ตอนที่ 596 ดินสอกับปัญหาเดิม (ฟรี)
(ตอนเดียวครับวันนี้ งานที่ออฟฟิตเยอะแปลไม่ทันอภัยด้วยครับ)
เช้าตรู่
แกร็งๆ
เสียงระฆังดังครบ 7 ครั้ง
เต่าทมิฬน้อยลืมตาขึ้น และเริ่มเคลื่อนไหว
เวลานี้เพียงก้าวเดียวของเต่าทมิฬก็สามารถเคลื่อนที่ได้หลายพันเมตร
ในห้องทำงานบนตำหนักเนินสูง
มู่เหลียงกำลังนั่งฟังรายงานจากหยู่ฉินหลานอยู่
“ตอนนี้ทุกอย่างภายในเมืองเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต”
“อื้มดีแล้ว”
มู่เหลียงพยักหน้าเบาๆ
หยู่ฉินหลานกล่าวต่อ
“เกี่ยวกับเรื่องการย้ายพื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่เพาะปลูก และพื้นที่เลี้ยงสัตว์จะมีการประกาศลงหนังสือพิมพ์ก่อนล่วงหน้า”
การย้ายพื้นที่เหล่านี้จำเป็นต้องมีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้คนงานเตรียมตัว
“อื้ม…อีกสามวันจะมีการเคลื่อนย้ายประกาศออกไปได้เลย”
มู่เหลียงเงยหน้าขึ้นและสั่ง
เขากำลังคิดถึงเรื่องทำรถม้าขนส่ง ซึ่งการทำตัวรถไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่จะเอาสัตว์อะไรมาลากมัน?
-ในใจของมู่เหลียงตอนนี้มีอยู่สามตัวเลือก ตัวเลือกที่หนึ่งคืออสูรแปดเขี้ยวที่อยู่ในพื้นที่เลี้ยงสัตว์
แต่พวกมันไม่ได้เชื่องขนาดนั้น แต่ปัญหานี้แก้ไขได้โดยใช้กลิ่นไอของเต่าทมิฬน้อยข่มขู่พวกมัน
ตัวเลือกที่สองคือมดก้ามยักษ์ที่กำลังขยายพันธ์อยู่ แต่ไข่ของพวกมันใช้เวลาพักตัวราวๆ ห้าวัน ถึงจะได้มดงานหนึ่งตัว
หลังจากที่ฟักออกมาแล้ว พวกมันต้องใช้เวลาอีกสิบวันถึงจะเติบโตเต็มที่พร้อมใช้งาน
มดงานพวกนี้ก็มีพลังมหาศาลเหมือนกัน ซึ่งมันสามารถลากรถที่เต็มไปด้วยคนและสิ่งของได้
และตัวเลือกที่สามคือใช้หมาป่าจันทราในการลากรถ แต่นั้นมันก็อาจจะเกินตัวไปหน่อย
หมาป่าจันทราพวกมันไม่สามารถลากรถได้ด้วยตัวมันตัวเดียว จำเป็นต้องใช้หมาป่าจันทราหลายตัวในการลากรถ
ซึ่งมันดูไม่สมเหตุสมผลที่จะใช้มันแบบนั้น
มู่เหลียงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเลือกอสูรแปดเขี้ยวแทน
“เข้าใจแล้ว”
หยู่ฉินหลานขานรับคำสั่งจากมู่เหลียงในระหว่างที่เขาคิดอยู่
“ตลาดใหม่เป็นไงบ้าง”
มู่เหลียงมองและถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ตอนนี้เริ่มรับสมัครคนขาย และเริ่มฝึกสอนงานแล้ว”
หยู่ฉินหลานเปิดสมุดเล่มเล็กของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“ตลาดใหม่ในชื่อตลาดชั้นในนั้นจะถูกเปิดให้เข้าในอีกสองวัน และราคาของที่ขายจะสอดคล้องกับตลาดกลาง”
แต่หากตลาดขายของเหมือนกันราคาเท่ากันชาวเมืองจะมาตลาดชั้นในทำไม?
“วันนี้ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ด้วยไหมว่า ตลาดชั้นในสามารถให้เช่าเปิดร้านเองได้”
มู่เหลียงถามเพื่อความมั่นใจ
ตลาดชั้นในจะให้ชาวเมืองสามารถเช่าเปิดร้านเองได้
ชาวเมืองสามารถเช่าร้านและค้าขายทั้งอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งของอื่นๆ ได้ตามที่เขาต้องการ แต่สกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนคือเงินทมิฬเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว ราคาสินค้าที่วางขายจะต้องได้รับการตรวจสอบและยืนยันจากที่ว่าการเมืองก่อน
จะไม่มีการให้ตั้งราคาสูงเกินไปและต่ำเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในตลาด
แน่นอนว่าข้อกำหนดพวกนี้จะถูกใช้แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากที่ผ่านไปเรื่อยๆ จะเริ่มผ่อนปรนลง และเป็นอิสระมากขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นถูกตีพิมพ์ไปแล้ว”
หยู่ฉินหลานผลิกหน้าสมุดเพื่อดูรายการที่เธอทำเพื่อให้มั่นใจว่าเธอได้สั่งให้โรงพิมตีพิมพ์เรื่องนี้แล้ว
มู่เหลียงกระพริบตาและเอ่ยชม
“ฉันนี้โชคดีจริงๆ ที่มีเธอช่วยงาน ฉินหลาน..”
หยู่ฉินหลานยิ้มเมื่อได้ยินคำชม ก่อนที่เธอจะยิ้มหวานๆ ให้และนั่งลงบนตักของมู่เหลียง
และพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“มีอะไรให้ฉันทำอีกไหมล่ะ”
“ใช่มีอีกอย่าง”
มู่เหลียงใช้แขนโอบเอวของเธอ และกอดเธอให้แนบชิดกับตัวเขามากขึ้น
“คิดจะทำอะไร…”
แววตาของหยู่ฉินหลานสั่นไหวเล็กน้อย พร้อมกับน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้น
หน้าของเธอเริ่มแดงขึ้น และหายใจรุนแรงเล็กน้อย
“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ”
มู่เหลียงถามกลับพร้อมกับหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศดีๆ แบบนี้มักจะมีอะไรสักอย่างขัดขวางเสมอ
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะของมู่เหลียง
“ท่านมู่เหลียงคะ โรงงานได้ส่งตัวอย่างดินสอใหม่มาให้แล้วค่ะ”
เสียงของเว่ยหยูหลันดังขึ้นที่นอกประตูห้อง
“....”
สีหน้าของมู่เหลียงดูผิดหวังไปสามวินาที
เขากับหยู่ฉินหลานมองหน้ากัน ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และมู่เหลียงก็ปล่อยหยู่ฉินหลานออกจากอ้อมแขนของเขา
หยู่ฉินหลานลุกขึ้นและไปยืนข้างๆ มู่เหลียงอย่างสงบเสงี่ยม
ก่อนที่เธอจะเรียกคืนภาพลักษณ์ที่สง่างามของเธอและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ถ้างั้นฉันไปที่ว่าการเมืองก่อน”
“ไปเถอะ”
มู่เหลียงพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
ตุบๆ
หยู่ฉินหลานเดินออกไป และเปิดประตูให้เว่ยหยูหลันเข้ามา และเธอก็เดินออกไป
“ท่านมู่เหลียง..”
เว่ยหยูหลันเดินเข้ามาและวางกล่องไม้เล็กๆ ไว้ตรงหน้ามู่เหลียง
ภายในกล่องมีใส้ดินสอแบบใหม่วางอยู่
มู่เหลียงหยิบใส้ดินสอขึ้นมา และเห็นว่าตัวใส้มีความหนาเท่ากันทั้งหมด
“ทำออกมาได้ดี”
มู่เหลียงวางใส้ดินสอลงและพูดอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็หยิบตัวแท่งดินสอขึ้นมาและใส่ใส้เข้าไป
เมื่อลองเขียนดูสัมผัสระหว่างที่เขียนนั้นดูลื่นไหลกว่าดินสอถ่านทั่วไป แต่ตัวแท่งดินสอนั้นมีสัมผัสจับที่แย่มาก
มู่เหลียงหยุดเขียน และลองออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ก็เห็นว่าแท่งดินสอที่ทำมาจากกระดาษหลวม ม้วนมาไม่แน่นทำให้หลุดออกง่ายมาก
เขาจึงลองดูแท่งดินสอที่เหลือในกล่องก็พบว่าทุกแท่งมีปัญหาเดียวกัน
มู่เหลียงโยนดินสอทิ้งกลับเข้าไปในกล่องอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและพูด
“น้องหลันกลับไปที่โรงงาน และบอกกับผู้ดูแลด้วยว่าม้วนแท่งดินสอให้ดีกว่านี้”
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันขานรับอย่างเชื่อฟัง
แล้วเธอก็หยิบกล่องไม้ และจะออกไปจากห้องทำงาน
มู่เหลียงนั่งคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นต่อ
“น้องหลันอยู่เฝ้าดูเขาทำงานด้วย ถ้ายังทำออกมาเหมือนเดิมไม่ต้องเอากลับมา ให้เขาแก้จนกว่าจะดีขึ้น”
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันขานรับอีกครั้ง
เธอรู้ว่ามู่เหลียงนั้นไม่พอใจอย่างมาก และต้องการให้เธอจับตาดูแทนเขา หากยังไม่ดีขึ้นอาจจะมีการเปลี่ยนผู้ดูแลโรงงาน
“เห้อ กลุ้มใจจริง”
มู่เหลียงเอนตัวกับเก้าอี้พร้อมกับเอามือกุมขมับ
มู่เหลียงไม่ได้กลุ้มใจเรื่องดินสอที่ไม่ได้คุณภาพ แต่เขาหนักใจเรื่องการขาดแคลนบุคคลากร
ตอนนี้เมืองเต่าทมิฬมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้แรงงานขาดแคลนทั้งเขตเมืองชั้นในและเขตชั้นนอก
และยิ่งมีพื้นที่มากขึ้น การบริหารจัดการก็ยิ่งยุ่งยากขึ้นด้วย
ตัวของคนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของเมือง และยิ่งเป็นโลกที่ไม่มีเทคโนโลยีช่วยเหลือแบบนี้ ทรัพยากรบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการพัฒนาเมือง
แต่ก่อนที่จะไปถึงเมืองยูทู่ เต่าทมิฬน้อยจะผ่านอีกสองเมืองเล็ก ทำให้มู่เหลียงคิดว่าจะแวะเปิดรับสมัครคนเข้าเมืองเพิ่มดีไหม
และตั้งแต่เต่าทมิฬเป็นระดับสิบการเคลื่อนที่ของมันก็เร็วขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า
ซึ่งทำให้ลดระยะเวลาเดินทางลงมาก จากใช้เวลาสิบวันถึงเมืองยูทู่ ก็เหลือเวลาแค่สองสามวันเท่านั้น
“หรือว่า….เราจะยกทั้งเมืองขึ้นมาเลย”
มู่เหลียงแววตาเป็นประกายขึ้น
ด้วยพลังของเขาตอนนี้ กับอีแค่ยกเมืองขนาดเล็กๆ ขึ้นมาไว้บนตัวเต่าทมิฬน้อยนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร
“คงต้องวางแผนยกเมืองแล้วล่ะ”
มู่เหลียงเอนตัวจนสุด และตัดสินใจงีบหลับสักหน่อย
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เว่ยหยูหลันได้กลับมาพร้อมกับดินสอตัวใหม่ที่ถูกแก้ไขแล้ว
“ท่านมู่เหลียง”
เว่ยหยูหลันเรียกเบาๆ
“มาแล้วงั้นหรอ”
มู่เหลียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย
เว่ยหยูหลันวางดินสอตัวใหม่ไว้ตรงหน้ามู่เหลียงและพูดเบาๆ
“ดินสอตัวใหม่ค่ะ”
มู่เหลียงหยิบดินสอขึ้นมาและสัมผัสได้ว่าน้ำหนักของดินสอเปลี่ยนไปดูหนักขึ้น
เมื่อลองออกแรงบีบเล็กน้อย มู่เหลียงก็สัมผัสได้ถึงความแน่นของตัวดินสอที่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นความแน่นที่กำลังพอดี
“เอาแบบนี้ ให้พวกเขาเริ่มผลิตได้เลย”
มู่เหลียงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันตอบด้วยความเคารพ
มู่เหลียงวางดินสอลง และพูดต่ออย่างใจเย็น
“บอกผู้ดูแลโรงงานว่าดินสอชุดแรกที่ทำเสร็จแล้ว ให้ส่งไปที่โรงเรียนใช้ก่อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันตอบด้วยความรู้สึกดีใจแทนเด็กๆ ที่จะได้ใช้ดินสอดีๆ แบบนี้