บทที่ 184 มุ่งหน้าสู่ขั้วโลกใต้! ไล่ล่าดักแด้โลหิต!
[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]
[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]
[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]
บทที่ 184 มุ่งหน้าสู่ขั้วโลกใต้! ไล่ล่าดักแด้โลหิต!
หลังจากหวังผิงอันปลอดภัยแล้ว สิ่งที่ต้องจัดการต่อไปก็คือดักแด้โลหิตที่หายไป ผู้ช่วยหลิวในชุดยูนิฟอร์มสีดำรัดรูป ส่งแฟ้มข้อมูลของดักแด้โลหิตให้เย่เหริน "ดูก่อนสิค่ะ"
เย่เหรินรับแฟ้มมา เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่พิมพ์อยู่บนหน้าปก
【หมายเลขแฟ้ม:S-157】
【ระดับแฟ้ม:ต้องห้าม】
【คำอธิบาย:S-157 มีรหัสว่า ดักแด้โลหิต มีลักษณะเป็นก้อนเลือดแข็งตัวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร รูปร่างเป็นทรงกลมที่ไม่สม่ำเสมอ ผิวเรียบลื่น เย็นเมื่อสัมผัส จากการทดสอบ S-157 มีความแข็งสูงมาก สามารถต้านทานการโจมตีทางกายภาพทุกชนิดเท่าที่ทราบ รวมถึง แต่อาจไม่จำกัดเพียง อุณหภูมิสูง ความดันสูง กรดแก่ ด่างแก่ และการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์】
【S-157 อยู่ในสถานะจำศีลที่มีความเสถียรสูงมาก แต่จะเข้าสู่สถานะ "ฟักตัว" เป็นระยะ ในสถานะฟักตัว S-157 จะมีรอยแตกปรากฏขึ้น และฟักตัวออกมาเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ เรียกว่า "ผู้พิทักษ์" หมายเลขแฟ้ม S-157-1】
【คำอธิบาย:S-157-1 สูงประมาณ 3 เมตร ร่างกายปกคลุมด้วยผลึกสีแดงแข็ง】
【มันมีสติปัญญาและความสามารถทางภาษาสูงมาก แต่ปฏิเสธที่จะสื่อสารกับมนุษย์ทุกรูปแบบ และมีท่าทีดุร้ายต่อมนุษย์อย่างรุนแรง เคยแสดงออกหลายครั้งว่ามองมนุษย์เป็น "แมลงที่ไร้อารยธรรม"】
【ข้อควรระวัง:S-157-1 มีพละกำลังและพลังป้องกันสูงมาก อาวุธทุกชนิดที่มนุษย์รู้จักไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้】
【ภาคผนวก-1:S-157 ถูกค้นพบเมื่อวันที่██ เดือน██ ปี██ ใกล้กับรอยแยกในห้วงลึก███████ (ข้อมูลถูกลบ) ในขณะนั้นอยู่ในสถานะฟักตัว และทำให้ผู้ถือโคมเสียชีวิต ██ คน】
【ภาคผนวก-2:S-157-1 มีอายุขัยสั้นมาก เพียงประมาณ 1 เดือน หลังจากตาย ร่างของผู้พิทักษ์จะกลับคืนสู่สภาพดักแด้โลหิต และเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง】
【ภาคผนวก-3:เมื่อหลายปีก่อน หลังจาก S-157-1 ตายตามธรรมชาติ S-157 ก็อยู่ในสถานะจำศีลตลอดมา ถูกกักเก็บไว้ในศูนย์กักกันพิเศษใต้ดินลึก ███ เมตร】
แต่วันนี้เอง... S-157 กลับเข้าสู่สถานะฟักตัวอีกครั้ง และทะลวงการป้องกันของศูนย์กักกันออกมา สร้างความเสียหายอย่างหนัก มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก รวมถึงผู้ถือโคมระดับสูงอย่างยวี้หลิงหลงและหวังผิงอัน โชคดีที่เย่เหรินกลับมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงเลวร้ายกว่านี้
"ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนครับ?" เย่เหรินถาม สีหน้าไม่สู้ดีนัก
"เอ่อ..." หวังผิงอันมองไปที่ผู้ช่วยหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ
ผู้ช่วยหลิวพยักหน้าเล็กน้อย อธิบายว่า "จากภาพบันทึกการเฝ้าระวังของดาวเทียม หลังจากดักแด้โลหิตหลุดออกมา มันก็เคลื่อนตัวไปทางใต้ แต่ยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนค่ะ"
"ทางใต้..." เย่เหรินขมวดคิ้ว ทางใต้ของเมืองเถิงเหยียนเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน แทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ การจะหาตัวดักแด้โลหิตที่จงใจซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แบบนั้น ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
"ไม่มีอุปกรณ์อะไรที่ตามรอยมันได้เลยเหรอครับ?" เย่เหรินถาม เขาไม่เชื่อว่าด้วยวิธีการของผู้ถือโคม จะไม่สามารถหาตัวมันเจอได้
"มีวิธีอยู่นะ..." เจียงซุ่ยที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น เจียงซุ่ยค่อยๆยกมือขวาขึ้น "แค่ใช้มีดของฉัน... เอ๊ะ มีดฉันล่ะ?!"
มีดเล่มใหญ่ของฉันหายไปไหน?!
ปกติแล้วมันจะอยู่ตรงด้านหลังตลอด แต่นี่มันหายไปไหน?
เย่เหรินทำหน้าเหวอ "(ÒωÓױ)" ก่อนจะรีบพูดว่า "อยู่นี่ๆ" แล้วรีบส่งมีดบูชายัญให้เจียงซุ่ย
เกือบลืมไปเลย ตอนที่ราชินีบัวแดงยืมร่างกายของเจียงซุ่ย ฉันเก็บมีดบูชายัญไปเองนี่นา
เจียงซุ่ยชักสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "แค่กรีดตัวเองสักแผล ก็จะรู้ตำแหน่งของดักแด้โลหิตได้ทันที"
ฟังดูเหมือนการกินข้าวหรือดื่มน้ำ ง่ายดายเสียจริง
เย่เหรินอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เจียงซุ่ยโหดร้ายกับตัวเองขนาดนี้ แล้วกับคนอื่นจะขนาดไหน?
"ลงมือเลย เจียงซุ่ย"
เจียงซุ่ยจ้องมองเย่เหรินอย่างลึกซึ้งโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะหันมีดเล่มนั้นไปทางแขนซ้ายของตัวเอง แล้วกรีดลงไปอย่างไม่ลังเล!
"ฉึก!"
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าสีขาวสะอาดของเจียงซุ่ยและมีดบูชายัญเล่มนั้น
เมื่อมีดอาบไปด้วยเลือด มันก็ดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมา
"ฉันต้องการรู้ตำแหน่งของดักแด้โลหิต" เจียงซุ่ยพึมพำ
"ตามหามัน! บอกตำแหน่งของมันมา!"
สิ้นเสียงของเจียงซุ่ย มีดบูชายัญก็สั่นเล็กน้อย
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่ออกไปทุกทิศทุกทางจากเจียงซุ่ย
ในเวลาเดียวกัน เลือดก็รวมตัวกันเป็นสัญลักษณ์บอกตำแหน่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
"เจอแล้ว!" หวังผิงอันเห็นดังนั้นก็ดีใจ "เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!"
"เดี๋ยวก่อน!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นพร้อมกันหลายเสียง
ยวี้หลิงหลง เมิ่งเจี้ยนเซียน และผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆเดินเข้ามาเคียงบ่าเคียงไหล่
"พวกเรารู้เรื่องดักแด้โลหิตแล้ว เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พวกเราต้องไปด้วยกัน!" เมิ่งเจี้ยนเซียนพูดอย่างหนักแน่น
หวังผิงอันได้แต่คิดในใจ... พวกนายก็แค่จะไปดูความสนุกเท่านั้นแหละ
ตั้งแต่เจียงซุ่ยจะลงมือเอง พวกนายก็เป็นได้แค่กองเชียร์ที่คอยส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆเท่านั้น
"ใจเย็นก่อนนะครับ ผมขอรักษาแผลให้เจียงซุ่ย เอ๊ะ?"
เย่เหรินยังคงต้องการเรียกพลังจ้าวแห่งเลือดเนื้อเพื่อรักษาน้องเจียง แต่เปลวไฟบัวแดงบนแขนก็พลันวาบขึ้น บาดแผลที่ถูกกรีดก็กลับเนียนนุ่มดังเดิม เกือบลืมไปแล้วว่า ตอนนี้น้องเจียงก็สามารถเรียกใช้พลังของราชินีบัวแดงได้เช่นกัน
"พิกัดนี้ ตำแหน่งปัจจุบันของดักแด้โลหิต อยู่ที่..." เย่เหรินมองพิกัดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตากว้าง "โอ้พระเจ้า! ทวีปแอนตาร์กติกา!"
"???" ทุกคนได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพิมพ์เครื่องหมายคำถามออกมา
ทวีปแอนตาร์กติกา!
ดินแดนที่หนาวเหน็บ แห้งแล้ง และโหดร้ายที่สุดในโลก ดักแด้โลหิตไปทำอะไรที่นั่น?
"ไกลไปหน่อยนะ..." ผู้ยิ่งใหญ่แขนเดียวกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน "พลังของฉันมีจำกัด ระยะทางขนาดนี้ พาไปทีเดียวทั้งหมดคงไม่ไหว"
"อ้อ ไม่ต้องใช้พลังของคุณหรอกครับ" เย่เหรินแสยะยิ้มพร้อมดีดนิ้ว
"แป๊ะ!"
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น มิติรอบข้างก็แตกกระจายราวกับกระจก!
ต่อมา ร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคนอย่างเงียบเชียบ...
"นายท่าน"
ปีศาจเอนโทรปีปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเบอร์เกอร์ในมือซ้ายและเฟรนช์ฟรายส์ในมือขวา
"บ้าเอ๊ย?!" หลิวเกาเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลง
เคลื่อนย้ายมิติ?
แล้วยังดูเหมือนจะเป็นการเคลื่อนย้ายมิติขั้นสูงด้วย!?
"ผมขอแนะนำให้พวกคุณทุกคนรู้จัก นี่คือแมคสไปซี่ ปีศาจเอนโทรปีที่มีชีวิตยืนยาวนานมาก" เย่เหรินตบบ่าปีศาจเอนโทรปี
ปีศาจเอนโทรปีมองทุกคนอย่างงุนงง ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วส่งเฟรนช์ฟรายส์ไปให้ "ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย รับเฟรนช์ฟรายส์ไหมขอรับ?"
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย "(ΩДΩ)..."
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
แกเป็นถึงปีศาจเอนโทรปีนะ สัตว์ประหลาดแห่งห้วงลึกหายากที่ควบคุมมิติได้ตามใจชอบ!
ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
"แมคสไปซี่ ตอนนี้พาพวกเราไปที่พิกัดนี้"
"ได้เลยขอรับนายท่าน"
ชั่วพริบตา ทุกคนก็รู้สึกราวกับภาพตรงหน้าพร่าเลือนไป