ตอนที่แล้วบทที่ 577 แปลงไร่วิญญาณระดับสี่ 200 ไร่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 579 ศิษย์รุ่นที่สองเข้าสู่ขั้นทอง 

บทที่ 578 พลังวิเศษของปีศาจงูเขียว


เพียงแต่ว่าดอกม่วงม่านหยกสิบดอกเหล่านี้ มีขนาดใหญ่กว่าที่บันทึกไว้ใน 《สารานุกรมพืชวิญญาณ》ห้าเท่าหรือหกเท่า

ตามหลักแล้ว พลังพรสวรรค์ของเฉินโม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้ 10 เท่า ดังนั้นดอกม่วงม่านหยกที่เติบโตควรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสิบเท่า แต่เนื่องจากข้อจำกัดของสายพันธุ์ ดอกไม้นี้จึงสามารถขยายขนาดได้เพียงห้าถึงหกเท่าเท่านั้น

เขาคิดถึงสถานการณ์นี้ตั้งแต่ก่อนปลูกแล้ว

ในเมื่อปลูกพืชวิญญาณมาหลายปี ตั้งแต่ต้นชิงเย่หลาน มาจนถึงดอกวิญญาณกวนการเพิ่มผลผลิตไม่ได้เป็นการเพิ่มจำนวน แต่เป็นการเพิ่มขนาด

การที่มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น หมายความว่าปริมาณสารที่ให้ผลในการรักษาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สิ่งนี้ไม่แตกต่างจากการเพิ่มผลผลิตของข้าววิญญาณมากนัก

นอกจากดอกม่วงม่านหยกแล้ว ดอกไฟกลางใจดินก็สุกงอมหลังจากเร่งการเติบโตหนึ่งปีเช่นกัน

ดอกไม้ชนิดนี้มีรูปลักษณ์พิเศษ ดูเหมือนเปลวไฟที่แผดเผาอยู่ ให้ความรู้สึกร้อนแรงอย่างมาก

ตามที่เฉินโม่เคยรู้มา เขาไม่เข้าใจว่าพืชที่ต้องการแสงแดดและแหล่งน้ำจะสามารถเติบโตในท่ามกลางทะเลเพลิงได้อย่างไร แต่ดอกไม้นี้ทำได้!

ในแปลงไร่วิญญาณสองไร่ เขาปลูกเมล็ดพันธุ์ห้าร่อง ภายในหนึ่งปีเก็บเกี่ยวดอกไฟกลางใจดินได้ทั้งหมด 48 ดอก

นั่นหมายความว่า หากไม่ได้ใช้พรสวรรค์ 【เพิ่มผลผลิต 】สนับสนุน ดอกไม้ระดับสี่ชนิดนี้จะให้ผลผลิตเพียง 24 ดอกต่อไร่ ซึ่งไม่ได้มากกว่าดอกม่วงม่านหยกมากนัก

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของพืชวิญญาณชนิดนี้คือสามารถปลูกต่อได้โดยไม่ต้องผ่านการปรับปรุงพันธุ์

เมื่อดอกไม้นี้สุกงอม เมล็ดพันธุ์ก็จะหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ

หลังจากเฉินโม่รวบรวมเมล็ดพันธุ์แล้ว เขาก็ประมาณการว่าดอกไฟกลางใจดินที่มีขนาดปกติสามารถให้เมล็ดพันธุ์ที่เพียงพอสำหรับการปลูกหนึ่งไร่ได้จากทุกๆ สิบดอก และหลังจากใช้พรสวรรค์ 【เพิ่มผลผลิต 】ทุกสองดอกก็จะสามารถปลูกได้หนึ่งไร่

ในปีหน้า ขนาดการปลูกของดอกไฟกลางใจดินจะขยายไปถึงยี่สิบไร่

เมื่อผสมผสานกับข้าวหยกสวรรค์ และไผ่หยกพุทธะ เขาก็จะสามารถปลูกแปลงไร่วิญญาณระดับสี่ทั้ง 200 ไร่ได้อย่างเต็มที่

ดอกไฟกลางใจดินทั้งหมด 48 ดอก ด้วยลักษณะเฉพาะของมัน จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในกล่องหยกที่ปราศจากสิ่งสกปรก ซึ่งภายในกล่องยังต้องมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นภายในห้าถึงสิบวัน ดอกไม้เหล่านี้จะเหี่ยวเฉา

