บทที่ 32 สินค้าที่ต้องเสียเงินซื้อย่อมถูกรักษาเป็นอย่างดี
บทที่ 32 สินค้าที่ต้องเสียเงินซื้อย่อมถูกรักษาเป็นอย่างดี
ซ่งอวี้หลวนเดินออกจากลานบ้าน และมุ่งหน้าไปยังห้องพักชั้นสอง
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักขุนเขากระบี่ แต่ตระกูลของนางกลับมิได้ร่ำรวย ตรงกันข้ามกลับมีฐานะยากจนอย่างยิ่ง
เดิมทีบิดามารดาของเธอเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ต่อมามีฐานะร่ำรวยขึ้นมาได้ก็เพราะเธอได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนัก และได้รับเลือกให้เป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนัก
แน่นอนว่าสถานการณ์ของเธอไม่ใช่กรณีพิเศษ แต่ละสำนักมักจะให้ความสำคัญกับความสามารถกับพรสวรรค์มากกว่าฐานะทางสังคม
แม้แต่ท่านเจ้าสำนักขุนเขากระบี่ลัวเสี่ยวเฟิ่งก็มาจากภูมิหลังที่ต่ำต้อยเช่นกัน
ด้วยการมีบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย ทำให้สำนักต่าง ๆ สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยาวนาน และมีปรมาจารย์ขั้นปราชญ์ลึกล้ำเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากตระกูลทั่วไปที่มักจะเสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่ราชวงศ์ต้าเยี่ยนสามารถปกครองแผ่นดินนี้ได้ ก็เพราะหน่วยสืบสวนลับมีมาตรฐานการคัดเลือกที่ยุติธรรม และให้ความสำคัญกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์เป็นอย่างมาก
พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางจิตใจ
ในปัจจุบัน โรงแรมเซียนหยวนได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทำให้การฝึกฝนของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์น้อย แต่มีเงินทองมาก
ทว่าซ่งอวี้หลวนกลับไม่กังวลว่าน้ำพุน้ำแข็งจะลดทอนความได้เปรียบของตน
ใครคือบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน? เป็นราชสำนักและสำนักต่าง ๆ นั่นเอง หากวัดกันที่ทรัพย์สิน ย่อมไม่มีใครเทียบเทียมราชสำนักและสำนักต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน
และสำหรับราชสำนักและสำนักต่าง ๆ หากสามารถใช้เงินน้อยลงในการอบรมศิษย์ที่มีความสามารถ เหตุใดจึงจะต้องเสียเงินไปกับคนไร้ความสามารถที่ยากจะฝึกฝน?
แน่นอนว่า ตระกูลร่ำรวยบางตระกูลอาจคิดในทำนองเดียวกัน ผู้ที่มีพรสวรรค์ย่อมได้รับความสนใจมากกว่า
ซ่งอวี้หลวนเคาะประตูห้องของศิษย์พี่ชายและเดินเข้าไป เธอเห็นอาหารหลายจานวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งได้แก่ปลาต้มพริก 1 ที่ วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี 2 ที่ และสเต๊กเนื้อสันใน 2 ที่
“จะ… เจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นสวรรค์ประทานแล้วหรือ?” หลิงจิ่งเปิดประตู แล้วตกใจนิ่งเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่แล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเช่นนั้น? คิดว่าข้าเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือ? นี่เจ้ากล้าคิดดูแคลนศิษย์น้องเช่นข้าได้อย่างไร?” ซ่งอวี้หลวนดึงหูของเขาอย่างแรง แล้วจ้องตาเขม็ง
หลิงจิ่งรู้สึกเจ็บหู แต่ก็โล่งใจขึ้นมาก เขากล่าวด้วยความยินดีว่า “ศิษย์น้องหญิง ข้าผิดไปแล้ว เจ้ารีบมากินอาหารเถิด”
“ฮึ!” ซ่งอวี้หลวนปล่อยมือออก แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ “ความจริงแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแคลนตนเองเช่นนั้นเลย ผู้อาวุโสสวี่แลเห็นความสามารถและรับเจ้าเป็นศิษย์ เช่นนั้นเจ้าจะด้อยกว่าคนอื่นได้อย่างไร? บางทีหลังจากที่เจ้าทะลวงขอบเขตสู่ขั้นสวรรค์ประทานได้ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า อาจจะก้าวหน้าได้เร็วกว่าข้าเสียอีก ตอนนี้โรงแรมมีบ่อน้ำพุน้ำแข็งแล้ว เจ้าสามารถเข้าไปฝึกฝนวันละ 2 เค่อ มันจะช่วยให้ขึ้นสู่ขั้นสวรรค์ประทานได้เร็วขึ้น”
หลิงจิ่งตกใจ “น้ำพุน้ำแข็ง? ฝึกฝน?”
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะ
ซ่งอวี้หลวนยิ้มอย่างอารมณ์ดีและกล่าวคำ “ใช่ มันสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ถึง 5 เท่า แต่ละวันสามารถเข้าไปฝึกฝนในน้ำพุน้ำแข็งได้เพียง 2 เค่อเท่านั้น ทว่าก็เพียงพอที่ย่นเวลาการฝึกฝนได้มาก”
หลิงจิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “5 เท่า?!”
ด้วยวิธีนี้ ก็เท่ากับว่าแต่ละวันจะสามารถฝึกฝนได้เพิ่มขึ้นอีกกว่าหนึ่งชั่วโมง เมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม ต้องเสียเงิน 500 เหวินทุกวัน…
เขาคำนวณในใจเงียบ ๆ หากเข้าไปฝึกฝนในน้ำพุน้ำแข็งทุกวัน หนึ่งปีก็ต้องใช้เงินเกือบ 200 ตำลึง หากรวมค่าที่พักและค่าอาหารด้วย…
เกรงว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายอีกต่อไป
ในฐานะศิษย์ชั้นสองของสำนักขุนเขากระบี่ ทุกเดือนสำนักจะมอบเงินให้เขา 30 ตำลึง นอกจากนี้ ท่านอาจารย์และบิดามารดาจะมอบเงินใช้จ่ายส่วนตัวให้เขาบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ตลอดทั้งปี เขาจะได้เงินทั้งหมดไม่เกิน 400 ถึง 500 ตำลึง และล่าสุดเขาก็ได้ใช้เงินเก็บส่วนใหญ่ไปช่วยเหลือศิษย์น้องหญิงแล้ว
ดูเหมือนว่า เขาจะต้องหาช่องทางหาเงินเพิ่ม
ราชสำนักและสำนักต่าง ๆ มักจะประกาศจับกุมผู้ร้ายที่ก่อคดีร้ายแรง โดยมีเงินรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถจับกุมได้ และสำหรับผู้ร้ายบางคนที่ตามจับไม่ได้มานาน เงินรางวัลก็จะสูงขึ้นมาก
ในอดีตเขามีค่าใช้จ่ายรายวันไม่มากนัก นอกจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากท่านอาจารย์แล้ว เขาก็ไม่ค่อยสนใจภารกิจจับกุมผู้ร้ายเหล่านี้ แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องหันมาให้ความสนใจมันบ้างแล้ว
นอกจากนี้ เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะหาเงินจากที่ไหนได้อีก
…
เฟิงหยวนหนิงแทบไม่มีเวลาเว้นว่างตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีเธอตั้งใจจะจำกัดเวลาเปิดร้าน แต่ทุกครั้งที่เห็นลูกค้าเดินเข้ามา เมื่อพิจารณาถึงจำนวนลูกค้าที่ร้านรองรับได้ และภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ เธอจึงไม่สามารถกล่าวปฏิเสธออกไป แล้วต้องกัดฟันรับลูกค้าทุกคนมาโดยตลอด
ด้วยแรงผลักดันจากภารกิจ ทำให้เธอต้องทำงานหนักเหมือนม้าที่ถูกตีด้วยแส้ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน
ตอนนี้ภารกิจขายปลาต้มพริกเหลืออีกเพียงสิบกว่าจาน แต่เธอแทบไม่เหลือพลังที่จะทำอะไรอีกแล้ว และในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
เธอสั่งให้ซิ่วเอ๋อร์คอยเฝ้าร้าน จากนั้นลากร่างกายที่เหนื่อยล้าขึ้นไปบนห้อง
เมื่อกลับถึงห้องพัก แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงตั้งใจตรวจสอบข้อมูลในระบบ
ยอดคงเหลือในบัญชี: 3 ทอง 125 เงิน 641 ทองแดง
เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: ร้านอาหารรองรับลูกค้าทั้งหมด 471/3000 และทำภารกิจให้สำเร็จ 0/3 ภารกิจ
ภารกิจ: ขายปลาต้มพริกให้ลูกค้าครบ 82/100 จาน เพื่อปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม “สี่ฤดูดุจดั่งฤดูใบไม้ผลิ”
ลานบ้านธีม “น้ำพุน้ำแข็งและน้ำพุร้อน” ช่วยเหลือผู้ฝึกยุทธ์ทะลวงขอบเขต 4/50 คน
“ระบบ การสะสมเงินทองพวกนี้มีประโยชน์อะไร?”
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฟิงหยวนหนิงพบว่าเงินทองเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอ นอกจากนำไปอัปเกรดโรงแรมและซื้อหุ่นเชิด
“เงินทองเหล่านั้นไม่มีค่าในตัวของมัน แต่ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วไป มันคือตัวแทนของความศรัทธาของมนุษย์และพลังงานพื้นฐานของโลก ซึ่งสามารถใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนระบบได้”
เฟิงหยวนหนิงรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที “ความศรัทธาของมนุษย์? พลังงานพื้นฐานของโลก? แล้วแบบนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อโลกหรือ?”
“ไม่เพียงจะไม่เป็นอันตราย แต่ยังเป็นประโยชน์อีกด้วย โรงแรมแห่งนี้ได้นำความรู้และสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งจะช่วยให้โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”
เฟิงหยวนหนิงตกใจ “ความรู้ใหม่? สิ่งใหม่ ๆ? ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย? เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติก็ไม่ได้เท่าไหร่ เพียงแค่สินค้าเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจากโลกอื่นสามารถทำได้ นอกจากจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอีก? แกนำความรู้ใหม่อะไรมาบ้าง?”
“ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้เปิดใช้งาน โปรดสำรวจด้วยตัวเอง”
เฟิงหยวนหนิง “…”
เอาล่ะ
“ระบบ นอกจากเงินทองแล้ว แกคงจะมีแหล่งพลังงานอื่น ๆ อีกใช่ไหม?” ไม่อย่างนั้น ระบบคงหาทางบังคับให้เธอเติมเงินเข้าไป หรือไม่ก็ยึดรายได้ทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว
“ถูกต้อง อารมณ์เชิงบวกทั้งหมดที่แขกมอบให้โรงแรม มันสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนระบบได้”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง แกไม่จำเป็นต้องคิดค่าบริการเลย หรือแม้กระทั่งให้บริการลูกค้าฟรี ก็จะไม่มีทางขาดทุนสินะ”
“ไม่เป็นเช่นนั้น ตามการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยามนุษย์ การให้สิ่งของฟรีจะทำให้คนเห็นคุณค่าน้อยลง ส่วนสินค้าที่ต้องเสียเงินซื้อย่อมถูกรักษาเป็นอย่างดี และยิ่งราคาสูง ลูกค้าจะยิ่งเห็นคุณค่าในสิ่งที่ได้มา”
เฟิงหยวนหนิง “!!!”
เป็นอย่างนี้เองหรือ?! ทั้งที่มีความรู้มากมาย แต่ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะโดนระบบสั่งสอนให้มีความเป็นมนุษย์
งั้นควรจะขึ้นราคาสินค้าดีไหม?
ตอนนี้ร้านอาหารกำลังรับภารกิจหนักอยู่ จึงยังไม่ถึงเวลาปรับราคา
ลานบ้านธีมน้ำพุได้รับการปรับราคาไปแล้ว จึงไม่ต้องกังวล
ส่วนลานบ้านธีมน้ำพุน้ำแข็งและน้ำพุร้อน…
เช้าวันนี้ เฟิงหยวนหนิงรีบลงไปลองใช้บ่อน้ำพุร้อนจนลืมปรับราคาตั๋วสำหรับเข้าไปเสียสนิท
เธอจึงเข้าสู่ระบบจัดการลานบ้านเพื่อปรับราคาทันที
น้ำพุน้ำแข็งสามารถใช้บริการได้วันละครั้ง การเก็บเงินไปเรื่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องปรับราคา เธอยังคงตั้งราคาครั้งละ 500 เหวินเช่นเดิม
ส่วนบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีสรรพคุณวิเศษมาก สามารถฟื้นฟูร่างหายอย่างเต็มที่ รวมถึงรักษาโรคร้ายแรง ขับพิษ และยังช่วยบำรุงร่างกาย จึงปรับราคาเป็น 100 ตำลึง
เดิมทีเธอไม่ค่อยใส่ใจเรื่องราคาเท่าไรนัก คิดว่าตั้งราคากลาง ๆ ก็เพียงพอแล้ว เดิมทีเธอวางแผนที่จะเพิ่มราคาให้มากที่สุดเป็นสิบเท่าของราคาเดิม แต่ตอนนี้เธอวางแผนที่จะขึ้นราคาสูงขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้มีคนมาใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนไม่มากนัก แต่สรรพคุณของบ่อน้ำพุร้อนก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันแล้ว เมื่อถึงเวลา เธอก็แค่บอกลูกค้าว่าวันแรกเป็นราคาพิเศษ ลูกค้าคงจะไม่ขัดข้องอะไร
พวกเขาคงจะเข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำพุร้อน และเข้าใจว่าราคาของมันไม่ควรจะต่ำถึงขนาดนี้
ในความเป็นจริง การใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อรักษาโรคถือเป็นการดำเนินการขั้นพื้นฐานของมนุษย์มานานแล้ว
ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ ครอบครัวชนชั้นกลางสามารถมีรายได้เกือบ 100 ตำลึงต่อปี ในขณะที่คนยากจนจำเป็นต้องออมเงินอย่างน้อยหลายปี แต่เมื่อเทียบกับราคาค่ารักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายในโลกสมัยใหม่ ราคานี้ก็น่าจะสมเหตุสมผล