46 - ความเมตตาต่อตระกูลฉิน
46 - ความเมตตาต่อตระกูลฉิน
ฉินโม่มีพรสวรรค์ในด้านคำนวณ แม้แต่เหลียงเจิ้งก็ยังยอมรับ และในตอนนี้ เหลียงเจิ้งนอกจากจะมาสอนที่กว๋อจื่อเจี้ยน เขาแทบจะใช้เวลาทั้งหมดในการศึกษาวิชาคำนวณอยู่บ้าน
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเขา ว่าปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรกลับไม่มีปัญญาเอาชนะแม้แต่คนโง่
การคำนวณเป็นทักษะที่มีประโยชน์ เพราะมันครอบคลุมไปทั่วศาสตร์ทุกแขนง
ฮ่องเต้ตั้งใจจะให้ฉินโม่รับตำแหน่งในกรมการคลัง เพราะฉินโม่เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ใช่คนคดโกง การให้เขาทำงานในกรมการคลังจะช่วยเหลือประเทศชาติอย่างมาก
หลี่อวี้ซู่หงุดหงิดจนต้องย่ำกระทืบเท้า นางไม่เข้าใจเลยว่าฉินโม่มีดีอะไร
ทั้งที่เขาต่อต้านราชโองการและยังเถียงคำไม่ตกฟาก แต่ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนประหารหัวไปแล้ว
แต่พระบิดาของนางกลับชอบเขาเหลือเกิน นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
ฉินโม่เห็นหลี่อวี้ซู่กระซิบกับหลี่ซื่อหลง เขาคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องวางแผนทำเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่แน่ๆ
และดังคาด สิ่งที่หลี่ซื่อหลงพูดต่อมายืนยันความคิดของเขา
"เจ้าโง่ฉิน ข้ารับการเดิมพันของเจ้าแล้ว แต่การที่เจ้าฝ่าฝืนราชโองการ เจ้าจะต้องถูกลงโทษเช่นกัน!"
'ตายแน่ๆ! ฝ่าฝืนราชโองการเป็นเรื่องที่ต้องถูกประหารชีวิต!'
ฉินโม่ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ด่ากลับ "ใครว่าข้าฝ่าฝืนราชโองการ? ข้าฝ่าฝืนตรงไหน? เหล่าเกามาเรียกข้าให้ไปวังพบท่านพ่อตา แต่ข้ากำลังยุ่งกับการทำงานในไร่ จะให้ข้าทิ้งงานเกษตรแล้วไปพบท่านพ่อตาหรือ?"
"ใครในโลกนี้ไม่รู้ว่าท่านพ่อตามีใจเมตตา ใครๆ ก็รู้ว่าท่านพ่อตาใส่ใจเรื่องการเกษตรดูจากที่ท่านพ่อตาลดภาษีการเกษตรในทุกๆ ปีก็พอจะมองเห็นได้แล้ว ท่านพ่อตาเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจะมาถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปเพื่ออะไร?"
เขาทำหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดต่อ "ท่านพ่อตาถ้าท่านจะลงโทษ ข้าขอให้ลงโทษเบาๆ ได้หรือไม่? ตีข้าที่ก้นก็พอ ครั้งก่อนท่านตีจนก้นของข้าแตก ตอนนี้ยังไม่หายดีเลย!"
เป็นที่รู้กันดีว่าฉินโม่เป็นคนตรงไปตรงมา แทบจะไม่เคยโกหก และไม่รู้จักการประจบสอพลอ
ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่นี้ของเขาจึงตรงใจหลี่ซื่อหลงเข้าอย่างจัง ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
มีจักรพรรดิคนใดบ้างที่ไม่ชอบฟังคำเยินยอแบบนี้?
เมื่อเห็นฉินโม่ใช้มือทั้งสองข้างกุมก้นของตัวเอง หลี่ซื่อหลงก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขายกเท้าถีบไปที่ก้นของฉินโม่เบาๆ แล้วกล่าว "เจ้าโง่ คราวนี้จะปล่อยไปก่อน แต่ถ้ามีคราวหน้า ข้าจะหักขาเจ้าแน่!"
"ขอบคุณท่านพ่อตา หัวใจของท่านพ่อตานั้นกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร ในชีวิตของข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพ่อตาที่ประเสริฐถึงเพียงนี้!" ฉินโม่หัวเราะแหะๆ
เกาซื่อเหลียนได้ยินคำพูดนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ ‘ใครว่าคนโง่ไม่สามารถพูดจาดีๆ ได้?’ ฉินโม่ประจบประแจงเก่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก
หลี่อวี้ซู่โกรธจนต้องกระทืบเท้า ‘เจ้าคนไร้ยางอาย! พูดแต่สิ่งที่พระบิดาชอบฟัง’
ความผิดใหญ่หลวงอย่างการฝ่าฝืนราชโองการ กลับถูกฉินโม่หลอกล่อจนหลบเลี่ยงโทษไปได้อย่างง่ายดาย
หยางหลิวเกินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางยิ้มให้คุณชายของเขาอย่างเข้าใจ "ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะชอบคุณชายขนาดนี้ นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า คนโง่ย่อมมีโชคของคนโง่!"
"ข้าจะกลับวังแล้ว!"
การออกจากวังครั้งนี้ทำให้หลี่ซื่อหลงอารมณ์ดีขึ้นมาก
"ท่านพ่อตา ข้าขอติดตามส่งท่าน!"
ฉินโม่เดินไปกับหลี่ซื่อหลงอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์ "ท่านพ่อตา รอให้ผักของข้าปลูกสำเร็จ ข้าจะส่งผักสดไปให้ท่านที่วังก่อนใครเลย!"
"หึ รอให้มันขึ้นก่อนเถอะ!" หลี่ซื่อหลงไม่เชื่อเลยว่าฉินโม่จะปลูกผักได้สำเร็จ
หลี่อวี้ซู่มองฉินโม่แล้วกล่าวว่า "ฉินโม่ เจ้ากล้ามากนะ ถึงกับเดินเคียงข้างกับพระบิดา!"
เจ้าโง่นี่ไม่รู้จักกฎ ไม่รู้จักมารยาท ไม่รู้จักการเคารพชนชั้นที่สูงกว่า สมควรถูกตัดหัว!
"เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว แม้แต่ท่านพ่อตาก็ยังไม่สนใจเรื่องยิบย่อยเช่นนี้ เจ้าจะมากเรื่องไปทำไม?"
ฉินโม่ตอบกลับอย่างไม่สนใจพลางกลอกตา หลี่อวี้ซู่แม้จะเป็นหญิงงาม แต่ก็ไม่ใช่สตรีในอุดมคติของเขา
ผู้หญิงที่อ่อนโยน อบอุ่น และเข้าใจความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นต่างหากคือสิ่งที่ฉินโม่ปรารถนา
"เจ้า!"
หลี่อวี้ซู่โกรธจัด "ฉินโม่ เจ้ากล้าหาว่าข้าพูดมาก!"
"ใช่ เจ้าก็พูดมากนั่นแหละ ถ้าเก่งจริงก็อย่ากินอาหารที่ข้าทำอีก!"
"ข้าไม่กินก็ได้ ใครอยากจะกินกันล่ะ!"
ทั้งสองคนเถียงกันไปมา หลี่ซื่อหลงกลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเสียงรบกวน แต่กลับรู้สึกว่านี่แหละคือความสุขในครอบครัวที่แท้จริง
ในบรรดาองค์ชายและองค์หญิงหลายคนในวัง ก็มีเพียงหลี่อวี้ซู่คนเดียวที่กล้าเถียงกับเขาเช่นนี้
"พระบิดา ดูสิว่าฉินโม่กล้าดีแค่ไหน!"
"พอแล้ว!"
หลี่ซื่อหลงรีบหยิบไม้บรรทัดออกมาตีศีรษะของฉินโม่เบาๆ "เจ้าเป็นบุรุษร่างกายใหญ่โตจะยอมให้สตรีหน่อยไม่ได้หรือ!"
ฉินโม่บ่นงึมงำด้วยความไม่พอใจ หลังจากนั้น เขาก็ไม่พูดอะไรกับหลี่อวี้ซู่อีกเลยตลอดทาง
หลี่อวี้ซู่ก็เชิดหน้าบึ้งตึง รู้สึกว่าฉินโม่ช่างน่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อส่งหลี่ซื่อหลงกลับไปแล้ว ฉินโม่ก็ยืนเท้าเอวพร้อมกับพูดว่า "คราวนี้ดีแล้ว ไม่มีใครมาขัดขวางแผนการความร่ำรวยของข้าอีกต่อไป!"
เมื่อหลี่ซื่อหลงกลับวัง ข่าวเรื่องการเสด็จเยือนหมู่บ้านตระกูลฉินของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านต่างพากันพูดคุยกันว่า
"เฮ้อ ฝ่าบาททำเพื่อเจ้าโง่นั่นเต็มที่จริงๆ!"
"ใครจะว่าไม่ใช่ล่ะ ในฤดูหนาวแบบนี้จะปลูกผักได้อย่างไร?"
"ถ้าแพ้ล่ะก็ ขอให้เจ้าโง่ฉินอย่ามาเล่นตุกติกก็แล้วกัน!"
ข่าวเรื่องการเดิมพันระหว่างฉินโม่กับหลี่ซื่อหลงกระจายไปทั่วเมือง คนฉลาดต่างรู้ดีว่าฮ่องเต้ต้องการใช้วิธีนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงราชบุตรเขย
ทุกคนรู้ว่าฉินโม่เป็นคนโง่ แต่ฮ่องเต้ก็คงหวังจะเปลี่ยนแปลงเขาได้
"ฝ่าบาทช่างมีพระเมตตาอย่างล้นเหลือ ตระกูลฉินยังคงรุ่งเรืองไม่เสื่อมคลาย!" หลายคนคิดในใจ
แต่ก็มีอีกหลายคนที่เยาะเย้ยฉินโม่ คิดว่าเขาโง่เขลารู้จักแต่ล้างผลาญครอบครัว
พวกเขายังสงสารองค์หญิงจิ่นหยางที่ต้องแต่งงานกับคนโง่ แม้ตระกูลจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ก็ไม่พอที่จะรับมือกับการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของฉินโม่
ที่ตงกง(ตำหนักบูรพา) หลี่ซินกำลังตรวจสอบบัญชีของตัวเอง "แย่แล้ว ข้ามีเงินเหลือเพียงแปดพันตำลึงเท่านั้น!"
ตอนนี้คลังหลวงแทบจะว่างเปล่า แม้จะชนะสงครามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้คลังสมบัติของอาณาจักรแทบจะร่อยหรอ
"พวกเจ้ามีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่ ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา ถ้าไม่มีเงินแม้แต่ผู้คนในตำหนักของข้าก็ยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้!"
แม้หลี่ซินจะเป็นรัชทายาท แต่หลี่ซื่อหลงก็ยังไม่ได้มอบอำนาจเต็มให้เขา ตำหนักบูรพาของเขามีเพียงที่ปรึกษาและและผู้ติดตามไม่กี่คนเท่านั้น ในจำนวนนี้ไม่มีใครเป็นลูกหลานของแม่ทัพใหญ่สักคนเดียว!
ทุกคนพากันก้มหน้าลงเงียบๆ จนกระทั่งกงซุนชงก้าวออกมาและกล่าวว่า "ทูลรัชทายาท ข้ามีวิธีการหนึ่ง!"
………………..