บทที่ 105 ละครสั้น (5)
[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]
[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]
[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]
บทที่ 105 ละครสั้น (5)
[ “‘A:ฮันอินโฮ’ การอ่านบทเสร็จสิ้นแล้ว” ]
" ‘A:ฮันอินโฮ’ การอ่านบทเสร็จสิ้นแล้ว" เสียงผู้หญิงคล้ายหุ่นยนต์ที่คุ้นเคยดังขึ้น คังวูจินซึ่งเพิ่งได้สัมผัสชีวิตของ ‘เพื่อนชาย’ ผ่านการอ่านบท ก็ได้กลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
ห้องอ่านบทเต็มไปด้วยนักแสดงและทีมงาน ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการตรวจสอบบทที่ปรับปรุงใหม่
คังวูจินมองไปรอบๆ ห้อง
-ฟึบ.
ฮวาลินกำลังหวีผมยาวของตัวเองไปพร้อมกับดูบทที่เพิ่งได้รับ นักเขียนชเวนานากำลังสนทนากับผู้กำกับชินดงชุน นักแสดงแต่ละคนดูตื่นเต้น ผู้เกี่ยวข้องต่างพากันกระซิบกระซาบ และมีนักข่าวประมาณ 4-5 คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
“······”
ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว คิดว่าเขาจะกลับมาจากการใช้ชีวิตในฐานะ ฮันอินโฮ
แต่สำหรับคนอื่นๆ มันอาจเป็นเพียงแค่เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่สำหรับเขา มันคือการได้ใช้ชีวิตในโลกของฮันอินโฮอย่างเต็มเปี่ยม เขาจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาได้อย่างแม่นยำ
‘รู้สึกแปลกๆ นะ อธิบายไม่ถูกเลย’
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านบทของฮันอินโฮ แต่คังวูจินรู้สึกได้อีกครั้งว่ามันต่างจากงานอื่นๆ หลังจากที่อ่านบทเสร็จอย่างเช่น นิติจิตวิทยาที่มี รองหัวหน้าพัคนั้น เขายังต้องคอยปลอบตัวเองตลอดเวลา
มันเหมือนเขายึดติดกับคอนเซ็ปต์หรือภาพลวงตาของตัวละคร แต่ก็เพราะแบบนี้แหละ มันจึงทำให้เขาประคับประคองตัวเองได้
แต่ฮันอินโฮนั้นเหมือนจะเป็นตัวละครที่ดูอบอุ่นๆ เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย กลับกันต่างหาก เขารู้สึกอบอุ่นกับบทตัวละครนี้มาก โลกของฮันอินโฮที่ดูชัดเจนนั้นทำให้สนุกไปด้วย ใครๆ ก็เคยคิดหรืออยากย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่เป็นนักเรียนหรือตอนเรียนมหาวิทยาลัย
อาจจะเป็นเพราะพลังอันเยี่ยมยอดของวัยรุ่นนั้นแทรกซึมเข้ามาในตัวหรือเปล่านะ?
‘จะให้เล่นแต่บทแนวนี้ตลอดก็คงไม่ใช่ แต่แน่นอนว่ามันดีกว่าถ้ามีอะไรที่หวานๆ สลับไปบ้าง’
คังวูจินก็อยากให้ตัวเองเล่นผลงานแนวสดใสบ้าง เพื่อทั้งด้านจิตใจและความรู้สึกด้วย ณ ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าความรู้สึกดี ๆ แบบนี้จะคงอยู่ได้ตลอดหรือเปล่าน่ะ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันหรอก แต่หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เขาคงจะใช้มิติว่างเปล่าเผื่อเอาไว้เวลาที่จิตใจเขาห่อเหี่ยว
ดูเหมือนว่าตอนนี้ คังวูจินกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว ทั้งด้านจิตใจและความคิด
ระหว่างนั้นเอง…
“เตรียมพร้อมกันรึยัง ถ้าทุกคนอ่านบทปรับแก้แล้วงั้นเริ่มกันเลยไหมครับ?”
ผู้กำกับชินดงชุนที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะรูปตัวㄷพูดบอกให้เริ่มการอ่านบท ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวฝ่ายประชาสัมพันธ์ต่างหันมาเล็งกล้องไปที่โต๊ะอ่านบททันที ส่วนทีมงานอีกหลายสิบคนก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพวกคนจากค่ายผลิตและ Netflix
ในนั้น คิมโซฮยาง ผู้จัดการทั่วไปตัวอวบอ้วนหันไปกระซิบกับทีมงานข้างๆ
“แค่การอ่านบทคงไม่นาน แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าโรแมนติกคอมเมดี้ของวูจินจะออกมาเป็นยังไง”
“นั่นสิ เห็นว่ารองหัวหน้าพัคในนิติจิตวิทยานั่นสุดมากเลยนะ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาน่ะมาแค่ช่วงแรกเท่านั้น คราวนี้ก็คงเปลี่ยนแปลงทันทีเหมือนกับที่ผ่านมาใช่ไหม”
“‘ฮันอินโฮ’ นี่ต้องเป็นตัวละครที่กวาดใจสาวๆ ไปแน่ๆ และไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงอย่างเดียว แต่ยังเข้ากับคุณวูจินมาก งานนี้ภาพลักษณ์ของวูจินจะดูหลากหลายขึ้นไป 100%เลย”
“แน่นอนที่ผ่านมาเขาก็แสดงบทร้ายแบบรองหัวหน้าพัค แต่บทนี้วูจินจะพลิกบทบาทมาเป็นหนุ่มในฝันแบบฟินๆ ไปเลย”
“วูจิน ก่อนที่ตารางงานของคุณจะแน่นเอี๊ยด ผมอยากให้ลองดูบทใหม่ๆ เพิ่มอีกหน่อย เราลองดูบทโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดูดีหรือบทภาพยนตร์หน่อยมั้ย”
“พรุ่งนี้ผมจะเช็คดูให้นะครับ”
ตอนนี้ถึงเวลาเปิดตัวตัวละครหลักของ ‘เพื่อนชาย’ แล้ว เริ่มจากผู้กำกับชินดงชุนที่แนะนำตัว ตามด้วยนักเขียนชเวนานา แล้วก็ถึงคิววูจิน
“ส่วนนี้พระเอกของเรานะครับ”
วูจินลุกขึ้นยืนอย่างนิ่งๆ ทักทายนักแสดงและทีมงาน
“สวัสดีครับ ผม คังวูจิน มารับบท ฮันอินโฮ จะตั้งใจทำเต็มที่ครับ”
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ
ฮวาลินรับช่วงต่อ
"ฉัน ฮวาลิน ผู้รับบท อีโบมิน ค่ะ- วันนี้เจอกันครั้งแรกอาจจะดูเขินๆ หน่อย แต่หวังว่าเราจะถ่ายทำได้สนุกสนานนะคะ ขอบคุณค่ะ"
เสียงปรบมือดังอีกครั้ง แสงแฟลชจากเหล่าช่างภาพกระหน่ำลงมา ตามมาด้วยการแนะนำตัวของนักแสดงคนอื่นๆ ในจังหวะนั้น ประตูห้องอ่านบทที่เคยปิดอยู่ก็เปิดออก เผยให้เห็นชายผมรวบตึง
เขาคือชเวซองกุนที่หายไปตั้งแต่เมื่อกี้
ฟึบ
ชายหนุ่มเหล่ตามองไปมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ทางเข้าร่วมกับคนข้างกาย หญิงวัยกลางคนสวมหน้ากากสีขาว ทรงผมยาวถักเปียดูคุ้นตา โชคดีที่ตอนนั้นยังคงมีการแนะนำตัวอยู่ เลยไม่มีใครสนใจเขาสองคนมากนัก ทันใดนั้น ชเวซองกุนก็หันไปพูดกับผู้หญิงด้านข้าง
"น่าจะยังไม่สายเกินไปนะครับ คุณพัค"
"ขอโทษค่ะ รถติดมากจริงๆ"
"ไม่เป็นไรครับ"
คนที่นั่งกลาง คนคนนั้นคือพัคอึนมี นักเขียนชื่อดังที่กำลังพักผ่อนหลังจากเขียนนิติจิตวิทยาจบไปแล้ว เธอมีค่าตัวพุ่งสูงขึ้นเป็นหลายเท่าจากการเขียนนิติจิตวิทยา เหตุผลที่เธอมาที่งานอ่านบทของ ‘เพื่อนชาย’ นั้นง่ายมาก
“ดูจะตื่นเต้นหน่อย ๆ แต่หนูนานาทำได้ดีมากเลย ชื่นชมจริงๆ”
เธอมาให้กำลังใจนักเขียนชเวนานา ผู้ช่วยนักเขียน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เหตุผลเพียงอย่างเดียวของพัคอึนมี พัคอึนมีมองไปยังคังวูจินที่นั่งอยู่ตรงบริเวณหน้าที่นั่งด้านซ้ายถัดจากนักเขียนชเวนานา
‘โทเทม······ไม่สิ คุณวูจินมาเล่นโรแมนติกคอมเมดี้ครั้งแรกเลย ฉันต้องมาดูเองหน่อยสิ’
เธอต้องการจะมาดูคังวูจินแสดงด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ดูจากวิดีโอที่ตัดต่อแล้วต้องมาดูการแสดงแบบสดๆ ของเขากับโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องแรก เพราะมันเป็นนิสัยของพัคอึนมี
‘จะเขียนบทให้คนแสดง ฉันก็ต้องดูคนแสดงหลายๆ แบบ’
แล้วพัคอึนมีก็เลือกคังวูจินเป็นตัวเลือกแรก เพราะเธอไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่แล้ว
เธอหันไปกระซิบกับชเวซองกุนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“CEOชเว คังวูจินมีตารางงานในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าหรือเปล่าคะ”
ชเวซองกุนหัวเราะเบาๆ แล้วตอบอย่างผ่อนคลาย
“ผมจะตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบนะครับ คุณพัคอึนมี หรือว่าคุณพัคอึนมีคิดเรื่องงานเขียนชิ้นต่อไปอยู่หรือเปล่าครับ?”
“แน่นอนสิค่ะ ฉันขอร้องให้ติดต่อมาหาฉันก่อน PDซง นะคะ”
“อย่างนี้แสดงว่าพวกคุณคงไม่ได้ร่วมงานกันอีกสักพักสินะครับ”
“เรารู้กันอยู่แล้วนี่ว่าการร่วมงานกันอีกครั้งไม่ดีต่อเราทั้งคู่ค่ะ เพราะคนอื่นจะเอาไปเปรียบเทียบกับนิติจิตวิทยาตลอดเวลา”
พวกเขายังคงเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แต่ตอนนี้นักเขียนพัคอึนมีและผู้กำกับซงมันวูกำลังจะกลายเป็นคู่แข่งกัน อาจจะนะหรืออาจจะแน่ ๆ เพราะทั้งคู่จะต้องแย่งชิงคังวูจินสำหรับผลงานต่อไป
ชเวซองกุนมั่นใจมาก
'ฉันจะต้องควบคุมพวกเขาทั้งหมดให้ได้'
หากเขาสามารถควบคุมคนใหญ่คนโตเหล่านั้นได้ ก็จะมีแต่ผลดีสำหรับเขา
ไม่นานนัก
เสียงพลิกกระดาษดังก้องไปทั่วห้องอ่านบท คังวูจิน รวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ต่างก็พลิกบทของตัวเอง จากนั้นผู้กำกับชินดงชุนก็เริ่มต้นขึ้น
“S#1. ใต้ต้นซากุระที่เรียงรายกันมีผู้คนจำนวนมาก ฮันอินโฮและอีโบมิน ก็รวมอยู่ด้วย”
ขณะที่ผู้กำกับชินดงชุนกำลังอ่านบท สายตาของชเวนานา นักเขียนรูปร่างผอมสูงมองไปที่คังวูจิน ใกล้ๆ
'ใจแทบสั่นแล้ว เขาจะแสดงยังไงกันนะ'
เพราะมันคือความคาดหวังที่พุ่งพล่าน นี่มันคือการแสดงที่ทำให้แม้แต่พัคอึนมี อาจารย์ผู้เขียนบทที่มัก ไม่แม้แต่จะเหลียวมองนักแสดงยังต้องอ้าปากค้าง
แน่นอน เธอไม่ได้เป็นคนเดียวที่จ้องมองคังวูจินในตอนนี้ เหล่านักแสดงคนอื่นๆ ก็พากันเหล่ วูจินที่ดูเรียบเฉย
‘เฮ้ย นี่มันธรรมดามากๆเลย เค้าจะมาเบาๆ งี้จริงดิ โรแมนติกคอมเมดี้เป็นครั้งแรกของเค้าสินะ อืม สงสัยเขาอาจจะเกร็งไปหน่อย’
‘ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ว่าแต่ทำไมเขาไม่เตรียมตัวอะไรเลย?’
‘ไม่ได้ดึงอารมณ์เลยแฮะ แถมดูเฉยชาเกินไปด้วย เค้าเป็นอะไรเนี่ย สภาพร่างกายไม่ดีหรอ’
เพราะอยากสัมผัสกับฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขา ทุกคนจึงอยากเห็นพลังทำลายล้างแบบนั้นกับตาตัวเอง และนั่นคือความรู้สึกเดียวกันกับของผู้อำนวยการทั่วไปคิมโซฮยาง ชเวซองกุน นักเขียนพัคอึนมี บริษัทผู้ผลิต และบรรดาผู้สื่อข่าวพวกเขาต่างรู้สึกเช่นนั้น และยิ่งเป็นคนที่มาเจอกับเขาเป็นครั้งแรกก็ยิ่งรู้สึกอย่างนี้หนักกว่า
อีกด้านหนึ่ง ตัววูจินต้องนั่งแบบเข็มทิ่มเบาะ ตัวเขาก็รับรู้ถึงสายตามากมายที่จดจ้องอยู่
‘โอ้โห รู้สึกหวิวๆ นะเนี่ย ตำแหน่งพระเอกนี่ลำบากจริงๆ จะจ้องฉันทำไมกันเนี่ย’
ความตึงเครียดก็เริ่มเพิ่มขึ้น แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความหนักหนาของตำแหน่งพระเอก เพียงแค่ต้องทำตัวให้นิ่ง และคิดถึงฮันอินโฮเท่านั้น เช่นเคย คังวูจินนึกถึงเพียงแค่คอนเซปต์ของเขา และการแสดง ทั้งหมดมีเพียงสองอย่างเท่านั้น
ต้องทำให้มันคุ้นชิน ทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ตรงไปตรงมา
ฮันอินโฮ ธรรมดา แต่พิเศษ ไม่มากไป แต่ต้องทำให้แปลกและโดดเด่น
วูจินดึงเอาฮันอินโฮที่ตราตรึงไว้ในใจออกมาทันที
ความรู้สึก อารมณ์ ความคิด การแสดงออก ทุกอย่างพลิกผัน
ในไม่ช้า สิ่งที่วูจินเห็นค่อยๆ เปลี่ยนไป
สถานที่อ่านบทกลายเป็นแถวต้นซากุระ
นักแสดงนับสิบกลายเป็นฝูงชนที่มาเที่ยวชมดอกไม้
อุณหภูมิภายในที่อบอุ่นกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นของจริง
ที่นี่ เสียงกระซิบของผู้กำกับชินดงชุนดังขึ้น
“ฮันอินโฮมองอีโบมินที่กระโดดไปมาอยู่ไม่ไกลตรงหน้าอย่างลึกลับ ดูเหมือนจะอบอุ่น แต่ก็เหมือนกับว่าไม่ใช่”
- ฟึบ
วูจินที่กำลังอ่านบท ลืมตาขึ้นมองฮวาลิน ฝั่งตรงข้าม
แต่ไม่ใช่ฮวาลิน
ในสายตาของวูจินตอนนี้คือ อีโบมินที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหน้า
แล้วก็เอียงคอเล็กน้อย
“······”
การแสดงออกทางสายตาของคังวูจินเปลี่ยนไปในทันที เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว สีของอารมณ์ที่อยู่ในสายตาของทุกคนนั้นลึกลับยิ่ง
ณ ขณะนี้เอง
“!!!”
นักแสดงหลายคนแสดงความประหลาดใจออกมาเบาๆ
‘ว้าว- มันอะไรกันเนี่ย อารมณ์พุ่งขึ้นขนาดนี้’
‘ความมีชีวิตชีวานี่มัน… แค่การแสดงออกทางสายตาเพียงครั้งเดียวนี่ทำไมถึงรู้สึกเหมือน ฮันอินโฮยืนอยู่ตรงหน้าฉันเลย’
‘ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง- แต่ในสายตาของเขา มันมีอารมณ์มากมายเต็มไปหมดจริงๆ โคตรเจ๋งเลย คังวูจินนี่… อ้อ… นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเก่งๆ ถูกใจเขานี่เอง’
เพียงแค่การแสดงออกทางสายตาเท่านั้น เพียงการแสดงครั้งสั้นๆ ครั้งเดียว คังวูจินก็เปลี่ยนบรรยากาศของห้องไป อารมณ์แข็งทื่อที่แผ่ออกมาตั้งแต่แรกหายไป ไม่ใช่วูจินที่แผ่ความหยาบกระด้างออกมา มันคือความอบอุ่นแปลกๆ ที่เป็นของฮันอินโฮ
เหมือนแมวที่มีนิสัยไม่ชอบเจ้าของ
ก้าวร้าว แต่ก็เกลียดไม่ได้ ผู้กำกับชินดงชุนกับฮวาลินต่างก็พูดต่อบทกับคังวูจินต่อกัน
“เฮ้! ฮันอินโฮ!”
“ฮันอินโฮหันมา อีโบมินวิ่งเข้ามาทันที อีโบมิน อุ้มดอกซากุระเต็มสองมือมาโชว์ฮันอินโฮ”
วูจินหันไปมองฮวาลินแล้วไอเบาๆ หลีกหนีสายตาไป บรรยากาศแปลกๆ ที่อยู่บนใบหน้าของเขาหายไปในทันทีที่ เหลือแค่ความรำคาญ
“อะไรของเธอเนี่ย”
“อ้า! ลองดมกลิ่นสิ กลิ่นหอมๆ”
คังวูจินกับฮวาลิน คุยกันไปมา ผู้กำกับชินดงชุนพูดต่อ
“ฮันอินโฮถอนหายใจ แต่อีโบมินยังยัดดอกซากุระเข้าไปใกล้ฮันอินโฮ ฮันอินโฮได้แต่ต้องดม อีโบมินก้มหน้าลง ดวงตาของเขาดันเผลอไปสัมผัสกับริมฝีปากของอีโบมิน
พออ่านจบ คังวูจินก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตาเขาไปหยุดอยู่ที่ฮวาลิน เธออยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เขามองเธอยาวนานไม่ได้ เพียงแค่แวบไป แวบมา แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แล้วจู่ๆ ...
“······”
สุดท้ายเขาก็จ้องฮวาลินไม่ละสายตา ราวกับจดจ้องเข้าไปในจิตวิญญาณ แววตาของเขายังคงสื่อสาร แม้จะเหมือนกัน แต่ก็ต่างกัน ผสมผสานกันจนอ่านไม่ออก มันทั้งห่วง ทั้งกังวล ทั้งท้อแท้และเศร้าโศก ทั้งหมดอยู่รวมกัน มันเหมือนระเบิดอารมณ์ของเขาออกมาในคราวเดียว
แล้วจู่ๆ วูจินก็ยิ้ม แต่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มเล็กๆ ระหว่างความเรียบเฉยกับรอยยิ้มธรรมดา มันเป็นความรู้สึกที่บ่งบอกว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
อารมณ์ของเขามันชัดเจนแล้ว
เมื่อครู่ที่ผ่านมา มันรู้สึกเหมือนกับความกังวลทั้งหมดหายไป เหลือแค่ความรู้สึกเพลิดเพลินกับฮวาลิน เอ่อ... อีโบมิน เพราะบรรยากาศอบอุ่น ความรู้สึก และสถานการณ์ สายตาที่เข้มข้นของคังวูจิน เต็มไปด้วยความรัก แทนที่จะเป็นความเกลียดชัง มันเป็นการระเบิดออกมาของความรู้สึกที่ปิดซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน
ในที่แห่งนี้
‘วูจินนี่สุดยอดไปเลย! นี่มัน ฮันอินโฮที่ฉันเขียนขึ้นมาชัดๆเลย! บ้าไปแล้วบ้าไปแล้วบ้าไปแล้ว!’
นักเขียนชเวนานา ผู้เขียน “เพื่อนชาย” กรีดร้องในใจ ใจอยากจะวิ่งเข้าไปกอด คังวูจิน เธอแทบจะกลั้นเสียงกรีดร้องที่เกิดจากความปลื้มปิติเอาไว้ไม่อยู่
ส่วนทางด้าน...
‘······แสดงได้ดีนี่นา แสดงโรแมนติกคอมเมดี้ก็เก่ง ถ้าได้เห็นแบบนี้ใกล้ๆ จะทนไหวเหรอเนี่ย’
นักเขียนพัคอึนมี ผู้ซึ่งปิดปากไว้ด้วยมือข้างหนึ่งกำลังขนลุกไปทั่วร่าง
‘รองหัวหน้าพัค ดูไม่ออกเลย ไม่สิ เขาคือคนเดียวกันจริงๆ หรอ? ทำไมบุคลิกในบทบาทแต่ละบทมันต่างกันขนาดนี้?’
เธอก็คาดการณ์เอาไว้ แต่พอได้เห็นกับตาแบบนี้...ถึงก่อนหน้าธอจะรู้สึกว่าเขาสมกับเป็นตัวร้ายจริงๆเลย แต่ตอนนี้ วูจินที่เธอกำลังเห็นเป็นเพียงคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่กำลังเริ่มต้นความรักไม่สิ คือฮันอินโฮต่างหาก
‘การที่เธอเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บงำไว้แบบนี้ออกมาได้ในครั้งเดียว มันสุดยอดมากจริงๆเลย’
ผู้กำกับชินดงชุนจาก ‘สำนักงานนักสืบ’ ที่ได้สัมผัสตัวตนของคิมรยูจิน ก็คิดเหมือนกัน
‘อย่างนี้เอง วูจินน่ะไม่ต้องพูดอะไรมากมาย แค่การแสดงออกด้วยสีหน้าและแววตา ก็ทำให้เห็นถึงอารมณ์ได้แล้ว ถึงแม้มันจะดูเข้มข้นและชัดเจน แต่ก็ทำให้ถอนสายตาจากเขาไม่ได้เลย แค่การกระทำเพียงนิดเดียว ก็ทำให้ใครๆ ก็รับรู้ได้ว่าเขาชอบฮวาลินมาก’
ผู้จัดการทั่วไปคิมโซฮยางถึงกับตาเป็นประกาย
‘······พูดจริงๆเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นวูจินแสดงโดยตรง ฮะๆ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้กำกับชั้นแนวหน้าถึงหลงรักเขา นี้ขนาดบทฮันอินโฮเองนะ เขาต้องโด่งดังแน่’
การแสดงของคังวูจินที่เปลี่ยนแปลงได้เหมือนผี ทำให้หลายคนขนลุกมาก ในระหว่างนั้นวูจินกับฮวาลินก็สบตากันอยู่ ทันใดนั้น คังวูจินก็ส่งสายตาอ่อนโยนไปยังฮวาลิน แล้วเผลอมองไปที่ริมฝีปากของเธอ
แล้วเขาก็หันมามองฮวาลินอีกครั้ง แน่นอนว่า นี่เป็นไปตามเนื้อเรื่องในบท
ในตอนนี้เอง…
“ขอโทษนะคะ ขอพักสักครู่หนึ่ง”
ฮวาลินยกมือขึ้น ขณะที่หลบสายตาของวูจิน เธอหยุดการอ่านบท และด้วยเหตุนี้ เธอก็ได้รับความสนใจจากทุกคนทันที ฮวาลินลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ
“ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน จู่ๆ มันก็ปวดขึ้นมา”
ผู้กำกับชินดงชุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาทำท่าทางบอกว่าไม่เป็นไร
“ครับ รีบไปรีบกลับมานะครับ”
ในไม่ช้า ฮวาลินก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว คังวูจินมองดูหลังของเธอไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาได้กำจัดบรรยากาศของฮันอินโฮออกไปแล้ว
‘เธอคงจะปวดฉี่จริงๆ แหละ’
เขาพึมพำเบาๆ ในใจ
‘จริงสิ ถ้าดื่มกาแฟอะไรแบบนั้นเข้าไปก็คงจะรู้สึกอยากฉี่บ่อยๆ แหละ ฉันก็ชักอยากจะไปห้องน้ำแล้วสิ’
ฮวาลินเดินออกมาจากห้องอ่านบท เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ที่หน้าประตู แล้วนึกถึงคังวูจินที่เพิ่งแสดงละครกับเธอไป
“ฮ่าาาา นั่นเรียกว่าการแสดงใช่มั้ยเนี่ย แต่ดวงตานี่มัน…ไม่สิ แน่นอนว่ามันคือการแสดงแหละ”
ฮวาลินกัดริมฝีปากล่าง
“แต่มันแค่รู้สึกเหมือนจริงมากๆ อึ้ย ถ้าฉันขอให้เขาเบาลงหน่อย มันก็คงจะสุดยอดอยู่ดีแหละ”
ห้องอ่านบทนี้เหมือนห้องทรมานสำหรับเธอ ฮวาลินรู้สึกลำบากเพียงคนเดียว เธอลูบหน้าอกตัวเอง เพราะความรู้สึก ‘ชอบ’ ของเธอกำลังทำให้หัวใจเต้นรัว
มันหนักหนาจนรู้สึกใจสั่น
“ฉันแทบจะเป็นบ้าแล้วเนี่ย… ชอบก็จริง แต่กลับรู้สึกทรมานแบบสุดๆ”
มันเป็นความทุกข์ทรมานอันเสพสมที่เธอไม่เคยคาดฝันว่าจะพานพบเลยสักนิดเดียว
จบ