ตอนที่แล้วบทที่ 511: ถัว! กินหญ้าจริง ๆ ด้วย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 513: ใช้ทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อแลกกับชีวิตของฉินหลิน! สร้างชื่อเสียง!

บทที่ 512: แย่งงานกับแพนด้า! วิกฤติการการสูญพันธุ์ของวากิว!


หลังจากเดินเที่ยวบ้านไร่จนทั่วแล้วฉินหลินก็กลับไปที่คฤหาสน์และเห็นเกาเหยาเหยากับพนักงานดูอะไรบางอย่างอยู่ที่สนามกีฬา

หลี่หยวนชื่อเองก็อยู่ด้วยซึ่งตอนนี้กำลังนั่งยอง ๆ ดูอะไรอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย

ในมือนั้นถือมือถือถ่ายสิ่งที่กำลังดูอยู่นั่นแหละ

ฉินหลินเลยเดินเข้าไปดูและเห็นไอ้เจ้าเสี่ยวหยาง  เจ้าลูกจระเข้ตัวนี้มันกำลังนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นหญ้าแพรกพร้อมกับปากก็งับกินหญ้าไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย

กินแล้วก็กลิ้ง  กลิ้งแล้วก็กิน  แววตาก็ฟิน ๆ เหมือนมึนเมาอยู่ในสรวงสวรรค์

“เถ้าแก่คะ!” เกาเหยาเหยาเห็นฉินหลินเข้ามาก็ร้องทัก

“สวัสดีค่ะเถ้าแก่!”

พนักงานเสิร์ฟอีกสองคนทักทายเขาด้วยความเคารพทันทีแล้วจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยเห็นได้ชัดว่ากลัวจะถูกเข้าใจผิดว่ากำลังอู้งาน

หลี่หยวนชื่อก็เงยหน้ามามองฉินหลินแล้วถามน้ำเสียงแปลก ๆ “เอ่อ...  เถ้าแก่ฉิน...  นี่มันเกเตอร์แน่นะ  เหมือนจะพึ่งเกิดด้วยแต่ก็...  ประหลาด...!”

พูดไปพลางกดส่งคลิปวิดีโอที่ถ่ายเมื่อกี๊ไปให้หยวนชื่อที่สนิทกันได้ดูด้วย

อีกฝ่ายเป็นนักวิจัยที่ศึกษาในด้านสัตว์  และที่สำคัญคือศึกษาเรื่องจระเข้ด้วย  บางทีอีกฝ่ายอาจรู้สาเหตุของความผิดปกติของเจ้าลูกจระเข้ตัวน้อยตัวนี่ก็เป็นได้

โคตรประหลาด  จระเข้บ้านไหนวะชอบกินหญ้า

เพียงแต่ว่าเขายังไม่ได้ทำการวิจัยใด ๆ ในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ฉินหลินแค่ตอบยิ้ม ๆ ไปว่าไอ้เจ้านี่น่ะมันพิเศษนิดหน่อย  ตอนกลายพันธุ์น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างขึ้นนั่นแหละ!

ทว่าพอมาคิด ๆ ดูถึงความผิดปกติต่าง ๆ ของเสี่ยวหยางแล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดมันโตมาแล้วดูแตกต่างจากแอลลิเกเตอร์ปกติอันเนื่องมาจากสายเลือดของถัวล่ะก็เขาก็จะใช้เหตุผลนี้นี่แหละในการหลบเลี่ยง

แน่นอนว่าหลี่หยวนชื่อเองก็รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น  และตอนนี้เขากำลังรอคำตอบจากเพื่อนอยู่

หลังจากคุยกับฉินหลินได้พักหนึ่ง หลี่หยวนชื่อก็กลับห้องไป  และทันทีที่เข้าห้องแล้วทางเพื่อนก็โทรมาพอดี

เขารีบกดรับสายและได้ยินน้ำเสียงที่โคตรจึ้งจากปลายสายดังมา “เฮ่ยเฒ่าหลี่!  ฉันว่าจระเข้ตัวนั้นมันต้องมีการกลายพันธุ์ตรงยีนที่มีผลกระทบต่อนิสัยการกินชัวร์ ๆ ไม่งั้นมันไม่เป็นงี้แน่”

“บอกเลยนะว่าการกลายพันธุ์ที่ยีนด้านนิสัยการกินแบบนี้น่ะโคตรหายาก  เหมือนแพนด้าที่เป็นสมบัติชาติเรานั้นแหละที่ตอนแรกก็เป็นสัตว์กินเนื้อมาก่อน  แต่นอนนี้ดันเปลี่ยนมากินไผ่แทน”

“เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอาหารของแพนด้ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความจำเป็นเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ของพวกมัน  ในตอนแรกพวกมันก็เหมือนกับหมาจิ้งจอกตรงที่เป็นสัตว์ตัวเล็กมาก ๆ และต้องออกล่ากันเป็นฝูง  แต่ว่าในยุคน้ำแข็งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้สัตว์ต่างที่ขาดแคลนอาหารมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพออาหารขาดแคลนพวกมันก็เหลือทางเลือกสุดท้ายคือกินไผ่เพื่อเพิ่มสารอาหาร”

“แต่ก็นา  มีสัตว์แค่ไม่กี่ชนิดหรอกนะที่สามารถกลายพันธุ์ด้านพฤติกรรมการกินอาหารแบบนี้ได้  ก็ดูอย่างสัตว์กินเนื้ออย่างเสือเขี้ยวดาบดิ  เพราะมันไม่มีการกลายพันธุ์แบบนั้นขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบนั้นก็เลยต้องสูญพันธุ์ไปในที่สุดไง”

“ก็แต่อีกนั่นแหละ  แต่สังคมยุคปัจจุบันมันมีมั้ยล่ะไอ้สภาพแวดล้อมที่จะกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์แบบนี้ขึ้นน่ะ  เพราะงั้นฉันเลยว่าเจ้าลูกจระเข้นั่นมันโคตรประหลาดสุด ๆ ไปเลย”

“ยิ่งถ้าเจ้าเกเตอร์ตัวนั้นมันกินแต่มังฯเหมือนแพนด้าและไม่กินเนื้อสัตว์อีกเลยล่ะก็  มันจะกลายเป็นปาฏิหาริย์แบบเดียวกับแพนด้าเลยนะ  ถ้าจะยกย่องให้มันเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติก็ยังไม่ใช่เรื่องเกินจริง”

“ต้องมีเหตุผลแน่ ๆ ล่ะนะ” เพราะหลี่หยวนชื่อก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน  ไม่งั้นคงไม่ถามเพื่อนสนิทคนนี้

แล้วทางปลายสายก็ถามมาว่า “ว่าแต่นะเฒ่าหลี่  นายไปเจอเจ้าเกเตอร์ตัวนั้นที่ไหนอะ  คฤหาสน์ชิงหลินเหรอ”

หลี่หยวนชื่อไม่ได้ปิดบังอะไร “ก็...  ของเถ้าแก่ฉินอะเพื่อน”

ปลายสายตอบกลับมาว่า “ของเถ้าแก่ฉินเรอะ!  จะว่าไปแล้วเมื่อปีกลายรัฐมนตรีหลู่แกมาหาพวกเราบอกให้เอาเอกสารข้อมูลแล้วก็หนังสือหนังหาที่เกี่ยวข้องกับสัตว์กองเบ้อเริ่มให้  เห็นบอกจะเอาไปให้เถ้าแก่ฉิน  เป็นไปได้มั้ยว่าเถ้าแก่ฉินเป็นสัตว์ประหลาดของแท้ที่มีความสำเร็จด้านยีนสัตว์ด้วยน่ะ”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” หลี่หยวนชื่อพึ่งจะรู้

รัฐมนตรีหลู่พึ่งเอาเอกสารหนังสือทั้งหมดที่เกี่ยวกับยีนสัตว์ให้เถ้าแก่ฉินไปไม่นาน  แล้วเถ้าแก่ฉินก็มีผลลัพธ์ที่รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ...

แล้วผู้เฒ่าทั้งสองก็คิดมโนไปเรื่อยอยู่ในหัว

แต่ในความเป็นจริงคือฉินหลินเอาข้อมูลทั้งหมดที่รัฐมนตรีหลู่ให้มาใส่ลิ้นชักห้องทำงานแถมล็อกไว้อีกต่างหาก  จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ

ปลายสายพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ต้องใช่แน่ ๆ เพราะฉันเป็นคนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมอบให้เองกะมือ”

หลี่หยวนชื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดไปว่า “ถ้าเป็นเถ้าแก่ฉินก็ไม่เห็นจะน่าแปลกใจล่ะมั้ง  ใคร ๆ ก็รู้ว่ารายนั้นน่ะพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด”

ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เอาตรง ๆ นะ  ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เชื่อหรอก  แต่ตอนนี้ต่อให้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อละ”

หลี่หยวนชื่อวางสายพร้อมกับความมั่นใจที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้าเกเตอร์ตัวนั้นมันพึ่งเกิด  ก่อนหน้านี้เถ้าแก่ฉินคงจะแอบเลี้ยงไว้แล้วถึงค่อยเอามาปล่อยเพื่อให้มันได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

เพียงแต่พรสวรรค์ของเถ้าแก่ฉินทำให้ผู้คนต้องได้ตกใจกันครั้งแล้วครั้งเล่าจริง ๆ

............................................................................................

