บทที่ 35: ท่านอาของข้าคือลี่เฟย
พอมู่ไป๋ไป่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกระแทกเข่านั่งลง เธอก็รู้สึกเจ็บแทน
“องค์หญิง พูดจริงหรือเพคะ? ...” หลัวเซียวเซียวเอ่ยถามพร้อมกับหลั่งน้ำตา
นางสะอื้นจนพูดไม่ออกจึงได้แต่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“จริงสิ” มู่ไป๋ไป่ย่นจมูกเล็ก ๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะดึงคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ในเมื่อเจ้าตกลงที่จะมาเป็นสหายร่วมเรียนกับข้า หลังจากนี้เจ้าก็จะเป็นคนของข้า”
“ข้าเป็นถึงองค์หญิง ต่อไปนี้จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้อีก”
ทางด้านนายน้อยตระกูลหลัวและพรรคพวกที่ยืนฝั่งตรงข้ามไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะกลายเป็นเช่นนี้
ทุกคนได้แต่ยืนตะลึงงัน จนกระทั่งได้ยินคำสั่งของมู่ไป๋ไป่ให้ลงโทษขันทีและนางกำนัลที่ติดตามพวกเขา
“ฮึ่ม ใครก็ตามที่รังแกเจ้าก็เหมือนรังแกข้า” ในที่สุดเด็กหญิงก็เหมือนจะหาเหตุผลในการจัดการกับคนพวกนั้นได้แล้ว มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก
ถัดมา เธอชี้ไปที่เด็กกลุ่มนั้นโดยที่ใช้มืออีกข้างเท้าเอว “ข้าควรลงโทษคนพวกนี้เช่นไรดีที่กล้ามาหยาบคายต่อหน้าองค์หญิง?”
เหล่าเด็ก ๆ ที่เพิ่งติดตามนายน้อยตระกูลหลัวตื่นตระหนกทันที และพวกเขาก็รีบคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา มีเพียงนายน้อยหลัวเท่านั้นที่ยืนหน้าแดงก่ำเขม็งมองมู่ไป๋ไป่ไม่วางตา
พอมู่จวินฝานเห็นว่าองค์หญิงหกกำลังแสดงอำนาจข่มอีกฝ่าย เขาก็รีบสนับสนุนนางเต็มที่
เขาเอ่ยปากสั่งคนของเขาโดยไม่รอช้า “นายน้อยหลัวไม่รู้กฎเกณฑ์ พวกเจ้าไปสั่งสอนเขาหน่อยเถอะ”
องครักษ์ตอบรับคำสั่งและก้าวออกไปข้างหน้า
เนื่องจากองครักษ์ส่วนตัวขององค์รัชทายาทนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ อย่างไรก็ตาม นายน้อยหลัวยังเป็นเพียงแค่เด็ก ดังนั้นเขาจึงร้องไห้ออกมาทันที
“ถ้าพวกเจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะฟ้องท่านอาของข้า!”
“ท่านอาอย่างนั้นหรือ?” มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ตัวตนของนายน้อยหลัว ดังนั้นเธอจึงกระตุกแขนเสื้อของมู่จวินฝานแล้วถามอย่างสงสัยว่า “ท่านพี่รัชทายาท ท่านอาของเขาเป็นใครกัน นางมีอำนาจมากเลยหรือเพคะ?”
“ท่านอาของข้าคือลี่เฟย!”
นายน้อยหลัวที่ถูกองครักษ์กดตรึงไว้กับพื้นรู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินคำถามของเด็กหญิง “เฮอะ ทุกคนในวังหลวงนี้รู้ดีว่าท่านอาของข้านั้นได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทมากที่สุด อีกไม่นานนางจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา”
“กล้าดีอย่างไรมามีเรื่องกับข้า…”
มุมปากของมู่ไป๋ไป่กระตุก ลี่เฟยเป็นคนที่ทำร้ายเจ้าส้ม แถมยังมีความสัมพันธ์ลับกับองครักษ์อีก
แน่นอนว่าแมวตัวอ้วนที่กำลังนั่งดูการแสดงเงียบ ๆ อยู่ข้างเท้าของคนตัวเล็กหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าลี่เฟย
แล้วขนทั่วร่างกายของมันก็พองขึ้น ในขณะที่มันส่งเสียงร้องอย่างฉุนเฉียว “แง้ววว!”
มู่ไป๋ไป่คิดว่ามันจะพุ่งไปข่วนคนอีก เธอจึงรีบรั้งตัวมันเอาไว้ในอ้อมแขน
เจ้าส้มเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าคนที่กอดมันไว้ “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่” เด็กหญิงจ้องกลับทันที
“มู่ไป๋ไป่ เจ้าสัญญาว่าจะล้างแค้นให้ข้า เมื่อไหร่เจ้าจะลงมือ!”
แต่คนตัวเล็กแสร้งทำเป็นหูทวนลม ก่อนจะขยับไปหลบอยู่ด้านหลังของมู่จวินฝานด้วยความหวาดกลัว
ขณะเดียวกัน เธอก็ถามขึ้นมาเสียงเบาว่า “ท่านพี่รัชทายาท ที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่เพคะ?”
“หากข้าเผลอไปทำให้คนของว่าที่ฮองเฮาโกรธเข้า ท่านพ่อจะโกรธหรือไม่?”
“หึ รู้จักกลัวแล้วสินะ” เมื่อนายน้อยหลัวเห็นท่าทางของมู่ไป๋ไป่ เขาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
ท่านอาของเขาบอกว่าโลกนี้เป็นของตระกูลหลัวของพวกเขา เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องหวาดกลัวใครในวังหลวงแห่งนี้
“หากองค์หญิงกลัวแล้วก็รีบสั่งให้คนปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
หลัวเซียวเซียวที่ยืนเงียบมาตลอดเม้มปากตัวเองอย่างเป็นกังวล และพยายามส่งสัญญาณให้องค์หญิงหกปล่อยเรื่องนี้ไป เพราะนางคุ้นชินกับการถูกพี่ชายรังแก ดังนั้นพระองค์ไม่จำเป็นจะต้องระบายความโกรธแทนนาง
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงหกก็ได้พยายามปกป้องนางแล้ว นางไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาติดร่างแหเพราะไปทำให้ท่านอาที่มีอำนาจมากมายในวังหลวงแห่งนี้โกรธเคืองเข้า
“ไม่ต้องกลัว พี่จะปกป้องเจ้าเอง” มู่จวินฝานไปยืนขวางหน้ามู่ไป๋ไป่พร้อมกับทำหน้าเย็นชากว่าที่เคย
ทันใดนั้นทุกคนที่พบเห็นก็คิดว่าตัวเองเห็นมู่เทียนฉงในวัยเยาว์อีกครั้ง
“ไม่ว่าจะเป็นราชนิกุลหรือประชาชนทั่วไป หากทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ แม้แต่สมาชิกในครอบครัวของลี่เฟยก็ต้องทำตามกฎเมื่อมาอยู่ในวังหลวง”
“ในเมื่อเจ้าหยาบคายต่อองค์หญิง 6 เจ้าย่อมถูกลงโทษตามสมควร”
ถ้อยคำขององค์รัชทายาททำให้นายน้อยหลัวตะลึงงัน โดยปกติแล้วเขามักจะทำตัวเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจมาตลอด เนื่องจากคำให้ท้ายของผู้เป็นอา มันก็ยิ่งทำให้เขาไม่เคยระวังตัวยามที่อยู่ในวังหลวงเลย
“แต่เพื่อเห็นแก่ลี่เฟย เราจะไว้ชีวิตเจ้า” มู่จวินฝานพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ในเมื่อเจ้าถูกละเว้นจากโทษตาย แต่เจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีโทษไปได้ จับตัวพวกเขาไปโบยคนละ 20 ไม้”
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองเขาอยู่เงียบ ๆ พลางคิดว่าท่านพี่รัชทายาทของเธอเป็นคนที่น่าสนใจมาก แถมเขายังไม่มองข้ามเรื่องนี้ไปโดยง่าย
ในเมื่อเขากล้าที่จะลงโทษคนเหล่านี้ ในอนาคตเขาจะต้องแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงเอาไว้ ลี่เฟยจะต้องชำระบัญชีนี้กับเขาอย่างแน่นอน
จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็โน้มตัวเข้าไปใกล้มู่จวินฝานมากยิ่งขึ้นพร้อมกับความรู้สึกดี ๆ ที่มีพี่ชายคอยปกป้อง
หลังจากสิ้นเสียงคำสั่งขององค์รัชทายาท องครักษ์ก็ลากนายน้อยหลัวและคนอื่น ๆ ไปโบย
เสียงร้องโหยหวนของพวกเขานั้นได้ยินมาแต่ไกล มู่ไป๋ไป่จึงอุดหูตัวเองเบา ๆ จากนั้นก็หันกลับมาด้านข้างเพราะนึกขึ้นได้ว่ายังมีหลัวเซียวเซียวอยู่ด้วย
“ท่านพี่กับข้าจะต้องไปที่ศาลาหมิงหลี่ เจ้ากลับไปที่ตำหนักอิ๋งชุนก่อน หลังจากที่ข้ารายงานเสด็จพ่อแล้ว เจ้าถึงจะสามารถไปเรียนกับข้าได้”
ถึงแม้ว่าเธออยากจะหาเหตุผลจัดการกับคนพวกนั้นจึงได้ตัดสินใจโดยพลการไปก่อนแล้ว แต่เธอเชื่อว่ามู่เทียนฉงจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ในยามที่เธอพบเห็นเรื่องอยุติธรรม เธอย่อมต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะเป็นญาติของลี่เฟย
มู่ไป๋ไป่เกาหัวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เพราะจู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจที่หยิบยกเรื่องสหายร่วมเรียนมาเพื่อจัดการกับคนกลุ่มนั้น
“หม่อมฉันจะทำตามพระบัญชาขององค์หญิงหกเพคะ” หลัวเซียวเซียวโค้งคำนับอย่างเชื่อฟังและเดินออกไปพร้อมกับนางกำนัลโดยไม่คัดค้านใด ๆ
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง กว่าที่มู่ไป๋ไป่กับมู่จวินฝานจะเดินทางไปถึงศาลาหมิงหลี่ก็สายมากแล้ว
โชคดีที่อาจารย์เสิ่นไม่ได้ใส่ใจและเพียงแค่ถามทั้ง 2 คนว่าเหตุใดถึงมาสาย
มู่ไป๋ไป่ได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปตามตรง
เมื่ออาจารย์เสิ่นได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็เอ่ยชมเด็กหญิงทันที “แม้ว่าองค์หญิงหกจะยังทรงพระเยาว์ แต่พระองค์ก็เป็นคนซื่อตรงและกล้าหาญมาก”
มู่ไป๋ไป่ตอบรับคำชมพลางยิ้มอย่างมีความสุขให้กับมู่จวินฝาน
“ท่านเองก็เป็นคนดีมาก”
คนตัวเล็กมีรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ประกอบกับลักยิ้ม 2 ข้างที่อยู่มุมปาก และยังมีฟันขาวที่เรียงเป็นแถวสวยงาม ทำให้เจ้าตัวยิ่งดูสดใสมากขึ้น
“เจ้าเป็นคนที่เที่ยงธรรมที่สุด”
เด็กหนุ่มเอ่ยปากชมน้องสาวเช่นกัน
หลังจากทั้งคู่พูดคุยกับอาจารย์เสิ่นอีกไม่กี่ประโยค ผู้เป็นอาจารย์ก็เริ่มต้นชั้นเรียน
มู่จวินฝานใช้เวลาทั้งเช้าในการเรียนกับราชครู
ขณะเดียวกันก็มีความคิดบางอย่างแล่นอยู่ในหัวของมู่ไป๋ไป่ เธอกำลังรอให้ลี่เฟยกลับมาหาเรื่องเธอกับพี่ชาย
แต่จนกระทั่งเลิกเรียนในช่วงบ่าย ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากฝั่งลี่เฟย
สุดท้ายเด็กหญิงจึงปัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกจากหัว
อย่างไรก็ตาม ในตำหนักชิงเหอไม่ได้สงบเงียบอย่างที่มู่ไป๋ไป่คิด บัดนี้ลี่เฟยรู้สึกโกรธมากหลังจากที่รู้ว่านายน้อยหลัวได้รับโทษโบย
“ท่านอา ท่านจะต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ข้า”
ขณะนี้นายน้อยหลัวนอนคว่ำอยู่บนเตียง โดยที่แผ่นหลังของเขามีบาดแผลเลือดออกดูน่าอนาถ
หลังจากที่เขาถูกตีหลายสิบครั้ง เขาก็รู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้
ความเจ็บปวดบนแผ่นหลังของเขานั้นเจ็บลึกถึงกระดูก ทำให้เขาต้องกัดฟันก่นด่าออกมาไม่หยุด “ไอ้พวกสารเลว! ท่านจะต้องจัดการพวกมันให้ข้า องค์หญิงหกกับรัชทายาทไร้ค่าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลยท่านอา!”
“พวกมันรู้ดีถึงตัวตนของข้า แต่พวกมันก็ยังกล้าสั่งคนให้มาโบยข้า ในความคิดของข้า คนพวกนั้นไม่ได้กำลังลงโทษข้าอยู่ แต่มันเป็นการตบหน้าท่านอาอย่างชัดเจน”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ศัตรูมีอยู่ทั่วทิศเลยแฮะ มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย