บทที่ 130 ผมรับผิดชอบเอง (1)
ได้ยินว่ามีหมอมาแล้ว คนเหล่านั้นจึงได้นำคนป่วยวางลง
หร่วนหลิวเจิงช่วยพวกเขานำผู้ป่วยวางราบอย่างระมัดระวัง แล้วนำหัวของเขาพลิกไปด้านหนึ่งอย่างเบา ๆ จากนั้นจึงปลดคอเสื้อและเข็มขัดของเขาออกอย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญ
ผู้ป่วยสลบอยู่ ส่งเสียงกรนออกมา เธอควานหากระดาษทิชชูที่สะอาดออกมาจากกระเป๋า แล้วนำลิ้นของเขาดึงออกมาเบา ๆ
ในกระเป๋ายังมีทิชชูเปียกอยู่ห่อหนึ่ง เธอเปิดมันออก แล้วใช้มันคลุมส่วนหัวของเขาไว้
เซวียเหว่ยหลินยืนอยู่ด้านข้างของเธอ เธอเอ่ยถาม "โทรแจ้งแล้วหรือยัง"
"โทรแล้ว" เซวียเหว่ยหลินรีบตอบ "ยังต้องการอะไรอีกไหม"
เธอกระวนกระวายใจเล็กน้อย อากาศที่เเห้งและเย็นแบบนี้ ต้องทำให้ร่างกายผู้ป่วยอบอุ่นถึงจะดี แต่มองไปโดยรอบต่างไม่มีอะไรเลยที่สามารถใช้ห่มตัวให้ผู้ป่วยได้ เธอจึงไม่ได้ลังเลใด ๆ ที่จะถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออก
ในการมองเพียงแวบเดียวของเซวียเหว่ยหลินก็เข้าใจได้ในทันที จึงรีบถอดของตัวเองออก แล้วนำไปคลุมให้ผู้ป่วย "ผมทำเอง!"
หร่วนหลิวเจิงมองเขา "คุณ......"
"ผมไม่เป็นอะไรหรอก ร่างกายผมแข็งแรง จะว่าไป ต่อให้เป็นหวัดก็ไม่เป็นอะไรหรอก ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ! คุณเป็นสาว จะให้คุณถอดได้ยังไง"
หร่วนหลิวเจิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ดูเวลาไม่หยุดขณะรอรถพยาบาล
ในระหว่างที่เธอกำลังดูแลคนไข้อยู่ ก็ให้เซวียเหว่ยหลินไปลองถามคนโดยรอบว่าใครเป็นญาติของผู้ป่วย หลังจากนั้นเซวียเหว่ยหลินก็เดินสอบถามไปหนึ่งรอบ ก็ไม่เจอใคร เธอลองหาบนตัวของผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง ก็หาไม่เจอสิ่งที่จะเป็นเอกสารระบุตัวตนใด ๆ ได้
รถฉุกเฉินมาอย่างไว แต่ว่า ญาติของผู้ป่วยกลับยังหาไม่พบ
เซวียเหว่ยหลินเข้าขากับเธออย่างมาก "เธอไปจัดการเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณอากับคุณน้าเอง รอสักพักจะพาพวกเขาไปส่งที่บ้าน"
หร่วนหลิวเจิงครุ่นคิด ยังไงเสียตรงไปที่โรงพยาบาลเป๋ยหย่าดีกว่า เธอจึงนั่งไปบนรถฉุกเฉินด้วย เหตุนี้เธอได้พบเข้า ในเมื่อไม่มีญาติ ถึงโรงพยาบาลก็ต้องมีคนทำเรื่องประสานงานให้เขา
เธอนำเสื้อคืนให้กับเซวียเหว่ยหลิน "ขอบคุณนะ"
"เกรงใจอะไรกัน! รีบไปเถอะ!" เซวียเหว่ยหลินรับเสื้อนอก แล้วเร่งเธอ
รถฉุกเฉินเคลื่อนตัวจากไป
ผู้ป่วยถูกยืนยันการตรวจเช็กที่ห้องฉุกเฉินว่ามีเลือดออกในสมอง สุดท้ายจึงถูกส่งตัวไปที่แผนกศัลยกรรม
หมอเฉิงกำลังเข้าเวร เมื่อหาญาติไม่เจอ แต่จำเป็นต้องห้ามเลือดที่กำลังออกในทันที พยาบาลที่เข้าเวรจึงได้รักษาเขาเบื้องต้นไปก่อน
ยุ่งวุ่นวายมาตลอดทั้งบ่าย ในที่สุดหมอเฉิงพูดกับหร่วนหลิวเจิง "เรียกญาติเขามาเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่"
ในชีวิตของหมอเฉิงล้วนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่หากเป็นเรื่องงานแล้วกลับจริงจังอย่างถึงที่สุด ได้เห็นใบหน้าที่เข้มงวดของเขา หร่วนหลิวเจิงก็รับรู้ได้ว่าเรื่องวุ่นวายได้มาถึงแล้ว