แม้จะเก็บไว้ในแหวนมิติที่เวลาหยุดนิ่งก็ยังเป็นเช่นนี้

ยิ่งพืชวิญญาณระดับสูงเท่าไร ไม่เพียงแต่เงื่อนไขในการเติบโตจะพิเศษเท่านั้น เงื่อนไขในการเก็บรักษาก็ยากลำบากเช่นกัน

ถือว่าโชคดีที่ซ่งหยุนซีได้นำ 《สารานุกรมพืชวิญญาณ》กลับมาซึ่งบันทึกไว้โดยละเอียด มิฉะนั้นถ้าเฉินโม่เผลอละเลยจนทำให้ดอกไม้ที่ปลูกอย่างยากลำบากต้องตายไป เขาคงต้องเสียใจแน่

เฉินโม่เก็บดอกไฟกลางใจดินที่เหลืออีก 47 ดอก แล้วถือดอกไม้ดอกหนึ่งในมือที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟ

ดอกไม้และไฟเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

หากดอกไม้นี้ถูกนำไปหลอมเป็นยาเม็ดไฟดิน ผู้ฝึกตนที่เข้าใจแก่นแท้ของไฟจะมีโอกาสสูงที่จะตื่นรู้พลังวิเศษที่เกี่ยวข้องกับไฟ!!

แม้จะถูกล่อลวงจากดอกไม้ขนาดใหญ่เท่าศีรษะคนแต่เฉินโม่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรใช้

หลังจากก้าวเดินไปสองสามครั้ง เขาก็ไปถึงสระวิญญาณฉางเกอ

นับตั้งแต่ที่หอกานซือรับภารกิจในการจัดการกับคลื่นซากศพ สัตว์อสูรที่นี่ก็กลับมาว่างงานอีกครั้ง

เจ้าโตวยังดีที่นิสัยชอบต่อสู้ของมันทำให้มันคอยท้าทายสัตว์อสูรตัวอื่นเป็นระยะ

แน่นอนว่านอกจากปีศาจงูเขียวและแดงที่ก้าวเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิแล้ว สัตว์อสูรตัวอื่นก็มีแต่จะถูกมันกลั่นแกล้ง

รวมถึงเจ้าไก่หัวแข็งก็ด้วย!

ตอนนี้มันก็ต้องหลีกหนีความร้ายกาจนั้น

ส่วนหมูอสูรดำและพวกสัตว์ที่ชอบความสบายอื่น ๆ พวกมันใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวันโดยตามติดเจ้าเต่าเฒ่าเรียนรู้วิธีการประจบสอพลอ หวังว่าจะได้ผลหลงเถิงมาลิ้มลองบ้าง

เมื่อเฉินโม่ปรากฏตัวขึ้นสระวิญญาณฉางเกอที่เคยเงียบสงบก็กลับมาคึกคักทันที

ปีศาจงูแดงเป็นตัวแรกที่เห็นเขาแต่ตัวแรกที่วิ่งมาหากลับเป็นเจ้าเต่าเฒ่า

เจ้าเต่านี่ถึงจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าเลย

เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงข้างกายเฉินโม่และเห็นดอกไม้สีแดงที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟในมือของเขาทันที!

“นายท่าน นายท่าน นี่เป็นดอกไม้ที่ท่านจะมอบให้คนรักของท่านหรือ?”

เฉินโม่มองมันด้วยสายตาดุใส่ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าเต่าเฒ่าจะเงยหัวแล้วพูดต่อว่าา “ท่านว่าข้า ถือเป็นคนรักของท่านได้ไหม?”

“ไสหัวไป!”

“ได้ขอรับ”

เจ้าเต่าเฒ่าหมุนตัวในที่แล้วยังคงยืนข้างเฉินโม่ต่อไปป

มันเป็นตัวที่หน้าด้านอย่างที่สุด ต่อให้ถูกไล่ไปกี่ครั้งก็จะกลับมาในไม่ช้า

“สหายงูเขียว!”

“สหายเฉิน นี่คืออะไรหรือ?”

