแบบนี้กดดันได้ง่าย แต่ซื่อเฟยเจ๋อกลับดูสงบนิ่ง ก็แค่การแต่งตัวตัวเองให้ดูดี ยกระดับตัวเองไม่ใช่หรือ? กลยุทธ์แบบนี้ในชาติก่อนเขาเห็นมามากแล้ว

เปิดร้านแบบนี้ ตามสไตล์การตกแต่งแบบนี้ ธุรกิจที่คุยกันต้องไม่ต่ำกว่าหลายพันต้าลึงทั้งนั้น

"ข้ากับแขกผู้มีเกียรติช่างมีวาสนาจริงๆ!" หลิวจ้างกุ้ยนั่งที่นั่งหลัก พูดกับซื่อเฟยเจ๋ออย่างรู้สึกตื้นตัน

"ยินดีที่ได้พบ! ไม่นึกว่าเวลาผ่านไปกว่าเดือน จะได้พบหลิวจ้างกุ้ยอีกครั้ง!" ซื่อเฟยเจ๋อมองหลิวจ้างกุ้ยที่ดูอ้วนๆ และเป็นมิตร พูดอย่างรู้สึกตื้นตันเช่นกัน

ครั้งสุดท้ายที่เจอคนคนนี้ ยังอยู่ในทะเลทรายทางเหนือ เสนอราคาห้าร้อยต้าลึงเพื่อซื้อกระบี่เงาเลือด

แถมยังจะใจดีให้น้ำหนึ่งกระติก ยาห้ามเลือดสองกล่อง

"แขกผู้มีเกียรติมาถึงเมืองลั่วหยาง ก็เพื่อขายกระบี่เงาเลือดใช่หรือไม่?" หลิวจ้างกุ้ยมองดาบที่อยู่หลังซื่อเฟยเจ๋อแล้วพูด

"ถูกต้อง! ไม่ทราบว่าวันนี้หลิวจ้างกุ้ยจะให้ราคาเท่าไหร่? ยังห้าร้อยต้าลึงอยู่หรือ?" ซื่อเฟยเจ๋อพูดอย่างยิ้มๆ

"แขกผู้มีเกียรติพูดผิดแล้ว!" หลิวจ้างกุ้ยสั่งให้คนในร้านยกชาอย่างดีมา แล้วพูดต่อ "ตอนนี้ข้าไม่ใช่จ้างกุ้ยแล้ว แต่เป็นเถ้าแก่!"

"อ้อ? งั้นขอแสดงความยินดีกับเถ้าแก่หลิวด้วย!" ซื่อเฟยเจ๋อพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่ไม่ถึงดวงตา…

"แม้จะเป็นเถ้าแก่ แต่ก็ยังทำงานให้คนเบื้องบนอยู่ดี!" เถ้าแก่หลิวเอ่ยปาก "ทำงานให้คนเบื้องบน ไม่ถูกไล่ออกก็นับว่าโชคดีแล้ว ตอนนั้นในทะเลทรายทางเหนือ กระบี่เงาเลือดราคาห้าร้อยต้าลึงก็จริง แต่ในเมืองลั่วหยาง ก็ไม่เหมือนกันแล้ว"

เขาคิดสักครู่ แล้วพูดว่า "ห้าพันต้าลึง!"

มณฑลยวี่เดิมทีก็เป็นฐานใหญ่ของสำนักมารในแผ่นดินกลาง เมื่อเดือนก่อน ฮวาชงหลางเอาชนะหยวนจิ่วชง แต่กลับถูกลูกชายของตัวเองคือฮวาเสี่ยวเฉินเอาชนะ

ในชั่วพริบตา ฮวาเสี่ยวเฉินก็โด่งดังเป็นพลุแตก บังคับตัวเองเป็นประมุขสำนักมาร จากนั้นก็เริ่มรวบรวมกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในมณฑลยวี่

