บทที่ 129 คนเดียวตลอดชีวิต (2)
หลังจากที่หร่วนหลิวเจิงผ่านการสารภาพรักของเขาในตอนนั้นมา ก็ไม่ได้ขำอีกเลย จึงเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ "ขโมยอะไร"
"ไม่ได้ขโมยทรัพย์สิน ไม่ได้ขโมยความบริสุทธิ์ ผมแค่ขโมยเวลา"
ความคิดของเซวียเหว่ยหลินไม่อาจใช้เหตุผลปกติมาอธิบายได้เสมอ เธอตอบอย่างเย็นชา โดยไม่เล่นกับเขา "เลิกก่อกวนได้แล้ว"
เซวียเหว่ยหลินเดินหนึ่งก้าวข้ามไปยืนตรงหน้าเธอ
"คุณผู้หญิงครับ ผมขโมยเวลาทั้งชีวิตของคุณ คุณยินยอมหรือเปล่า"
หร่วนหลิวเจิงหยุดเดิน เขาเล่นครึ่งจริงจังครึ่ง เธอกลับตั้งใจอย่างมาก "เซวียเหว่ยหลิน คุณกำลังเสียเวลานะ"
เซวียเหว่ยหลินนำหน้ากากถอดออก พลางยักไหล่ "ล้อเล่นเอง......"
เรื่องแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยล้อเล่น
"หลิงเจิง ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณไม่ยอมรับผม ไม่เป็นไร เป็นเพื่อนกันปกติกันปกติก็ได้ จะว่าไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว! ใช่ไหมล่ะ ผมชอบคุณเป็นเรื่องของผม คุณไม่ต้องสนใจผม! ผมเป็นพ่อตาของฟ่านหลีก็ดีกว่า!" ในมือของเซวียเหว่ยหลินถือหน้ากากเอาไว้ พูดอย่างส่ายไปส่ายมา
หร่วนหลิวเจิงไม่พูดจาใด ๆ เพียงแต่รู้สึกว่า ผมชอบคุณ เป็นเรื่องของผม ประโยคนี้ฟังดูคุ้นหูมาก
เซวียเหว่ยหลินถอนหายใจ "หลิวเจิง เป็นอะไรไป ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไปเมื่อวานจริง ๆ แล้วนะ ว่ากันว่า ธุรกิจไม่รุ่งแต่เราก็ยังเป็นมิตรกันได้ แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้เลยเหรอ คุณใจร้ายเกินไปแล้ว! หรือว่าจะไม่ให้ไซซีกับฟ่านหลีเจอกันแล้วเหรอ"
หร่วนหลิวเจิงมองเขา "เป็นเเค่เพื่อนจริง ๆ เหรอ"
เซวียเหว่ยหลินเลิกคิ้วขึ้น "หลิวเจิง ผมชอบดูตอนที่คุณหัวเราะ มันน่าดึงดูดนะ แล้วก็เพราะว่าตอนเธอหัวเราะมันดูสดใสมาก หากการสารภาพรักของผมมันจะทำให้คุณอึดอัดใจ งั้นผมยอมไม่สารภาพรักดีกว่า"
หร่วนหลิวเจิงส่ายหน้าเบา ๆ การเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ที่กะทันหันของเธอไม่ใช่เพราะการสารภาพรักของเขา บางทีเป็นเธอเองที่กระวนกระวายใจ เธอจึงได้หัวเราะออกมา "ไม่ต้องสนใจฉันหรอก น่าจะเป็นเพราะอารมณ์ที่แปรปรวน พรุ่งนี้ฉันก็หายดีแล้ว"
ใช่แล้ว ใครบ้างที่ไม่พบพานความสุขความทุกข์ ใครบ้างที่ไม่เคยรู้สึกแย่ถึงขีดสุด ทว่า ดอกไม้ที่ผลิบานออกมาได้พบแสงแดดมักจะเผชิญหน้ากับแสงแดดต่อไป
เซวียเหว่ยหลินเดินไปที่ด้านหน้าของเธอ สวมหน้ากากเข้าไปอีกรอบ "ไม่ ต้องหายตอนนี้เลย หัวเราะออกมานะ! แม่สามีไม่หัวเราะ ไซซีก็ลำบากใจสิ"
หร่วนหลิวเจิงบางทีก็ไม่สามารถรับมือกับเซวียเหว่ยหลินได้ เหมือนกับที่แม่พูดไว้ เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เธอส่ายหัวพลางหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
เซวียเหว่ยหลินดีอกดีใจ "ยิ้มแล้วยิ้มแล้ว ท้องฟ้าแจ่มใสแล้ว!"
"เอาเถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร!" อารมณ์ของเธอไม่ควรจะให้เซวียเหว่ยหลินมารู้สึกแย่ด้วย ความรู้สึกแย่ของคน ๆ หนึ่งทำไมต้องเอาไปให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องแบกรับด้วย
เซวียเหว่ยหลิน กล่าวขอโทษ "ชอบคุณ เป็นเรื่องของผม" เรื่องราวเช่นนี้ เธอเคยผ่านมาแล้วหนหนึ่ง ไม่ใช่จุดจบที่น่าพอใจ ดังนั้นเธอไม่ต้องการจะลิ้มรสมันอีกแล้ว
ด้านหน้ากำลังมีการแสดงเชิดหนัง หร่วนเจี้ยนจงกับเผยซู่เฟินถูกดึงดูดไปแล้ว แถมยังหาที่นั่งลงเพื่อรอชมอีก
หร่วนหลิวเจิงรีบก้าวเดิน แล้วมานั่งลงเป็นเพื่อนพวกเขา
เซวียเหว่ยหลินเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง เดินวนไปรอบหนึ่งกลับมา ในมือก็เต็มไปด้วยเนื้อลาย่างเสียบไม้และโจ๊กข้น ๆ สามถ้วยซ้อนไว้ด้วยกัน ซึ่งทำให้เขาก้าวเดินได้อย่างลำบาก
"คุณอาหร่วน คุณน้า เดินเที่ยวแล้ว หิวหรือยังครับ กินอะไรหน่อยไหม" เขาชูของที่อยู่ในมือขึ้น
"ลำบากเธอแล้ว เสี่ยวเซวีย เกรงใจจริง ๆ เลย" เผยซู่เฟินรีบลุกขึ้นยืนแล้วช่วยเขาถือโจ๊กข้น พลางหัวเราะ "ไม่ต้องพูดแล้ว คุณอาหร่วนของเธอชอบกินของพวกนี้"
เซวียเหว่ยหลินที่ถูกเอ่ยชม เอ่ยถามหร่วนหลิวเจิง "คุณชอบกินหรือเปล่า"
หร่วนหลิวเจิงส่ายหน้า "เอาเนื้อย่างเสียบไม้ดีกว่า"
เซวียเหว่ยหลินขำ "ผมไม่เคยกินโจ๊กข้นมาก่อนเลย มีคนซื้อตั้งเยอะ ผมเลยลองดู"
หร่วนหลิวเจิงถือเนื้อลาย่างเสียบไม้ไว้เพิ่งจะกินไปได้คำหนึ่ง ชายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนวิ่งกรูกันล้อมลง ทะลุผ่านช่องว่างเล็ก ๆ เธอมองเห็นคนล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้น
แย่แล้ว! เธอวางเนื้อย่างเสียบไม้ลง แล้วรีบวิ่งเข้าไป
ดูแล้วเหมือนจะมีคนเป็นลม ไม่ว่าจะเป็นการเป็นลมแบบใด มุงดูแบบนี้ไม่เป็นการดีต่อผู้ป่วยแน่!
เธอใช้กำลังเบียดเสียดท่ามกลางผู้คน "ขอทางหน่อย ขอทางหน่อยค่ะ ฉันเป็นหมอค่ะ ใครก็ได้รบกวนช่วยติดต่อรถฉุกเฉินทีค่ะ"
ไม่ง่ายเลยที่จะฝ่าวงล้อมผู้คนที่แออัด ดูเหมือนว่าจะมีคนใจดีสองสามคนช่วยพยุงคนที่เป็นลมขึ้นจากพื้น
คนที่ลมไปบนพื้นเป็นผู้สูงวัยคนหนึ่ง จากการประเมินด้วยสายตาไม่มีบาดแผลภายนอกแต่อย่างใด สถานการณ์การหมดสติของผู้สูงวัยในฤดูกาลนี้ไม่ได้แปลกอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ ไม่สามารถทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยพลการได้ เธอจึงรีบเข้าไปห้ามทันที "อย่าค่ะ พวกคุณอย่าเพิ่งขยับเขา! ฉันเป็นหมอ! ฉันจัดการเองค่ะ! รบกวนพวกคุณแจ้งรถฉุกเฉินทีค่ะ"
"ผมโทรเอง! ผมโทรแจ้งรถพยาบาลเอง!" ทางด้านหลังมีเสียงตอบของเซวียเหว่ยหลิน