ตอนที่แล้วตอนที่ 1384 กลายเป็นเถ้าถ่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1386 กลับบ้าน

ตอนที่ 1385 การดิ้นรนของผู้ที่อ่อนแอ (ฟรี)


ตอนที่ 1385 การดิ้นรนของผู้ที่อ่อนแอ

มือขนาดใหญ่ของหลิงกวงยังคงกดอยู่บนหัวของสีวู่หยา เมื่อมือของหลิงกวงหลุดออกจากหัวของเขา มันก็ทิ้งรอยเลือดที่น่ากลัวเอาไว้ ก่อนจะกลายเป็นผงธุลี

“ท่าน...” สีวู่หยาตกตะลึง เขารีบคว้าหลิงกวง แต่เขากลับคว้าได้เพียงแค่ทรายและฝุ่น

ภูเขาฮั้วชิงนั้นมืดมิดและเงียบสงบ ดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าส่องสว่าง มันสะท้อนกับผิวน้ำทะเล

“บอกข้ามา! บอกข้ามา! เกิดอะไรขึ้น?!” สีวู่หยาก้มตัวลง เขากำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างท่ามกลางทรายและฝุ่น แต่เขาไม่พบอะไรเลย เขารีบลุกขึ้นยืน เขารีบวิ่งไปหาวิหคเซียน เขาคว้าตัววิหคเซียนเอาไว้ก่อนจะเขย่ามันอย่างโกรธเคือง

วิหคเซียนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

สีวู่หยาสังเกตเห็นบาดแผลบนร่างกายของวิหคเซียน ภายใต้แสงจันทร์ เลือดของมันเป็นสีม่วงดำ

ปากของวิหคเซียนที่ปิดสนิทเปิดออก หัวของมันเอียงไปด้านข้าง มันหายใจเฮือกสุดท้าย

“ตอบข้ามา! ตอบข้ามา!” สีวู่หยาตะโกน

เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว ในค่ำคืนที่เงียบเหงาและหนาวเหน็บ เสียงของเขาดูอ่อนแอและสิ้นหวัง

‘ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของข้าได้!’ สีวู่หยาที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจเย็นดูเหมือนกับว่าจะเสียสติไปแล้ว เขายกมือขึ้น พลังงานก่อตัวเป็นมีดก่อนจะพุ่งเข้าหาวิหคเซียน เขาสับมันออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อสีวู่หยาเหนื่อยอ่อน เขาก็หยุดลง เขานั่งลงบนพื้นดินอย่างเงียบๆ เสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงร้องของสัตว์ร้าย และเสียงลม พัดผ่านหูของเขา มันทำให้เขาตั้งสติได้

เขาเงยหน้าขึ้นมองดูซากศพของวิหคเซียนและผงธุลีที่เคยเป็นหลิงกวง จากนั้นเขาก็เห็นหัวใจชีวิตสามดวงวางอยู่ท่ามกลางซากศพของวิหคเซียน สองดวงได้รับความเสียหาย บางทีอาจจะเป็นเพราะการโจมตีอย่างรุนแรงของหลิงกวง ส่วนหลิงกวงนั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากผงธุลี

การฝึกฝนของมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับการสังหารสัตว์ร้ายและเก็บเกี่ยวหัวใจชีวิต สัตว์ร้ายครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่ พวกมันดูดซับพลังชีวิตและแก่นแท้ของโลก ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังกินมนุษย์อีกต่างหาก

หลิงกวงไม่ได้ทิ้งหัวใจชีวิตเอาไว้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมนุษย์

“หรือว่าข้าจะเป็นลูกหลานของเทพเจ้าแห่งไฟจริงๆ ?” สีวู่หยานึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาเก็บหัวใจชีวิตก่อนจะเดินไปยังวังใต้ดิน แต่เมื่อเดินผ่านหลิงกวง เขาก็หยุดเคลื่อนไหว หากสิ่งที่เขาได้ยินมาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริง หลิงกวงควรจะได้รับการฝังอย่างสมเกียรติ ถูกรึเปล่า? คนตายนั้นสำคัญ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับหลิงกวง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลิงกวงได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะหลิงกวง

เมื่อคิดได้แบบนี้ สีวู่หยาก็หันหลังกลับ ในขณะที่เขากำลังจะเก็บทรายและฝุ่น ลมก็พัดผ่าน มันพัดพาทรายและฝุ่นเหล่านั้นปลิวหายไป

