ตอนที่ 194 พ่อตาเจอลูกเขย
จวนซัว ในห้องหนังสือ
ซัวหยงนั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าตาเคร่งขรึม ส่วนไป๋หลี่หมิงก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม บรรยากาศดูอึดอัด
ซัวหยงที่เคยร่าเริง ตอนนี้ เขามองไป๋หลี่หมิงด้วยความโกรธ
ไป๋หลี่หมิงนั่งอยู่ตรงหน้า เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ ซุนเกี๋ยนเตือนเขาครั้งหนึ่งที่เซียงหยาง แต่เขาไม่ได้สนใจ
เขาคิดว่าครั้งนี้ พอเขากลับมา ซัวหยงคงจะกังวลเรื่องโรงเรียน
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับซุนเกี๋ยน!
ไม่แปลกที่เขาพูดคำเดียว แล้วก็ขี่ม้าหนีไป!
เขาทำตัวเหมือนกับว่าทำผิด!
ถ้าหากรู้แบบนี้ เขาคงจะหยุดเรือแล้วก็ถาม
ไม่อย่างนั้น ซัวหยงคงจะไม่เสียหน้า
เรื่องนี้ 2 คนก็แก้ได้ แต่ตอนนี้ บัณฑิตอย่างบังเต๊กกงกับจูกัดเสวียนก็รู้เรื่องด้วย
ยังมีเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้ ซัวหยงคงจะโกรธมาก!
“พ่อ ดื่มชาก่อน!”
ตอนที่ทั้งสองกำลังอึดอัด สาวสวยก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับถ้วย 2 ใบ
แล้วนางก็หันไปยิ้มให้ไป๋หลี่หมิง
“ท่านไป๋หลี่ เชิญดื่มชา!”
คนที่เข้ามาคือซัวเอี๋ยม
นางสวมกระโปรงสีเขียวมรกต ผมของนางถูกรวบเป็น 2 ช่อ มวยผมงูสองวง
ใบหน้าของนางดูสง่างาม
“ขอบคุณ คุณหนูซัว!”
ไป๋หลี่หมิงยิ้มให้ซัวเอี๋ยมและยื่นมือไปรับ แต่พอเขายื่นมือไป ซัวหยงก็พูดอย่างเย็นชา
“จ้าวจี อย่าเพิ่งรินชาให้มัน ถ้าหากวันนี้ ไอ้เด็กนี่ มันไม่อธิบายให้ชัดเจน ก็อย่าหวังว่าจะออกจากห้องนี้ไป!”
ไป๋หลี่หมิงชะงัก
“ท่านซัว ข้าเพิ่งจะกลับมา มีอะไร? ท่านซัว อธิบายให้ชัดเจนหน่อย!”
“ดื่มชาหรือไม่ดื่ม มันไม่ใช่ปัญหา ต้องแก้ปัญหา!”
ขณะพูด เขาก็รับถ้วยชา
พอเห็นแบบนั้น ซัวเอี๋ยมก็หน้าแดง นางก้มหัวและถอยออกไป
ซัวหยงขมวดคิ้ว
“เจ้าไม่รู้อะไร?”
“ข้าถามเจ้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะแต่งงานตอนกลับมา แล้วเจ้าจะแต่งกับใคร?”
พอได้ยิน ไป๋หลี่หมิงก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินซุนเซ็กพูดว่าก่อนหน้าต้าเสี่ยวเฉียวกับซัวหยู ซุนเกี๋ยนกำลังจะจัดการเรื่องแต่งงานให้เขา
เขายังบอกว่าซัวหยงดูเหมือนจะสนใจ
ประเด็นคือตอนแรก เขามีแค่ซิ่วเอ๋อร์ พอได้ยินแบบนั้น เขาก็เลยไม่ได้สนใจ
แค่แต่งงานกับซัวจ้าวจี
เตียวเสี้ยนกับซัวจ้าวจี นี่คือคู่ที่ลงตัว!
แต่แล้วซัวหยูก็มา จากนั้นไต้เกี๊ยวกับเสี่ยวเกี๊ยวก็มา และจากนั้นก็มีอีก
พอคิดอีกที มันก็ดูเหมือนจะไม่สมจริง
ซัวหยง บัณฑิตที่มีชื่อเสียง คงจะไม่รีบส่งลูกสาวไปแต่งงานในโลกที่ขุ่นมัว
แต่ตอนนี้ พอฟังคำพูดของซัวหยง ดูเหมือนว่าซุนเกี๋ยนจะตัดสินใจแล้ว?
ไม่แปลกที่ซุนเกี๋ยนให้เขามาอธิบายให้ซัวหยงฟัง
เรื่องนี้ พ่อคนไหนก็ต้องโกรธ
เขาไปขอแต่งงาน แต่พอแต่งงาน กลับพบว่าลูกสาวของเขาไม่ใช่เจ้าสาว!
ซัวหยงถือว่าใจดีมากแล้ว
ถ้าหากเป็นคนอื่น คงจะไม่แค่ไม่รินชา แต่จะถือมีดไล่ฟัน
ไป๋หลี่หมิงรับถ้วยชา จิบ แล้วก็อธิบาย
“ท่านซัว เรื่องนี้ มันคงจะมีเรื่องเข้าใจผิด!”
“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร?”
ซัวหยงพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าไปขอแต่งงาน แล้วยังเข้าใจผิด?”
“เจ้าขอแต่งงานกับลูกสาวข้าก่อน แล้วก็ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น นี่คือเข้าใจผิด?”
ขณะพูด เขาก็แสดงความเสียใจ
“หรัวจง ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในตำแหน่งสูง มีพรสวรรค์ การที่เจ้าจะมีเมียหลายคน มันก็ไม่แปลก!”
“แต่ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้?”
“ถ้าหากข้าไม่ได้ยินหยวนถันพูด ข้าก็คงจะไม่รู้เรื่อง!”
“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้?”
ซัวหยงรักไป๋หลี่หมิง
ยังไง เด็กหนุ่มที่มีความสามารถ อยู่ในตำแหน่งสูง และถ่อมตัวก็หาได้ยาก
พอได้ยินว่าซุนเกี๋ยนสนใจ เขาก็เลยดีใจ
เขายังไปอวดคนอื่นๆ
ใครจะไม่ดีใจที่มีลูกเขยดีๆ!
แต่เขาดันไปได้ยินโกะหยงวางแผนเรื่องแต่งงานของไป๋หลี่หมิง เขาก็เลยรู้ว่าเขาคือตัวตลก และเกือบเสียหน้า!
พอเจอกับการโทษของซัวหยง ไป๋หลี่หมิงพยักหน้า
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่เรื่องนี้ มันมีเหตุผล!”
ขณะพูด เขาก็บอกเรื่องที่ซัวเหมามาและการที่ซุนเกี๋ยนให้เขาแต่งงานกับซัวหยู หลังจากข้ามเรื่องไต้เกี๊ยวกับเสี่ยวเกี๊ยวไป เขาก็ถอนหายใจ (ซัวเหมากับซัวหยง แซ่เดียวกันแต่ไม่เกี่ยวกันนะครับ)
“คุณหนูซัว นางเป็นหญิงสาวที่สง่างาม ข้ายินดีที่ได้เจอนาง”
“แต่เรื่องนี้ นายท่านจัดการ ข้าไม่รู้ว่ามันคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว!”
“ท่านซัว ท่านก็รู้ว่าข้ายุ่ง!”
“ข้าเพิ่งจะกลับมา พอได้ยินว่าท่านซัวมีเรื่อง ข้าก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องโรงเรียน ข้าก็เลยมาที่นี่โดยที่ยังไม่ได้เข้าบ้าน!”
“ข้ายุ่งทั้งวัน พอได้ยินเรื่องแต่งงาน ข้าก็เลยคิดว่าข้าคงจะไม่มีโอกาสกับคุณหนูซัว ข้าก็เลยไม่ได้คิดอะไร!”
“พอได้ยินท่านพูดแบบนั้น ข้าก็เลยเพิ่งรู้!”
ขณะพูด เขาก็วางถ้วยชา ลุกขึ้น แล้วก็คำนับ
“ไม่ว่าจะผิดยังไง มันก็เป็นความผิดของข้า ท่านซัว อยากจะทำอะไร ก็ทำเลย!”
“ถ้าหากทำไม่ได้ ข้าจะมาขอโทษ!”
เขาเจอเรื่องเข้าใจผิด เขารู้ว่าเขาแก้ตัวไม่ได้ เขาก็เลยยอมรับผิด
ยังไง ซัวหยงก็คือผู้อาวุโส
ซัวหยงฟังคำอธิบายของไป๋หลี่หมิง ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ หายไป
ที่แท้ ไม่ใช่ความผิดของไป๋หลี่หมิง
ตอนแรก เขาอยากจะแต่งงานจริงๆ แต่ซุนเกี๋ยนเป็นคนจัดการ
ไป๋หลี่หมิง เขากลายเป็นเหยื่อ
เขาทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง ถึงกับแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้ เขากลับโดนด่า
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยอมรับผิด
“เฮ้อ ข้าเข้าใจเจ้าผิด!”
ซัวหยงพูด
“เหวินไถก็เหมือนเดิม เขาสนใจแต่จุดเริ่ม แต่ไม่สนจุดจบ เขาพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาก่อน แต่ก็ยังให้เจ้าทำแบบนี้!”
“มันไม่รู้เหรอว่าบัณฑิตต้องมีเมียคนเดียว อนุ 2 คน!”
“มันให้เจ้าทำผิดกฎ!”
เขารู้ว่าครั้งนี้ ไอ้เด็กนี่ มันจะแต่ง 5 คน!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตจะทำได้!
ไป๋หลี่หมิงเงยหน้าขึ้นและอธิบาย
“ท่านซัว ข้าได้รับยศโหวแห่งศาลาชิงผิง เรื่องนี้ มันไม่ผิดกฎแล้ว!”
“เจ้าได้รับยศโหว?”
ซัวหยงตกใจ
ถิงโหวก็คือโหว!
ยุคราชวงศ์ฮั่น การได้รับยศโหวยากมาก
เหมือนกับหลี่กวง ต่อให้สร้างผลงาน ก็ไม่ได้รับยศโหว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ราชวงศ์ฮั่นกำลังเสื่อมถอย แต่ยศโหวยังดึงดูดบัณฑิต
อีกอย่างไป๋หลี่หมิงพูดถูก พอได้รับยศโหว ก็ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการแต่งงาน
เพราะไป๋หลี่หมิงมีดินแดน ในดินแดนเป็นของตนตามยศ ไม่มีใครควบคุมเขาได้
เขาจะแต่งกี่คนก็ได้!
นี่คือสิทธิพิเศษของการเป็นโหว
พอคิดแบบนี้ ซัวหยงก็ลูบเครา
“เด็กดี อายุแค่นี้ ก็เป็นโหวแล้ว อนาคตสดใส!”
เขายิ้ม แล้วก็ขมวดคิ้ว
“แล้วเจ้าจะให้ข้าจัดการกับลูกสาวข้ายังไง?”
“ให้ท่านซัวตัดสินใจ!”
ไป๋หลี่หมิงคำนับ
“ท่านซัว พูดว่ายังไง ข้าก็จะทำแบบนั้น!”
“เฮ้อ!”
พอเห็นแบบนั้น ซัวหยงก็ถอนหายใจ
ไม่ใช่ความผิดของไป๋หลี่หมิง แล้วเขาก็ยอมรับผิด
“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าเป็นโหวแล้ว แล้วก็เคยขอแต่งงาน แล้วข้าจะทำอะไรได้?”
“กลับไปเตรียมตัว แล้วก็เตรียมแต่งงานกับเจิ้นจี”
“เจิ้นจี?”
พอได้ยิน ไป๋หลี่หมิงก็สับสน
“ไม่ใช่จ้าวจีหรือ?”
ถึงแม้ว่าซัวเจิ้นจีจะไม่เลว แต่นางยังเด็ก!
ซัวหยงจ้อง “อะไร? เจ้าอยากจะแต่งงานกับจ้าวจีด้วยเหรอ?”
พอพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงดัง
เขาหันไป เห็นซัวเอี๋ยมยืนปิดปากอยู่ที่ประตู
....
พอไป๋หลี่หมิงเดินออกจากจวนซัว เขาก็ยังสับสน
หลังจากคุยกับซัวหยงอยู่นาน สุดท้ายซัวหยงก็ยอม
นั่นคือให้เขาไปขอแต่งงานอีกครั้ง และเลื่อนการแต่งงาน!
อย่างแรก ต้องช่วยเขากู้หน้า
อย่างที่สอง ให้คนอื่นรู้ว่าซัวหยงได้จัดงานแต่งให้ลูกสาวอย่างยิ่งใหญ่
หลังจากคิดเรื่องที่ไป๋หลี่หมิงขอแต่งงานกับซัวเอี๋ยม ซัวหยงก็ถามซัวเอี๋ยมว่าเต็มใจหรือเปล่า หลังจากคิดอย่างรอบคอบ เขาก็ตัดสินใจให้ซัวจ้าวจีแต่งอีกครั้ง
ส่วนเจิ้นจี นางยังเด็ก
ก่อนหน้านี้ เพราะไป๋หลี่หมิงยังไม่ได้แต่งงาน เขาก็เลยตกลง
ตอนนี้ที่มีเรื่อง แต่เขาก็ยังแต่งงานได้ มันเลยทำให้เขาโล่งใจ
พอคุยกันนานๆ เขาก็ตัดสินใจ
แน่นอน ไป๋หลี่หมิงก็เต็มใจด้วย
ได้แต่งงานกับซัวเอี๋ยม นี่นับเป็นโชคบลาภแล้ว
สำหรับซัวเจิ้นจี พี่สาวนางแต่งงานแล้ว การจะเลี้ยงน้องเมียให้โตก่อนก็ไม่เลว
พอคิดแบบนี้ เขาก็คุยกับบังเต๊กกงและคนอื่นๆ แล้วก็ลาทุกคน
มืดแล้ว ไป๋หลี่หมิงมองท้องฟ้า
“ปั๋วฟู เจ้ากลับไปก่อนเถอะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว!”
“ครับ!”
พอได้ยิน ซุนเซ็กก็นำลูกน้องไปที่จวนซุนเกี๋ยน
ในเมื่อเขารู้ว่าไป๋หลี่หมิงรู้วิชาดาบ เขาก็เลยสบายใจ
หลังจากที่ซุนเซ็กจากไป ไป๋หลี่หมิงก็เดินบนถนน
เขาไม่ได้เจอสาวๆนานแล้ว และก็คิดถึงอยู่
ขณะที่คิด เขาก็มาถึงลานบ้าน
พอไปถึงประตู เขาก็เห็นสาวๆ นั่งอยู่ด้วยกัน
ทันทีที่พวกนางเห็นไป๋หลี่หมิง พวกนางก็หยุดพูดพร้อมกัน หันมามองเขาด้วยรอยยิ้มบนหน้า
พอเห็นแบบนี้ ไป๋หลี่หมิงก็อดยิ้มไม่ได้
บ้านของเขามีชีวิตชีวาขึ้น!
“เยี่ยม พวกเจ้ากำลังทำซุปโบราณให้ข้า!”
ขณะพูด เขาก็เดินไป และนั่งลง พร้อมหยิบตะเกียบ
ยุคราชวงศ์ฮั่น มีหม้อไฟ ขาดก็แต่หมาล่า
อากาศเริ่มหนาว พอนั่งหน้าหม้อไฟ มันก็อบอุ่น
แต่พอนั่งลง เตียวซิวเอ๋อร์ก็ยิ้ม
“นายท่าน แบบนี้ไม่ได้นะ ท่านมาสายต้องโดนลงโทษ!”
“ใช่!”
ซัวหยูก็ยิ้ม
“พวกเราคุยกันแล้วว่าถ้าหากท่านกลับมาช้า ต้องโดนโทษเป็นสองเท่า!”
พอเห็นแบบนั้น เสี่ยวเกี๊ยวกับไต้เกี๊ยวก็พยักหน้า
“ในเมื่อท่านมาสาย ท่านก็ต้องโดน!”
แม้แต่กานเหม่ยเอ๋อร์ก็ยังรินเหล้าให้เขา
“ข้าจะรินเหล้าให้นายท่าน!”
พอเห็นแบบนั้น ไป๋หลี่หมิงก็ส่ายหัว
“พวกเจ้ามาเลี้ยงโต๊ะฮ่องเต้หรือ?”
เหล้าที่บ้านเขาไม่ใช่เหล้าเหลือง แต่เป็นเหล้าขาวที่เขาบ่มเอง
ไม่คิดว่าหลังจากไม่ได้เจอกัน 2-3 เดือน ความสัมพันธ์ของพวกนางจะดีขึ้นขนาดนี้?
นี่คือพลังของไพ่นกกระจอก?
ขณะพูด เขาก็มองท้องฟ้า
“คงจะยามสองแล้ว!”
“ยามสอง?”
ซิ่วเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงหวาน
“มากกว่านั้น!”
“เกือบจะยามสามแล้ว! ไม่รู้ว่านายท่านมัวแต่หลงสาวบ้านซัวหรือเปล่า เลยลืมไปว่าเรารอที่บ้านนานแค่ไหนแล้ว!”
“อย่างน้อยก็ต้อง 6 จอกใหญ่!”
พอพูดจบ พวกนางก็หัวเราะคิกคัก
“พี่สาวพูดถูก!”
“อย่างน้อยก็ต้อง 6 จอกใหญ่!”
“ไม่อย่างนั้น พวกเราไม่ยอม!”
พอเห็นพวกนางหัวเราะ ไป๋หลี่หมิงก็ยิ้ม เขารีบหยิบจอก
“ในเมื่อเป็นการลงโทษ ข้าก็จะดื่ม แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน ถ้าหากข้าเมา ข้าจะไม่รับผิดชอบ!”
“แหวะ! นายท่าน พูดไร้สาระอีกแล้ว!”
เตียวซิวเอ๋อร์แลบลิ้น
พวกสาวๆพากันก้มหน้า
มีแต่ซัวหยูที่หยิบจอกยื่นจ่อปากไป๋หลี่หมิง
“ปากแบบนี้ ต้องใช้เหล้าปิด!”
วันนี้ นางดีใจที่ได้เจอซัวเหมาเลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ไป๋หลี่หมิง พอเห็นสาวงามป้อนเหล้าให้ เขาก็ดื่ม
มีคำกล่าวว่า พรากจากกันชั่วคราว ดีกว่าแต่งงานใหม่ คืนนี้ เขาก็น่าจะเมา
แน่นอน เขาอยากจะเมา แต่หลังจากเสริมสร้างอวัยวะภายในทั้งห้า ใครจะดื่มสู้เขาได้
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็เมาหมด
หน้าพวกนางแดงก่ำ ผิวขาวเริ่มเปล่งประกาย
พอเห็นแบบนั้น ไป๋หลี่หมิงก็หัวเราะ
โชคดีที่นี่คือบ้านหลัก ถ้าหากเป็นห้องรับแขก คงจะลำบาก
เขาอุ้มพวกนางไปที่เตียงกันทีละคน
โชคดีที่เหล้าของเขาดี และพวกนางไม่มีอาการปวดหัวหรือคลื่นไส้หลังเมา ไม่งั้นคงต้องดูแลพวกนางยกใหญ่
แต่พอเขาส่งซัวหยูลงเตียง เขาก็รู้สึกถึงมือที่ไหล่ แล้วก็ได้ยินซัวหยูกระซิบ
“สามี!”
พอได้ยิน เขาก็มองไป เห็นว่าหน้าของซัวหยูแดงระเรื่อ
พอเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ้ม
“ซุกซนนักนะ!”
แต่แล้วเขาก็นึกออก มันก็จริง ในเมื่อเป็นแบนนี้แล้ว เราก็เป็นครอบครัวกัน!
อากาศชักหนาว การได้นอนเบียดกันอุ่นกว่า!
พอคิดแบบนี้ เขาก็ปิดประตูด้วยเท้าข้างหนึ่ง และเริ่มบรรเลงบทเพลง