ตอนที่ 42 : ภายใต้ความอับอาย
.
.
เมื่อเห็นศีรษะของเฉินหลิงกลายเป็นกระบอกปืน ฉู่มู่อวิ๋นกับบุรุษเงาต่างก็ตกตะลึงในเวลาเดียวกัน
.
“ปัง——!”
.
เฉินหลิงเลือนแบบเสียงปืน
เมื่อเปลวไฟระเบิดออกมาจากปากกระบอกปืน คนทั้งสองซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าก็หายจากอาการช็อก รีบหลบกระสุนอย่างรวดเร็ว!
พวกเขากระโดดลอยข้ามพื้นหิมะไปหลายสิบเมตรด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อก่อนที่จะหยุด
เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไป พบว่าไม่มีกระสุนถูกยิงออกจากกระบอกปืน มีเพียงประกายไฟที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่าเขาแค่เลือนแบบท่าทางการยิง
“นี่…” บุรุษเงาถามอย่างว่างเปล่า “7 ออฟ ไดมอนด์เคยพูดว่า [พันหน้า]... สามารถเปลี่ยนเป็นกระบอกปืนได้ด้วยเหรอ?”
“ไม่” ฉู่มู่อวิ๋นส่ายหัว "พันหน้าสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ใบหน้าได้แค่นั้น แต่ดูเหมือนว่าเขา...จะเปลี่ยนเป็นแม้กระทั่งสิ่งของได้"
"นั่นมันผิดเพี้ยนเกินไปแล้ว นี่คือเส้นทางที่บิดเบี้ยวเหรอ..."
"แต่พลังอันทรงอานุภาพ มักจะมีราคาสูงที่ต้องจ่าย”
ฉู่มู่อวิ๋นเอาแต่มองดูพื้นหิมะนิ่งเงียบ ร่างในชุดแดงซึ่งกำลังตกในห้วงจินตนาการว่าตนเองคือกระบอกปืน เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อน
.
"ปัง-ปัง-ปัง!"
.
เฉินหลิงที่กลายร่างเป็นกระบอกปืนยิงอย่างต่อเนื่องไปยังความว่างเปล่า ราวกับร่างไร้วิญญาณ
จนกระทั่งปากกระบอกปืนของเขา "เห็น" เฉียนฝานและอีกสามคนที่หวาดกลัวอยู่ภายในคฤหาสน์ จู่ๆ ก็หยุดชะงัก...เขากำลังครุ่นคิด
“เขายังมีสติอยู่เหรอ?” บุรุษเงาถามด้วยความประหลาดใจ
“ควรจะบอกว่าเป็นสัญชาตญาณ” ฉู่มู่อวิ๋นพูดเบาๆ “สัญชาตญาณในการแก้แค้น”
ในเวลาเดียวกัน เฉียนฝานกับอีกสามคนที่ตกเป้าพลันหน้าซีด พวกเขาเพิ่งเห็นกับตาว่าเฉินหลิงก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้าอีกครั้ง หลังจากร่างกายเขาฉีกแยกออกกัน จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง...ที่มันเกินขอบเขตความรู้ที่มีอยู่เกินไป มันเกือบทำสมองหยุดทำงาน
“แม่ง!...ทำไมแกไม่ตาย ทำไมแกยังไม่ตาย!”
เฉียนฝานคำรามด้วยความโกรธ ยกปากกระบอกปืนขึ้นอีกครั้ง และเหนี่ยวไกปืนใส่ปีศาจชุดแดง!
กระสุนพุ่งเข้าใส่ร่างกายของเฉินหลิง ทำให้เลือดกระเซ็นออกมาเล็กน้อย แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะกลายเป็นปืน แต่ความแข็งของร่างกายก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เหมือนเพิ่งเปลี่ยนผิวหนัง...
วินาทีต่อมา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ใบหน้าฉีกออกอีกครั้ง
กระบอกปืนอันใหญ่โตและแปลกประหลาดเดิมหายไป ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของ "ตัวนาง" ในละครงิ้ว แต่งหน้าสีแดงเหมือนแอปริคอต คิ้วเหมือนตะขอ เมื่อพิจารณาจากคิ้วและดวงตา เขาดูเหมือนเฉินเยี่ยนที่ตายไปแล้วถึงแปดเก้าส่วน!
ร่างเสื้อคลุมงิ้วสีแดงสดค่อยๆ เดินท่ามกลางหิมะอย่างเชื่องช้า เฉกเช่นสีชาดสดที่มีเพียงสีเดียวในโลกสีขาวซีด
'ตัวนาง' จ้องมองตรงไปที่เฉียนฝานกับอีกสามคน ริมฝีปากของเขาขยับออกเล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงร้องเพลงอันไพเราะของเฉินเยี่ยนดังสะท้อนทั่วคฤหาสน์!
.
“แม่ชีตัวน้อย อายุ 28 ปี
.
กำลังเยาว์วัย ถูกอาจารย์โกนผม
.
ทุกๆ วันจุดธูปหอม เปลี่ยนน้ำในวัด
.
พบเห็นเด็กน้อยหลายคน เล่นเกมใต้ประตูภูเขา"
.
ละครยังดำเนินต่อไป เสื้อผ้าสีแดงกลายเป็นภาพติดตา แล้วค่อยๆ หายไป...
.
เฉียนฝานรู้สึกว่าดวงตาของเขาพร่ามัว เมื่อข้อมือข้างหนึ่งของเขาถูกกรีดออก เขากรีดร้อง ปืนในมือหล่นลงบนพื้นหิมะ
มืออีกข้างของเขารีบล้วงเข้าไปในกระเป๋า เพื่อหยิบอาวุธสังเวยออกมาอีกครั้ง แต่ทว่ามีแสงเย็นๆ แวบขึ้น และแขนอีกข้างของเขาก็ลอยออกไป...
.
"เขามองดูเรา เราก็เฝ้ามองดูเขา..."
.
ภายใต้การแต่งหน้าสีแดงคล้ายแอปริคอท รูม่านตาคู่นั้นช่างว่างเปล่า
จ้องมองตรงมาที่เฉียนฝาน มันแทบจะเข้าใกล้จนสัมผัสใบหน้าของเขา
“เฉินหลิง...เฉินหลิง! ฉันรู้ว่าฉันคิดผิด!!” สีหน้าของเฉียนฝานดูดิ้นรนและบ้าคลั่งเนื่องจากความเจ็บปวด ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจของเขา “ปล่อยฉันไป...ฉันจะให้เงินทั้งหมดกับนาย! ต่อจากนี้ฉันจะไม่...”
.
ปุ๊ -
.
สัมผัสที่เฉียบคมทะลุคางของเฉียนฝาน หยุดเสียงร้องอ้อนวอนของเขา
“เขากับเรา เรากับเขา เราต่างห่วงใยกันและกัน…”
ร่างของเฉียนฝานล้มลงไปบนหิมะ 'ตัวนาง' ค่อยๆ ดึงกริชออกมาและมองยังผู้คุมกฎที่เหลืออยู่ในคฤหาสน์อีกสองคน
ทั้งสองช็อกและไม่คิดจะต่อต้าน พวกเขาหันหลังแล้ววิ่งไปที่ประตูคฤหาสน์
ในเวลาเดียวกันเท้าของ 'ตัวนาง' ขยับบนพื้นเบาๆ เสื้อคลุมแขนกว้างมีลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อกระพือปีก มีดแวววาวเย็นยะเยือกวาดวาดท่ามกลางหิมะ เลือดสองหยดกระเด็นออกมา
เขาค่อยๆ หยุดเดินช้าๆ
เมื่อศพสองศพสุดท้ายล้มลงกับพื้น คฤหาสน์ทั้งหลังก็เปียกโชกไปด้วยเลือด
ชายชุดแดงยืนอยู่ท่ามกลางศพบนพื้น เลือดหยดลงมาตามคมมีด ดูราวกับปีศาจจากขุมนรก
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ใบหน้าของเฉินเยี่ยนหายไป และกลับมาเป็นใบหน้าเฉินหลิงอีกครั้ง
เขายืนอยู่เพียงลำพังในทะเลเลือด มีดค่อยๆ หล่นลงสู่พื้น ความเย็นยะเยือก สายลมพัดผ่านไป ทุกคนดูเหมือนหญ้าเหี่ยวเฉาล้มระเนระนาถบนพื้น
“ในที่สุดก็จบ…”
ฉู่มู่อวิ๋นกับอีกสองคนมองไปที่เฉินหลิงที่หมดสติจากระยะไกล แล้วถอนหายใจ
“การหลอมรวมของภัยพิบัติระดับ 'ทำลายล้างโลก' ได้เริ่มต้นเดินบนเส้นทางเทพเจ้าที่บิดเบี้ยว...จากนี้ไป เขาถูกกำหนดให้มีทางเลือกที่แตกต่างออกไป” บุรุษเงาพูดช้าๆ
"ทางเลือกที่แตกต่าง มันก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ?“มุมปากของฉู่มู่อวิ๋นยกขึ้น”สมาคมสนธยา จะรับเฉพาะคนที่แตกต่างเท่านั้น”
“คุณแน่ใจแล้วเหรอ ถึงจะรับเขาเข้าสมาคมสนธยา?”
"ไม่ใช่ผม..." ฉู่มู่อวิ๋นพูดขณะหยิบบางสิ่งออกจากเสื้อคลุมออกมา ปลายนิ้วเขาคีบซองจดหมายไว้
บนหน้าปกซองจดหมาย มีตราประทับของไพ่โจ๊กเกอร์สีแดง
"เป็นราชาแดง"
.
........
.
บูม——! -
.
มีเสียงดังหึ่งมาจากความว่างเปล่า หิมะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็แตกสลาย
ในเขตทุรกันดารห่างจากคฤหาสน์ไม่กี่กิโลเมตร เด็กชายสีหน้าเบื่อหน่ายถือกิ่งไม้ เงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
บนพื้นหิมะตรงกลางของไพ่ [8 ออฟ คลับส์] มีรอยแตกอันรุนแรงกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง มือของหานเหมิงยื่นออกมาจากรอยแตกนั้น จับขอบของมันแล้วดึงอย่างแรง!
[8 ออฟ คลับส์] ไพ่ดอกจิกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายของหานเหมิงก็ทะลุผ่านความว่างเปล่าได้จนหมด เสื้อกันลมสีดำปกคลุมไปด้วยฝุ่นและเลือด เขาอยู่ในสภาพที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
"ในที่สุดคุณก็พังมันออกมาได้จริงๆ ?”
เด็กชายปิดปากด้วยความประหลาดใจ...หรือพูดให้ถูกก็คือ มันคือรูขนาดใหญ่ที่แสดงถึง 'ปาก' บนกระดาษสีขาว
หน้าอกของหานเหมิงกระเพื่อมอย่างรุนแรง กว่าจะออกมาได้กินพลังไปไม่น้อย เขาจ้องมองเด็กชายซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่น และยกปากกระบอกปืนขึ้นโดยไม่ลังเล!
“อย่าตื่นเต้นไป ผมยอมรับว่าผมประเมินคุณต่ำเกินไป ผมไม่คิดว่าจะมีอัจฉริยะในอาณาจักรออโรร่า” เด็กชายจับคางของเขาด้วยความสนใจ “คุณชื่อหานเหมิงใช่มั้ย? คุณต้องการเข้าร่วมสมาคมสนธยาของเราหรือเปล่า?”
"ไม่สนใจ" เสียงของหานเหมิงนั้นเย็นชาถึงกระดูก"องค์กรสกปรกที่มีแต่คนบ้ากับฆาตกร องค์กรซึ่งไม่กล้าแม้แต่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนภายใต้แสงสว่างอย่างเปิดเผยน่ะเหรอ?"
"จิ๊ ดูเหมือนว่าคุณมีอคติต่อเรามาก"
"นี่คือความจริง" อาณาเขตที่มองไม่เห็นขยายออกกว้างรอบตัวหานเหมิง "มาตรา 139 กฎหมายมนุษยชาติ ไม่ว่าอาณาจักรไหนก็ตาม เมื่อใดที่พบสมาชิกของสมาคมสนธยาในใบรายชื่อให้จับกุมหรือสังหารทันที ลำดับความสำคัญยังสูงกว่า 'นิกายหลอมรวม' และ 'ผู้ชิงไฟ' เสียอีก...
ตัวตนของพวกนายสำหรับมนุษยชาติแล้ว คือ ศัตรูตัวฉกาจ"
"อย่าพูดแบบนั้น เราไม่เคยทำอะไรไร้ยางอายเลยนะ" เด็กชายพูดอย่างไม่พอใจ
“จริงเหรอ?”
หานเหมิงเยาะเย้ย
“รวมถึง...การทำลายล้างอาณาจักรทั้งหมดด้วยมั้ย?”
.
.