สีวู่หยาสะดุ้ง เขารีบตั้งสติก่อนจะวิ่งไปยังวังใต้ดิน เมื่อมาถึง เขาก็เห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่กำลังโบกมือ มันกำลังโจมตีคนสามคน

“ผนึกพลังงาน!” หวงซื่อเจี๋ยที่บินอยู่เหนือโครงกระดูกปลดปล่อยผนึกพลังงานออกมา

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

โครงกระดูกไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แถมมันยังผลักหวงซื่อเจี๋ยจนกระเด็นถอยหลัง

“อาจารย์!” เจียงอาเฉียนรีบบินออกไปรับหวงซื่อเจี๋ย

หลี่จินอี้ชนเข้ากับโครงกระดูกขนาดใหญ่

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

แต่น่าเสียดาย พวกเขาทั้งสามยังไม่ทะลวงขีดจำกัดไปยังขอบเขตพลังอวตารวังวนพันแดน พวกเขากระเด็นถอยหลัง พวกเขากระอักเลือดออกมา

“ให้ข้าจัดการมันเอง!” สีวู่หยาตะโกน

สีวู่หยาโยนพัดขนนกยูงออกไป มันร่อนลงบนหลังของเขา ปีกสีทองกางออก

พวกเขาทั้งสามตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้สีวู่หยาเหมือนกับเทพเจ้าแห่งไฟ

“ท่านเหมือนกับหลิงกวงจริงๆ นั่นแหละ” เจียงอาเฉียนหัวเราะ

สีวู่หยากระพือปีก เขาบินขึ้นไปยังด้านบนของโครงกระดูก จากนั้นเขาก็แสดงแอสโตรแลปออกมาก่อนจะผลักมันลง

ปัง! ปัง! ปัง!

พลังผังก่อเกิดสองผังโจมตีโครงกระดูก

“พลังผังก่อเกิดสองผัง? สหาย พยายามหน่อยสิ” เจียงอาเฉียนพูด

สีวู่หยาลอยตัวอยู่กลางอากาศ เข็มสีทองมากมายพุ่งออกมาจากปีกของเขา

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

โครงกระดูกไม่ได้รับบาดเจ็บ

“มันกำลังปกป้องทางเข้าวังใต้ดิน มันแข็งแกร่งมาก อย่าได้สู้กับมันตรงๆ” หวงซื่อเจี๋ยกล่าว

สีวู่หยาเก็บแอสโตรแลปกลับไป เขากระพือปีกและบินไปยังที่ไกลแสนไกล “ท่านหวงพูดถูก เจียงอาเฉียน ทำลายแผ่นหินที่อยู่ด้านหลังโครงกระดูกซะ”

“ได้” เจียงอาเฉียนชักดาบคีตะมังกรออกมา เขารีบบินไปยังแผ่นหิน

ตูม!

แผ่นหินเปล่งประกาย อักษรสีทองปรากฏขึ้นบนโครงกระดูกก่อนจะหายไป มันหยุดเคลื่อนไหว

“ระวังตัวด้วย มันอาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา หลีกทางไป” สีวู่หยาแสดงแอสโตรแลปออกมา

พวกเขาทั้งสามรีบหลีกทาง

สีวู่หยาโจมตีโครงกระดูกอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมันแตกสลาย หลังจากที่ร่อนลงสู่พื้นดิน เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่รึเปล่า?”

“พวกเราไม่เป็นไร ขอบคุณเทพเจ้าแห่งไฟ ไม่อย่างงั้นพวกเราคงตายไปแล้ว” หวงซื่อเจี๋ยกล่าว

“น่ากลัวจริงๆ ต่อให้ได้อะไรมาตอบแทน ครั้งหน้าข้าก็จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” เจียงอาเฉียนยิ้ม “ท่านต้องมอบดาบทั้งหมดในลานสงครามเทวาลัยให้กับข้า”

“ข้ายอมมอบพวกมันให้กับเจ้า” สีวู่หยายิ้ม “แต่เจ้าไม่อยากได้ดาบในวังใต้ดินงั้นเหรอ?”