สนามกีฬาคฤหาสน์ชิงหลิน

เจ้าจระเข้น้อยเสี่ยวหยางที่เกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นหญ้าแพรกนั้นพอมันเห็นฉินหลินมาก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่เท้าพร้อมกับส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ เรียกทันที

โอ๊ย  ช่างบ้องแบ๊วอะไรอย่างเน้~

ฉินหลินยิ้มแล้วนั่งยอง ๆ ไปลูบหัวมันเล่น

ด้วยโบนัสคุณสมบัติบ้องแบ๊วนี่เดาได้เลยว่าเมื่อโตไปมันก็ต้องบ้องแบ๊วด้วย  และพอมันโตพอแล้วมีการออกไข่...  ไข่ก็จะฟักออกมาเป็นเจ้าจระเข้น้อยน่ารักบ้องแบ๊วที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ซึ่งสามารถเอามาแย่งงานของแพนด้าได้

แล้วตอนนี้เกาเหยาเหยาที่ยังอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “เถ้าแก่คะ  หนูได้ยินมาว่าแอลลิเกเตอร์มันเป็นสัตว์คุ้มครองที่ไม่สามารถเลี้ยงแบบเป็นส่วนตัวได้  แล้วเราต้องมีขั้นตอนอะไรบ้างมั้ยคะเนี่ย”

เออเว้ยเฮ้ย

ฉินหลินก็พึ่งจะนึกได้

แต่ก็ไม่สำคัญหรอกว่ามันต้องมีขั้นตอนหรือไม่  เพราะตอนนี้ไม่มีใครมานั่งสนใจจับผิดเขาอยู่แล้ว

จนถึงตอนนี้หากยังไม่มีสิทธิพิเศษนี้อีกก็ไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้วล่ะ

ทว่า  ยังไงก็ตามการผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายให้เรียบร้อยก็เป็นการดีกว่าอยู่ดี  เพราะการทำให้ตัวเองไร้จุดด่างพร้อยอยู่ตลอดนั้นย่อมดีกว่ามีจุดด่างพร้อยให้ต้องปกปิดอยู่เสมอ  อีกทั้งมันจะได้ไม่เป็นปัญหาให้เกิดเรื่องน่ารังเกียจทีหลังด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นคือแม้จะไม่สามารถเพาะพันธุ์แบบเป็นการส่วนตัวได้ก็ตาม  แต่ก็สามารถนำไปเพาะพันธุ์ในสถานที่เช่นพวกสวนสัตว์ได้อยู่  เพียงแต่มันขึ้นอยู่กับว่าใบสมัครจะได้รับการอนุมัติหรือไม่เท่านั้น

แต่ในเรื่องนี้ฉินหลินคือมั่นใจมาก  เพราะหากเขาให้ฟาร์มชิงหลินเป็นผู้สมัครล่ะก็จะไม่มีใครกล้ามาทำให้ติดขัดแน่นอน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฉินหลินก็โทรหาหลินหลานจื่อให้ไปทำเรื่องสมัครเป็นผู้เพาะพันธุ์แอลลิเกเตอร์

ตอนนี้จ้าวโม่ชิงได้มอบตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบ้านไร่ให้เธอแล้ว  ซึ่งเธอจะดูแลแค่เรื่องการเงินเท่านั้น  จากนี้ไปเรื่องเหล่านี้จะถูกส่งมอบให้กับหลินหลานจื่อทั้งหมด

หลังจากอธิบายอะไรเสร็จแล้วเขาก็วางสาย  แล้วฉินหลินก็เห็นจ้าวโมชิงเดินมาพร้อมกับฉินเฟิงน้อยในอ้อมแขน

“ดูไรอยู่เหรอเธอ” จ้าวโม่ชิงถามเมื่อเห็นว่าฉินหลินกำลังนั่งยอง ๆ ดูอะไรอยู่

“ดูเจ้าอันธพาลน้อยตัวใหม่น่ะ” ฉินหลินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“จระเข้!”

จ้าวโม่ชิงเห็นเจ้าจระเข้น้อยเสี่ยวหยางปุ๊บก็ตกใจ “นี่เธอจะเลี้ยงจระเข้ในคฤหาสน์เนี่ยนะ  ถ้ามันโตไปจะไม่เป็นอันตรายเหรอ!”

