บทที่ 578 พลังวิเศษของปีศาจงูเขียว
เพียงแต่ว่าดอกม่วงม่านหยกสิบดอกเหล่านี้ มีขนาดใหญ่กว่าที่บันทึกไว้ใน 《สารานุกรมพืชวิญญาณ》ห้าเท่าหรือหกเท่า
ตามหลักแล้ว พลังพรสวรรค์ของเฉินโม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้ 10 เท่า ดังนั้นดอกม่วงม่านหยกที่เติบโตควรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสิบเท่า แต่เนื่องจากข้อจำกัดของสายพันธุ์ ดอกไม้นี้จึงสามารถขยายขนาดได้เพียงห้าถึงหกเท่าเท่านั้น
เขาคิดถึงสถานการณ์นี้ตั้งแต่ก่อนปลูกแล้ว
ในเมื่อปลูกพืชวิญญาณมาหลายปี ตั้งแต่ต้นชิงเย่หลาน มาจนถึงดอกวิญญาณกวนการเพิ่มผลผลิตไม่ได้เป็นการเพิ่มจำนวน แต่เป็นการเพิ่มขนาด
การที่มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น หมายความว่าปริมาณสารที่ให้ผลในการรักษาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สิ่งนี้ไม่แตกต่างจากการเพิ่มผลผลิตของข้าววิญญาณมากนัก
นอกจากดอกม่วงม่านหยกแล้ว ดอกไฟกลางใจดินก็สุกงอมหลังจากเร่งการเติบโตหนึ่งปีเช่นกัน
ดอกไม้ชนิดนี้มีรูปลักษณ์พิเศษ ดูเหมือนเปลวไฟที่แผดเผาอยู่ ให้ความรู้สึกร้อนแรงอย่างมาก
ตามที่เฉินโม่เคยรู้มา เขาไม่เข้าใจว่าพืชที่ต้องการแสงแดดและแหล่งน้ำจะสามารถเติบโตในท่ามกลางทะเลเพลิงได้อย่างไร แต่ดอกไม้นี้ทำได้!
ในแปลงไร่วิญญาณสองไร่ เขาปลูกเมล็ดพันธุ์ห้าร่อง ภายในหนึ่งปีเก็บเกี่ยวดอกไฟกลางใจดินได้ทั้งหมด 48 ดอก
นั่นหมายความว่า หากไม่ได้ใช้พรสวรรค์ 【เพิ่มผลผลิต 】สนับสนุน ดอกไม้ระดับสี่ชนิดนี้จะให้ผลผลิตเพียง 24 ดอกต่อไร่ ซึ่งไม่ได้มากกว่าดอกม่วงม่านหยกมากนัก
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของพืชวิญญาณชนิดนี้คือสามารถปลูกต่อได้โดยไม่ต้องผ่านการปรับปรุงพันธุ์
เมื่อดอกไม้นี้สุกงอม เมล็ดพันธุ์ก็จะหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ
หลังจากเฉินโม่รวบรวมเมล็ดพันธุ์แล้ว เขาก็ประมาณการว่าดอกไฟกลางใจดินที่มีขนาดปกติสามารถให้เมล็ดพันธุ์ที่เพียงพอสำหรับการปลูกหนึ่งไร่ได้จากทุกๆ สิบดอก และหลังจากใช้พรสวรรค์ 【เพิ่มผลผลิต 】ทุกสองดอกก็จะสามารถปลูกได้หนึ่งไร่
ในปีหน้า ขนาดการปลูกของดอกไฟกลางใจดินจะขยายไปถึงยี่สิบไร่
เมื่อผสมผสานกับข้าวหยกสวรรค์ และไผ่หยกพุทธะ เขาก็จะสามารถปลูกแปลงไร่วิญญาณระดับสี่ทั้ง 200 ไร่ได้อย่างเต็มที่
ดอกไฟกลางใจดินทั้งหมด 48 ดอก ด้วยลักษณะเฉพาะของมัน จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในกล่องหยกที่ปราศจากสิ่งสกปรก ซึ่งภายในกล่องยังต้องมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นภายในห้าถึงสิบวัน ดอกไม้เหล่านี้จะเหี่ยวเฉา
แม้จะเก็บไว้ในแหวนมิติที่เวลาหยุดนิ่งก็ยังเป็นเช่นนี้
ยิ่งพืชวิญญาณระดับสูงเท่าไร ไม่เพียงแต่เงื่อนไขในการเติบโตจะพิเศษเท่านั้น เงื่อนไขในการเก็บรักษาก็ยากลำบากเช่นกัน
ถือว่าโชคดีที่ซ่งหยุนซีได้นำ 《สารานุกรมพืชวิญญาณ》กลับมาซึ่งบันทึกไว้โดยละเอียด มิฉะนั้นถ้าเฉินโม่เผลอละเลยจนทำให้ดอกไม้ที่ปลูกอย่างยากลำบากต้องตายไป เขาคงต้องเสียใจแน่
เฉินโม่เก็บดอกไฟกลางใจดินที่เหลืออีก 47 ดอก แล้วถือดอกไม้ดอกหนึ่งในมือที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟ
ดอกไม้และไฟเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
หากดอกไม้นี้ถูกนำไปหลอมเป็นยาเม็ดไฟดิน ผู้ฝึกตนที่เข้าใจแก่นแท้ของไฟจะมีโอกาสสูงที่จะตื่นรู้พลังวิเศษที่เกี่ยวข้องกับไฟ!!
แม้จะถูกล่อลวงจากดอกไม้ขนาดใหญ่เท่าศีรษะคนแต่เฉินโม่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรใช้
หลังจากก้าวเดินไปสองสามครั้ง เขาก็ไปถึงสระวิญญาณฉางเกอ
นับตั้งแต่ที่หอกานซือรับภารกิจในการจัดการกับคลื่นซากศพ สัตว์อสูรที่นี่ก็กลับมาว่างงานอีกครั้ง
เจ้าโตวยังดีที่นิสัยชอบต่อสู้ของมันทำให้มันคอยท้าทายสัตว์อสูรตัวอื่นเป็นระยะ
แน่นอนว่านอกจากปีศาจงูเขียวและแดงที่ก้าวเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิแล้ว สัตว์อสูรตัวอื่นก็มีแต่จะถูกมันกลั่นแกล้ง
รวมถึงเจ้าไก่หัวแข็งก็ด้วย!
ตอนนี้มันก็ต้องหลีกหนีความร้ายกาจนั้น
ส่วนหมูอสูรดำและพวกสัตว์ที่ชอบความสบายอื่น ๆ พวกมันใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวันโดยตามติดเจ้าเต่าเฒ่าเรียนรู้วิธีการประจบสอพลอ หวังว่าจะได้ผลหลงเถิงมาลิ้มลองบ้าง
เมื่อเฉินโม่ปรากฏตัวขึ้นสระวิญญาณฉางเกอที่เคยเงียบสงบก็กลับมาคึกคักทันที
ปีศาจงูแดงเป็นตัวแรกที่เห็นเขาแต่ตัวแรกที่วิ่งมาหากลับเป็นเจ้าเต่าเฒ่า
เจ้าเต่านี่ถึงจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าเลย
เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงข้างกายเฉินโม่และเห็นดอกไม้สีแดงที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟในมือของเขาทันที!
“นายท่าน นายท่าน นี่เป็นดอกไม้ที่ท่านจะมอบให้คนรักของท่านหรือ?”
เฉินโม่มองมันด้วยสายตาดุใส่ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าเต่าเฒ่าจะเงยหัวแล้วพูดต่อว่าา “ท่านว่าข้า ถือเป็นคนรักของท่านได้ไหม?”
“ไสหัวไป!”
“ได้ขอรับ”
เจ้าเต่าเฒ่าหมุนตัวในที่แล้วยังคงยืนข้างเฉินโม่ต่อไปป
มันเป็นตัวที่หน้าด้านอย่างที่สุด ต่อให้ถูกไล่ไปกี่ครั้งก็จะกลับมาในไม่ช้า
“สหายงูเขียว!”
“สหายเฉิน นี่คืออะไรหรือ?”
ผู้ที่ตอบแทนปีศาจงูเขียวคือปีศาจงูแดง ทั้งสองตัวรู้สึกผิดเกี่ยวกับหายนะเล็กๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการทะลวงเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิครั้งก่อน
อย่างไรก็ตามโชคดีที่พวกมันสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลาจึงไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น
“ข้าปลูกพืชวิญญาณชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วมันต้องหลอมเป็นยาชนิดหนึ่งก่อนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ข้ายังหาสูตรยาไม่ได้ เลยจะถามว่าสหายงูเขียวต้องการหรือไม่”
ปีศาจงูเขียวได้ยินดังนั้นก็ยื่นหัวงูขนาดใหญ่มาใกล้ ๆ
ดวงตารูปสามเหลี่ยมกลับมองไปที่ดอกไม้ในมือของเฉินโม่
จากนั้นมัน
ก็แลบลิ้นออกมาเพื่อรับรู้
แต่ยังไม่ทันที่เฉินโม่จะพูดต่อ มันก็กลืนดอกไม้ขนาดเท่าศีรษะคนลงไปทันที
เมื่อเข้าไปในปากแล้ว เปลวไฟที่ลุกไหม้ในดอกไฟกลางใจดินไม่เพียงแต่ไม่ดับแต่กลับลุกลามไปตามร่างกายของปีศาจงูเขียว
ปีศาจงูเขียวขดตัวแล้วเปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกายก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น
คลื่นความร้อนที่แผ่ออกมารุนแรงจนเฉินโม่รู้สึกไม่สบาย
และในชั่วพริบตาหนึ่งก็ปรากฏม่านพลังขึ้นทันทีที่กั้นคลื่นความร้อนนี้ออกไป
เฉินโม่หันกลับไปมองเห็นเจ้าเต่าเฒ่าหันมายิ้มแป้น ท่าทางเหมือนเทพผู้พิทักษ์
ถึงแม้เจ้าตัวนี้จะจู้จี้ขี้บ่น แต่ความจงรักภักดีของมันยังคงเหมือนเดิม
หากไม่เป็นเช่นนั้น เฉินโม่คงไม่ยอมทนมันมาหลายครั้งหลายครา
“สหายเฉิน ชิงเอ๋อร์บอกว่าดอกไม้นี้มีประโยชน์มากสำหรับนาง!” ปีศาจงูแดงส่งเสียงออกมา
“ก็ดีแล้ว!”
ที่ปลูกพืชวิญญาณมากมายก็เพื่อให้ตัวเองและคนรอบข้างแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว ถ้ามันมีประโยชน์ก็ถือว่าดีแล้ว!
“มีอีกไหม?” ปีศาจงูแดงถามอีกครั้ง
“ชิงเอ๋อร์บอกว่านางรู้สึกแปลกๆ อาจต้องการอีกสองถึงสามดอก”
“มี!”
เฉินโม่ไม่ลังเลที่จะหยิบดอกไฟกลางใจดินออกมาอีกสามดอก
พืชวิญญาณเหล่านี้เทียบกับสิ่งที่ปีศาจงูเขียวและแดงทำให้สำนักแล้วถือว่าเล็กน้อยมาก!
ท้ายที่สุด ยาวิญญาณเซียนเสริมพลังและยาปรับเปลี่ยนโครงกระดูก ก็ล้วนถูกหลอมโดยพวกมัน! เขาสามารถบรรลุขั้นทองระดับแปดในระยะเวลาอันสั้นได้ก็เพราะพึ่งพาสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้
หากจะกล่าวว่าปีศาจงูเขียวและแดงเป็นผู้ปกป้องเส้นทางของเขาตอนนี้ก็คงไม่เกินจริง
ปีศาจงูเขียวกลืนดอกไฟกลางใจดินไปอีกสามดอกแล้วเปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกายก็ดูเหมือนจะลุกลามยิ่งขึ้น
ในทันใดนั้นเองเนินเขาทั้งลูกก็ถูกเปลวไฟพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศเผาไหม้ จนพลังที่ปลดปล่อยออกมานั้นไม่ต่างจากตอนที่มันทะลวงเข้าสู่ขั้นปฐมภูมิ
แต่โชคดีที่ในเวลานี้ปีศาจงูเขียวได้เสริมความแข็งแกร่งในระดับพลังของมันแล้ว แม้ว่าไฟจะลุกไหม้อย่างรุนแรง ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะควบคุมไม่อยู่
มันยังคงควบคุมให้เปลวไฟลุกไหม้อยู่รอบตัว
เปลวไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน แล้วจากสีน้ำเงินกลับไปเป็นสีแดง ก่อนจะค่อยๆลดระดับลงทีละนิด
แต่ในขณะที่สัตว์อสูรทั้งหลายคิดว่าทุกอย่างจะสงบลง จู่ๆ ปีศาจงูเขียวก็แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นงูเพลิง และพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
(จบบท)