บทที่ 38 ถ้าได้ค่าประสบการณ์ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
“เมื่อเช้านี้ก็มีคนโดนบำบัดไปแล้วกว่าสิบคนนะ? ทำไมยังมีหาเรื่องตายอยู่อีก?”
อันเฟิงโน้มตัวลงและแตะผู้เล่นที่ถูกดาบของโจวเจ๋อชวนแทงตาย
“นายไม่อยากได้ดาบสองเล่นนี้หรอ”
สตาร์คมองไปหาอันเฟิง
“ไม่…ยังไม่เข้าใจเกมนี้อีกหรอ?”
อันเฟิงส่ายหัวแล้วพูดต่อว่า "พวกนายไม่เห็นเหรอว่า NPC เกมนี้เหตุผลที่มีคือการลดความยากของเกมให้เรา"
“หากไม่มีรางวัลภารกิจจาก NPC ไม่มียาที่ซื้อจาก NPC และมีเพียงแค่หาเสบียง นายคิดว่าจะมีกี่คนที่ยังเล่นอยู่?”
พี่ชวนฮั่วที่มุมห้องยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ
“วางมือลง! นายเป็นส่วนหนึ่งของเกม และยิ่งโดนทรมาณมากเท่าไร นายก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น!”
“ฉันเชื่อว่าไม่มีใครนอกจากพี่ชวนฮั่วอยากอยู่ในวันสิ้นโลกแบบนี้ตลอดไปใช่ไหม?”
“โชคดีที่เกมนี้มีกลไกในปกป้อง NPC มิฉะนั้น หากผู้เล่นฆ่า NPC ไปละก็เกมนี้เราจบแน่!”
อันเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อ: "พูดตามตรง ฉันก็โลภอยากได้อุปกรณ์ NPC เหมือนกัน
แต่ฉันรู้ว่าการพยายามฆ่าเขาตอนนี้จะต้องส่งผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน
นายใช้สมองและหยุดทำสิ่งโง่ ๆ ชั่วคราวตอนนี้แล้วค่อยทำที่หลังไม่ได้หรือไง? "
“แล้ว...ถ้ามีกลไกป้องกัน NPC แล้วเราจะฆ่า NPC ได้ยังไง?”
ผู้เล่นบางคนอดไม่ได้ที่จะถาม
“นายทำเองไม่ได้ ก็ลากมอนมาสิ!”
ก่อนที่อันเฟิงจะได้พูด ผู้เล่นที่อยู่ข้างๆ เขาก็โพล่งคำตอบออกไป
โจวเจ๋อชวน: "???"
คิดจะฆ่าฉันได้ยังไงกล้ามาคุยกันต่อหน้าฉัน?
มันจะอุกอาจมากไปแล้ว!
แทงไปอีกสองครั้ง ตอนนี้เหลือ 27 คนในทีม 30 คน
“หย่าพูด! อย่าเพิ่งหาเรื่องตายตอนนี้เลย!”
อันเฟิงถอนหายใจลึกๆ
เขารู้สึก...เหนื่อยมาก
............
ทั้ง 27 คนและโจวเจ๋อชวนได้ปรับรูปแบบใหม่และมุ่งหน้าลึกเข้าไปในสถานีรถไฟใต้ดิน
ทุกอย่างก่อนหน้านี้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากผ่านประตูตรวจตั๋วแล้ว ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาพบพวกเขา
“นกพิราบกลายเป็นวิญญาณ! นายมาที่นี้ทำไม?” อันเฟิงถามอย่างสงสัย
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายลงมาได้ยังไง”
นกพิราบกลายเป็นวิญญาณและเกาคอของเขา "ฉันจำได้ว่าประตูม้วนทางเข้าทั้งหมดถูกล็อคไว้"
“พังประตูก็น่าจะพอแล้ว?” สตาร์คที่อยู่ด้านข้างพูดแทรก: “นายมานี้ นายอยากขโมยค่าประสบการณ์หรอ?”
“เฒ่าซือ นายกล้าบอกได้ยังว่าขโมยค่าประสบการณ์หรอ!”
นกพิราบกลายเป็นวิญญาณและพูดด้วยความโกรธ: "ฉันแบ่งปันพิกัดของปีศาจราตรีให้ เพื่อที่จะช่วยกันฟาร์มแต่นายกระตุ้นภารกิจได้แต่ไม่เอาฉันมาด้วย? !
นายมันก็ไม่ต่างกันหรอก!
ฉันละอยาก PK กับนายตรงนี้เลยเฒ่าซือ! "
“อย่าหาคนผิด มันไม่ใช่ความผิดของฉัน!”
สตาร์คชี้ไปที่อันเฟิงข้างๆ เขา "มีคนพบว่ามันลำบากและไม่อยากรอนานเกินไป เขาเลยส่งข้อความลงกลุ่มใครมาก่อนได้ก่อน”
“จากนั้น เราก็ได้ทีมที่พร้อมชิบหายมาโจมตี”
“อะแฮ่ม...อะไรนะ สถานการณ์ในถ้ำปีศาจราตรีเป็นยังไงบ้าง?”
อันเฟิงที่รู้ว่าเขาผิด รีบหักเหความสนใจอย่างรวดเร็ว
นกพิราบกลายเป็นวิญญาณ มองไปที่อันเฟิง หยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า:
“มีผู้เล่นหลายคนเข้าไปในอุโมงค์ และยิ่งพวกเขาเข้าไปไกลเท่าไร ปีศาจราตรีก็มีจำนวนมากขึ้นเท่านั้นคิดว่าเราต้องเดินอีกใครถึงจะไปถึงรังปีศาจราตรี”
เมื่อได้ยิน สตาร์คก็หันหัวและมองไปที่อุโมงค์:
“นี่... ครั้งนี้มันยากที่จะชนะ ฉันหลบการพุ่งกระโดดของปีศาจราตรีในอุโมงค์ไม่ได้ ทำได้แค่ป้องกันและคนเดียวที่รับความเสียหายได้ในครั้งนี้คือหมั่นโถวบัควีท”
“ฮ๊ะ ตั้ง 30 คนมีแทงค์คนเดียวหรอ!” นกพิราบกลายเป็นวิญญาณ ตกตะลึง
“อะแฮ่ม...ไม่สำคัญว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นหรือไม่”
อันเฟิงโบกมือแล้วพูดว่า "คราวนี้เรามาที่นี้ แค่เราได้ค่าประสบการณ์ก็ถือว่าสำเร็จแล้วล่ะ"
“เตรียมตัวให้พร้อม” อันเฟิงมองดูเพื่อนร่วมทีมและกระตุ้น
ทุกคนในทีมพยักหน้าและเริ่มตรวจสอบสถานะส่วนตัวของพวกเขา
หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องพลังกาย ความแข็งแกร่ง สติ ความทนทานของอุปกรณ์ ฯลฯ ให้ยกมือรายงาน
ไม่นานคน 27 คนก็กระโดดเข้าอุโมงค์
“แล้วนายล่ะ?” สตาร์กมองไปที่นกพิราบแล้วถามว่า “ไม่มาด้วยกันหรอ?”
“เราแค่อยากได้ค่าประสบการณ์ แน่นอนว่าเราต้องรอให้พวกนายเข้าไปจัดการความเสี่ยงก่อนเข้าไป”
นกพิราบกลายเป็นวิญญาณ เขาปรบมือแล้วพูดว่า "ยังไงก็เถอะ ถ้านายตายแล้วของตก อย่าลืมบอกฉัน ฉันอยากได้งานพิเศษอยู่"
สตาร์คใช้นิ้วชี้ไปนกพิราบ: "ไอไอ.. เอาล่ะ... ถ้าฉันตายจริงๆ ช่วยฉันเก็บปืนพกด้วย"
“ปราบเทพ คนพวกนี้ไม่ใช่คนในกลุ่มของคุณเหรอ? คุณรู้สึกยังไง…” หลางจื่อฮุย กระซิบไปด้านข้าง
“รู้สึกเหมือนเราโกงกันใช่ไหมล่ะ?” สตาร์คตอบด้วยรอยยิ้ม: “ในกลุ่มเรามีผู้เล่นทั้งหมด 233 คน แม้ว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนกัน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เราโกงกันทุกครั้งตอนเล่นเกม”
“และนี้ มันน่าสนใจกว่าใช้ไหมล่ะ?”
สตาร์คยกคางขึ้นแล้วพูดว่า "ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว!"