บทที่ 95 ศัตรู (5)
[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]
[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]
[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]
บทที่ 95 ศัตรู (5)
คังวูจินเอ่ยออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ชเวซองกุนเงียบไปชั่วขณะ เนื้อหาที่เขาพูดออกมานั้นช่างน่าตกใจเหลือเกิน ซอแชอึนเนี่ยนะ? ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะเฉไฉไปแล้ว แต่คนตรงหน้าคือคังวูจิน
ชายผู้มีพรสวรรค์เหนือธรรมชาติ ความรู้สึกพิเศษของเขาไม่ว่าจะกับผลงานหรือคน มันก็มักจะทำงานเสมอ
‘นี่มันอะไรกันไม่น่าใช่เรื่องเล่น ๆ นะ’
ชเวซองกุนเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขามองวูจินอย่างพินิจ ก่อนจะถามออกไป
“นายกำลังจะบอกซอแชอึนให้ความรู้สึกเหมือนตอนคราวเรื่องของผู้กำกับวูฮยอนกูงั้นเหรอ?”
วูจินแสดงออกอย่างเต็มที่ ทั้งสีหน้าและอารมณ์ เขาใส่ความจริงใจและจริงจังลงไปด้วย
‘ไม่คิดเลยว่าต้องมาหลอกยืมมือคนอื่นแบบนี้’
ถึงมันอาจจะเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากพลังมิติว่างเปล่า แต่ตอนนี้ มันเป็นทางเลือกเดียวที่เขาเหลืออยู่
“ใช่ครับ แทบจะเหมือนกันเลย”
ความหน้าด้านนั้นไร้ขีดจำกัด ดั่งหน้ากากอันแข็งแกร่งดุจเพชรพลอย
ชเวซองกุนเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของคังวูจินมาแล้ว แน่นอนว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ผู้กำกับวูฮยอนกูเกิดเรื่องขึ้น มันเป็นอารมณ์ที่แข็งแกร่งดั่งหินผา ไร้ช่องโหว่และจริงจังยิ่ง จนทำให้รู้สึกเสียววาบ
‘เขาจริงจังมาก...’
ในขณะเดียวกัน วูจินที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไรกลับกำลังท่องคำหนึ่งในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘เชื่อสิ รีบเชื่อเถอนะได้โปรด’
ชเวซองกุนที่ดูจริงจังขึ้น ก็ถามกลับมาพลางปลดผมหางม้าออก
“ซอแชอึนเป็นยังไง? แบบไหน?”
ฉันไม่รู้หรอกเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ คังวูจินก็ไม่รู้ว่าซอแชอึนมีปัญหาอะไร ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและแน่วแน่
“อธิบายด้วยคำพูดคงยากครับ”
“···งั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอพี่เขาครับ”
“แล้วทำไมถึงมาบอกตอนนี้?”
“ผมคิดหนักอยู่เหมือนกันครับ เพราะสถานการณ์ของผู้กำกับวูฮยอนกูมันต่างออกไป”
ชเวซองกุนพูดเสียงเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความคิด เขาเองก็รู้ดีว่าคังวูจิน ในตอนนี้ต่างจากตอนนั้นมาก เพราะตอนนี้เขาคือพระเอกของ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ การจะตัดสินใจเลือกนักแสดงด้วยแค่ความรู้สึกแบบนั้น มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย
แต่ชเวซองกุนก็เริ่มคิดหนักอยู่ดี
‘อืม... แต่มันก็น่าลองเชื่อดูแฮะ’
เขาเชื่อมั่นในความรู้สึกแปลก ๆ ของคังวูจินมาตลอด และผลลัพธ์ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ผิด ผู้กำกับวูฮยอนกูกับ ‘สำนักงานนักสืบ’ เป็นตัวอย่างชัดเจน และแน่นอนว่า ‘เพื่อนชาย’ ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า ‘เพื่อนชาย’ จะเป็นเรื่องบังเอิญก็เถอะ เพราะคังวูจินเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะใหญ่โตขนาดนี้ และฮวาลินจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผลลัพธ์ก็คือ ความรู้สึกจากสัญชาตญาณของคังวูจินนั้นน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชเวซองกุนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เพราะนายคือวูจินนะฉันเลยเชื่อ แต่แน่ใจแล้วใช่ไหม? ว่านายรู้สึกอะไรแบบนั้นกับซอแชอึน”
ถ้าตอบไปตรงนี้ คังวูจินคงจะยิ่งมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นไปอีก แล้วจะทำยังไงได้เล่า? การช่วยชีวิต ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ สำคัญกว่าร้อยเท่า
‘เอาเถอะ เรื่องความรู้สึกหรือความเข้าใจผิดอะไรแบบนั้น มันคงแก้ไขไม่ได้แล้ว ปล่อยตามเวรตามกรรมไป’
คังวูจินปัดความกังวลออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ครับ รู้สึกแบบนั้นถูกต้องแล้ว”
“งั้นเองสินะ นายไม่ต้องกังวล แค่ทำตามตารางงานไป ส่วนเรื่องของซอแชอึน ฉันจะจัดการเอง”
เท่ห์มากเลยครับพี่ วูจิน แอบปรบมือให้กับความเท่ของชเวซองกุนในใจ ส่วนชเวซองกุน ผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้กำลังมองโทรศัพท์มือถือแล้วพึมพำ
“ตอนนี้ต้องไปหาข่าวลือดูแล้ว นอกจากซอแชอึนมีคนอื่นอีกไหม?”
“ไม่มีครับ มีแค่รุ่นพี่ซอแชอึนเท่านั้น”
“งั้นอย่างน้อยก็ยังถือว่าดีอยู่ใช่ไหม? ฮึ- ถ้าซอแชอึนมีปัญหาจริงล่ะก็······”
ชเวซองกุนกลืนคำพูดลงคอไป ผลลัพธ์มันไม่ดีหรอก แต่ถ้าครั้งนี้คังวูจินคาดเดาถูก
‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ กับผู้กำกับควอนกีแท็ก คงต้องกราบไหว้ขอบคุณเขาซักร้อยรอบเลยล่ะ
เขาเป็นเหมือนผู้มีพระคุณเลยทีเดียว ถ้าไม่มีวูจิน ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ อาจจะล่มจมไปพร้อมกับระเบิดซอแชอึนก็ได้ ชเวซองกุนพึมพำเบา ๆ ขณะที่กำลังกดโทรศัพท์มือถือ
“ถ้าจะปลดไป ช่วงนี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว เรื่องซอแชอึนยังไม่เปิดเผยต่อสื่อเลย งั้นต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ-”
คังวูจินเห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
‘ตอนนี้เรียบร้อยไปแล้วใช่ไหม? คงเหลือแต่รอ’
ในเวลาเดียวกัน บริษัทภาพยนตร์อีอูลลิม
‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เป็นผลงานของบริษัทภาพยนตร์อีอูลลิม เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามราตรี พนักงานทุกคนต่างทยอยกลับบ้าน แต่ห้องประชุมใหญ่กลับสว่างไสวราวกับกลางวัน
เมื่อมองเข้าไปเห็นเพียงสองบุคคล คือชายและหญิง
ชายผู้นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะรูปตัวㄷ (ตัวยู) นั้นคุ้นเคยดี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและเส้นผมสีขาวโพลน บ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้น แต่ดวงตาของเขายังคงเปล่งประกายด้วยความเฉียบคม นั่นคือ ผู้กำกับควอนกีแท็ก ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง
ส่วนอีกฝ่าย...
“ผู้กำกับ นานเหลือเกินแล้วนะคะที่เราไม่ได้พบกัน”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้กำกับควอนกีแท็ก เธอมีท่าทางผ่อนคลายและสง่างาม ผมยาวสีดำสนิทปล่อยยาวถึงบ่า ด้านปลายผมม้วนเป็นลอนสวย ผิวพรรณขาวเนียนราวกับหยาดน้ำค้าง เธอมีดวงตาที่โตและคมกริบ ยิ่งเวลาเธอส่งยิ้ม ยิ่งทำให้ดวงตานั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
เธอมีออร่าที่ไม่ธรรมดาเลย
ไม่แปลกใจเลยสักนิด
"อืม ใช่...ยูรา ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันก็ราว ๆ สองปีที่แล้วสินะ? ผมตกใจมากที่คุณมาเกาหลีแบบกระทันหันเนี่ย มาจากฮอลลีวูดเมื่อไหร่เหรอ?"
เธอคือ ฮายูรา นักแสดงหญิงระดับท็อปที่ก้าวไปโลดแล่นในฮอลลีวูดแล้ว
“เมื่อสองวันก่อนค่ะ พอมาถึงก็ไปพบกับผู้กำกับเลย”
“เงียบเชียบขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วเรื่องออดิชั่นที่ฮอลลีวูดล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“เข้ามาแบบเงียบ ๆ ค่ะ ออดิชั่นยังคงกำลังอยู่ระหว่างจัดการอยู่ค่ะ”
จุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่ฮอลลีวูดนั้นเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส หนึ่งในสามเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก ผลงานของผู้กำกับควอนกีแท็กได้รับเชิญไปร่วมงานและคว้ารางวัลมาครอง ฮายูราคือผู้รับบทนางเอกในภาพยนตร์เรื่องนั้น
เธอโดดเด่นสะดุดตาในสายตาของผู้เกี่ยวข้องในฮอลลีวูด
บทบาทของเธอไม่ได้ใหญ่โตอะไรเป็นเพียงบทเล็ก ๆ บทประกอบ แต่การที่นักแสดงหญิงชาวเกาหลีได้แสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูด แม้จะเป็นบทเล็ก ๆ ก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงทำให้วงการบันเทิงในเกาหลีใต้ฮือฮาไปทั่วเมื่อเธอประกาศก้าวไปสู่ฮอลลีวูด แต่เสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปีแล้ว
ตอนนี้เงียบลงไปบ้างแล้วล่ะ แต่ฮายูราก็ยังคงเคาะประตูฮอลลีวูดอยู่เรื่อย ๆ
เอาเถอะ
-ชึบ-
ฮายูราเปลี่ยนท่าทางเหยียดขาออกไป
“แต่ว่าคุณผู้กำกับ”
เธอกระทันหันถามผู้กำกับควอนกีแท็ก
“ผลงานชิ้นต่อไป คุณจะใช้ดาราหน้าใหม่เป็นนักแสดงนำเหรอคะ?”
ในที่นี้ ดาราหน้าใหม่คงหมายถึงวูจินที่เพิ่งกำลังร่วมงาน ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เท่านั้นแหละ ผู้กำกับควอนกีแท็กจึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“คุณกำลังหมายถึงวูจินของเราสินะ”
“······เรา?”
“ใช่ เรา เราเป็นคนทำหนัง เราก็เป็นคนเลือกนักแสดงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
“คุณยังเหมือนเดิมเลยนะคะ รักนักแสดงของตัวเองมากเลย”
“ฮ่า ๆ ยูราก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ฮายูรายักไหล่
“เอาเถอะ ฉันก็แปลกใจนิดหน่อยแหละ ถึงจะยังไงก็เถอะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเลือกดาราหน้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาเป็นนักแสดงนำหรอกนะ นี่มันแทบจะเป็นตำนานหน้าใหม่ในวงการภาพยนตร์เลยนะคะ”
“เรื่องผลงานน่ะไม่ต้องห่วงหรอก ผมอยากได้ใครก็ได้ ต่อให้จะเป็นหน้าใหม่หรือไม่มีชื่อเสียงก็ตาม”
น้ำเสียงนุ่มนวล แต่แววตาของผู้กำกับควอนกีแท็กนั้นหนักแน่น ฮายูราสูดลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“แต่เรื่องนี้มันจริงเหรอคะ? ตั้งแต่ข่าวเรื่องผลงานของผู้กำกับออกมา ก็มีแต่คนพูดกันว่าคังวูจิน น่ะเป็นญาติของผู้กำกับหรือไม่ก็บริษัทของเขาใช้เงินซื้อบทบาท”
“คุณไปสืบเรื่องแบบนี้ในฮอลลีวูดด้วยเหรอ?”
“ก็ข่าวของผู้กำกับนี่นา! ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวของคังวูจินนี่ดังมากเลยนะ มันมาตั้งแต่แรกเลย แล้วก็ตามมาด้วย รยูจองมิน แล้วไงคะ? เรื่องญาติหรือเรื่องเงินนี่มันจริงเหรอ?”
ผู้กำกับควอนกีแท็กเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“คุณคิดว่าไง?”
ฮายูราเปลี่ยนสีหน้าทันที แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย “จะถามทำไมคะ แน่นอนว่าไม่จริงสิ”
เธอบอกอย่างแน่วแน่
“ข่าวลือแบบนั้นออกไปได้แสดงว่าการแคสต์ครั้งนี้ต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ ๆ นะ เด็กใหม่คนนั้นแสดงเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ผู้กำกับควอนกีแท็ก เคาะนิ้วไปบนโต๊ะเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปที่ฮายูรา
“ถ้ามองภาพรวม ยูรา คณกับเขาก็คล้าย ๆ กัน เป็นการแสดงแบบเมธอดแอ็คติ้ง”
ฮายูราขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ผู้กำกับควอนกีแท็กก็ยังคงพูดต่อ
“แต่ยูรา คุณเป็นนักแสดงสายเอลิท ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีเป็นนักแสดงเด็ก เรียนการแสดงมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ก็เป็นนักแสดงชื่อดัง คุณได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ใช่ไหม?”
“······”
“แต่คังวูจิน เขาต่างออกไป ตรงข้ามกับเธอ เหมือนกับอะไรนะ เหมือนสัตว์ป่าที่เติบโตมาอย่างดิบเถื่อน ในป่าลึก กินหญ้า อยู่โดดเดี่ยว รูปแบบการแสดงอาจคล้ายกัน แต่แก่นแท้ ต่างกันราวฟ้ากับดิน”
“สัตว์ป่าเหรอคะ?”
“อืม ใช่ เขาเติบโตมาโดยการพึ่งพาตัวเองทั้งหมดน่ะ” เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “เขารู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ แต่ที่ตลกคือ เขาไม่เคยจริงจังกับการแสดงเลย ราวกับว่ามันเป็นแค่ความชอบส่วนตัวที่ทำไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้เขากำลังทำลายวงการแสดงอยู่”
“อะไรนะคะ?” เสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งถามกลับ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผู้ชายคนนั้นตอบ “ผมไม่สามารถตัดสินเขาได้ แต่ยิ่งผมไม่เข้าใจ เขาก็ยิ่งดูน่าสนใจ”
ฮายูราฟังคำอธิบายของเขา แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสักนิดเดียว เธอจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ฮ่า ๆ นักแสดงต้องได้รับการศึกษามาก่อนสิค่ะ การแสดงคือแก่นแท้ของนักแสดง และเพราะเราก็ขาดประสบการณ์ ดังนั้นเราจึงต้องได้รับการศึกษา เขาจะต้องล้มเหลวแน่เพราะความบกพร่องของเขา”
คำพูดของเธอก็ไม่ผิดหรอก ในวงการแสดงเกาหลี มีนักแสดงหน้าใหม่มากมายที่ล้มเหลวเพราะขาดประสบการณ์และการศึกษา แต่ไม่รู้ทำไม ผู้กำกับควอนกีแท็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอจึงนึกภาพคังวูจินในแบบนั้นไม่ออกเลย
“···ผมไม่ได้ดูถูกเรื่องการศึกษาหรอกนะ จริง ๆ แล้วนักแสดงเกาหลี 90% ขึ้นไปก็จบการศึกษาด้วยกันทั้งนั้น ผมชอบการแสดงของคุณยูรานะ แต่การแสดงของคังวูจินน่ะ มัน...”
ผู้กำกับควอนกีแท็กเลื่อนคางไปมา ก่อนจะตอบออกมา
“อืม มันเหมือนกับว่าเขาได้ใช้ชีวิตในบทบาทนั้นจริง ๆ เลยนะ มันเป็นเมธอดแอ็คติ้ง แต่ก็ไม่ใช่เมธอดแอ็คติ้งแบบนั้น มันไม่ใช่การที่นักแสดงรับบทบาท แต่รู้สึกเหมือนกับว่าบทบาทนั้นถูกสร้างมาเพื่อนักแสดงคนนี้เลย”
คำชมสุดยอดจากผู้กำกับระดับแนวหน้าของเกาหลี ฮายูราเม้มริมฝีปากเบา ๆ
“ฉันได้ยินชื่อเขามาตลอดเลย เลยลองไปหาข้อมูลดู ‘สำนักงานนักสืบ’ หนังสั้นเรื่องนั้น ฉันก็ดูแล้วนะ เขาแสดงเก่งจริง ๆ”
ถึงเธอจะพูดอย่างราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงของเธอน่ะ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายไหลล้น ความอิจฉา ความริษยา ความแค้น เธอคงกลัวว่าเขาจะจับได้ เลยเปลี่ยนเรื่องต่อทันที
ฮายูราเอ่ยขึ้นมา “ใครบ้างที่ได้แคสต์แล้วบ้างคะ? ในข่าวก็มีแค่ คังวูจิน กับรยูจองมิน บอกมาเถอะค่ะ ฉันจะไม่บอกใครเลย”
“อืม เดี๋ยวก็ประกาศแล้วล่ะ คังวูจิน รยูจองมิน ซอแชอึน ชอนอูชาง คิมอีวอน นี่คือตัวหลัก”
“ไลน์อัพดีนะคะ ยกเว้นซอแชอึน”
ผู้กำกับควอนกีแท็กที่กอดอกอยู่ยิ้มเบา ๆ
“แชอึนก็แสดงเก่งนะ”
ฮายูราโมโห
“แสดงเก่งอย่างเดียวได้อะไร! นิสัยแย่ขนาดนั้น”
“ผมสนใจแค่ฝีมือการแสดง”
“ค่ะ ๆ รู้แล้วค่ะ สนใจแค่ฝีมือการแสดง”
“แน่นอน ผมตัดสินใจโดยพิจารณาทุกอย่างแล้ว ผมคิดว่าเธอคงไม่สร้างความเสียหายให้กับหนังของผมหรอกน่า ฝีมือการแสดงก็ดีด้วย”
“คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ ถึงได้เลือกทั้งนักแสดงหน้าใหม่และซอแชอึน”
ผู้กำกับควอนกีแท็กเอ่ยถามฮายูราเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับจะปลอบโยน
“คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่ บอกมาตรง ๆ เถอะ อย่าอ้อมค้อมเลย”
ฮายูราลุกพรวดจากเก้าอี้ ความรู้สึกจริงใจในใจพลุ่งพล่านจนอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
“โอ๊ย! คุณผู้กับใจร้ายเกินไปแล้ว! คุณไม่ส่งบทภาพยนตร์ให้ฉันเลย! ฉันรอมาตั้งนานแล้วนะ!”
“คุณอยู่ฮอลลีวูดไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงอย่างนั้นฉันก็คิดว่าคุณจะส่งมาให้ฉันหน่อยสิค่ะ ฉันกลัวว่าคุณจะมองฉันแปลก ๆ เลยไม่กล้าขอ”
“นี่คุณจะงอแงอีกแล้วเหรอ? ยูรา คุณอายุมากขึ้นแล้วนะ แต่ความคิดยังเหมือนตอนอายุ 20 ยังเด็กอยู่เหมือนเดิม”
ความตื่นเต้นของฮายูราหายไปในพริบตา เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้กำกับควอนกีแท็ก กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“······ขอโทษนะคะ ฉันกระวนกระวายใจมาตลอด พอได้ยินเรื่องซอแชอึน รู้สึกเหมือนโดนประหารชีวิตเลย”
“อย่าเว่อร์ไปสิ”
“ค่ะ ฉันเว่อร์ไปหน่อย”
ในขณะนั้น
-กึก-
ผู้กำกับควอนกีแท็กเคลื่อนย้ายกองกระดาษไปวางไว้เบื้องหน้าฮายูราอย่างเงียบเชียบ แน่นอนว่านั่นคือบทภาพยนตร์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’
“ลองอ่านดูสิ”
“······ฉันน่าจะกลับมาเกาหลีเร็วกว่านี้หน่อยนะ ถ้าอย่างนั้น คุณคงจะเลือกฉันแทนซอแชอึน”
“เธอจะอยู่เกาหลีอีกนานแค่ไหน?”
“ฉันจะอยู่ที่นี่อย่างน้อยครึ่งปี เพื่อรอผลการคัดเลือกนักแสดงในฮอลลีวูด ถ้าไม่ได้ก็จะพักผ่อนซะหน่อย”
“เธอสนใจจะรับบทเป็นนักแสดงรับเชิญไหม?”
ฮายูราเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้นและรีบวิ่งเข้ามาหาผู้กำกับ
“ถ้าคุณให้ ฉันพร้อมรับเล่นแน่นอน ฉันจะแสดงเป็นทุกอย่างเลย”
วันที่ 26 เดือนพฤษภาคม วันศุกร์ ยามสาย
ตึกของ ‘MxDonald’ สูงใหญ่ตระหง่าน หน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ฝูงชนมากมายเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ตามแนวรั้วที่จัดไว้ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยัง ‘ห้องจัดงาน’ ที่ตั้งอยู่ชั้นหนึ่งของตึก
หน้าห้องจัดงาน
“ยืนยันแล้วค่ะ เชิญเข้าไปได้เลย”
พนักงานกำลังตรวจสอบผู้คนทีละคน และแน่นอนว่าป้ายผ้าและป้ายรูปขนาดใหญ่ก็สะดุดตามีข้อความเขียนอยู่ว่า
- คังวูจินแฟนไซน์ / สนับสนุนโดย MxDonald
ใช่แล้วที่นี่ งานแฟนไซน์ของคังวูจินนักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงกำลังจะเริ่มขึ้น แฟน ๆ ที่มารวมตัวกัน ทั้งในห้องจัดงานและบริเวณด้านนอก รวมแล้วประมาณ 400 คน นอกจากนี้ ยังมีนักข่าวที่ได้รับเชิญ รวมถึงทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทสื่อบันเทิงbw และพนักงานของ ‘MxDonald’ อีกจำนวนมาก อยู่ในห้องจัดงานด้วย
แน่นอนว่างานแฟนไซน์ที่มีการโปรโมตอย่างเต็มที่นี้ เต็มไปด้วยโลโก้ 'MxDonald' ทั่วทุกมุม และโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของคังวูจิน บนเวทีด้านหน้าของห้องโถงก็ดึงดูดสายตาไม่น้อย
คังวูจิน ในตอนนี้...
“······”
นั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในห้องพักหลังเวที ดูเหมือนเพิ่งไปร้านเสริมสวยมา เพราะแต่งหน้าเต็มและจัดทรงผมเรียบร้อย ชุดที่ใส่ก็เป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็ค ดูเท่และดูดี แม้ใบหน้าจะดูเย็นชาและเฉยเมย แต่...
‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?’
ความกังวลถาโถมเข้ามา ความคิดก็เริ่มสับสน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาจัดงานแฟนไซน์ และจำนวนคนที่มาร่วมงานก็มากถึง400 คน
‘จริงเหรอเนี่ย?’
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน คังวูจินยังมีเพื่อนและเพื่อนร่วมงานรวมกันไม่ถึงสิบคน แต่ตอนนี้มีคน 400 คน? จริงเหรอ? มีคน 400 คนมาที่นี่เพื่อขอให้เขาเซ็นชื่อให้?
ความรู้สึกเหมือนฝัน มันไม่น่าเป็นไปได้เลย
จะทำยังไงดี? ฉันได้ยินมาว่าต้องกอด ต้องถ่ายรูปด้วย แถมจับมือก็ต้องจับ แล้วยังต้องคุยด้วยอีกเหรอ? ถามว่ามาทำไม? หัวใจของเขากำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
- ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นที่ประตูแก้ว ฮันเยจองที่ผมสีเหลืองสั้นเปิดประตูออกมา
“พี่ เริ่มแล้วนะคะ”
มาแล้ว
“อืม”
คังวูจินพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกสั่น ๆ ในใจ แล้วเดินตามฮันเยจองไป เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นเรื่อย ๆ ในหูของเขา ฮันเยจองพูดขึ้น
“เริ่มจากแฟนคลับ ‘หัวใจคัง’ ของพี่ชายก่อนค่ะ”
แต่คังวูจินแทบไม่ได้ยินอะไรเลย เขาเดินเข้าไปในห้องจัดงาน เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันที
“พี่ชาย! พี่ชาย!!”
“มองทางนี้หน่อย!”
“โอ้โห- หน้าจริงหล่อมาก!”
แสงแฟลชกระจายไปทั่ว
- แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ!
แต่คังวูจินรู้สึกว่าแค่การรักษาคอนเซ็ปต์ให้คงอยู่ก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว โชคดีที่พนักงานบางคนมาช่วยนำทางคังวูจินยืนอยู่ตรงกลางเวทีใต้โปสเตอร์ของตัวเอง แล้วทักทายทุกคน
“สวัสดีครับ ผม คังวูจิน”
เสียงกรี๊ดและแสงแฟลชยิ่งดังขึ้นไปอีก ผ่านไปไม่กี่นาที คังวูจินก็เดินตามพนักงานไปนั่งที่โต๊ะที่จัดไว้บนเวที บนโต๊ะมีปากกาสีดำหนา ๆ กับกระดาษที่พิมพ์รูปหน้าของเขาไว้เป็นกอง
‘ฮึ- ให้เซ็นชื่อแล้วแจกแฟน ๆ เหรอ? รู้สึกเขิน ๆ นะเนี่ย’
แล้วเสียงของพนักงานจัดงานก็ดังขึ้น
“คุณวูจินครับ มีคนมาแล้ว”
แฟนคนแรกมาถึงแล้ว
“หัวหน้าแฟนคลับ ‘หัวใจคัง’ ชื่อเล่น ‘น้องสาวโลหิต’ ใช่ไหมครับ?”
คังวูจินเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ‘น้องสาวโลหิต’ ยิ้มกว้าง
“สวัสดีค่ะ พี่”
“······”
แต่แล้ว คังวูจินก็หยุดนิ่ง เธอมองหน้าเขาเขม็งไม่ละสายตา ความแปลกประหลาดนี้ทำให้ทั้ง จางซูฮวาน ฮันเยจอง บริษัทสื่อบันเทิง bw ทีมประชาสัมพันธ์ รวมถึงชเวซองกุน ต่างก็ขมวดคิ้วสงสัย
“ฉัน ‘น้องสาวโลหิต’ นะคะ เป็นประธานแฟนคลับของพี่ค่ะ”
รอยยิ้มของ ‘น้องสาวโลหิต’ ดูเย้ยหยันเกินไป คังวูจินอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา แต่เป็นเพียงในใจเท่านั้น
‘บ้าอะไรวะเนี่ย!’
เพราะ ‘น้องสาวโลหิต’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นครอบครัวแท้ ๆ นั่นคือ คังฮยอนอา น้องสาวของคังวูจิน
‘บ้าเอ้ย! ‘น้องสาวโลหิต’ ที่ว่านี่มัน ‘น้องสาวในสายโลหิต’ ตัวจริงเสียงจริงงั้นเหรอ? ’
จบ