“แน่นอน ข้าอยากได้! ข้าเกือบลืมพวกมันไปแล้ว” เจียงอาเฉียนกล่าว เขารีบบินขึ้นไปเหนือวังใต้ดิน เขานำกล่องสีดำออกมา

ในขณะที่เจียงอาเฉียนกำลังจะเก็บดาบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล

“น่าเสียดาย หลิงกวงมันโง่จริงๆ”

พวกเขาทั้งสี่หันหลังกลับไปมอง พวกเขาเห็นหยางเหลียนเฉิงที่ตอนนี้ไหม้เกรียมกำลังคลานเข้ามาหา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเนื้อไหม้เกรียม ร่างกายท่อนล่างของเขาหายไป

“หยางเหลียนเฉิง?” สีวู่หยาถอยหลัง

“เขายังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?!” เจียงอาเฉียนรู้สึกคลื่นไส้

“หลังจากที่หลิงกวงสังหารตระกูลวิหคเซียน ข้าก็คิดหาวิธีรับมือกับเปลวไฟที่แท้จริงของเขา ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะยังคงมีมันอยู่...” หยางเหลียนเฉิงกล่าว “พวกเจ้ารอดชีวิตมาได้ แต่ตอนนี้ข้าอยากให้พวกเจ้าตายไปพร้อมกับข้า!”

หยางเหลียนเฉิงตบมือลงบนพื้นดิน เขารีบพุ่งเข้าหาสีวู่หยา

สีวู่หยากระพือปีก เขารีบบินถอยหลัง

“ลูกหลานของเทพเจ้าแห่งไฟงั้นเหรอ?” หยางเหลียนเฉิงกล่าวอย่างเกลียดชัง

“เจ้าก็แค่ลูกศรที่กำลังจะหมดแรง ทำไมต้องพยายามขนาดนั้นด้วย?” สีวู่หยาที่พูดจบแสดงแอสโตรแลปออกมา

“เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป ข้าผ่านบททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สองมาแล้วนะ! ถึงแม้ว่าหลิงกวงจะทำให้พลังฝึกฝนของข้าลดลงจนเหลือแค่ระดับของคนที่เพิ่งจะผ่านบททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งแรก แต่มันก็ยังคงเหนือกว่าเจ้า!” หยางเหลียนเฉิงหัวเราะเยาะ

หยางเหลียนเฉิงร่อนลงบนพื้นดิน เขายื่นมือออกไป ผนึกพลังงานและแอสโตรแลปปรากฏขึ้น

พลังผังก่อเกิดเจ็ดแปดผังบนแอสโตรแลปมืดมัวลง พวกมันถูกเปลวไฟเผาผลาญ ส่วนพลังผังก่อเกิดที่เหลืออีกสามสี่ผังที่ยังคงเปล่งประกายดูราวกับว่ากำลังจะแตกสลาย

‘เจ้านี่มันดื้อด้านจริงๆ!’ เจียงอาเฉียนถอนหายใจ

สีวู่หยาไม่ได้ต่อสู้กับหยางเหลียนเฉิง เขาใช้ปีกหลบการโจมตี เป้าหมายของเขาก็คือการทำให้หยางเหลียนเฉิงเหนื่อยอ่อน ‘น่าเสียดายจริงๆ ทำไมข้าไม่พาตี้เจียงมาด้วยนะ?’

หยางเหลียนเฉิงไล่ตามสีวู่หยาอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้ตัวว่าสีวู่หยานั้นเจ้าเล่ห์กว่าที่คิด เขารีบเปลี่ยนเป้าหมาย เขาพุ่งเข้าหาเจียงอาเฉียน หลี่จินอี้ และหวงซื่อเจี๋ย “เขามีปีก แต่พวกเจ้าไม่มี!”

คนแรกที่หยางเหลียนเฉิงพุ่งเข้าหาคือหวงซื่อเจี๋ย

วู้!

“พลังอวตาร!” หวงซื่อเจี๋ยแสดงพลังอวตารออกมา

ปัง!

หยางเหลียนเฉิงชนเข้ากับพลังอวตาร

รูปรากฏขึ้นบนร่างกายของพลังอวตาร หวงซื่อเจี๋ยกระเด็นถอยหลัง เขาล้มลงกับพื้นดิน เสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือด

“อาจารย์!” หลี่จินอี้และเจียงอาเฉียนตะโกน

“ไม่ต้องสนใจข้า! หนีไป!” หวงซื่อเจี๋ยตะโกน

“พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!” หยางเหลียนเฉิงหัวเราะ ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียร่างกายท่อนล่างไปแล้ว แต่ร่างกายท่อนบนของเขาก็ยังคงแข็งแกร่ง มือของเขาก็ยังคงว่องไว การโจมตีของเขานั้นยากจะคาดเดา เขาพุ่งเข้าหาหวงซื่อเจี๋ยอีกครั้ง

“หงส์เขียวแห่งเผิงไหล!” หลี่จินอี้บินออกไปทางด้านข้าง นางใช้เคล็ดวิชาหงส์เขียวแห่งเผิงไหลป้องกันหยางเหลียนเฉิง

หยางเหลียนเฉิงทะลวงผ่านการป้องกันของหลี่จินอี้ไปได้อย่างง่ายดาย เขามาถึงหน้าหลี่จินอี้

“ศิษย์น้อง หลบไป!”

หลี่จินอี้หมุนตัวหลบ เจียงอาเฉียนกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เขายกดาบคีตะมังกรขึ้นป้องกัน

ปัง!

มือของหยางเหลียนเฉิงโจมตีดาบคีตะมังกร มันโจมตีหน้าอกของเจียงอาเฉียน เจียงอาเฉียนกระอักเลือดออกมา

จิตสังหารของหยางเหลียนเฉิงรุนแรงมากขึ้น

“เข็มพลังงาน!” สีวู่หยาที่บินลงมาจากท้องฟ้าปลดปล่อยเข็มนับหมื่นเล่มออกมา พวกมันแทงทะลุร่างกายของหยางเหลียนเฉิง

หยางเหลียนเฉิงไม่ได้สนใจ เขายังคงโจมตีหวงซื่อเจี๋ย

“พัดขนนกยูง!” สีวู่หยาร่อนลงสู่พื้นดิน เขาเก็บปีกกลับไป เขาใช้พัดขนนกยูงต่อสู้กับหยางเหลียนเฉิง

ปัง! ปัง! ปัง!

ในบรรดาพวกเขาทั้งสี่ มีเพียงแค่สีวู่หยาเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับหยางเหลียนเฉิงได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะได้รับบาดเจ็บ แต่บาดแผลของหยางเหลียนเฉิงนั้นสาหัสกว่า การต่อสู้จึงดุเดือดมาก

พวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเป็นเวลานาน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

“หลิงกวง! ข้าหวังว่าเจ้าคงจะมองดูตอนที่ข้าสังหารลูกหลานของเจ้าอยู่นะ!” หยางเหลียนเฉิงที่รู้สึกได้ถึงความตายคำรามลั่น ผนึกพลังงานสีแดงเลือดมากมายพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา พวกมันโจมตีสีวู่หยา

สีวู่หยารีบถอยห่าง เขาพาหวงซื่อเจี๋ยไปด้วย

หลี่จินอี้กระโดดเข้าไปในวังใต้ดิน

“ไม่ต้องสนใจพวกเรา! ไปเร็วเข้า!” หวงซื่อเจี๋ยคว้าตัวหลี่จินอี้เอาไว้ พวกเขารีบถอยห่าง

“พวกเจ้าคิดจะหนีงั้นเหรอ?!”

หยางเหลียนเฉิงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ผนึกพลังงานสีแดงเลือดมากมายพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา

สีวู่หยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้พัดขนนกยูงแปลงร่างเป็นปีก เขากระพือปีก เข็มนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป พวกมันพยายามหยุดผนึกพลังงานสีแดง

ปัง! ปัง! ปัง!

แต่น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าเข็มจะมีจำนวนมากแค่ไหน แต่มันก็ยังคงเล็กเกินไป ส่วนผนึกพลังงานนั้นมีมากมายมหาศาล

ผนึกพลังงานมากมายพุ่งลงมาจากทุกทิศทุกทาง พวกมันดูโยงใยกันเหมือนกับใยแมงมุม พวกมันกำลังถักทอเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ก้อนหิน สมบัติ และดาบ ที่สัมผัสผนึกพลังงานต่างก็ติดอยู่กับมัน

หยางเหลียนเฉิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

เส้นใยพลังงานพุ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสี่

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

สีวู่หยารู้สึกเหมือนกับว่ามีมดมากมายกำลังกัดกินร่างกายของเขา เหงื่อมากมายผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาเพราะความเจ็บปวด ปีกของเขาหายไป เขาร่วงลงสู่พื้นดิน ร่างกายของเขาถูกเส้นใยพลังงานสีแดงพันธนาการเอาไว้

“สีวู่หยา!” หวงซื่อเจี๋ยเงยหน้าขึ้นตะโกน

หลี่จินอี้ทำอะไรไม่ได้

เจียงอาเฉียนนอนอยู่บนพื้นดิน เขาไม่สามารถหลุดออกจากเส้นใยพลังงานสีแดงได้

พวกเขาจนมุม

สีวู่หยาหัวเราะทั้งน้ำตา

“เจ้ากำลังหัวเราะอะไร?!” หยางเหลียนเฉิงถามอย่างโกรธเคือง

“ข้ากำลังหัวเราะเยาะเจ้าที่น่าสมเพช เจ้ายังไม่รู้ว่าสวรรค์และโลกกว้างใหญ่แค่ไหน เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้งั้นเหรอ?” สีวู่หยากล่าว แววตาของเขาเป็นสีแดง มันดูเหมือนกับว่ากำลังเพิ่มพลังใจและความแข็งแกร่งให้กับเขา มัน...มันเหมือนกับว่าเขาคือเทพเจ้าแห่งไฟ

“เจ้าหนู เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่นี่คือภูเขาฮั้วชิง! เจ้าอยู่ในวังใต้ดินที่หลิงกวงถูกผนึกเอาไว้เกือบ 100,000 ปี! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่?! ตายซะ!”

เส้นใยพลังงานสีแดงแทงทะลุหน้าอกของสีวู่หยา แสงสีแดงในดวงตาของเขามืดมัวลงหนึ่งในสาม “เจ้ากล้างั้นเหรอ?!”

“เจ้าจะโกรธแค่ไหนก็เชิญ มันก็เป็นแค่การดิ้นรนของผู้ที่อ่อนแอ แต่ตอนนี้ จงตายซะ!”

เส้นใยพลังงานสีแดงอีกเส้นหนึ่งแทงทะลุหน้าอกของสีวู่หยา

เลือดไหลลงมาจากหน้าอกของเขา

หยางเหลียนเฉิงรู้ดีว่าลูกหลานของเทพเจ้าแห่งไฟจะไม่ตายง่ายๆ แบบนี้ เขาระดมเส้นใยพลังงานสีแดงนับพัน เส้นใยพลังงานเหล่านั้นกวาดล้างเศษซาก จารึกอักษรโบราณในวังใต้ดินเปล่งประกาย

สถานที่ที่พวกเขาเคยเห็นหลิงกวงเป็นครั้งแรกส่องสว่าง

จิตสำนึกของสีวู่หยาเริ่มชัดเจนขึ้น ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงสว่าง เขากำลังต่อสู้กับหยางเหลียนเฉิง

เส้นใยสีแดงถูกดึงจนตึง

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าใครจะยอมแพ้ก่อน พลังใจคือกุญแจสำคัญในการตัดสินผลลัพธ์

“หากข้าต้องตาย พวกเจ้าก็ต้องตายไปพร้อมกับข้า!” หยางเหลียนเฉิงกัดฟันแน่นก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ปล่อยเขาไปซะ!” เจียงอาเฉียนที่ใช้ดาบคีตะมังกรตัดเส้นใยพลังงานสีแดงกระอักเลือดออกมา

“อะไรนะ? เจ้าคิดจะหยุดข้างั้นเหรอ?” หยางเหลียนเฉิงหัวเราะเยาะ

ฟิ้ว!

เส้นใยพลังงานสีแดงพุ่งเข้าหาเจียงอาเฉียน แต่เจียงอาเฉียนกลับใช้ดาบคีตะมังกรตัดมัน

“หืม?” หยางเหลียนเฉิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เจียงอาเฉียนปักดาบคีตะมังกรลงบนพื้นดิน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหยิบกล่องสีดำออกมา

“เจียงอาเฉียน! เก็บมันไป!” หวงซื่อเจี๋ยตกใจ

“อาจารย์ ไม่เป็นไรหรอก” เจียงอาเฉียนยิ้ม

“เจ้ายังไม่ทะลวงขีดจำกัดไปยังขอบเขตพลังอวตารวังวนพันแดน เจ้า...เจ้าควบคุมกล่องดาบไม่ได้หรอก!”

“ศิษย์พี่ใหญ่?!” หลี่จินอี้ส่ายหัว ดวงตาของนางแดงก่ำ

“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร อาจารย์ ข้าจะบอกความลับให้ท่านฟัง ก่อนหน้านี้...ข้า...ข้าทะลวงขีดจำกัดไปยังขอบเขตพลังอวตารวังวนพันแดนแล้ว” เจียงอาเฉียนยิ้ม

วู้!

พลังอวตารของเจียงอาเฉียนปรากฏขึ้น ออร่าของเขาเปลี่ยนไป พลังชีวิตของเขาผันผวน พลังฝึกฝนของเขาพุ่งสูงขึ้น

กล่องดาบสั่นสะเทือน

ดาบทั้งหมดในวังใต้ดินสั่นสะเทือน พวกมันกระทบกัน เสียงนั้นเหมือนกับเสียงระฆังที่ดังอยู่ในสายลมฤดูร้อน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด