ตอนที่ 449 สถานที่ที่การขอแต่งงานสำเร็จ 100%
[ติ๊ง]
[แก้ไขปัญหาพวกตบทรัพย์ให้ได้ แล้วไปกินข้าวเที่ยงอย่างราบรื่น – ภารกิจท้าทายสำเร็จ]
[ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณได้รับรางวัล ร้านอาหารหรูชั้นนำในเซี่ยงไฮ้ – หวังเจียงเก๋อ]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับ 90 คะแนนค่าประสบการณ์]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับ 50 คะแนนสะสม]
นี่คือสิ่งที่ เย่เฉิน เห็นทันทีหลังจากเปิดเกมขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่ารางวัลของภารกิจครั้งนี้จะเป็นร้านอาหารหวังเจียงเก๋อที่โด่งดังในเซี่ยงไฮ้
หวังเจียงเก๋อ – เป็นหนึ่งในสถานที่รับประทานอาหารส่วนตัวที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในสิบร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเซี่ยงไฮ้อีกด้วย
นิตยสารชื่อดังระดับโลกฉบับหนึ่งได้จัดอันดับให้ หวังเจียงเก๋อ เป็นหนึ่งใน ‘20 ประสบการณ์ที่ขาดไม่ได้ในชีวิต’ และเคยต้อนรับเหล่าคนดังระดับโลกมามากมาย
ทำเลที่ตั้งของ หวังเจียงเก๋อ นั้นพิเศษมาก ตั้งอยู่ที่หมายเลข 3 ถนนไว่ทาน (The Bund) ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งแค่ที่ตั้งของมันก็เพียงพอที่จะบอกถึงมูลค่าของ หวังเจียงเก๋อ แล้วว่ามีความพิเศษแค่ไหน
ยามค่ำคืน เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างของ หวังเจียงเก๋อ จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และงดงามระยิบระยับของสองฝั่งแม่น้ำหวงผู่ และยังสามารถมองเห็นนิทรรศการสถาปัตยกรรมระดับโลกที่ริมฝั่งแม่น้ำได้อีกด้วย
ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามเหล่านี้ ทำให้ หวังเจียงเก๋อ ได้รับการขนานนามว่าเป็นร้านอาหารที่โรแมนติกที่สุดในเซี่ยงไฮ้
ที่นี่เป็นสถานที่ขอแต่งงานชื่อดังในเซี่ยงไฮ้ มีข่าวลือว่ามีอัตราการขอแต่งงานสำเร็จถึง 100% ในร้านนี้
แน่นอนว่าเมื่อ เย่เฉิน เห็นข่าวนี้ เขาก็ไม่เชื่อว่าอัตราความสำเร็จจะถึง 100%
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอัตราความสำเร็จของการขอแต่งงานที่สูงนั้น เย่เฉิน ยอมเชื่ออยู่บ้าง..
รางวัลจากเกมในครั้งนี้ถือว่าดีมาก
และหวังเจียงเก๋อ อาจมีประโยชน์กับเขาในอนาคต
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังดูโทรศัพท์ ประตูที่เชื่อมไปยังสวนหลังบ้านก็เปิดออก
โม่ หงหรู และโม่ เมิ่งเฟย เดินเข้ามาพร้อมกัน
โม่ หงหรู สวมชุดลำลอง ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วย
“ลุงโม่ เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
เย่เฉิน ถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็น โม่ หงหรู ดูอิดโรย
ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เมื่อ เย่เฉิน อยู่ที่เจียงโจว เขายังได้พบกับ โม่ หงหรู ตอนนั้น ลุงโม่ ยังดูแข็งแรงดี
“โรคเก่านะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
โม่ หงหรู ไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
“ลุงโม่ ควรพักผ่อนเยอะๆ นะครับ”
เย่เฉิน พูดด้วยความเป็นห่วง
“เสี่ยวเฉิน เรามาเล่นหมากรุกกันสักสองกระดานไหม?”
