บทที่ 35 ขุนนางดินเหนียว
บทที่ 35 ขุนนางดินเหนียว
ความจริงแล้ว เหตุผลที่ชีปั๋วหรงกล้าตัดสินใจใช้ชื่อเสียงของทางราชการไปรับรองโรงแรมแห่งนั้น ก็เพราะได้รับคำสั่งมาจากหน่วยสืบสวนลับ
ส่วนสาเหตุที่หน่วยสืบสวนลับตัดสินใจเช่นนั้น เขาเองก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด
เขาเข้าใจความไม่พอใจของนายอำเภออินเป็นอย่างดี การที่ทางราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของโรงแรมแบบนี้ หากสุดท้ายแล้วโรงแรมแห่งนี้มีเรื่องอะไรที่ไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ทั้งเขากับนายอำเภออินจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน
นายอำเภออินเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นเท่าไหร่ ตราบใดที่ไม่กระทบต่อตัวเขาเอง เขาก็จะปล่อยให้คนอื่นทำทุกอย่างที่อยากทำ
แต่ครั้งนี้ “ขุนนางดินเหนียว”(1) อย่างเขากลับต้องออกมาคัดค้าน
นายอำเภออินถึงกับเดือดดาล จึงตบโต๊ะดังสนั่นอีกครั้ง “ไร้สาระ! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของเจ้าหรือ? ถึงแม้โรงแรมนั้นจะไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็ไม่ควรใช้ชื่อเสียงของทางราชการไปรับรอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบได้หรือไม่?”
ชีปั๋วหรงก้มศีรษะลง “ไม่ได้ขอรับ อย่างไรก็ตาม ท่านนายอำเภออิน ด้วยความสามารถของเถ้าแก่ท่านนั้น ข้าคิดว่านางไม่จำเป็นต้องใช้โรงแรมเพื่อก่อปัญหา ท่านคงยังไม่ทราบ เถ้าแก่มีวิชาชาญในการรักษาคนให้ฟื้นคืนกำลังวังชาได้ และน้ำพุร้อนในโรงแรมยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิด รวมถึงซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ฉีกขาดเสียหาย…”
“ซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ฉีกขาดเสียหาย?!” นายอำเภออินลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว กำหมัดแน่น ตาเบิกกว้าง เคราสีขาวสั่นระริก
“ใช่ขอรับ หากท่านนายอำเภออินสนใจ ก็สามารถลองไปใช้บริการได้ จากที่ข้าได้ยินมา น้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกอย่าง รวมถึงปัญหาเรื่องผมร่วง…”
สีหน้าของนายอำเภออินแปรเปลี่ยนไปทันใด ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม ขณะจ้องมองชีปั๋วหรงคล้ายกับจะกลืนกินอีกฝ่าย “เจ้าบอกว่าใครผมร่วง? ใครกันที่ผมร่วง?”
สิ้นเสียง เขารีบจับหมวกอย่างรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบว่าความลับของตนเองได้เปิดเผยออกไปหรือไม่
“ท่านนายอำเภออิน แน่นอนว่าข้าน้อยหาได้กล่าวถึงท่าน ท่านควรทราบข้อจำกัดด้วยว่า โอกาสที่จะรักษาด้วยน้ำพุร้อนมีเพียงครั้งเดียว หากเป็นเพียงโรคเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องเสียโอกาสอันมีค่าไป”
นายอำเภออินนั่งลงอีกครั้ง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่น “เจ้าเคยไปตรวจสอบโรงแรมนั้นด้วยตัวเองแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยได้เข้าพักที่โรงแรมเมื่อวันก่อน และพบว่าสิ่งต่าง ๆ ในโรงแรมนั้นแปลกประหลาดเกินกว่าจะจินตนาการได้” เขาเล่าถึงสิ่งที่ได้พบเห็นในโรงแรม
นายอำเภออินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วโบกมือเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว เจ้าไปได้”
“ขอรับ ท่านนายอำเภออิน ข้าน้อยขอลา” ชีปั๋วหรงโค้งคำนับแล้วเดินออกไป
นายอำเภออินนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัวที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่
แม้จะบอกว่าครอบครัว แต่แท้จริงมีเพียงภรรยาของเขาเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ส่วนลูก ๆ ต่างแยกย้ายออกไปสร้างครอบครัวของตนเองหมดแล้ว
เขาถอดชุดขุนนางออก เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา สวมหมวกปิดหน้า เตรียมเหรียญเงินจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากประตูหลังของศาลากลาง
ในสวนหลังบ้าน ภรรยาของเขานั่งอยู่ในศาลา ขณะกำลังเพลิดเพลินกับมันฝรั่งทอดและน้ำอัดลม
ถูกต้อง ความจริงแล้วโรงแรมแห่งนั้นได้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของเขานานแล้ว ตัวเขาเคยลิ้มลองอาหารเลิศรสจากที่นั่นบางส่วน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และหม้อไฟสำเร็จรูป
แต่เขายังคงเกรงกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น และคงจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว
“หยุดนะ! นั่นเจ้าจะไปไหน?”
ถึงแม้จะสวมหมวกปิดหน้า แต่ภรรยาก็ยังสามารถจำเขาได้ทันที
นายอำเภออินชะงักฝีเท้า แล้วตอบอย่างลังเลว่า “โรงแรมแห่งนั้นมีบริการบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งสามารถซ่อมแซมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงเส้นลมปราณด้วย”
“ซ่อมแซมเส้นลมปราณได้?” ภรรยาของเขากำลังถือมันฝรั่งทอดอยู่ จู่ ๆ มือสั่นเทาจนมันฝรั่งทอดแตกเป็นเสี่ยง “เจ้าแน่ใจหรือ? แต่ว่า…” เธอดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมาก มีใบหน้ากลม ดวงตาโต ผิวขาวละเอียด ผิดกับนายอำเภออินที่ดูแก่เกินวัย “มันผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว ยังจำเป็นอีกหรือ?”
นายอำเภออินกำหมัดแน่น “ใช่ มันจำเป็น”
ภรรยาของเขานั่งพิงพนักเก้าอี้ และยกมือขึ้นเท้าคาง “สามสิบกว่าปีแล้ว เจ้าแก่ตัวลงมาก ถึงแม้จะฟื้นฟูความสามารถกลับมา แต่มันจะทำอะไรได้อีกเล่า? เจ้าคิดว่าจะสามารถฟื้นคืนจิตวิญญาณความเยาว์เหมือนเมื่อก่อนได้หรือ?”
นายอำเภออินสีหน้าหมองหม่น ยกมือขึ้นมาดึงหมวกปิดหน้าให้กระชับขึ้น “แล้วอย่างไร? นั่นหาได้เกี่ยวกับเจ้าไม่”
ภรรยาของเขาเลิกคิ้วแล้วกลอกตา “ดูเจ้าสิ ปีแล้วปีเล่า เจ้าสูญเสียจิตวิญญาณดั้งเดิมไปเนิ่นนานแล้ว ทุกวันนี้เจ้าไม่เคยเอาจริงเอาจังกับสิ่งใด พอเจอเรื่องอะไรก็รีบถอยหนี ไม่กล้าออกหน้ารับผิดชอบเลยสักนิด ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะฟื้นฟูความสามารถกลับมา เจ้าจะกล้ายืนหยัดได้อย่างไร? อนิจจา ศิษย์เอกผู้หยิ่งผยองแห่งสำนักปีกวิญญาณ จะหวนกลับคืนมาอีกได้อย่างไร”
นายอำเภออินโกรธจัด “หากดูแคลนข้าขนาดนั้น แล้วเหตุใดจึงยังอยู่กับข้าอีก?”
ภรรยาของเขากลอกตา “แล้วเจ้าจะให้ไปไหน? ข้าแค่อยากที่นี่เท่านั้นเอง”
นายอำเภออิน “…”
เขาเดือดดาลใจจนร่างกายสั่นสะท้าน สะบัดแขนเสื้ออย่างแรงและมุ่งหน้าเดินออกจากสวนหลังบ้าน
เพียง 1 เค่อ เขาก็เดินออกจากประตูเมืองทางทิศใต้ และมาหยุดอยู่ตรงหน้าโรงแรมเซียนหยวน
โรงแรมเป็นอาคารสามชั้น สร้างจากหินสีขาวขนาดใหญ่ หน้าต่างและประตูทำจากกระจกใส
นายอำเภออินหยุดยืนพลางมองดูผู้คนที่เข้าออกโรงแรมอย่างต่อเนื่อง
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชีปั๋วหรงกล่าวไว้จริง ๆ ภายในโรงแรมดูหรูหราราวกับตำหนักทองคำบนสวรรค์ชั้นฟ้า
เขาสำรวจไปรอบ ๆ และพบว่าล็อบบี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย จึงเดินไปยังห้องข้าง ๆ ที่เห็นว่ามีคนอยู่แทน
บรรยากาศภายในห้องนั้นคึกคัก โต๊ะและเก้าอี้ถูกจับจองแล้วทั้งหมด บางคนต้องยืนทานอาหาร ทว่าไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจ
“คนที่เส้นลมปราณเสียหายเหรอ? เถ้าแก่ โปรดวางใจ ข้าน้อยจะช่วยท่านสืบค้นเรื่องนี้เอง อย่างไรก็ตาม ข้าลงมาชั้นล่างเพื่อสั่งบะหมี่เย็นย่างเพิ่มอีก 2 ที่ ไม่สิ… เพิ่มอีก 4 ที่ขอรับ”
นายอำเภออินหันไปมองตามเสียง พบว่าผู้ที่กล่าวคำเมื่อครู่คือกัวอวี่ฉือ หมออาวุโสแห่งหุบเขาการแพทย์
ส่วนหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างกัวอวี่ฉือคงจะเป็นเถ้าแก่โรงแรม
เธอสวมใส่เสื้อผ้าแปลกตา ผิวพรรณผ่องใส ดูโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น ๆ ราวกับอยู่คนละโลก
ทันใดนั้น ก็มีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งแทรกขึ้นมา
“เถ้าแก่ขอรับ ท่านกำลังตามหาผู้ที่เส้นลมปราณเสียหายใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่เอ่ยถามพวกเราเล่า? บังเอิญว่าพวกเรารู้จักคนแบบนั้นพอดี!”
“เถ้าแก่ หากพวกเราช่วยท่านพาคนคนนั้นมา ท่านจะตกรางวัลแก่เราหรือไม่?”
“เถ้าแก่ อาหารร้านท่านราคาแพงนัก ลดให้เราบางส่วนได้ไหม?”
“ใช่ ๆ พวกเราแทบไม่เหลือเงินซื้ออาหารกินแล้ว หากช่วยพาคนที่ท่านต้องการมาได้ ท่านให้เราทานโดยไม่จ่ายเงินสักมื้อได้ไหม?”
เฟิงหยวนหนิงยังคงนิ่งเงียบ
ถ้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อย ก็อาจจะกลบเกลื่อนไปได้ แต่ถ้าจะยอมเสียสละเพื่อเรื่องนี้ ก็อาจจะทำให้ลูกค้าสงสัย
ขณะนั้นเอง เคอปิงหลิงหัวหน้าหน่วยสืบสวนลับก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงก้าวออกมาช่วยเหลือ “เถ้าแก่เพียงแค่ถามไปด้วยเจตนาดี แต่พวกเจ้านี่สิ กล้าดีอย่างไรจึงมาขู่เข็ญนางเช่นนี้ ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่าสามารถหาคนที่เส้นลมปราณเสียหายมาได้ และอยากจะทานอาหารสักมื้อเป็นการตอบแทน ย่อมได้ มื้อนี้ข้าจักเลี้ยงเอง”
นายอำเภออินสำรวจรอบห้องอีกครั้ง พบว่ามีสมาชิกของหน่วยสืบสวนลับอยู่เป็นจำนวนมาก เขารู้สึกตื่นเต้นและรีบปรับหมวกให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ใครจดจำเขาได้
เขาพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงภรรยาของเขาดังขึ้นจากด้านหลัง “มองหาผู้ที่เส้นลมปราณเสียหายหรือ? เช่นนั้นแล้ว ไม่ลองหันมามองดูบุรุษที่ยืนอยู่ตรงนี้หน่อยล่ะ?”
……….……….……….……….
• 泥塑縣令 สำนวนหมายถึง ขุนนางที่เหมือนรูปปั้นดินเหนียว คือ ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว ไม่กล้าตัดสินใจ หรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น