MDB ตอนที่ 498 คาถาคลังเก็บของ, น้ำหมึกจักรวาล
ซูเสี่ยวหลัวแสดงความสนใจต่อทักษะการใช้เข็มอันน่าทึ่งของหลินจินอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาก็รู้ตัวดีกว่าการขอโดยตรงจะดูละโมบมากเกินไป ดังนั้น เขาจึงเสนอคาถาหนึ่งของเขาเพื่อแลกกับเคล็ดวิชาของของหลินจิน
หลินจินก็รู้สึกสนใจเช่นกัน
แท้จริงแล้ว เทคนิคการค้นหาชีพจรเป็นเทคนิคการควบคุมเข็มที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนคือผู้ประเมินระดับห้า เขาน่าจะมีคาถาพิเศษที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
เนื่องจาก หลินจินไม่รู้จักคาถามากนัก เขามีเพียงแค่นิ้วพลังวิญญาณ คาถาาณาจักรวิญญาณอัคคี และขจัดคาถาเท่านั้น ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ต้องใช้พันธสัญญาโลหิตของเขาจึงจะใช้งานได้
นอกจากนี้ยังมี เมฆานำพา, เร้นกาย, เครื่องรางเบญจอัคคี และเพลิงมังกร ซึ่งเขาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
เมื่อเทียบกับผู้ประเมินระดับสี่คนอื่น ๆ แล้ว จำนวนคาถาที่หลินจินสามารถร่ายได้นั้นมีไม่มากนัก ทั้งหมดมันเป็นเพราะหลินจินให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ ดังนั้นเมื่อจะต้องเลือกเรียนคาถา เขาจะใช้คาถาที่มีศักยภาพสูง ถ้าคาถาต่ำกว่ามาตรฐานของเขา เขาจะเลือกมองข้ามมันไป
หลินจินตั้งตารอที่จะรับข้อเสนอจากท่านชายซู ผู้ประเมินระดับห้า
“ผู้ประเมินซู ท่านต้องการเสนอคาถาอะไรเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้าหรือขอรับ?”
หลินจินปรับท่าทางของเขา และแววตาที่คาดหวังก็ปรากฏชัดเจนขึ้นในดวงตาของเขา
ท่านชายซูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
“ข้ามีคาถาเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างคาถาคลังเก็บของ หากผู้ประเมินหลินสนใจ เราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้”
‘คาถาคลังเก็บของ?’
หัวใจของหลินจินเริ่มเต้นแรง
คาถาคลังเก็บของจัดว่าน่าสนใจมาก และหลินจินก็จะพบว่ามันมีประโยชน์มากจริง ๆ
เนื่องจาก จำนวนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เขามีก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขายังมีสมบัติวิเศษอีกด้วย การพกพาพวกมันไปมา มันคงจะไม่สะดวกนัก
โดยปกติแล้ว เข็มของเขาโดยปกติจะซ่อนไว้ในแขนเสื้อ และเชือกผูกอมตะก็จะพันรอบข้อมือหรือเอวของเขา หากเขามีอุปกรณ์เพิ่มเติมในอนาคต เขาจะต้องหาทางจัดเก็บพวกมันอย่างเหมาะสม
ด้วยคาถาคลังเก็บของ เขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป
และด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงเกิดความสนใจที่จะรับข้อเสนอนี้
อย่างไรก็ตาม หลินจินหยุดตัวเองจากการแสดงความตื่นเต้นของเขา แม้ว่าคาถานี้จะค่อนข้างน่าสนใจ แต่ตัวเขายังอยู่ในกระบวนการต่อรอง หลินจินไม่สามารถเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาต้องการคาถาคลังเก็บของ มิฉะนั้น เขาจะสูญเสียผลประโยชน์ที่อาจได้รับไป
การที่ท่านชายซูเริ่มข้อเสนอข้อต่อรอง มันแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเทคนิคการฝังเข็มมากเพียงใด ดังนั้น หลินจินจึงรู้สึกว่าเขาสามารถดึงประโยชน์จากมันได้มากกว่านี้
หลินจินยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้ประเมินซู ความจริงแล้ว เทคนิคการใช้เข็มนี้สามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและการป้องกัน การใช้งานที่ดีที่สุดคือการรักษาทางการแพทย์ การรักษาเส้นเลือด และการฝังเข็ม เมื่อพิจารณาถึงความหลากหลายของการใช้งานแล้ว คุณค่าของมันคงไม่อาจเทียบได้กับคาถาคลังเก็บของของท่านเพียงอย่างเดียว”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ท่านชายซูจำเป็นต้องเพิ่มข้อเสนอของเขา
ซูเสี่ยวหลัวเริ่มสนใจเทคนิคการใช้เข็มของหลินจินมากขึ้น หลังจากคิดสักพัก เขาก็พูดว่า
“ข้าสามารถสอนการประเมินสัตว์วิเศษให้กับเจ้าได้”
หลินจินส่ายหัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะการประเมินของผู้ประเมินซูเหนือกว่าเขา แต่หลินจินมีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ถ้ามีเวลามากพอ ความรู้และทักษะของเขาก็จะแซงหน้าท่านชายซูในท้ายที่สุด
นี่คือสาเหตุที่หลินจินปฏิเสธข้อเสนอของเขา
ซูเสี่ยวหลัวเริ่มวิตกกังวล เขาครุ่นคิดอีกครั้งก่อนที่แววตาของเขาจะฉายแววประหลาดขึ้นมา
“ผู้ประเมินหลิน ลองดูสิ่งนี้สิ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยื่นฝ่ามือออกมา ซึ่งมีชิ้นส่วนเล็ก ๆ วางอยู่บนฝ่ามือนั้น
เมื่อหลินจินเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตกตะลึง
บนฝ่ามือของผู้ประเมินซูมีลูกปัดสีดำอยู่ ลูกปัดนั้นเล็กมากจนดูเหมือนไข่มุกสีหมึก
“นี่คืออะไรขอรับ?”
หลินจินไม่สามารถบอกได้ในตอนแรก แต่เนื่องจากผู้ประเมินซูได้นำเสนอมันด้วยตัวเอง มันจะต้องเป็นสิ่งของไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้ประเมินซูแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะอธิบายว่า
“นี่คือน้ำหมึกจักรวาลของข้า น้ำหมึกนี้มีค่ามากจนข้าเองก็มีมันไว้ในครอบครองไม่มากนัก”
“มันสามารถทำอะไรได้บ้างขอรับ?”
ความสนใจของหลินจินถูกกระตุ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ดูนี่สิ” ผู้ประเมินซูเอื้อมมือไปจับข้อมือของหลินจิน ชั่วพริบตาถัดมา พลังงานสีดำก็พุ่งพล่านใต้เท้าของพวกเขา และชายทั้งสองก็หายวับไป
จากมุมมองของหลินจิน โลกที่อยู่รอบตัวเขามืดลงชั่วขณะ เมื่อเขามองเห็นได้อีกครั้ง เขาก็ไม่อยู่ที่เรือนดอกท้ออีกต่อไป แต่กลับอยู่ในห้องใต้หลังคา
“ที่นี่คือ…”
เมื่อเห็นสถานที่แห่งค่อนข้างคุ้นตา หลินจินจึงมองลงไปตรวจสอบโครงสร้างของสามชั้นด้านล่าง
ศาลาประเมินอสูร
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ศาลาประเมินอสูรแล้ว
หลินจินตกใจอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าเรือนดอกท้อจะอยู่ไม่ไกลจากศาลาประเมินอสูรมากนัก แต่ก็ยังมีระยะทางหลายร้อยเมตร การสามารถเดินทางได้ไกลขนาดนั้นในพริบตาถือเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์สำหรับหลินจิน
“เป็นยังไงบ้าง? มันน่าทึ่งใช่ไหม?” ซูเสี่ยวหลัวดูพอใจกับตัวเอง “น้ำหมึกจักรวาลนี้มีประโยชน์มาก เมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิธีใช้งานมันแล้ว เจ้าแค่วาดมันบนกระดาษอะไรก็ได้ เพียงเท่านี้ เจ้าจะมีที่เก็บของขนาดหนึ่งห้องแล้ว นอกจากนี้ เจ้ายังสามารถเคลื่อนที่ผ่านภาพวาดได้ แม้ว่าจุดหมายจะอยู่ห่างหลายพันกิโลเมตร เจ้าก็สามารถไปถึงที่นั่นได้ในพริบตา เป็นไงล่ะ? มันคู่ควรกับเทคนิคการฝังเข็มของเจ้าหรือไม่?”
‘การเทเลพอร์ตผ่านภาพวาดงั้นเหรอ?’
หลินจินเริ่มตระหนักได้ เขามองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นว่าเขาและท่านชายซุกำลังอยู่ที่ชั้นสี่ของศาลาประเมินอสูร ซึ่งที่นี่มีภาพวาดแขวนอยู่มากมาย
นี่หมายความว่าเขาเพิ่งจะเทเลพอร์ตมาที่นี่พร้อมกับผู้ประเมินซูผ่านภาพวาดใช่ไหม?
ทันใดนั้น หลินจินก็สังเกตเห็นภาพวาดแปลก ๆ บนผนัง เป็นภาพของห้องหนึ่ง และภายในห้องนี้ก็มีภาพวาดอื่น ๆ อีกหลายภาพ ภาพหนึ่งว่างเปล่า ส่วนภาพที่สองเป็นภาพหญิงสาวในชุดสีเขียว
เธอดูคุ้นตามาก
ทันใดนั้น ผู้ประเมินซูก็เอื้อมมือไปจับข้อมือของหลินจิน และเทเลพอร์ตพวกเขากลับไปยังเรือนดอกท้ออีกครั้ง
ทันทีที่พวกเขาหายตัวไป ประตูชั้นสองของศาลาประเมินอสูรก็เปิดออก จงซื่อเฟิงออกมาและมองขึ้นไปชั้นบนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น เขาก็ส่ายหัวแล้วกลับห้องของเขา
หลินจินเคยอ่านในตำราโบราณว่าผู้อมตะสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ขุดอุโมงค์ใต้ดิน และเทเลพอร์ตไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตรได้
เขาเคยสงสัยว่าหนังสือเหล่านั้นอาจจะพูดเกินจริง แต่หลังจากผ่านประสบการณ์ครั้งนี้มา เขาก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่อยู่ในเรื่องเล่าในหนังสือนั้น มันคือเรื่องจริง
‘ฉันควรรับข้อเสนอของท่านชายซูหรือเปล่า?’
‘ถ้าฉันไม่รับ ฉันก็คงเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง!’
เทคนิคการค้นหาชีพจรอาจมีประโยชน์ แต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบได้กับความสามารถในการเทเลพอร์ตนี้ ถ้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา หลินจินเป็นฝ่ายชนะในข้อตกลงนี้
ต่อมาก็มาถึงคำถามสำคัญ เขาจะใช้น้ำหมึกจักรวาลชิ้นเล็ก ๆ นี้ได้อย่างไร?
“สำหรับการประทับความเป็นเจ้าของ ข้ามีตำราของมันอยู่ ซึ่งเนื้อหาภายในได้สอนวิธีใช้งานมัน ด้วยความสามารถของเจ้า มันไม่น่าจะยากต่อการทำความเข้าใจ”
ซูเสี่ยวหลัวหยิบหนังสือเล่มบาง ๆ ออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้หลินจิน
“ส่วนการใช้น้ำหมึกจักรวาลเพื่อเคลื่อนที่นั้น มันค่อนข้างยุ่งยากกว่าเล็กน้อย เจ้าจะต้องวาดภาพด้วยน้ำหมึก ขัดเกลา และปลูกฝังจิตวิญญาณของเจ้าลงในภาพวาดเสียก่อน เจ้าจึงจะใช้มันเพื่อเคลื่อนที่ได้”
เมื่อพูดจบ ซูเสี่ยวหลัวก็วางน้ำหมึกจักรวาลลงบนโต๊ะ
หลินจินคิดว่า
'ผู้ประเมินซูคงจะซ่อนภาพวาดไว้ที่นี่ ซึ่งทำให้เขาสามารถเทเลพอร์ตมาที่นี่ได้'
เขาจำได้ว่าเห็นภาพวาดบนผนังห้องโถงหลัก และอีกภาพหนึ่งในห้องทำงานของเขา
แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาพไหน และหลินจินก็ไม่มีเวลาคิดหาคำตอบในตอนนี้ สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดก็คือเขาต้องบรรลุข้อตกลงที่ได้เปรียบนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
หลินจินศึกษาการประทับความเป็นเจ้าของก่อน เนื่องจากตำรามีเพียงไม่กี่หน้า เขาจึงอ่านจบอย่างรวดเร็ว
ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจของหลินจิน เขาไม่ต้องใช้เวลามากในการย่อยข้อมูล ในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที เขาเข้าใจหลักการเบื้องต้นของคาถา
เขาจ้องดูน้ำหมึกจักรวาลบนโต๊ะแล้วหยิบเข็มออกมา เข็มแตะย้ำหมึกเล็กน้อยก่อนจะสร้างตราประทับลงบนแขนเสื้อของหลินจินอย่างรวดเร็ว