โม่ หงหรู ถามด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่า โม่ หงหรู จะมีเพื่อนเก่าอยู่มาก แต่ช่วงปีใหม่นี้เพื่อนๆ ของเขาต่างก็มีธุระยุ่ง ไม่มีเวลามาเยี่ยม
เขารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอ เย่เฉิน ทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่ชวน เย่เฉิน เล่นหมากรุกด้วยกันสักสองสามกระดาน
“ไม่มีปัญหาครับ”
เย่เฉิน ตอบตกลง
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ก็มีผู้จัดการส่วนตัวจากบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์นำพาคนมาส่งอาหารให้แล้ว
โม่ หงหรู ไม่สะดวกทำอาหารเพราะสุขภาพไม่ดี ส่วน โม่ เมิ่งเฟย และแม่ของเธอก็ทำอาหารไม่เก่งเช่นกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขาจึงมักจะให้ผู้จัดการส่วนตัวจากบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์จัดคนส่งอาหารมาให้ถึงหน้าประตูบ้าน
อีกอย่างเมื่อวานนี้ แม่ของ โม่ เมิ่งเฟย เดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างเมือง อาหารมื้อนี้จึงมีแค่ โม่ หงหรู, โม่ เมิ่งเฟย และเย่เฉิน สามคน
หลังจากทานอาหารเสร็จ โม่ หงหรู ก็รีบพา เย่เฉิน ไปที่ห้องหนังสือเพื่อเล่นหมากรุกด้วยกันสักสองสามกระดาน
ส่วน โม่ เมิ่งเฟย ก็เก็บโต๊ะอาหาร
“เสี่ยวเฉิน ช่วงนี้ฝีมือการเล่นหมากรุกของเธอดีขึ้นเยอะเลยนะ?”
เพิ่งจะเล่นไปได้ไม่นาน โม่ หงหรู ก็อดชม เย่เฉิน ไม่ได้
ก่อนหน้านี้ โม่ หงหรู เคยเล่นหมากรุกกับ เย่เฉิน อยู่บ้าง ซึ่งในฐานะมือใหม่ เย่เฉิน ย่อมสู้คนที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีอย่าง โม่ หงหรู ไม่ได้
แต่เพียงแค่ผ่านไปเดือนเดียว โม่ หงหรู ก็สังเกตเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนในฝีมือของ เย่เฉิน
“ก็ดีขึ้นนิดหน่อยครับ ตอนช่วงปิดเทอมผมฝึกเล่นอยู่บ้าง”
เย่เฉิน ตอบอย่างถ่อมตัว
[ทักษะการเล่นหมากรุกระดับนานาชาติ] ที่ได้รับรางวัลจากเกมนั้น.. แน่นอนว่าไม่ได้มาเล่นๆ
เนื่องจาก โม่ หงหรู เพิ่งฟื้นจากอาการป่วย เย่เฉิน จึงเล่นแบบยั้งมือไว้มาก
พวกเขาเล่นกันสองกระดาน ผลออกมาเสมอกันทั้งคู่
ถ้า เย่เฉิน ไม่คิดยั้งมือให้ โม่ หงหรู เกรงว่าเขาคงไม่สามารถต้านทานได้นานเกินสองสามนาที
เนื่องจาก เย่เฉิน ยังมีเรียนตอนบ่าย หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก เขาก็ขึ้นรถของ โม่ เมิ่งเฟย และออกเดินทาง
“ผมคิดว่าการตั้งบริษัทเกมในเซี่ยงไฮ้น่าจะดีกว่า”
เย่เฉิน พูดกับ โม่ เมิ่งเฟย ระหว่างทาง
หลังจากคิดมาสักระยะ แผนเบื้องต้นของ เย่เฉิน คือสร้างบริษัทเกมในเซี่ยงไฮ้
“เซี่ยงไฮ้เป็นตัวเลือกแรกแน่นอน”
ด้วยเหตุผลหลายประการ เซี่ยงไฮ้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้แน่นอน
“ต่อไปฉันจะศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทที่เซี่ยงไฮ้อย่างละเอียด แล้ววางแผนให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด”
โม่ เมิ่งเฟย พูดขณะขับรถกับ เย่เฉิน
“ขอบคุณมากครับ ผมจะคอยดูให้ด้วย”
หลังจากกลับถึงบริษัท โม่ กรุ๊ป เย่เฉิน ก็ขับรถของตัวเองแยกทางกับ โม่ เมิ่งเฟย และมุ่งหน้ากลับมหาวิทยาลัยเจียงโจว
วันนี้เป็นวันศุกร์ เมื่อคืน ซู หลิงเอ๋อร์ เพิ่งติดต่อมาหาเขาเอง โดยหวังว่า เย่เฉิน จะมารับเธอในช่วงบ่ายวันนี้
ซู หลิงเอ๋อร์ อยากทานอาหารฝีมือ เย่เฉิน มานานแล้ว
หลังจากเลิกเรียน เย่เฉิน ก็ขับรถไปยังโรงเรียนมัธยมของ ซู หลิงเอ๋อร์ ทันที
แต่เนื่องจากการจราจรติดขัด ทำให้ เย่เฉิน ไปถึงช้าเล็กน้อย
เมื่อเขามาถึง ซู หลิงเอ๋อร์ ก็เลิกเรียนแล้ว และเธอกับเพื่อนสนิทอีกสองสามคนก็นั่งรออยู่ที่ร้านชานมใกล้ๆ แทนระหว่างรอ เย่เฉิน
เย่เฉิน ถาม ซู หลิงเอ๋อร์ ว่าเธออยู่ที่ไหน และเมื่อเดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็มาถึงร้านชานม เพื่อนๆ ของเธอก็กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกันอยู่
“พี่เขย พี่อยากดื่มอะไรคะ หนูเลี้ยงเอง”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดด้วยความกระตือรือร้น เธอรู้สึกขอบคุณที่พี่เขยต้องลำบากมารับเธอ
“อะไรก็ได้ พี่ไม่เรื่องมาก”
เย่เฉิน ตอบอย่างสบายๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
“โอเค งั้นขอสั่งชานมไข่มุกอีกแก้วค่ะ”
ซู หลิงเอ๋อร์ หันไปสั่งชานม และเค้กชิ้นเล็กๆ มาเพิ่มให้ เย่เฉิน
ไม่นานพนักงานก็นำเครื่องดื่ม และเค้กมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เย่เฉิน ลองชิมเค้กชิ้นเล็กๆ นั้น มันอร่อยมาก ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเด็กสาวหลายคนถึงชอบมาที่นี่
“หลิงเอ๋อร์ พวกเธอเห็นข่าวดังในโซเชียลบ้างไหม?”
เพื่อนสาวตาโตคนหนึ่งถามขึ้นอย่างลึกลับขณะมองดูโทรศัพท์
“มีอะไรเหรอ?”
หลายคนสนใจทันที
“ไม่สังเกตบ้างเหรอ ช่วงนี้โซเชียลแทบระเบิดเลย เมยเมย เซ็นสัญญากับบริษัทบันเทิงในประเทศเราแล้ว!”
หญิงสาวตาโตพูดด้วยความตื่นเต้น
“ฉันก็รู้เรื่องนี้ ตอนที่เห็นข่าวครั้งแรก ฉันตกใจมากเลย”
“ใช่ ฉันก็ตกใจ บริษัทในประเทศเราสามารถดึงตัว เมยเมย มาเซ็นสัญญาได้ด้วย บริษัท เซิ่งไห่ นี่สุดยอดมาก!”
สาวๆ ที่โต๊ะส่วนใหญ่เป็นแฟนเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ดังนั้นพวกเธอจึงตื่นเต้นกับข่าวนี้มาก
แต่ในที่เกิดเหตุ มีเพียง ซู หลิงเอ๋อร์ เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนี้
เพราะนับตั้งแต่เปิดเทอม เธอถูกคุณแม่ยึดโทรศัพท์ไว้ ช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์เธอไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย
แม้แต่เมื่อคืน เธอยังต้องแอบยืมโทรศัพท์เพื่อนสนิทโทรหา เย่เฉิน อยู่เลย
“พวกเธอพูดถึงอะไร เมยเมย เซ็นสัญญากับบริษัทในประเทศเราเหรอ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ถามด้วยความตกใจสุดขีด
“ใช่สิ!”
“หลิงเอ๋อร์ เธอไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
เพื่อนๆ หลายคนมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“นี่.. ฉันคนเดียวที่ไม่รู้งั้นเหรอเนี่ย?”
ซู หลิงเอ๋อร์ รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ..ไปราวกับตัวเองหลุดออกจากกระแสของยุคสมัยไปเลย
“พี่เขย พี่รู้เรื่องนี้ไหม?”
ซู หลิงเอ๋อร์ หันไปถาม เย่เฉิน