ผู้ที่ตอบแทนปีศาจงูเขียวคือปีศาจงูแดง ทั้งสองตัวรู้สึกผิดเกี่ยวกับหายนะเล็กๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการทะลวงเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิครั้งก่อน

อย่างไรก็ตามโชคดีที่พวกมันสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลาจึงไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น

“ข้าปลูกพืชวิญญาณชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วมันต้องหลอมเป็นยาชนิดหนึ่งก่อนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ข้ายังหาสูตรยาไม่ได้ เลยจะถามว่าสหายงูเขียวต้องการหรือไม่”

ปีศาจงูเขียวได้ยินดังนั้นก็ยื่นหัวงูขนาดใหญ่มาใกล้ ๆ

ดวงตารูปสามเหลี่ยมกลับมองไปที่ดอกไม้ในมือของเฉินโม่

จากนั้นมัน

ก็แลบลิ้นออกมาเพื่อรับรู้

แต่ยังไม่ทันที่เฉินโม่จะพูดต่อ มันก็กลืนดอกไม้ขนาดเท่าศีรษะคนลงไปทันที

เมื่อเข้าไปในปากแล้ว เปลวไฟที่ลุกไหม้ในดอกไฟกลางใจดินไม่เพียงแต่ไม่ดับแต่กลับลุกลามไปตามร่างกายของปีศาจงูเขียว

ปีศาจงูเขียวขดตัวแล้วเปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกายก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น

คลื่นความร้อนที่แผ่ออกมารุนแรงจนเฉินโม่รู้สึกไม่สบาย

และในชั่วพริบตาหนึ่งก็ปรากฏม่านพลังขึ้นทันทีที่กั้นคลื่นความร้อนนี้ออกไป

เฉินโม่หันกลับไปมองเห็นเจ้าเต่าเฒ่าหันมายิ้มแป้น ท่าทางเหมือนเทพผู้พิทักษ์

ถึงแม้เจ้าตัวนี้จะจู้จี้ขี้บ่น แต่ความจงรักภักดีของมันยังคงเหมือนเดิม

หากไม่เป็นเช่นนั้น เฉินโม่คงไม่ยอมทนมันมาหลายครั้งหลายครา

“สหายเฉิน ชิงเอ๋อร์บอกว่าดอกไม้นี้มีประโยชน์มากสำหรับนาง!” ปีศาจงูแดงส่งเสียงออกมา

“ก็ดีแล้ว!”

ที่ปลูกพืชวิญญาณมากมายก็เพื่อให้ตัวเองและคนรอบข้างแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว ถ้ามันมีประโยชน์ก็ถือว่าดีแล้ว!

“มีอีกไหม?” ปีศาจงูแดงถามอีกครั้ง

“ชิงเอ๋อร์บอกว่านางรู้สึกแปลกๆ อาจต้องการอีกสองถึงสามดอก”

“มี!”

เฉินโม่ไม่ลังเลที่จะหยิบดอกไฟกลางใจดินออกมาอีกสามดอก

พืชวิญญาณเหล่านี้เทียบกับสิ่งที่ปีศาจงูเขียวและแดงทำให้สำนักแล้วถือว่าเล็กน้อยมาก!

ท้ายที่สุด ยาวิญญาณเซียนเสริมพลังและยาปรับเปลี่ยนโครงกระดูก ก็ล้วนถูกหลอมโดยพวกมัน! เขาสามารถบรรลุขั้นทองระดับแปดในระยะเวลาอันสั้นได้ก็เพราะพึ่งพาสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้

หากจะกล่าวว่าปีศาจงูเขียวและแดงเป็นผู้ปกป้องเส้นทางของเขาตอนนี้ก็คงไม่เกินจริง

ปีศาจงูเขียวกลืนดอกไฟกลางใจดินไปอีกสามดอกแล้วเปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกายก็ดูเหมือนจะลุกลามยิ่งขึ้น

ในทันใดนั้นเองเนินเขาทั้งลูกก็ถูกเปลวไฟพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศเผาไหม้ จนพลังที่ปลดปล่อยออกมานั้นไม่ต่างจากตอนที่มันทะลวงเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิ

แต่โชคดีที่ในเวลานี้ปีศาจงูเขียวได้เสริมความแข็งแกร่งในระดับพลังของมันแล้ว แม้ว่าไฟจะลุกไหม้อย่างรุนแรง ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะควบคุมไม่อยู่

มันยังคงควบคุมให้เปลวไฟลุกไหม้อยู่รอบตัว

เปลวไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน แล้วจากสีน้ำเงินกลับไปเป็นสีแดง ก่อนจะค่อยๆลดระดับลงทีละนิด

แต่ในขณะที่สัตว์อสูรทั้งหลายคิดว่าทุกอย่างจะสงบลง จู่ๆ ปีศาจงูเขียวก็แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นงูเพลิง และพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด