บทที่ 104 ละครสั้น (4)
[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]
[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]
[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]
บทที่ 104 ละครสั้น (4)
คังวูจินรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตกตอนที่ผู้กำกับชินดงชุนเริ่มพูดถึงเรื่อง “ปรับแก้ฉากจูบ”
‘อะไรนะ?? เอ่อ... นี่จริงดิ’
การปรับแก้ฉากระหว่างการถ่ายทำเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เหมือนเรื่องทั่วไปน่ะ คิดดูสิ เรื่อง “พ่อค้ายาเสพติด” ก็มีฉากที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะผู้กำกับหรือไม่ก็ผู้เขียนบท
ปัญหาคือวูจิน ตอนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คนมารวมตัวกันเยอะมาก ทั้งนักแสดงและผู้กำกับรวมไปถึงคนรู้จักอีกมากมาย ถ้าวูจินแสดงความเห็นจริง ๆ มันจะเป็นการทำลายทุกอย่างที่เขาสั่งสมมา หมายถึงวูจินต้องทำใจ เพราะลองนึกภาพสิ ถ้าวูจินพูดว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับการปรับแก้ฉากจูบ”
ภาพลักษณ์การเป็นคนเย็นชา นิ่งเฉยต่อทุกสิ่งของวูจินคงพังยับเยินแน่นอน
วูจินนึกถึงผลงานที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบในอนาคต มันอาจไม่มีอะไรหวานๆเลย แม้ว่าจะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด แต่ก็ไม่มีอะไรหวานๆ แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะไม่ได้เล่นโรแมนติกคอมเมดี้สักวันเป็นแน่แท้ แต่ถ้าเป็น รยูจองมินหรือจินแจจุนที่เป็นระดับท็อป มันคงไม่กระทบอะไรหรอก
‘นี่มันหมายความว่าฉากจูบแรกของฉันในฐานะนักแสดงจะหายไปเหมือนควันบุหรี่อย่างนั้นเหรอ? จริงเหรอ?’
วูจินที่ยังเป็นคนธรรมดารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่โชคดี
“ผมกำลังคิดภาพที่ลึกซึ้งกว่านั้น”
คำตอบของผู้กำกับชินดงชุนเป็นไปในทางบวก แต่จะให้ลึกซึ้งกว่ากว่า?
‘······ลึกซึ้งกว่าฉากจูบเหรอ?’
ประตูแห่งจินตนาการเปิดออกอย่างเป็นธรรมชาติ นี่มันสัญชาตญาณ สัญชาตญาณของผู้ชาย แล้ววูจินก็ดึงสติตัวเองกลับมา ปิดประตูแห่งจินตนาการอย่างฝืนใจ อย่าคิดมาก วูจินตรวจดูใบหน้าของตัวเอง
เพราะไม่อยากให้เห็นว่าเขาสั่นอยู่ ก็เลยหันไปมองฮวาลินฝั่งตรงข้าม หน้าตาเรียบเฉยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของเธอในที่นี้ ถ้าเขาเป็นคนที่เธอชื่นชอบ อย่างน้อยเธอก็คงคาดหวังอะไรบ้างแหละ ยังไงก็ตาม ฟึบ เขาหันไปหาผู้กำกับชินดงชุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ปรับเสียง ต้องดูเฉยชาไม่สนใจอะไร “คุณผู้กำกับ ภาพแบบลึกซึ้งที่ว่าหมายถึงอะไรกันแน่ครับ” เสียงทุ้มๆ ทำให้ทุกสายตาที่จดจ่ออยู่ที่เขาได้ทำให้ทุกคนหันไปมองผู้กำกับชินดงชุนที่มีกรามเหลี่ยมในไม่ช้า
“เอ่อ... ฉากแรกของตอนที่ 1 ‘อีโบมิน’ กับ ‘ฮันอินโฮ’ จูบกัน ตรงนี้ถ้าดูเส้นเรื่องของทั้งสองคน อีโบมินจะแสดงออกถึงความตกใจและเริ่มรับรู้ ส่วนฮันอินโฮจะหลับตา นั่นหมายความว่าฮันอินโฮเป็นฝ่ายเริ่มจูบ ส่วนอีโบมินก็จะเบิกตาโตจนแทบจะถลนออกมาเลย”
ผู้กำกับชินดงชุน เปิดบทตอนที่ 1ที่เตรียมไว้บนโต๊ะ แล้วตอบ
“ฉากนี้ตั้งใจจะให้ดูน่าตกใจ แต่สิ่งที่รองรับมัน คือจูบมันดูธรรมดา พูดตรงๆเลย มันไม่ใช่จูบ แต่แค่แนบปากกันมากกว่า”
ผู้กำกับชินดงชุน ขณะอธิบาย ก็เอามือลูบกราม
“เอาตรงๆ นะครับ ผมว่าคัตนี้ต้องใส่พลังเข้าไปให้เต็มที่ คนเขียนบทเขามีจุดประสงค์ที่จะทำให้คนดูจับตามองตั้งแต่ตอนเริ่มเลย แต่ถ้าจะให้ทำแบบนั้นนะจะเนียนๆ อ้อมๆ ไปมันจะไม่เวิร์กหรอก แบบกำลังดีมันอาจจะตีกลับ เดี๋ยวเหมือนลูกโป่งที่ลมหมด ส่วนของเนื้อเรื่องหลังๆ มันก็จะเบื่อๆ ไปหมด”
ผู้กำกับชินดงชุนที่เคยดังในวงการละคร แม้ว่าจะเพิ่งจะเข้าวงการภาพยนตร์ได้ไม่นาน แต่ก็ยังมีดวงตาที่เฉียบคมในการทำละครอยู่
“การดำเนินเรื่องใน‘เพื่อนชาย’ เป็นรูปแบบที่เริ่มจากปัจจุบัน ไปสู่ อดีต แล้วกลับมาปัจจุบันอีกครั้ง ก่อนที่จะไปสิ้นสุดที่อนาคต นั่นคือแสดงตอนจบให้เห็นกันเลยตั้งแต่ตอนแรก ดังนั้นในฐานะผู้กำกับ ผมว่าถ้าจะทำต้องทำอย่างเต็มที่เลยคงจะทำให้คนดูติดตามมากกว่า”
คังวูจินฟังคำอธิบาย เขาก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง และในใจก็ยกนิ้วให้ผู้กำกับชินดงชุน
‘เยี่ยมไปเลย สมกับเป็นผู้กำกับฝีมือดีจริงๆ’
ฮวาลินก็แสดงสีหน้าแบบเดียวกัน เธอเองก็ดูนิ่งๆ แต่ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างไม่มีใครทันสังเกต
‘แบบว่า… เอาให้สุดเหรอ? แบบว่า… ให้มันลึกซึ้งแนบแน่นกันเลยเหรอ? โอ๊ย… บ้าไปแล้ว’
ฮวาลินรู้สึกตื่นเต้นกับความหลงใหลในแบบสัญชาตญาณของแฟนคลับ แต่ผู้กำกับชินที่กำลังอ่านสีหน้าของทั้งสองอย่างเงียบ ๆ กลับเข้าใจผิดไป
‘หรือว่า… หรือว่าพวกเขาไม่ชอบกันจริง ๆ? ดูเหมือนพวกเขายังไม่สนิทกันเลย อืม… ก็เป็นความทะเยอทะยานของฉันเองแหละ มันจะมากเกินไปหรือเปล่าที่เปลี่ยนบทกะทันหันระหว่างการอ่านบท?’
นักแสดงคนอื่น ๆ ที่สังเกตเห็นสถานการณ์แปลก ๆ ก็เหลือบมองวูจินและฮวาลิน ความคิดของพวกเขาคล้ายกับผู้กำกับชินดงชุน
‘ทั้งคังวูจินและฮวาลินดูอึดอัด’
‘มันกะทันหันมาก ก็เข้าใจได้ว่าพวกเขาคงจะรู้สึกกดดัน แต่พวกเขาไม่ได้เข้ากันได้ดีเหรอ?’
นักแสดงหลายคนรู้สึกกังวลกับฉากจูบหรือฉากเปลือยในหนัง ยิ่งดัง ยิ่งต้องระวังตัว โดยเฉพาะ “เพื่อนชาย” เป็นหนังที่หวังพึ่งพาชื่อเสียงและกระแสของคังวูจิน และ ฮวาลิน เพราะงั้นผู้กำกับชินดงชุนเลยคิดว่า
‘ฉันไม่ควรเร่งเรื่องนี้’
เขาเลยเลือกที่จะปรึกษา
“······แต่เรื่องบทเดิมก็โอเคนะ วูจินกับฮวาลินคิดยังไงเป็นหลัก เรื่องนี้เป็นความอยากส่วนตัวของผมเอง แค่กลัวจะเปลี่ยนแปลงกระทันหันแล้วจะหนักใจกัน”
“คุณผู้กำกับ”
คังวูจินเอ่ยเสียงนุ่ม เขาไม่อยากทำลายอารมณ์ที่ดีในตอนนี้
“ผมไม่เป็นไร”
“จริงเหรอ?”
“ครับ งานสำคัญกว่า”
ตาของนักแสดงคนอื่นๆเบิกกว้าง ผู้กำกับชินดงชุนก็เช่นกัน ขณะนั้น ฮวาลินมองวูจินที่ดูนิ่งเฉยอย่างลับๆ
‘“วูจินนี่…คิดแต่เรื่องงานสินะ ฮ่า ฉันนี่ละไม่เหมือนมืออาชีพ คิดแต่เรื่องร้ายๆ อยู่ได้’
ฮวาลินได้สติ แล้วทบทวนความเป็นมืออาชีพ ถึงจะเป็น ‘ติ่ง’ ก็ยังคง ‘ติ่ง’ อยู่หรอก แต่ฮวาลินเป็นนางเอกนี่นา
“คุณผู้กำกับ ฉันก็ไม่ซีเรียสหรอก ขอแค่งานออกมาดีก็พอ ไม่ต้องคิดเรื่องหนักใจอะไร”
“จริงเหรอ?”
“ค่ะ การแก้บทก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป อีกอย่าง นี่มันคือคัทแรกที่ ‘เรียกน้ำย่อย’ นะคะ”
คังวูจินกับฮวาลิน ‘ร่วมแรงร่วมใจ’ แบบไม่ทันคิด ผู้กำกับชินดงชุน ‘ซาบซึ้งใจ’ กับ2 คนนี้ นักแสดงรอบข้าง ต่างชื่นชมกับ ‘ความเข้มแข็ง’ ของทั้งคู่
‘ว้า มืออาชีพจริง ๆ มืออาชีพเลย’
‘เท่ห์ ๆ ทั้งคู่ คังวูจินยัง ‘น้องใหม่’ อยู่ แต่ ‘ท่าทาง’ ก็เหมือนซุปตาร์เลย’
ในที่ประชุมมีทั้งความเข้าใจผิดและความเข้าใจคลาดเคลื่อนเต็มไปหมด แต่แปลกมาก งานทุกอย่างกลับดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ผู้กำกับชินดงชุนจึงเป็นคนเริ่มต้นพูดออกมาต่อ
“เยี่ยมมาก ฮ่าๆ ผมก็ต้องตอบแทนความมุ่งมั่นของวูจิน และ ฮวาลิน ด้วยเหมือนกัน ผมจะลองทำฉากแรกให้สมบูรณ์แบบที่สุดไปเลยนะ”
แล้วผู้กำกับชินดงชุนก็หยิบเอาบทที่แก้ไขแล้วออกมา
“เอาอย่างนี้ ผมจะทำให้ฉากแรกเข้มข้นขึ้น จากความสับสนของ ‘อีโบมิน’ ก็เป็นเส้นทางสู่การรับรู้ จากความตกใจ ก็กลายเป็นแรงกระตุ้นจนเกิดเป็นความรู้สึกบังคับให้ทำ”
เขากล่าวต่อ
“ฮันอินโฮจูบอีโบมิน อีโบมินตกใจมาก ตามบทเดิม ฉากนี้ต้องตัดไป แต่ฉบับแก้แล้วทั้งคู่จะต้องถอยห่างจากกัน แล้วอีโบมินก็จะวิ่งเข้าไปหา ตรงนี้สำคัญนะ ฮวาลิน คุณต้องแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ที่เคยเป็นแค่เพื่อนกัน กำแพงที่ขวางกั้นมันพังทลายลงทันที”
“··· ‘เหมือนกับรู้สึกชัดเจนแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลาตัวฉันเก็บมันไว้ ตอนนี้ฉันรู้แล้ว’ ประมาณนี้สินะคะ”
“ใช่ ต้องรู้สึกชัดเจนขึ้น ความรู้สึกที่เคยสับสน กลายเป็นความแน่ใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนกับ เตะกำแพงที่เคยกั้นระหว่างความเป็นเพื่อนและความรัก”
ฮวาลินพยักหน้าช้าๆ เหมือนเข้าใจ ผู้กำกับชินดงชุนก็สรุปต่อ
“จูบเบาๆ แล้วก็ถอยออกมา อีโบมินวิ่งเข้าใส่ฮันอินโฮ แบบพุ่งเข้าใส่เลย ฉากนี้เปลี่ยนเป็นจูบแบบลึกซึ้ง แบบว่าให้คนดูดูแล้วอุทานออกมา ว้าว! จูบแบบดูดดื่มกันเกินแล้ว! จากนั้นจึงต่อด้วยเสียงบรรยายของอีโบมิน”
ใช้คำว่า 'ลึกซึ้ง' นี่แหละ เหมาะสมที่สุด
ย้อนกลับไป...
คังวูจินยืนอยู่ในมิติที่ว่างเปล่า มืดสนิท มันไม่ใช่ห้องอ่านบท เพราะเขามีบทที่แก้ไขแล้วจาก 'เพื่อนชาย' ต้องไปอัปเดต
อีกอย่างสาเหตุที่เขามาที่นี่…
“ต้องลองอ่านบทใหม่ดูสักครั้ง (สัมผัสประสบการณ์)”
วูจินอยากจะสัมผัสโลกที่เปลี่ยนไป แม้จะแก้ไขแค่ฉากเดียวก็เถอะ ตอนนี้เขาหน้าเครียดอยู่เหมือนกัน เพราะมันเป็นถึงฉากจูบเชียวนะ แต่ว่ามันเป็นงานเนี่ยสิ อืม ความจริงฉากจูบแค่แป๊บเดียวเอง ยังไงมันก็คืองาน ไม่ต้องคิดมากเรื่องความรู้สึกหรอกน๊า
ก็แค่วิธีการแสดงที่ต้องแสดงร่วมกับคนอื่น มันไม่ใช่การฆ่าหรือตายอะไร แต่เป็น ‘ฉากจูบ’ เท่านั้นเอง
ซึ่ง…
-ฟึบ
คังวูจินยืนอยู่ตรงหน้าสี่เหลี่ยมสีขาว ‘เพื่อนชาย’ สี่เหลี่ยมสีขาวถูกเปลี่ยนให้เข้าดูได้โดยไม่มีปัญหา แต่ว่า
“อ้าว?”
วูจินส่งเสียงเบาๆ ราวกับตกใจเพราะพบเจออะไรบางอย่าง เพราะระดับของผลงานทั้งหมดเปลี่ยนไปจากเมื่อวานนี้
-[4/บทภาพยนตร์(ชื่อเรื่อง: พ่อค้ายาเสพติด) ระดับ A]
-[5/บทละคร(ชื่อเรื่อง: รักน้ำแข็ง) ระดับ B]
-[6/บทละคร(ชื่อเรื่อง: เพื่อนชาย) ระดับ A+]
ยกเว้น ‘การสังเวยอันน่าสะพรึงกลัวของคนแปลกหน้า’ ระดับของผลงานที่รอก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นทีละขั้น ‘เพื่อนชาย’ เพิ่มขึ้นเองนิดเดียว ก็อาจจะคิดว่าเป็นเพราะแก้ไขบท แต่ระดับโดยรวมเพิ่มขึ้นแบบนี้ โอกาสสูงที่...
‘เป็นเพราะฉันเหรอ?’
คังวูจินดูจะเป็นไปได้สูง เพราะความนิยมของเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงผลงานเรื่องจิตวิทยาในNetflix ญี่ปุ่นที่คว้าอันดับ 1 ไปได้
"เอาจริงๆ นะ งานออกมาดีเกินคาด รู้สึกดีๆ ชะมัดยากเนอะ?"
รอยยิ้มของวูจินกว้างขึ้นและเขาก็ดูมีไฟขึ้น เขาชี้ไปที่สี่เหลี่ยมสีขาวของ'เพื่อนชาย' และเลือก
-[คุณเลือกบทละครตอนที่ 6 (เรื่อง: เพื่อนชาย ตอนที่ 1)]
-[แสดงรายชื่อตัวละครที่สามารถอ่านบทได้]
-[A:ฮันอินโฮ B:อันบอมชอล······]
เขานั้นอ่านบทครบแล้วถึงตอนที่ 4 เรื่องสั้น 'เพื่อนชาย' นี้จะแสดงถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของอีโบมินกับฮันอินโฮ
ฉากหลังไม่ซับซ้อนเลย
สองครอบครัวที่สนิทสนมกันในหมู่คนสนิท เด็กชายและเด็กหญิงเกิดขึ้นมาด้วยกัน แน่นอนทั้งสองเติบโตมาเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เรียนประถม มัธยมต้น และ มัธยมปลาย พวกเขายังคงเป็นเพื่อนกัน ใช้เวลาอยู่ในสถานที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน
แต่มีรอยร้าวเกิดขึ้น
รอยร้าวนี้เกิดขึ้นจากเรื่องเล็กน้อย เป็นเพียงความแตกต่างทางความคิด ความรู้สึกที่เคยมีต่อคนที่เป็นเพื่อนกันมานานกว่า10 ปีเปลี่ยนแปลงไปภายในเวลาไม่ถึง10 วินาที จากตรงนี้เองที่ทั้งสองคนต้องใช้เหตุผลและสัญชาตญาณ เพื่อลอง เจ็บปวด ฟื้นฟู และเติบโต
ในเรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นอารมณ์ต่าง ๆอย่างละเอียด
มุมมองของเพื่อน และสิ่งที่เป็นจริง พร้อมทั้งความฝันที่ค่อย ๆ ปรากฏ สถานการณ์และบทสนทนาที่ดึงดูดใจผู้ชม กล่าวคือ 'เพื่อนชาย' เป็นหนังโรแมนติกที่ผสมผสาน ความเป็นจริงและความเพ้อฝันอย่างเหมาะสม
“‘A:ฮันอินโฮ’ เตรียมอ่านบท······”
“······เตรียมพร้อมแล้ว บทภาพยนตร์นี้เสร็จสมบูรณ์ และมีคุณภาพสูงมาก ระดับความสมบูรณ์แบบคือ100% สามารถเริ่มอ่านบทได้เลย”
คังวูจินถูกดูดเข้าไปในโลกของ ‘เพื่อนชาย’ ทันที
สิ่งที่เห็นเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
โลกที่มืดมนทั้งผืนกลายเป็นสีชมพูไปในทันใด ต้นซากุระเรียงรายสุดลูกหูลูกตาเต็มไปหมด ฤดูใบไม้ผลิที่สมบูรณ์แบบ สายลมอบอุ่นพัดผ่านแก้มของคังวูจิน
-ฟู่
ช่างดูอบอุ่นและอุดมสมบูรณ์ โลกของ ‘ฮันอินโฮ’ ในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ความรู้สึกปลอดภัยและสบายจนรู้สึกง่วงหลับได้ทันทีถ้าหลับตาลง คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ด้วยความรู้สึกที่นุ่มนวล ไม่ช้า คังวูจินก็เต็มไปด้วยตัวของฮันอินโฮ ทุกเซลล์ในร่างกายถูกเปลี่ยนแปลงไป ความรู้สึกของฮันอินโฮผสานอยู่กับวูจิน
โลกที่คังวูจินเคยมองอยู่เปลี่ยนไป เขามองไปรอบๆ เห็นคนมากมายยืนอยู่ท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังร่วงโรย
แต่ดวงตาของวูจินมองเห็นเพียงผู้หญิงคนเดียว
อีโบมินยืนอยู่ห่างออกไปเพียงสองก้าว เธอยิ้มตาปิด แล้วชูฝ่ามือขึ้นรับดอกซากุระ ดูมีความสุข น่าแปลก เขากลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด แน่นอนเริ่มแรก เขาเองที่ไม่อยากมา งานเทศกาลชมดอกซากุระเนี่ยนะ?
อย่างไรก็ตาม
“······”
พอมาถึงที่นี่แล้ว มันกลับดูเป็นความคิดที่ไม่เลว ไม่สิ เขาไม่รู้หรอก เขายังรู้สึกหงุดหงิดเหมือนเดิม แต่ทำไมต้องมาที่นี่ด้วย? คนเราอาจจะยึดติดกับสิ่งแวดล้อมก็จริง พอคิดได้เช่นนั้น คังวูจินจึงปล่อยใจปล่อยกายให้ดื่มด่ำกับดอกซากุระรอบตัว
ทันใดนั้น
“เฮ้ ฮันอินโฮ!”
อีโบมินวิ่งมา แบบที่เรียกว่าดีใจสุดๆ มือทั้งสองข้างของเธอกำลังเต็มไปด้วยกลีบดอกซากุระ เธอยกกลีบซากุระขึ้น เหมือนอยากให้คังวูจินเห็น วูจินจึงถอนหายใจเบาๆ
“จะให้ทำอะไรเนี่ย”
“อ้าว! ดมดูสิ ดมกลิ่นหน่อย!”
“ไม่เห็นมีกลิ่นอะไรเลย”
“เอานี่ ใกล้ๆ นิดหนึ่ง แบบนี้”
“ถอยไป กลิ่นปากเธอเหม็นจะตาย”
“นี่นายอยากตายเหรอ?”
อีโบมินทำหน้าดุ วูจินถอนหายใจอีกครั้ง เขาเอาหน้าไปใกล้กลีบซากุระในมือของอีโบมิน อีโบมินเองก็ทำแบบเดียวกัน มันมีกลิ่นหอม แต่เขารู้สึกงงๆ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นดอกซากุระหรือว่ากลิ่นหอมหวลของอีโบมินกันแน่
ตอนนี้เอง
“······”
ไม่รู้ทำไมแต่คังวูจินรู้สึกใจเต้นตึกๆ ราวกับมีบางอย่างชวนให้อยากจะทำ เหมือนดื่มด่ำอยู่ในกลิ่นหอม ผลักดันให้หัวใจเต้นแรงรู้สึกถูกมัดใจด้วยความอบอุ่น ใจสั่นรัว เหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่าง ความรู้สึกมันถาโถม คังวูจินจึงขยับตัว
- ฟึบ
เขาปัดกลีบซากุระตรงหน้าจมูกและสัมผัสริมฝีปากของโบมิน เขารู้ตัวได้ในทันที
“อา”
ว่าตัวเองทำพลาด แต่เรื่องที่น่าสนใจคือปฏิกิริยาของอีโบมิน
“······บ้าหรือไง”
ทันทีที่เธอด่าออกมา เธอมองไปที่คังวูจิน ไม่สิมองไปที่ฮันอินโฮ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย แล้วเธอก็
“เฮ้!”
ทิ้งใบไม้ซากุระในมือทั้งสองข้างให้ปลิวไปตามลม
- ฟึบ
เธอพุ่งเข้าใส่คังวูจิน
ผ่านไปไม่นาน
โลกที่อบอุ่นเปลี่ยนเป็นสีเทาขนาดใหญ่ แล้วค่อยๆ สว่างขึ้น ฉากหลังเปลี่ยนเป็นอดีต เสียงดังโกลาหล เสียงเด็กๆ ดังมาก คังวูจินค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขานั่งอยู่
เก้าอี้และโต๊ะที่คุ้นเคย และลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้ม่านพลิ้วไหว กระดานดำและโต๊ะครูอยู่ด้านหน้า นักเรียนวิ่งไปวิ่งมา นั่นหมายความว่าที่นี่คือห้องเรียน
คังวูจินอยู่ในชุดนักเรียน อยู่ท่ามกลางสถานที่แสนอบอุ่นนี้ สถานที่ที่ทุกคนอยากจะกลับไป
“ฮึ-”
จากนั้น วูจินก็จ้องมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย แล้วค่อยๆ นอนคว่ำหน้าลง
เขานั่งอยู่ที่ด้านหลังสุด
เหนื่อย เสียงดังโกลาหล น่ารำคาญ แต่เป็นเสียงคุ้นเคย ดังนั้น วูจินจึงปิดตาไม่สนใจ ในตอนนั้นก็มีคนมาตบไหล่เขา
“เฮ้ย ฮันอินโฮ แฟนแกมาแล้ว”
ใบหน้าของวูจินเหนื่อยล้า เขามองไปทางอื่น เมื่ออีโบมินโบกมือเรียกจากประตูหลังห้องเรียน วูจินมองด้วยสายตาเฉยเมย แต่อีโบมินยิ้มเยาะ เธอเดินเข้ามาในห้องและกระซิบข้างหูของวูจิน
“ที่รัก -”
“เฮ้ย บ้าเหรอ ไปให้พ้น”
“ที่รักก”
“อะไรอีก”
วูจินจับหลังคอของอีโบมิน แล้วเดินไปที่ทางเดิน เขาคิดหนักว่าจะจัดการกับเรื่องวุ่นวายนี้อย่างไร สายตาของเขาไปสะดุดกับแขนเสื้อของอีโบมิน สายเสื้อชั้นในโผล่ออกมาจากแขนเสื้อแขนสั้น
“โธ่เอ้ย” วูจิน เอียงตัวเข้าไปใกล้เธอเพื่อบังสายตาจากคนอื่น
“เฮ้ สายเสื้อในเธอหลุด ดูแลตัวเองให้ดีสักทีเถอะน่า”
อีโบมินปรับสายเสื้อในพลางกระซิบ
“นี่ นี่ ฉันมีคนมาบอกรักด้วยนะ”
ในตอนนั้น คังวูจินรู้สึกอึดอัดใจ แต่พยายามกลืนความรู้สึกนั้นลงไป
“······ใครกัน? คนโชคร้ายคนนั้นน่ะใคร”
ตั้งแต่ตอนนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขา เริ่มจะแตกหักกันเป็นครั้งแรก
จบ