ตอนนี้เขาจากจ้างกุ้ยของร้านค้าตระกูลหลิว กลายเป็นเถ้าแก่ของร้านค้าในเครือตระกูลฮวา ก็ยังเป็นลูกจ้างที่หาเงินให้คนอื่นอยู่ดี

"บางคนเสนอราคาเจ็ดพันต้าลึง ข้าก็ไม่ได้ขาย!" ซื่อเฟยเจ๋อพูด

"เจ็ดพันต้าลึงก็ถือว่าราคาสูงแล้ว! แขกผู้มีเกียรติไม่ขายตอนนี้ จะรออะไรอีกล่ะ?" เถ้าแก่หลิวพูด

"ลาก่อน!" ซื่อเฟยเจ๋อเห็นอีกฝ่ายไม่เสนอราคา ก็ไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไปเลย

"รอก่อน......" เห็นซื่อเฟยเจ๋อจะออกจากประตูใหญ่ เถ้าแก่หลิวรีบร้องเรียก "แขกผู้มีเกียรติรอก่อน ข้าให้เจ็ดพันห้าร้อยต้าลึง นี่เป็นราคาสูงสุดในเมืองลั่วหยางแล้ว!"

"แล้วดาบรัตติกาล(ดาบราตรี)เล่า?" ซื่อเฟยเจ๋อหยิบดาบรัตติกาลออกมา แกว่งเบาๆ ขณะที่แกว่ง ดาบสว่างสลับมืด เหมือนดาบสองเล่มสานเข้าด้วยกัน

"สี่พันต้าลึง!" เถ้าแก่หลิวเสนอราคามาทันที

"ตกลง!" ซื่อเฟยเจ๋อตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรอีก

เจ็ดพันห้าร้อยต้าลึงเป็นราคาสูงสุดในเมืองลั่วหยางจริงๆ ดาบรัตติกาลสี่พันต้าลึงก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผล

เถ้าแก่หลิวดีใจในใจ แต่แล้วก็ได้ยินซื่อเฟยเจ๋อพูดว่า "แต่ข้าต้องการทองคำ!"

เงินและทองแดงเป็นสกุลเงินหมุนเวียนในเก้ามณฑล อัตราแลกเปลี่ยนทองคำต่อเงินอยู่ระหว่าง 1:12 ถึง 1:14 ส่วนในเมืองลั่วหยาง เพราะการค้าคล่องตัว มีทองคำไหลเข้ามามาก จึงเป็นที่ที่มีอัตรา 1:12

บางที่เศรษฐกิจไม่คล่องตัว ทองน้อยเงินมาก ก็เป็น 1:14 หรือต่ำกว่านั้น

แต่ละที่ อัตราแลกเปลี่ยนทองคำกับเงินไม่เหมือนกัน บางคนเอาเงินไปแลกเป็นทองคำ แล้วไปแลกในบางพื้นที่ ถ้าปริมาณน้อยก็ไม่ได้กำไร ถ้าปริมาณมาก แค่ค่ากินค่าอาหารม้าก็เป็นค่าใช้จ่ายไม่น้อย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเสี่ยงที่จะถูกปล้น

เว้นแต่ว่าเป็นยอดฝีมือขั้นวงจรสวรรค์อย่างซื่อเฟยเจ๋อ พกทองคำหลายร้อยชั่งติดตัว คนทั่วไปไม่กล้าพกเงินมากขนาดนั้นจริงๆ

ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้คนใจอ่อนจริงๆ!

หนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยต้าลึงเงิน แลกเป็นทองคำ ก็เป็นทองคำไม่ถึงพันต้าลึง

สิบหกต้าลึงเป็นหนึ่งชั่ง ก็ประมาณหกสิบชั่งทองคำ

ซื่อเฟยเจ๋อหลอมทองคำเป็นแท่ง ถือไว้ในมือก็เป็นก้อนอิฐขนาดใหญ่!

นี่คือเหตุผลที่ทองคำในเมืองลั่วหยางมีมาก เพราะสะดวกในการพกพา

ถ้าเป็นเงินหนึ่งหมื่นกว่าต้าลึง ต้องหารถม้ามาบรรทุกถึงจะได้!

ส่วนตั๋วแลกเงิน...... ในเก้ามณฑลยังไม่มีกลุ่มอิทธิพลที่เก่งกาจพอจะออกตั๋วแลกเงินและค้ำประกันได้

มีกลุ่มอิทธิพลแบบนั้น รวมเก้ามณฑลให้เป็นหนึ่งเสียเลยดีกว่า ออกตั๋วแลกเงินทำไม!

แต่เดิมเถ้าแก่หลิวได้ยินซื่อเฟยเจ๋อขอทองคำ ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะแลกเงินเป็นทองคำ นั่นไม่ใช่ปล่อยให้โรงรับแลกเงินได้กำไรหรอกหรือ?

ให้คนอื่นได้กำไร นั่นยากกว่าการฆ่าเขาเสียอีก!

แต่พอคิดอีกที เขาไม่ใช่คนของร้านค้าตระกูลหลิวแล้ว แต่เป็นคนของตระกูลฮวา

ตระกูลฮวามีโรงรับแลกเงินเอง นี่เท่ากับเงินจากมือซ้ายไปมือขวา!

ดังนั้นเขาจึงช่วยซื่อเฟยเจ๋อหลอมทองคำเป็นแท่งอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งซื่อเฟยเจ๋อและคนของเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม

กระบี่มีชื่ออย่างกระบี่เงาเลือด เดี๋ยวหาเรื่องมาปั่นราคาสักหน่อย ไม่แน่ว่าราคาอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!

รอให้ราคากระบี่เงาเลือดถูกปั่นขึ้นมาแล้ว ค่อยเอาไปมอบให้เจ้าเมืองเป็นของขวัญ แลกผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่า ทำแบบนี้จึงจะได้ผลประโยชน์สูงสุด!

ขายให้พวกลูกคุณหนูในเมือง จะขายได้กี่ตังค์กัน!

แต่ก่อนร้านค้าตระกูลหลิวของพวกเขาก็ทำแบบนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเมืองต่างๆ แต่ตอนนี้...... เขาเป็นคนของตระกูลฮวา

นึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ ไอ้แก่แซ่หวังนั่นมาตรวจบัญชี อาศัยความที่เป็นคนเก่าของตระกูลฮวามาชี้โน่นชี้นี่ เรียกรับผลประโยชน์ ช่างน่าโมโหจริงๆ!

ช่างเถอะๆ ทำให้ผ่านการประเมินปีนี้แล้วก็ปล่อยวางเถอะ

เถ้าแก่หลิวถอนหายใจ เดินกลับเข้าร้านอย่างจนใจ

คนแซ่หลิวหาเงินให้คนแซ่ฮวา นี่มันเรื่องอะไรกัน!

ซื่อเฟยเจ๋อทำธุระในเมืองลั่วหยางเสร็จหมดแล้ว จึงซื้อเสบียงแห้งและเสื้อผ้าบางส่วน เตรียมออกจากเมือง

"อธิการบดีซื่อ พวกเราจะไปไหนกันหรือ?" กวานซานเดินตามซื่อเฟยเจ๋อออกจากเมืองลั่วหยาง ถาม

ซื่อเฟยเจ๋อหันกลับไปมองเมืองลั่วหยางที่สงบร่มเย็น แล้วพูดว่า "ที่ไหนมีวาสนา พวกเราก็ไปที่นั่น!"

"วาสนา ช่างอธิบายไม่ถูกจริงๆ!"

ซื่อเฟยเจ๋อ: ทุกคนบอกว่าข้าเป็นดาวหายนะ แต่เมืองลั่วหยางก็ยังดีๆ อยู่! สมแล้วที่เป็นเมืองใหญ่ที่มียอดฝีมือขั้นบุคคลแท้ถึงสามคนประจำอยู่!

.

หนิงหนิง Talk 🍎

บทนี้เหมือนแค่มาต่อราคากัน55555 เปิดฟรีให้นะคะ💖

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด