ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 5 คุณน้า
ลู่ฟานพยักหน้า เขาไม่จำคำพูดของไป่เหิงเจี้ยนใส่ใจ
เขาเดินกลับไปที่ห้องเรียนและคนมากมายรอบตัวเขาก็มองเขาด้วยความสงสาร
ลู่ฟานเปิดหน้าต่างสถานะและมองสถานะของเขาหลังเปลี่ยนอาชีพ
ชื่อ : ลู่ฟาน
เลเวล : 10
อาชีพ : นักฝึกมังกร (ขั้นแรก)
ความแกร่ง : 21
ความว่องไว : 26
จิต : 24
พละกำลัง : 23
สัตว์เลี้ยง : ไม่มี
อุปกรณ์ : ไม่มี
สกิล : เชี่ยวชาญมังกร (สกิลใช้งาน เลเวล 1) - สามารถฝึกมังกรเพื่อเปลี่ยนเป็นสัตว์เลี้ยง (หมายเหตุ : ใช้งานได้เฉพาะมังกร)
????--???...
…
มีอีกสี่สกิลที่ยังไม่แสดงผลให้เขาเห็น และลู่ฟานไม่มีทางจะใช้มันได้
เมื่อคิดดูแล้ว สกิลทั้งสี่นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับมังกร ถ้าลู่ฟานไม่มีมังกร สกิลเหล่านั้นย่อมใช้งานไม่ได้
หรือจะพูดก็ได้ว่า พลังการต่อสู้ในตอนนี้ของลู่ฟานนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างไรจากการเปลี่ยนอาชีพ
ลู่ฟานคิดเรื่องนี้และเศร้าใจอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าชีวิตของเขาในครั้งนี้จะทำได้แค่ขายซาลาเปากับน้าของเขา?
เขานั้นใช้ชีวิตที่ยากลำบากได้ แต่เขา เห็นใจน้าของเขาที่ทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนให้เขาได้เล่าเรียน แต่อนาคตนั้นกลับไม่มีแม้แต่สิ่งที่ดีรอคอยอยู่…
…
ไม่นานพิธีเปลี่ยนอาชีพก็ได้จบลง และนักเรียนทุกคนที่มีหลากหลายอารมณ์ก็ได้กลับบ้าน
สัปดาห์หน้าจะเป็นการหยุดยาวก่อนสอบ
ทุกคนสามารถใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ในการเพิ่มพลังและฝึกตัวเองให้คุ้นชินกับสกิลอาชีพใหม่ที่ได้รับมาเพื่อที่จะได้คะแนนที่ดีในการสอบใหญ่ฃ
ลู่ฟานเองก็กลับมาที่บ้าน บ้านของเขา ในเมืองเก่าของเมืองเจียงไห่
ที่ชั้นหนึ่งเป็นร้านซาลาเปานึ่ง ส่วนชั้นสองนั้นมีห้องของลู่ฟานและหานเค่อ
ตอนนี้ประตูร้านซาลาเปาปิด
เขาเดินตรงเข้าร้านซาลาเปาตรงไปที่ชั้นสอง
เมื่อเดินขึ้นบันไดเขาก็ได้กลิ่นหอมของข้าว
“น้าครับ ผมกลับมาแล้ว”
ลู่ฟานทักทายและโยนกระเป๋านักเรียนลงบนโซฟา
มีความเคลื่อนไหวอยู่ในครัว มีสาวสวยอายุราวยี่สิบห้าปีเดินออกมาโดยถือจานอาหารที่ส่งกลิ่นหอม
ผู้หญิงงดงามคนนี้มีผิวเรียบเนียนเหมือนกับไข่ต้มปอกเปลือกแล้ว ใบหน้างดงามละเอียดดุจดั่งดวงดาวที่ลู่ฟานได้เห็นในชาติที่แล้ว
รูปร่างดูสง่างาม ไม่มีแม้แต่ชุดให้ตำหนิ
“เสี่ยวฟานกลับมาแล้วเหรอ? ล้างมือเตรียมกินข้าวกันเถอะ”
รอยยิ้มสาวงามนั้นอ่อนโยน เมื่อลู่ฟานได้เห็นก็สบายใจขึ้นมาอย่างมาก
สาวงามคนนี้คือน้าของลู่ฟาน หานเค่อ
แม้ว่าหานเค่อจะแก่กว่าลู่ฟานแปดปี เธอก็มีอายุเพียงแค่ยี่สิบหกปีซึ่งเป็นอายุที่หญิงสาวบานสะพรั่งที่สุด
เธออาศัยอยู่ในเมืองเจียงไห่และเป็นคนทำซาลาเปาที่มีชื่อเสียง แม้ว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูลู่ฟาน แต่ผิดและร่างกายของเธอไม่เคยผิดเพี้ยนไปจากความงดงาม แม้แต่เด็กสาวจากตระกูลใหญ่ก็ยังเทียบกับเธอไม่ได้
ลู่ฟานมองกลับไป พรประการใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการที่มีน้าที่อ่อนโยนอยู่ด้วย
“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ลู่ฟานยิ้ม เขาล้างมือและเดินมาที่โต๊ะ
ในตอนนี้มีจานอาหารหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งนับว่ามีมากผิดปกติ
หานเค่อนั้นมีฝีมือทำอาหารในระดับดีมาก ข้าวนั้นเต็มไปด้วยสีสันและรสชาติ
แต่เพราะว่าอาหารนั้นไม่ได้ทำตามสูตรในหนังสือ มันจึงไม่มีผลอะไรเพิ่มเติมในการฟื้นฟูพลังชีวิต มันเพียงแค่อร่อยเท่านั้น
ลู่ฟานขยับนิ้วชี้หยิบตะเกียบ
“น้าครับ ทำไมวันนี้ถึงทำกับข้าวอร่อย ๆ ตั้งเยอะล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า วันนี้เป็นวันสำคัญนี่นา”
หานเค่อถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้ด้านข้างและนั่งตรงข้ามกับลู่ฟานด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้เสี่ยวฟานเปลี่ยนอาชีพมาใช่ไหม?”
“เป็นไงบ้างล่ะ เปลี่ยนอาชีพแล้วใช่ไหม? ได้อาชีพอะไรมา?”
ลู่ฟานดูผิดหวังทันทีเมื่อน้าของเขาพูดถึงเรื่องนี้
หานเค่อเห็นว่าลู่ฟานเศร้าหมองและรับรู้ในทันทีว่าการเปลี่ยนอาชีพในวันนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างดีนัก
เธอรีบจริงจังและปลอบโยน
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าไม่ได้เปลี่ยนได้อาชีพดี ๆ เหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวฟาน ต่อให้ได้อาชีพสายต่อสู้มา อนาคตก็ต้องไปดันเจียนอันตรายอีก น้าคงเป็นห่วงแย่ ได้อาชีพธรรมดา ๆ มาก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ?”
ลู่ฟานยิ้มแหยและตอบตามตรง
“ผมได้อาชีพสายต่อสู้มา แล้วก็เป็นอาชีพลับด้วย”
“หา?!”
หานเค่อตกใจ เธอดีใจจนแทบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“จริงเหรอ?! ไม่ใช่เป็นแค่อาชีพสายต่อสู้ แต่เป็นอาชีพลับด้วยเหรอ!?”
“น้ารู้ว่าเสี่ยวฟานต้องทำได้! เสี่ยวฟานจะต้องมีอนาคตที่ดีกว่าน้าแน่นอน ไม่สิ น้าไม่มีสิทธิไปเทียบกับเสี่ยวฟานเลย!”
แม้ว่าจะลังเล แต่ลู่ฟานก็จำเป็นต้องราดน้ำเย็นให้กับหานเค่อ ว่ามันคือข่าวร้าย
“น้าครับ ผมเปลี่ยนอาชีพเป็นนักฝึกมังกร ถึงจะเป็นอาชีพลับ แต่ถ้าไม่มีมังกร มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย…”
ลู่ฟานพูดจบพลางถอนหายใจ
หานเค่อตัวแข็งทื่อ แต่สีหน้าของเธอไม่ได้ผิดหวังมากนัก เธอปลอบลู่ฟานเป็นอันดับแรก
“นักฝึกมังกร…ไม่เป็นไรนะเสี่ยวฟาน”
“อย่างน้อยมันก็หมายความว่าเสี่ยวฟานแข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้อาชีพลับสายต่อสู้มาหรอก จริงไหม? แค่โชคร้ายไปหน่อยแค่นั้นเอง”