บทที่ 193 คนๆ นี้คือข้าหรือเปล่า?
ในดินแดนแคว้นจงโจว
ใกล้เกาะขนาดมหึมา แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ดาวไท่อินกลับปรากฏขึ้น เปลี่ยนท้องฟ้าบริเวณรอบเกาะให้กลายเป็นราตรี
บนหอคอยกลางเกาะ
เหล่าตัวแทนนิกายเร้นลับต่างนิ่งเงียบ เมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอกและข้อความ 'การต่อสู้สิ้นสุด' ที่ปรากฏบนลูกแก้ว พวกเขาล้วนรู้สึกตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
ดึงพลังฟ้าดิน สร้างค่ายกลในพริบตา...
นี่คือวิธีใช้งานนักค่ายกลที่ถูกต้องหรือ??
หรือว่านี่คือวิชาโบราณของนิกายเร้นลับแห่งแคว้นตงโจว??
เป็นไปไม่ได้
ตำราบันทึกว่าค่ายกลสมัยโบราณยากกว่าค่ายกลปัจจุบันมาก ว่ากันว่าการสร้างค่ายกลสมัยโบราณต้องใช้ผู้ฝึกตนเก่งกาจนับหมื่นร่วมกันสร้าง...
ไม่มีทางที่ศิษย์นิกายเร้นลับแห่งแคว้นตงโจวคนนี้จะโบกมือเดียวสร้างค่ายกลนับไม่ถ้วนได้
เหล่าตัวแทนนิกายเร้นลับแห่งแคว้นจงโจวต่างตะลึงงัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ พวกเขาจึงได้สติ
สบตากันแล้วเริ่มส่งเสียงคุยกัน
"พวกท่านมองออกไหมว่าศิษย์นิกายอู๋เต้าคนนี้สร้างค่ายกลยังไง? ถ้ามองออกบอกข้าหน่อย! ข้าขอซื้อวิธีนี้ด้วยราคาแพง!! ข้าตัดสินใจเองได้ ถ้าให้วิธีนี้แก่ข้าได้ นิกายข้าจะติดหนี้บุญคุณหนึ่งครั้ง!!"
"จะมองออกได้ยังไง คนชื่อจางฮั่นนั่นแค่สะบัดมือก็สร้างค่ายกลขึ้นมาเพียบ จะมองออกอะไรล่ะ??"
"มองออกแค่ว่าคนนี้เล่นค่ายกลจนเก่งกาจเกินคาด"
"เออ เจ้าเฒ่าเฉิน คนเขาแค่ตะโกนทีเดียวก็เรียกดาวไท่อินทะลุดินแดนลึกลับมาช่วยได้ ข้าจำได้ว่าเจ้าก็ฝึกวิชาขอความช่วยเหลือจากดวงดาวนี่ เจ้าเทียบกับเขาได้ไหม?"
ทุกคนคุยกันผ่านการส่งเสียง
มีคนนึกขึ้นได้ว่าจางฮั่นแค่ร้องเรียกก็เชิญดาวไท่อินมาได้ จึงหันไปมองตัวแทนนิกายเร้นลับที่ฝึกวิชาขอพลังดวงดาวเช่นกัน
ตัวแทนนิกายเร้นลับผู้นั้นได้ยินแล้วสีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด
เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
จะให้เขาบอกความจริงหรือว่า การขอพลังดวงดาวของเขาต้องตั้งแท่นบูชา อ้อนวอนเทพเจ้าพ่อแม่ พูดคำสวดมากมาย แล้วจุดธูปกราบไหว้ ถึงจะมีดาวเล็กๆ สักดวงสองดวงให้ยืมพลังนิดหน่อย
ส่วนศิษย์นิกายเร้นลับแห่งแคว้นตงโจวคนนี้แค่ตะโกนทีเดียวก็เรียกดาวไท่อินมาได้
จะเอามาเปรียบกันได้ยังไง??
"ข้า... อืม วิชาขอพลังของคนผู้นี้ชำนาญยิ่ง ข้าด้อยกว่าเขานิดหน่อย" ตัวแทนนิกายเร้นลับแห่งแคว้นจงโจวฝืนตอบ
ด้อยกว่านิดหน่อย??
คนอื่นๆ ไม่เชื่อ กำลังจะพูดอะไรต่อ
จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยขึ้น
"พวกท่านดูท่านชูหยวนสิ ท่านชูหยวนดูเฉยๆ มาก วิธีสร้างค่ายกลนี้ คงเป็นท่านชูหยวนถ่ายทอดให้กระมัง?"
คนอื่นๆ ได้ยินแล้วต่างหันไปมองชูหยวน
พอมองแล้วก็พบว่า
สีหน้าของชูหยวนยังคงเรียบเฉยดุจเดิม ราวกับทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์
วิธีสร้างค่ายกลแบบนี้ เป็นท่านชูหยวนถ่ายทอดให้จริงๆ สินะ?!
พวกเขาพลันนึกขึ้นได้
จะเป็นไปได้ไหม ที่สิ่งที่ท่านชูหยวนพูดวันนั้น ว่านิกายอู๋เต้าให้ศิษย์บรรลุวิถีด้วยตนเอง เป็นความจริง?!
พอคิดถึงตรงนี้ ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นสั่นสะท้าน
อีกด้านหนึ่ง
ชูหยวนไม่สนใจพวกคนชอบจินตนาการข้างๆ ตัวเขาเลย
ความคิดเขาเต็มไปด้วยภาพที่ลูกศิษย์คนที่สองสะบัดมือสร้างค่ายกลนับไม่ถ้วนโจมตี
ลูกศิษย์คนที่สองของเขาก็แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
ชูหยวนตกตะลึงจนสีหน้าอัตโนมัติกลายเป็นเรียบเฉย ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ตอนนี้เขาคิดแต่เรื่องว่าจะมีโอกาสเรียนวิธีสร้างค่ายกลแบบนี้บ้างไหม
แต่พอนึกถึงนิสัยของจางฮั่น
ชูหยวนก็คิดว่าเลิกล้มความคิดนี้ดีกว่า
เขาเดาได้เลยว่า จางฮั่นต้องตอบกลับมาว่า แค่มีมือก็ทำได้แล้ว
ชูหยวนคิดถึงตรงนี้ จึงได้สติกลับมา
ช่างเถอะ เรียนของลูกศิษย์คนที่สองไม่ได้ ก็เรียนของเย่หลัวก็ได้
ของเย่หลัวก็แข็งแกร่งนี่นา
เขาก็ไม่ขาดทุน
ชูหยวนพยักหน้ากับตัวเอง ดวงตากลับมามีประกาย เงยหน้ามองไป
เห็นเหล่าตัวแทนนิกายเร้นลับแห่งแคว้นจงโจวกำลังจ้องมองเขาอยู่
ชั่วขณะนั้น สายตาทุกคู่สบกัน
ความเงียบเกิดขึ้น
"พวกท่านมีธุระอะไรหรือ?" ชูหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามเสียงเรียบ
"ไม่มีๆ!" เหล่าตัวแทนรีบส่ายหน้า กลัวจะทำให้ชูหยวนไม่พอใจ
"รอบต่อไปเริ่มอีกนานไหม?" ชูหยวนถามขึ้น
รอบต่อไปน่าจะถึงคิวซูเฉียนหยวนแล้ว
ได้ยินมาว่าคู่ต่อสู้ของซูเฉียนหยวนแข็งแกร่งมาก เขาจึงเดิมพันหินวิเศษไว้ไม่น้อย ทายว่าซูเฉียนหยวนจะแพ้
ถึงเวลาเสี่ยงโชคแล้ว
"ท่านชูหยวน อีกครึ่งชั่วยามรอบต่อไปก็จะเริ่มแล้วขอรับ" คนที่รู้สถานการณ์ออกมาตอบ
"อืม" ชูหยวนพยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก นั่งขัดสมาธินิ่ง
หลังจากรู้ว่าวิธีสร้างค่ายกลยังเล่นได้แบบนี้ คนบนชั้นสามต่างนั่งไม่ติด
การต่อสู้ของเย่หลัวก่อนหน้านี้ พวกเขาดูไม่ทัน และจบลงด้วยการโจมตีครั้งเดียว จึงไม่รู้สึกอะไรมาก
แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นการต่อสู้ของจางฮั่นอย่างชัดเจน
ดึงพลังฟ้าดิน สร้างค่ายกลในพริบตา
ไม่ต้องใช้วัสดุสร้างค่ายกล ไม่ต้องใช้เวลา แข็งแกร่งจนน่าตกใจ
ทำให้พวกเขาอยากขอคำแนะนำจากท่านชูหยวนว่าวิธีสร้างค่ายกลแบบนี้ทำได้อย่างไร
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
ทำให้พวกเขานั่งไม่ติด
"อย่าเพิ่งร้อนใจ รอสักครู่ อีกไม่นานศิษย์ของนิกายเร้นลับแห่งแคว้นตงโจวอีกคนก็จะเริ่มต่อสู้แล้ว" จู่ๆ มีคนส่งเสียงพูดขึ้นมา
คนอื่นๆ เข้าใจทันที
ศิษย์คนแรกของนิกายเร้นลับแห่งแคว้นตงโจวใช้ดาบ เอาชนะคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย
ศิษย์คนที่สองใช้ค่ายกล ค่ายกลนี่ก็น่าตกใจมาก สะบัดมือทีเดียวก็สร้างค่ายกลนับไม่ถ้วน
ศิษย์คนที่สามนี้ จะเป็นอย่างไรกันนะ
ทุกคนต่างรู้สึทุกคนต่างรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย
ชูหยวนพลันเอ่ยปากขึ้น
"พวกท่านรู้จักหม่าเหลียนคนนี้มากแค่ไหน?" ชูหยวนมองไปยังพวกเขา ถามขึ้น
พอได้ยินคำถามนี้
ทุกคนต่างสบตากัน
ส่วนใหญ่ในพวกเขาไม่ค่อยสนใจศิษย์พวกนี้ของนิกายศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่
เพราะสำหรับนิกายเร้นลับของพวกเขาแล้ว นิกายศักดิ์สิทธิ์ยังอ่อนเกินไป รากฐานยังบางเบาเกินไป พวกเขาไม่อยากสนใจ
แต่มีคนหนึ่งที่บังเอิญเคยดูข้อมูลศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าร่วมการประลองหมื่นนิกายครั้งนี้ พอได้ยินชูหยวนถาม ดวงตาก็เป็นประกาย รีบออกมาข้างหน้า
"ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้บ้างเล็กน้อย หม่าเหลียนผู้นี้มาจากนิกายฮุ่นหยวน เป็นคนรุ่นใหม่ที่ชื่อเสียงกำลังโด่งดัง ว่ากันว่าวิชาสายฟ้าของเขาแข็งแกร่งมาก เป็นอันดับหนึ่งด้านวิชาสายฟ้าในหมู่คนรุ่นใหม่ และเชี่ยวชาญการใช้แส้เป็นพิเศษ"
"แต่เมื่อเทียบกับศิษย์ของท่าน เขาไม่มีทางชนะได้แน่นอน"
คนผู้นั้นกล่าวเช่นนี้
ชูหยวนได้ยินแล้วก็โล่งใจ
อันดับหนึ่งด้านวิชาสายฟ้าในหมู่คนรุ่นใหม่?
ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ต่อสู้กับซูเฉียนหยวน ต้องชนะได้ง่ายๆ แน่
"ท่านผู้อาวุโส เกี่ยวกับกลุ่มของศิษย์ท่านในรอบที่สอง มีข่าวลือตลกๆ อยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านอยากฟังไหมขอรับ?"
มีคนออกมาพูด ยิ้มๆ
"เรื่องอะไร?" ชูหยวนถามอย่างอยากรู้
"สมาคมผู้ฝึกตนกำลังจัดการพนันสำหรับการประลองหมื่นนิกายใช่ไหมขอรับ? ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโง่ ถึงกับเดิมพันว่าศิษย์คนที่สามของท่านจะแพ้ เดิมพันไปตั้งหลายพันหินวิเศษชั้นดี ท่านว่าตลกไหมล่ะ ฮ่าๆๆๆ" คนผู้นั้นหัวเราะพลางพูด
ชูหยวน "..."
ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนโง่คนนั้นคือข้าสินะ??