หมอเฉิงโทรศัพท์หาหัวหน้าหลิว ส่วนหร่วนหลิวเจิงก็โทรหาหนิงจื้อเชียน
เรื่องจวนตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ของเฉิงโจวอวี่ทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอเข้าโรงพยาบาลมาตั้งหลายปี ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องคนไข้เสียไปด้วยมือของเธอ ร้ายแรงที่สุดก็เป็นเรื่องที่แผนกศัลยกรรม หลังจากผ่าตัดคนไข้ก็สลบไม่ฟื้นเท่านั้น ส่วนคนไข้รายนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังเป็นความยุ่งยากที่เธอนำมาด้วยตนเอง สลับเปลี่ยนกับหมอเฉิงตลอดทั้งบ่าย ส่วนมากเป็นสาเหตุความกดดันที่เกิดขึ้นทางจิตใจ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อย
พอเธอกดโทร ปลายสายก็กดรับทันที พร้อมเสียงที่อ่อนโยน "หลิวเจิง"
ในขณะนั้น ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็พรั่งพรูออกมาดั่งสายธารน้ำไหลจากเขาลงสู่ทะเล ความกังวลใจและความไม่รู้จะพึ่งใครไม่ได้ถูกปิดซ่อนไว้แต่อย่างใด "อาจารย์หนิง! คุณอยู่ไหน หมอเฉิงขอให้คุณรีบมาที่โรงพยาบาล"
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น เธออยู่ที่ไหน" ปลายสายมีเสียงของเปียโนบรรเลงพื้นฐานการฝึกดังแว่วมา
"ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล จู่ ๆ ก็พบผู้ป่วยเลือดออกในสมองตอนที่อยู่ในงานวัด สลบอยู่ในงาน ฉันพาเขาส่งมาที่โรงพยาบาลของพวกเรา แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีมาก ๆ หมอเฉิงกำลังติดต่อหัวหน้าหลิว" เธอกลัวว่าชักช้าจะไม่ทันกาล จึงได้รีบพูดกับเขารัวเป็นชุด
"ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เธอค่อย ๆ พูดนะ"
"หาญาติคนไข้ไม่เจอ......เลือดออกมาก......ดึงเลือดออกไม่เป็นผล......ต้องเปิดกะโหลก ภายในมีอาการบวมหลายจุด......ใกล้เส้นเลือด......แถมยังมีส่วนที่ใกล้กับก้านสมองด้วย.....ใหญ่เป็นพิเศษ......" เธอพูดผลการตรวจออกมาอย่างต่อเนื่อง
"เข้าใจแล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้ อย่าวู่วามนะ" เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงเปียโนก็หยุดลง เสียงของหนิงเสี่ยงดังขึ้น "พ่อครับ พ่อต้องไปโรงพยาบาลเหรอครับ"
"ใช่จ้ะ หนิงเสี่ยงหนู......"
จากนั้น โทรศัพท์ก็วางลง เธอยังไม่ทันได้ฟังชัดเลยว่าเขาจะให้หนิงเสี่ยงทำอะไร
ไม่นานนัก ในห้องทำงานก็มีแพทย์หลักมากันครบทั้งหมด จากนั้นจึงเร่งทำการประชุม หร่วนหลิวเจิงนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง ฟังทุกคนเสนอความเห็นของตัวเอง เธอไม่มีสิทธิ์ในการแสดงความเห็น เธอเป็นเเค่นักเรียนคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากการถกเถียง หนิงจื้อเชียนพูดอย่างไม่ลังเล "การผ่าตัด ผมทำเอง"
หัวหน้าหลิวปฏิเสธในทันที "ไม่ได้! คงการรักษาไว้ หาวิธีที่เหมาะสม นอกจากนั้นก็แจ้งความเพื่อหาญาติของคนไข้"
"หัวหน้าหลิว วิธีที่เหมาะที่สุดก็คือการผ่าตัด คุณกับผมต่างรู้กันดี!" หนิงจื้อเชียนยังยืนกราน