ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 11 จะเรียกว่าก้อนถ่านน้อยหรือคิงคองดำดีนะ?
การมีมังกรนั้นเพิ่มพลังการต่อสู้ของลู่ฟานอย่างมหาศาล
ครั้งนี้เขามาเพื่อหาลายแทงสมบัติ แม้จะอันตราย แต่มันก็คุ้มค่า
“อั้ง อั้ง”
ลูกมังกรยังคงถูตัวกับลู่ฟาน มันติดเขามาก
ลู่ฟานกลับมาตั้งสติ เขากลั้นความตื่นเต้นและยิ้มให้เจ้าลูกมังกร
“อะไรกัน? ติดกันขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่เป็นเด็กผู้หญิงลูกมังกร”
“ถ้าเธอเป็นผู้ชายคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
“ฟู่ว ฟู่ว”
เจ้าลูกมังกรดูเหมือนจะเข้าใจว่าลู่ฟานไม่ชอบที่มันติดเขามากเกินไป มันจึงพ่นลูกไฟออกมาจากปากราวกับจะต่อต้าน
เมื่อเห็นท่าทางขององค์หญิงน้อย ลู่ฟานระเบิดเสียงหัวเราะพลางลูบหัวมังกร
“ไม่ได้ไม่ชอบเธอซักหน่อย อยากจะติดชั้นก็ได้ ชั้นชอบคนที่ใกล้ชิดกันน่ะ”
“จริงด้วยสิ ต้องตั้งชื่อให้เธอใช่ไหม? ถ้าเกิดมาน่ารักขนาดนี้ จะให้เรียกราชามังกรดำหรือปีกมรณะคงไม่ไหว”
“อั้ง!”
ลูกมังกรส่งเสียงร้อง ดูเหมือนว่ามันค่อนข้างตื่นเต้นที่ลู่ฟานกำลังจะตั้งชื่อให้
“อืม…”
ลู่ฟานคิดหนักขณะที่อุ้มลูกมังกรด้วยมือเดียว
“เจ้าก้อนถ่าน? ไม่สิ ไม่สิ มันน่ารักเกินไป แต่ยังยิ่งใหญ่ไม่พอ”
“คิงคองดำ? อันนี้ก็ไม่ไหว ยังเป็นลูกมังกรสาวน้อยอยู่เลย ชื่อนี้มันเกินไป…”
ลูกมังกรฟังที่ลู่ฟานพูดและตัวแข็งทื่อพร้อมตื่นตกใจ
มันกลัวว่าในตอนที่ลู่ฟานเรียกมันออกมาแล้วเขาจะตะโกนว่า “คิงคองดำ!”
ถ้าเป็นแบบนั้นทั้งเผ่ามังกรคงแย่แน่
“แบบนี้เป็นไง!”
ลู่ฟานเกิดความคิดและยิ้มให้มังกรน้อย
“เธออตัวสีเข้มแบบนี้ เรียกว่าเสี่ยวเย่ก็แล้วกัน”
“ถึงจะธรรมดาไปหน่อย แต่ก็ฟังดูดีนะ”
“เย้!”
เมื่อได้ยินว่าชื่อไม่หยาบกร้านเกินไป เจ้ามังกรน้อยรู้สึกโล่งใจ พร้อมกันนั้นมันยัง่งเสียงร้องแหลมด้วยความดีใจและถูหน้าลู่ฟานอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะยอมรับกับชื่อนี้
หลังจากคลอเคลียกับลู่ฟานอยู่พักหนึ่ง เสี่ยวเย่กระพือปีกและบินขึ้นอีกครั้ง จากนั้นจึงหยุดหน้าลู่ฟานและชี้ที่ท้องของมันด้วยอุ้งเท้าเล็ก ๆ
ลู่ฟานหัวเราะเบา ๆ
“อะไรกัน หิวงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเย่พยักหน้าที่ดูน่าเวทนาและหิวโหย
ลู่ฟานเกาจมูก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เห็นกินเปลือกไข่ใหญ่ ๆ นั่นจนหมด คิดว่าจะอิ่มแล้วซะอีก”
“อั๊ง อั๊ง…”
เสี่ยวเย่เริ่มชี้ด้วยกรงเล็บ ด้วยการเชื่อมโยงผ่านจิตวิญญาณของเจ้านายและสัตว์เลี้ยง ลู่ฟานเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
เสี่ยวเย่บอกว่าเปลือกไข่นั้นมีสารอาหารมากมาย แต่มันก็มีหน้าที่คุ้มกันมันหลังจากเกิด มันไม่ช่วยให้อิ่มท้อง
ลู่ฟานึิดว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวของเขาหิว แต่เขาก็ไม่มีของกินมากนัก
ลู่ฟานหยิบซาลาเปาที่เหลือออกมาจากช่องเก็บของตัวละคน เขาแกว่งซาลาเปาให้เสี่ยวเย่ดูและถาม
“ถ้าหิว อยากจะกินนี่ไหม?”
“นี่เป็นซาลาเปาที่น้าชั้นทำน่ะ มันอร่อยนะ”
เสี่ยวเย่เข้ามาดมและอ้าปากพร้อมกับชี้ด้วยอุ้งเท้าเล็ก
ลู่ฟานเข้าใจและโยนซาลาเปาใส่ปากเสี่ยวเย่
เสี่ยวเย่กลืนซาลาเปาทันทีโดยไม่เคี้ยว
แต่มันดูผิดหวังอย่างชัดเจนและดูจะไม่พอใจกับซาลาเปา
ลู่ฟานคิดแบบนั้นเช่นกัน มังกรย่อมต้องกินเนื้อ ถึงซาลาเปาของน้าเขาจะมีเนื้อสัตว์เยอะ แต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของเสี่ยวเย่แน่
ลู่ฟานทำได้แค่เก็บซาลาเปาที่เหลือใส่ช่องเก็บของและพูดอย่างหมดหวัง
“ชั้นมีแค่อาหารพวกนี้ ถ้าไม่ชอบก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะนะ”
“แล้วเธอชอบกินอะไรล่ะ? เป็นเนื้อสัตว์ได้ไหม?”
เสี่ยวเย่พยักหน้าเพราะอาจจะรู้แล้วว่าลู่ฟานไม่มีของโปรดของมัน มันจึงสะบัดปีกและบินขึ้นสูงมากกว่าสิบเมตร
“อั๊ง!”
เสี่ยวเย่ร้องอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะเจอบางอย่างที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
ลู่ฟานมองไปทางที่เสี่ยวเย่ชี้และตกใจที่เห็นจิ้งจอกเทากระหายเลือดอีกตัวในพุ่มไม้
พวกจิ้งจออกเทากระหายเลือดเป็นแบบนี้ พวกมันนับว่าเฉลียวฉลาดและชอบที่จะดักซุ่มรอเหยื่อ
ดูเหมือนว่าเจ้าจิ้งจอกเทากระหายเลือดได้มองเห็นลู่ฟานในตอนที่เขาล่าสมบัติมาก่อนแล้ว
แต่ว่าในตอนนี้จิ้งจอกเทากระหายเลือดนั้นอยู่ในพุ่มไม้ไม่ขยับตัวและสั่นไปทั้งกาย มันน่าจะเป็นแบบนั้นเพราะว่าโดนเล็งเป้าโดยเสี่ยวเย่ แรงกดดันจากเผ่ามังกรโดยตรงนั้นทำให้เผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่าหวาดกลัวและไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ความคิดของเสี่ยวเย่เข้ามาในใจลู่ฟาน มันถามลู่ฟานว่ามันกินจิ้งจอกตัวนี้ได้ไหม
ลู่ฟานคิดและไม่ปฏิเสธ
เสี่ยวเย่ตื่นเต้นขึ้นทันที มันสะบัดอีกและพุ่งไปทางจิ้งจอกเทากระหายเลือด้วยความเร็วที่เหลือเพียงแค่ภาพติดตาให้เห็น