ฉินหลินส่ายหัวก่อนจะตอบยิ้ม ๆ “เจ้านี่มันเป็นแอลลิเกเตอร์สายพันธุ์พิเศษน่ะ  นอกจากเชื่องแล้วก็ยังไม่กินเนื้อด้วยนะ  เป็นมังสวิรัติที่ชอบกินหญ้าแพรกมาก ๆ”

จ้าวโม่ชิงก็ก้มลงมองมันและเห็นมันเกลือกกลิ้งอยู่กับหญ้าแพรกแล้วกินไปด้วย

“จิ๊ด ๆ ๆ ๆๆ!” จู่ ๆ ชื่อเหมาก็ร้องออกมาและร่วงจากไหล่ของจ้าวโม่ชิงเมื่อเห็นเจ้าจระเข้น้อยเสี่ยวหยาง  แล้วมันก็เข้ามาร้องทักด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อ้อแอ้!” เสี่ยวหยางเองก็เห็นชื่อเหมาเช่นกัน  แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือมันร้องพร้อมกับถอยหลัง 2 ก้าวด้วยความกลัวหน่อย ๆ

ชื่อเหมาดูเหมือนรู้ตัวว่าเจ้าหน้าใหม่นี่ดูจะไม่ชอบตนมันก็เลยส่งเสียงแหลมพร้อมกับเดินหน้า 2 ก้าว

แต่เจ้าจระเข้น้อยกลับกลัวกว่าเดิม  มันวิ่งไปหลบหลังฉินหลินพร้อมร้องเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ เหมือนจะกำลังขอลี้ภัยด่วน ๆ

ฉินหลินก็อึ้งไปอีก

ก็เคยได้ยินมาก่อนว่าในหมู่จระเข้นั้นแอลลิเกเตอร์เป็นสัตว์ที่น่าอนาถ  เพราะแค่แต่จะเอาชนะห่านให้ได้มันยังทำไม่เป็น  สาเหตุหลัก ๆ คือไม่ใช่เพราะมันไม่มีแรงสู้  แต่มันป๊อดก็เลยโดนห่านไล่ทุบอยู่ฝ่ายเดียว

แต่ต่อให้จะกลัวห่านแค่ไหนก็เถอะ  ไอ้มากลัวกระรอกตัวนิดเดียวแบบนี้มันเกินไปมั้ย

อย่าลืมว่าไอ้เจ้าจระเข้น้อยนี่มีโบนัสคุณสมบัติพละกำลัง +2 เลยเชียวนะ

ด้วยอาการปอดแหกเบอร์นี้นี่ถ้ามันไม่มีคุณสมบัติกลไกปกป้องสหาย +2 อยู่ล่ะก็ใครจะเชื่อบ้างว่าไอ้นี่มันสามารถปกป้องเพื่อนพ้องของตัวเองเป็น

“พ่อ  ไอ้ ๆ ๆ!” เสียงร้องของฉินเฟิงน้อยดังขึ้น  เจ้าตัวก็มองตรงไปที่เสี่ยวหยางที่อยู่ตรงเท้าของฉินหลินและพยายามยื่นมือจะไปหามันให้ได้

“เธอ  เจ้าตัวเล็กคงไม่ใช่ว่าอยากเล่นกับมันหรอกนะ” จ้าวโม่ชิงขมวดคิ้วถาม

“ลองดู!” ฉินหลินเอาฉินเฟิงน้อยวางลงกับพื้น

เพราะสนามกีฬาปกคลุมไปด้วยหญ้าแพรกนุ่ม ๆ และมีคนมากำจัดแมลงและพยาธิเป็นประจำทำให้ปลอดภัยหายห่วง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกายของฉินเฟิงน้อยนั้นแข็งแกร่งกว่าทารกทั่วไปมากเนื่องจากองค์ประกอบยีนบำรุงทารกในครรภ์  ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวน้อยสามารถคลานเองได้แล้ว

เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้ทำไม่ได้

“ไอไอ้เอ้ย!” หลังจากที่ฉินเฟิงน้อยถูกวางไว้ข้าง ๆ เจ้าจระเข้น้อยเสี่ยวหยาง  เจ้าตัวก็รีบคลานเข้าไปหามันอย่างมีความสุขทันที

เจ้าจระเข้น้อยก็เหมือนจะอยากรู้อยากเห็นเด็กน้อยที่กำลังคลานมาหามันอย่างมีความสุขอยู่เหมือนกัน

ท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ต่างก็เป็นทารกแรกเกิดเหมือนกันล่ะนะ

แต่ก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนอง  ฉินเฟิงน้อยก็กระโจนเข้าใส่และนอนทับมันไปเรียบร้อย

แต่ก็อาจเป็นเพราะพละกำลัง +2 ของมันทำให้มันไม่ได้สนใจน้ำหนักของฉินเฟิงน้อยเลย  มันแค่มองฉินเฟิงน้อยอย่างบ้องแบ๊วอยู่ครู่หนึ่ง  หลังจากนั้นมันก็เงยหน้ามองฉินหลินแบบงง ๆ

จากนั้นมันก็หันมองฉินเฟิงน้อย  แล้วก็มองฉินหลิน  ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายทีโดยไม่รู้เหมือนกันว่ามันมองหาอะไรกันแน่

ทางด้านฉินเฟิงน้อยก็กอดหางของมันพลางหัวเราะกระดี๊กระด๊าอย่างมีความสุข

ชื่อเหมาก็อาศัยประโยชน์จากช่วงเวลานี้กระโดดขึ้นไปขี่หลังเสี่ยวหยาง  เจ้าจระเข้น้อยก็เป็นกังวลขึ้นมาเลย  แต่มันจะดิ้นก็ไม่กล้าเพราะว่าโดนฉินเฟิงน้อยกอดหางเอาไว้อยู่  สุดท้ายมันก็เลยต้องนอนลงปล่อยให้หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวปู้ยี่ปู้ยำไปด้วยความปอดแหก

สภาพของมันเล่นเอาฉินหลิน  จ้าวโม่ชิง  แล้วก็เกาเหยาเหยาต้องหัวเราะลั่น

เอาจริง ๆ ต่อให้เป็นแพนด้าก็อาจไม่บ้องแบ๊วขนาดนี้

จ้าวโม่ชิงที่เห็นแบบนี้แล้วถึงค่อยโล่งใจหน่อย  เธอไม่เชื่อว่าเจ้าจระเข้น้อยที่ตกอยู่ในสภาพนี้จะเป็นอันตรายใด ๆ ได้แล้ว

ฉินหลินเล่นกับฉินเฟิงน้อยอยู่พักหนึ่ง  จากนั้นก็ให้จ้าวโมชิงมาอุ้มเข้าไปในคฤหาสน์

เจ้าจระเข้น้อยเสี่ยวหยางที่ถูกปล่อยตัวแล้วและเห็นว่าฉินหลินกับจ้าวโม่ชิงเดินไปยังคฤหาสน์มันก็รีบสับเท้าวิ่งตามไป  แต่เจ้าชื่อเหมาบนหลังก็ยังเกาะไม่ยอมปล่อย

เจ้าชื่อเหมามันเคยเป็นอัศวินขี่หมา  และอัศวินขี่จิ้งจอกมาก่อน  ตอนนี้มันกำลังเป็นอัศวินขี่จระเข้

ฉินหลินหยอกล้อฉินเฟิงน้อยในห้องโถงอีกครั้ง  หลังจากที่จ้าวโมชิงพาเจ้าตัวน้อยไปอาบน้ำตัวเขาเองก็กลับไปที่ห้องทำงาน

พอกลับมานั่งที่ห้องทำงานแล้วก็ได้หยิบมือถือออกมาไถแก้เบื่อ

ตอนแรกก็อยากจะหาข่าวดูเพื่ออัปเดตสถานการณ์ปัจจุบันเล่น ๆ สนุก ๆ แต่ใครจะไปนึกล่ะว่าจะเจอข่าวจริงจังไปถึง 2 ข่าวติด

หนึ่งคือบริษัทเรียกแท็กซี่ถูกปรับมากกว่า 8 พันล้านหยวน  ซึ่งเรียกได้ว่าเจ๋งเป้ง

อีกข่าวคือ

“เนื่องจากประเทศพลาสเตอร์ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงกับประเทศเราในด้านการสนับสนุนด้านยารักษาโรคเลือดแข็งตัวที่อุณหภูมิสูงที่กำลังระบาดในสัตว์  ทำให้ตอนนี้โรคนี้ได้เกิดการปะทุโดยสมบูรณ์แล้วและทำให้ปศุสัตว์ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัววากิวของประเทศพลาสเตอร์นั้นได้รับผลกระทบหนักมาก  มีวัวสายพันธุ์วากิวจากฟาร์มเลื่องชื่อหลายแห่งเสียชีวิตไปกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์  โดยรวมไปถึงตัวพ่อพันธุ์ที่เลี้ยงดูอย่างระมัดระวังด้วย

เนื้อวากิวแห่งประเทศพลาสเตอร์กำลังเผชิญกับวิกฤติการการสูญพันธุ์  ประเทศพลาสเตอร์จึงกำลังเรียกร้องให้ประชาคมโลกประณามประเทศเราโดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากประเทศเรา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด